📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 1 ตอนที่ 18

บทที่ 18 - ฉุ่ยเมิ่งฉาน (1)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เย่หวูเฉินวางมือบนตัวหนิงเสวี่ยพยายามถอดเสื้อผ้านางออก สาวน้อยต่อต้านตามสัญชาติญาณ สายตาของนางแตกตื่น นางเอามือปิดป้องหน้าอกไว้โดยไม่รู้ตัว เย่หวูเฉินแกะมือนางออกก่อนจะยิ้มและกล่าว “เสวี่ยเอ๋อร์ทำให้พี่ชายเจ้าดูแย่เสียแล้ว”

ใบหน้าหนิงเสวี่ยเรื่อสีชมพูอ่อนๆ เด็กหญิงที่อายุเพียง 10 ขวบปี ยังไม่น่าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ หากแต่นางยังคงเชื่อฟังและเคลื่อนมือออกพร้อมกับหลับตาปี๋

เมื่อเขาถอดชุดของนางออก ร่างกายขาวดุจหยกปรากฎต่อหน้า เด็กสาวที่ร่างกายยังไม่เติบโตสมบูรณ์กลับปล่อยกลิ่นอายทรงเสน่ห์อย่างประหลาด งดงามพอที่จะดูดวิญญาณของบุรุษ เย่หวูเฉินจิตใจปั่นป่วน เขารีบหันออกไปด้านข้าง สูดหายใจแช่มช้าสงบระงับจิตใจ จนกระทั่งสงบลงราบเรียบดั่งผิวน้ำ เขาจึงหันมามองที่ร่างนางอีกครั้ง เขาเริ่มมองสำรวจร่างกายนางทุกซอกส่วนอย่างละเอียด สีหน้าของเขาเผยแววความสงสัย

มีบาดแผลมากมายบนใบหน้าของนาง รวมทั้งที่มือและที่เท้า แต่ทำไมร่างกายของนางจึงไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆเลย?

เขาพลันนึกถึงเท้าน้อยๆของหนิงเสวี่ยที่เต็มไปด้วยแผลถลอกปอกเปิก แต่ทั้งรองเท้ากับถุงเท้าที่สวมใส่กลับไม่ปรากฎร่องรอยฉีกขาดใดๆ

เย่หวูเฉินหยิบชุดสีขาวของนางขึ้นมาตรวจดู และพบว่าชุดของนางก็ปราศจากร่องร่อยฉีกขาดใดๆเช่นกัน เขาใช้พลังหวูเฉินเคลื่อนไปที่นิ้วและพยายามกรีดลงบนผ้า และต้องแปลกใจเมื่อชุดของนางกลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

เป็นวัตถุดิบเช่นใดกัน ที่ใช้ถักทอชุดนี้ขึ้นมา?

เขาเลิกสนใจชุดแล้วอุ้มหนิงเสวี่ยพาไปที่ลำธาร ใช้น้ำใสสะอาดชำระล้างคราบรอยแดงที่เท้า ทุกบาดแผลบนร่างกายนาง ทุกความเจ็บปวดที่นางได้รับ ทุกหยดหยาดจากโลหิตนาง เย่หวูเฉินรู้ดีว่าทั้งหมดนี้ล้วนเพื่อเขา

“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของข้า” เขากระซิบกล่าวอ่อนโยนข้างๆใบหู พอล้างเท้าให้นางเสร็จ เขาก็ค่อยๆสวมชุดกลับให้นาง

หนิงเสวี่ยกระพริบตาปริบๆสองสามครั้ง จดจำถ้อยคำที่กระซิบกล่าวข้างใบหู แม้ว่านางจะไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังของประโยคนี้ทั้งหมด นางไม่อาจทำเช่นไรได้ นอกจากจารึกถ้อยคำสลักลงในจิตใจโดยไม่รู้ตัว เพราะประโยคสั้นๆนี้ทำให้นางสุขใจอย่างมาก

“เสวี่ยเอ๋อร์ ไปกันเถอะ”

เขาไม่ได้เดินจูงมือนาง แต่เขาอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนและมุ่งไปข้างหน้าช้าๆ ราวกับว่าบิดากำลังอุ้มธิดาน้อยอยู่ นางยังคงเหน็ดเหนื่อยจากการฝืนใช้เรี่ยวแรงมาตลอดสองวัน เขาจึงไม่อาจปล่อยให้นางต้องเหน็ดเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีก

ร่างกายผอมบางของเขา สำหรับหนิงเสวี่ยแล้วเป็นสถานที่อบอุ่นที่สุดอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย ยามนางพิงพักซบอยู่ตรงบ่า ดวงตานางปิดลงอย่างสงบและเริ่มง่วงนอน

“ท่านพี่ เราควรกลับมาเยี่ยมท่านปู่กับพี่หลงบ่อยๆ พวกเขาเป็นคนดี เพราะพวกเขาช่วยท่านพี่กับเสวี่ยเอ๋อร์ไว้” หนิงเสวี่ยกล่าวด้วยดวงตาที่ปิด กระซิบเหมือนคนละเมอ

“อืม พวกเราจะกลับไปเยี่ยมปู่หลงกันบ่อยๆ เพราะเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ แต่เจ้าจะได้เจอกับพี่หลงของเจ้าในอีกไม่ช้า อีกอย่าง เจ้าสามารถคิดถึงปู่หลงบ่อยๆได้ แต่เจ้าห้ามคิดถึงพี่หลงของเจ้า” เย่หวูเฉินกล่าว

“เอ๋….ทำไมกัน?” เสวี่ยเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย

เย่หวูเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “จักรพรรดิโหดร้ายอย่างมากในช่วงหลายปีหลัง ท่านปู่หลงได้พบสถานที่ที่เหมาะจะอาศัยอยู่อย่างสงบในช่วงบั้นปลายชีวิต แต่ที่นั่นไม่เหมาะกับพี่หลงของเจ้า ห้าปีที่ฝึกฝนกลับแต่จะให้ผลลัพท์ที่ตรงกันข้าม หากเขาปรารถนาจะเป็นจักรพรรดิที่แท้จริง จะต้องกระทำโดยไม่ไร้หลักการ จุดหมายย่อมต้องกำจัดคนพาลอภิบาลผู้อ่อนแอ การจะเป็นผู้กล้าต้องเสียสละ ไม่หวั่นเกรงในความตาย ไม่หวั่นไหวในลาภยศและชื่อเสียง หากแต่สิ่งเหล่านี้กลับยับยั้งความทะเยอทะยาน และฉุดรั้งบุคคลไม่ให้กลายเป็นจักรพรรดิที่แท้จริง หากเขาต้องการเป็นจักรพรรดิ ประการแรกเขาต้องกลายเป็นผู้กล้าที่ป่าเถื่อนและทะเยอทะยาน แต่ผู้กล้าเช่นนี้มักจะเพิกเฉยต่อครอบครัวในสายเลือด ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงครอบครัวนอกสายเลือด นอกเสียจากเขาต้องการยอมแพ้ต่อโลกเพียงเพื่อบุคคลเพียงคนเดียว”

หนิงเสวี่ยหลับไปแล้วในอ้อมแขนของเขา เย่หวูเฉินจึงเหมือนพูดกับตนเองเสียมากกว่า

ขณะนั้นเอง ที่เขาได้ยินเสียงกระทบของกีบเท้าสัตว์ดังมาจากข้างหลัง จากนั้นเสียงตะโกนจริงใจจากชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น “น้องชาย!”

“พี่หลง ทำไมท่านถึง?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างบังเอิญจริงๆ ข้าเองก็กำลังเดินทางไปยังเมืองเทียนหลง หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ทำไมเจ้าถึงไม่ใช้ม้านี่ล่ะ? แม้ว่าน้องเย่จะเหนือคนธรรมดา แต่เจ้าไม่ควรปล่อยให้น้องสาวต้องลำบาก” หลงเจิ้งหยางขี่ม้าสีเหลือง ที่ข้างๆเป็นม้าสีขาว เขาดึงบังเหียนและตบลงบนลำตัวม้า มันส่งเสียงร้องเบาๆและเดินไปอยู่ข้างๆเย่หวูเฉิน

เย่หวูเฉินหัวเราะและกล่าว “ขอบคุณยิ่งนัก พี่หลง” เขายอมรับความเอื้อเฟื้อของหลงเจิ้งหยาง

เย่หวูเฉินกระโดดขึ้นไปบนหลังม้า เท้าเขาเบาราวขนนกทั้งยังดูงามสง่าราวกำลังเต้นรำ แม้ว่าเขาจะไม่เคยขี่ม้า แต่เขาพบว่าง่ายดายยิ่งขณะทรงตัวควบคุมอยู่บนหลังม้า ดวงตาของหลงเจิ้งหยางฉายแววเลื่อมใสและประหลาดใจชั่วแวบหนึ่ง จากนั้นเขาหัวเราะ “เสวี่ยเอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้าครึ่งหนึ่ง เจ้าเป็นพี่ชายนาง ดังนั้นเจ้าก็เป็นน้องชายข้าครึ่งหนึ่งเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องขอบคุณกันระหว่างพี่น้อง”

เย่หวูเฉินจดจ่อกับคำพูดเหล่านั้น เพราะเขารู้ดีว่ามีความหมายแฝงอยู่ในคำกล่าวไม่กี่ประโยคที่พูดกับเขา

ม้าขาวกับม้าเหลืองเริ่มเดินออกเดินทางพร้อมกัน มุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้

สิบวันต่อมาที่เมืองเทียนหลง

แม้จะเดินทางผ่านเมืองเล็กๆมาหลายเมือง แต่ไม่มีเมืองใดสามารถเทียบความเจริญกับเมืองเทียนหลงได้เลย ระหว่างช่วงที่เดินทาง เย่หวูเฉินกับหลงเจิ้งหยางยิ่งคุ้นเคยกันจนราวกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ ในตลอดสิบวัน สิ่งที่รบกวนหัวสมองของหลงเจิ้งหยาง คือเขาต้องการรู้ความเป็นมาของเย่หวูเฉิน และเหตุผลที่เขาไปยังเมืองเทียนหลง หลงเจิ้งหยางไม่อาจระงับจิตใจและสงสัยว่าความลับใดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางเงียบสงบนั้น

พวกเขาเดินไปตามท้องถนนและทั้งคู่ต่างก็หน้าตาดีเหนือคนธรรมดา ซึ่งทำให้เหล่าบรรดาหญิงสาวมักจะเหลียวหันมามอง ขณะที่บุรุษบางคนที่มั่นใจในรูปโฉมตนก็ต้องตกตะลึง เสวี่ยเอ๋อร์สงสัยใคร่รู้และมองสำรวจไปรอบๆทุกแห่งหนด้วยดวงตาคู่งาม หากแต่ผู้คนรอบๆต่างเมินเฉยกับรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดของนาง

หลังจากมาถึงเมืองเทียนหลง หลงเจิ้งหยางดูท่าทางวางอำนาจและเป็นตัวของตัวเอง แต่ลึกๆดูคล้ายหมกมุ่นอยู่ภายใน เย่หวูเฉินทำเป็นไม่สังเกตเห็นสิ่งใดและมองไปรอบๆแทน เขามองทุกอาคารบ้านเรือนที่พบเห็น ห่างออกไปข้างหน้าพวกเขาเข้ามาใกล้ยังราชวัง ถนนพลุกพล่านไปด้วยผู้คน ขวักไขว่ซื้อขายกันจอแจ

แม้ว่าหลงเจิ้งหยางจะใจลอย แต่เท้าเขาก็ก้าวออกอย่างไม่รู้ตัว เดินลัดเลาะซ้ายขวาไปตามทาง ไปยังสถานที่หัวใจเขาปรารถนา ในที่สุดเขาก็หยุดเท้าลงแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไป

‘บ้านหมอกฝัน’ เย่หวูเฉินมองป้ายสีแดงและจดจำชื่อเอาไว้ จากนั้นเขากล่าวติดตลก “หรือว่าพี่หลงชอบเที่ยวสถานเริงรมณ์?”

หลงเจิ้งหยางราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขา และจ้องมองบ้านหมอกฝันอยู่เป็นเวลานาน สีหน้าเขาพลันสลดลง เขาหัวเราะอย่างขมขื่น ก่อนจะกล่าว “น้องเย่ เจ้าช่วยรออยู่ตรงนี้สักครู่หนึ่ง ประเดี๋ยวข้าจะรีบกลับออกมา”

เขาไม่รอให้เย่หวูเฉินตอบคำและรีบก้าวเข้าไปข้างใน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset