📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 2 ตอนที่ 102

บทที่ 102 - ถอนหมั้น (2)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“ในฐานะบ่าวของท่าน ข้ารู้ตัวว่ากำลังล่วงเกินฝ่าบาท และล่วงเกินอย่างยิ่ง แต่ข้าก็ยังยืนยันขอให้ฝ่าบาทยกเลิกการหมั้น ส่วนผลทุกอย่าง การลงโทษทั้งหมด ข้าจะขอรับมันไว้เพียงผู้เดียว!”

หลินซิวแค่นเสียงขุ่นเคือง “เจ้าเนี่ยนะจะรับไว้? เจ้าจะทนรับได้อย่างไร? ฝ่าบาทนับถือเจ้าเสมอมา ให้ความเมตตาตระกูลฮั่วของเจ้ามาโดยตลอด แต่เจ้ากลับกล้าทำถึงเพียงนี้ กระทั่งบีบบังคับให้ฝ่าบาทกลับคำ เจ้ายังมีความเคารพต่อฝ่าบาทอยู่หรือเปล่า?”

จักรพรรดิและจักรพรรดิณีสลับกันพูดด้วยโทสะ สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น ผู้คนต่างส่ายศีรษะที่ฮั่วเจิ้นเทียนไม่อาจสมปรารถนาในวันนี้ ทั้งยังทำให้จักรพรรดิต้องโกรธเกรี้ยว

“ข้ายังเคารพฝ่าบาทอยู่หรือเปล่า?” ฮั่วเจิ้นเทียนเงยศีรษะขึ้น พึมพำเสียงต่ำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะด้วยความสลด “โฮ่โฮ่โฮ่โฮ่….ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ตั้งแต่ที่ข้ายังเป็นเด็ก ข้ามีชีวิตเพื่อฝ่าบาท ข้ามีชีวิตเพื่ออาณาจักรเทียนหลง ความจงรักภักดีของข้า ฮั่วเจิ้นเทียน ได้แสดงจนประจักษ์ชัดต่อดวงตะวัน พระจันทร์ สวรรค์ และปฐพี! ทุกผู้คนสามารถเป็นพยาน! ข้าเคยทำใดสิ่งใดไม่คู่ควรต่อองค์จักรพรรดิบ้าง หรือกระทั่งต่ออาณาจักรเทียนหลง? ข้าเคยขัดคำสั่งฝ่าบาทสักครั้งหรือไม่?”

ผู้คนต่างลอบส่ายศีรษะทีละคนๆ แม้ว่าฮั่วเจิ้นเทียนจะหยาบคายและแข็งกระด้าง ไม่ใช่ผู้รักษากิริยามารยาท แต่เขาไม่ใช่คนหุนหันไม่คิดหน้าคิดหลัง ทุกคนต่างทราบถึงความจงรักภักดีของเขา ใครก็ไม่มีสิทธิ์ตำหนิเขาในเรื่องความภักดี

“ทุกคนต่างรู้ว่าตระกูลฮั่วของข้ารุ่งเรืองได้เพราะอัสนีลั่นและเพลิงพิษ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากระตุ้นโทสะพวกเรา แต่มีใครรู้บ้างว่าถ้าไม่ใช่เพื่ออาณาจักรเทียนหลง พวกเราย่อมไม่แตะต้องสิ่งของเหล่านี้ มันนำความตายมาสู่ผู้คนตระกูลฮั่วอย่างง่ายดาย ตอนที่ข้าอายุสิบสาม แม่ของข้าตายเพราะระเบิด ตอนที่ข้าอายุยี่สิบ พ่อของข้าก็ตายเพราะระเบิด ก่อนที่พ่อของข้าสิ้นใจ เขาบอกข้าว่า ‘เพื่อความปลอดภัยของฝ่าบาท และเพื่อความปลอดภัยของอาณาจักรเทียนหลง ต่อให้พวกเราต้องร่างกายฉีกกระดูกแหลก พวกเราก็จะต้องทำมันต่อไป’ ”

“แม้ยามที่เขาตาย เขาก็ยังเป็นห่วงฝ่าบาทและอาณาจักรเทียนหลง เขายังไม่ทันได้อุ้มหลานสาวของตนเองด้วยซ้ำ แม้ว่าข้าจะสูญเสียบิดามารดา ข้าก็ไม่เคยคิดหยุดผลิตอัสนีลั่นพวกนี้ หลังจากนั้น เมื่อข้ามีภรรยาและลูกสาว ยามที่ลูกสาวอายุได้เจ็ดขวบ ภรรยาของข้าก็ตกตายเพราะระเบิดเช่นกัน นอกจากลูกสาวของข้าแล้ว ข้าก็ไม่เหลือสิ่งใด ข้าไม่เหลือสิ่งใดเลย!!”

หลังจากฮั่วเจิ้นเทียนคำรามสุดเสียง ดวงตาพยัคฆ์ของเขาก็ท่วมไปด้วยน้ำตา ชายที่หยาบกร้านดั่งเหล็กหนาในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าผู้คน ฮั่วเจิ้นเทียนประทับความรู้สึกดั่งขุนเขาตระหง่าน สูญเสียมารดา สูญเสียบิดา และสูญเสียภรรยา บุรุษผู้ไร้กังวลแท้จริงกัดฟันอดทนความเจ็บปวดมาตลอดหลายปี สาเหตุหลักคืออัสนีลั่นที่ราชตระกูลเทียนหลงใช้ต่อต้านอาณาจักรอื่น กล่าวได้ว่าเขาสูญเสียทุกสิ่งเพื่ออาณาจักรเทียนหลง มีใครกล้าหัวเราะน้ำตาของเขา? ยังมีใครสงสัยในความภักดีของเขา?

ใบหน้าโกรธเคืองของหลงหยินสลายในฉับพลัน เขาถอนหายใจบาง “ขุนพลฮั่ว ตลอดหลายปีมานี้ สมควรเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับท่าน”

“ฝ่าบาท ข้าไม่ได้เจ็บปวดเพราะเรื่องนั้นแล้ว ต่อให้ข้าต้องตายเพราะร่างฉีกกระดูกแหลก ข้าก็ยังจะทำเพื่อฝ่าบาทไม่มีปริปากบ่น แต่ข้ามีเพียงลูกสาวคนเดียว นางคือธิดาคนสุดท้ายของตระกูลฮั่ว แม้ข้าต้องตกตายพันครั้ง ข้าก็ไม่ยอมให้ลูกสาวต้องเจ็บปวดเพราะสิ่งใด เพื่อฝ่าบาทและอาณาจักรเทียนหลง ข้ารู้สึกเสียใจต่อบิดามารดา เสียใจต่อภรรยา แต่ข้าไม่อยากเสียใจต่อลูกสาวตัวเอง ฝ่าบาท โปรดเห็นแก่ความภักดีตลอดหลายปีของข้า โปรดรับคำขอที่ไร้เหตุผลของข้าด้วย!”

ฮั่วเจิ้นเทียนพูดทั้งน้ำตานอง เขาโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างรุนแรง

“ฝ่าบาท!” ขุนนางชราใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา เขาก้าวออกมาเบื้องหน้าคุกเข่าลงข้างๆฮั่วเจิ้นเทียนและขอร้อง “ขุนพลฮั่วไม่เพียงเป็นเสาหลักค้ำจุนอาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา เขายังเป็นพ่อของลูกสาว! ข้าก็เป็นบิดาเช่นเดียวกัน ข้าเข้าใจความรู้สึกของเขายามนี้ได้อย่างชัดเจน ขุนพลฮั่วภักดีต่ออาณาจักร เขาเสียสละมามากนัก แต่เขากลับไม่เคยเอ่ยขอสิ่งใด วันนี้ข้าขอบังอาจทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาท ให้ยอมรับคำขอของเขา”

ยังมีบุรุษอีกคนก้าวออกมาคุกเข่าเบื้องหน้าหลงหยิน “ฝ่าบาท แม้ขุนพลฮั่วจะนับได้ว่าล่วงเกินต่อฝ่าบาท แต่เขาอุทิศตนทั้งชีวิตและไม่มีทางเลือกเพื่อลูกสาวของตนเอง ด้วยความเคารพอย่างที่สุด ข้าขอร้องฝ่าบาท ด้วยความภักดีและอุทิศตนของเขา ได้โปรดยอมรับคำขอของขุนพลฮั่ว ข้าเองก็ไม่อาจทนเห็นลูกสาวของข้าต้องพรากจากคนรักและเจ็บปวดไปจนชั่วชีวิต”

“…โปรดยอมรับคำขอของเขาเถิด ฝ่าบาท!”

“ฝ่าบาท โปรดทรงเมตตา”

……………………..

ผู้คนเหล่านี้เดิมทีมาที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานต่องานหมั้นระหว่างตระกูลฮั่วและตระกูลหลิน และตอนนี้พวกเขาเริ่มออกหน้าอ้อนวอนให้ยกเลิกการหมั้นแทนฮั่วเจิ้นเทียน หลินเสี่ยวถอนหายใจยาว ในที่สุดเขาก็ไร้เรี่ยวแรงและนั่งลง หลินซานสีหน้าดำทะมึน ใบหน้าเขาน่าเกลียดราวกับกลืนอุจจาระมา

เย่หวูเฉินก้าวออกไปเบื้องหน้าและกล่าว “ฝ่าบาท โปรดอนุญาตด้วยเถิด”

หลงหยินมองเย่หวูเฉินด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นถอนหายใจ “ตลอดหลายปีมานี้ ข้าติดค้างตระกูลฮั่วมากมายนัก เพื่อตระกูลฮั่วแล้ว จะเป็นไรไปหากต้องกลับคำสักครั้ง ข้าจะอนุญาตให้ยกเลิกการหมั้นระหว่างตระกูลหลินและตระกูลฮั่วที่พวกเราได้ตกลงกันไว้เมื่อหกปีก่อน แต่ขุนพลฮั่วต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง”

ขุนพลฮั่วกล่าวอย่างตื่นเต้น “โปรดบอกข้า ฝ่าบาท ข้าจะทำตามอย่างแน่นอน”

“เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าข้าได้ยกธิดาสุดที่รัก องค์หญิงเฟยฮวงให้กับเย่หวูเฉิน?” หลงหยินถาม

“ข้าจำได้!”

“ข้าได้กล่าวคำไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่อาจถอนคำพูด หากธิดาตระกูลฮั่วต้องการแต่งเข้าตระกูลเย่ นางต้องรอหลังจากนี้อีกสามปี จนกว่าองค์หญิงเฟยฮวงจะแต่งงานเข้าสู่ตระกูลเย่ เจ้ามีอะไรคัดค้านหรือไม่?”

หลังจากนี้สามปี? เย่หวูเฉินลอบแค่นเสียงเย็นชา ช่างเป็นแผนการที่แยบยล หลังจากหานักฆ่ามาลอบสังหารข้าแล้ว งานแต่งสองงานนี้ย่อมกลายเป็นเพียงเรื่องตลกในความคิดเจ้าใช่หรือไม่?

ฮั่วเจิ้นเทียนกล่าวอย่างไม่ลังเล “องค์หญิงสูงส่งไม่อาจประเมินค่าได้ อีกทั้งนางยังหมั้นกับเขาก่อน ลูกสาวข้าจะแต่งก่อนได้อย่างไร? เรื่องนี้นับว่าจำเป็น ดังนั้นข้าไม่มีข้อคัดค้าน”

“หลินเสี่ยว ฮ้า…. แล้วข้าจะเลือกคนอื่นให้เจ้าแทน ขุนพลหลิน เจ้ามีอะไรคัดค้านหรือไม่?”

หลินซานยิ้มอย่างเจ็บปวด เขาก้มศีรษะแล้วกล่าว “ทุกสิ่งให้เป็นไปตามบัญชาของฝ่าบาท”

“ข้าเหนื่อยแล้ว…” หลงหยินโบกมืออย่างอ่อนแรง จากนั้นหันกายจากไป จักรพรรดิณีหลินซิวจ้องเย่หวูเฉินอยู่ชั่วขณะ จากนั้นตามจักรพรรดิไปเงียบๆ ไม่ว่านางหรือผู้ใดก็ไม่ทันสังเกต ขณะที่นางผ่านเข้าใกล้เย่หวูเฉิน เขาดีดนิ้วส่งปราณธุลีเทาที่เขารวบรวมอยู่นานใส่หลังนางเงียบๆ ขณะเดียวกัน มุมปากเขายกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดรู้ตัว

ธุลีเทา ตัวแทนธาตุแห่งความตาย ปราณสีเทานี้เป็นรูปแบบหนึ่งของกลิ่นอายความตาย เป็นหนึ่งในธาตุที่เขาสามารถควบคุมได้

หากหลินซิวฝึกฝนพลังบ้างซักเล็กน้อย การทำเช่นนี้ย่อมถูกนางตรวจพบได้ เย่หวูเฉินเชื่อว่าไม่มีผู้ใดรู้จักปราณชนิดนี้ จากความรู้ของทวีปเทียนเฉิน พวกเขารู้จักเพียงธาตุ น้ำ , ไฟ , ลม , สายฟ้า , ดิน , แสง และความมืด พวกเขาไม่รู้จักธาตุลิขิตชะตา ชีวิต , มรณะ และ จิตใจ พวกเขาไม่ทราบถึงความมีอยู่ของพวกมัน เพราะเหตุนี้ จึงไม่มีใครรู้ว่าป่าดำรอบๆหอคอยปีศาจเกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเขาเชื่อเพียงว่าเกิดจากคำสาปของสตรีที่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา!” ฮั่วเจิ้นเทียนคำรามเสียงดังตามหลังหลงหยิน

ขณะที่หลงหลินเดินออกไป ผู้คนต่างถวายคำลา และเริ่มแยกย้ายกันจากไป ไม่มีใครอยากเอ่ยคำ เรื่องระหว่างตระกูลฮั่ว , หลิน และเย่ สามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาไม่รู้ว่าจะกล่าวคำในสถานการณ์อึดอัดนี้อย่างไร พวกเขาทำได้เพียงเงียบไว้ หลินซานฝืนยิ้มส่งแขก และเขาต้องทำเป็นลืมความคิดที่จะคว้ามีดมาเสียบฮั่วเจิ้นเทียน

เหตุการณ์ในวันนี้ย่อมรู้กันไปทั่วทั้งอาณาจักรเทียนหลง หลังจากเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้กระจายไป ชื่อเสียงของหลินเสี่ยวและตระกูลหลินย่อมย่อยยับลง ธิดาตระกูลฮั่วกลับหลงรักบุตรชายตระกูลเย่ เพื่อไม่ต้องแต่งกับหลินเสี่ยว นางกระทั่งยอมล่วงเกินองค์จักรพรรดิให้เขายกเลิกการหมั้น เรื่องนี้ย่อมกลายเป็นเรื่องตลกไว้ล้อเลียนหลินเสี่ยวผู้โด่งดัง

หลังจากประชันอักษรและประลองวรยุทธในวันนั้น หลินเสี่ยวได้พ่ายแพ้ลงอีกครั้งอย่างหมดหนทางสู้

“ท่านชนะ” หลินเสี่ยวพูดอยู่หลังเย่หวูเฉิน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงโดดเดี่ยว ไร้วี่แววความโกรธอย่างน่าแปลกใจ

“ท่านคิดแก้แค้น หรือวางแผนชิงตัวนางคืนหรือไม่?” เย่หวูเฉินหันศีรษะมา ใบหน้ามีรอยยิ้ม

“ไม่” หลินเสี่ยวส่ายศีรษะ “ท่านสามารถเรียกข้าว่าคนขี้ขลาด แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าขอปฏิเสธเป็นศัตรูกับคนที่น่ากลัว”

“กระทั่งตกอยู่ในสภาพเลวร้ายถึงเพียงนี้ ท่านก็ยังจะยอมรับ?” เย่หวูเฉินมองเขาด้วยหางตา “คุณชายหลิน การมีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรู ท่านคิดว่าข้าสร้างศัตรูโดยไร้เหตุผลอย่างนั้นหรือ? บางครั้งท่านไม่อาจหลีกเลี่ยงบางสิ่งโดยการทำเป็นไม่คิดถึงมัน หรือไม่ต้องการมัน การที่ท่านกล่าวเช่นนี้แสดงว่าท่านยังไม่ทราบชัดถึงจุดยืนของตระกูลตน ท่านในฐานะคนของตระกูลหลินใช้เวลายี่สิบปี สร้างความสำเร็จในวันนี้ แต่ข้าใช้เวลาแค่สองวัน นี่คือความแตกต่างระหว่างข้ากับท่าน ดังนั้นข้าไม่กลัวแม้ว่าท่านจะแก้แค้นข้าด้วยวิธีใด เพราะว่าท่านไม่คู่ควรเป็นศัตรูกับข้า”

เย่หวูเฉินไม่กล่าวคำต่อ เขาเดินผ่านหลินเสี่ยวที่ยามนี้นิ่งงันราวกับสูญเสียวิญญาณ

“ผู้อาวุโสฮั่ว โปรดลุกขึ้นเถอะ”

หลังจากหลงหยินจากไป ฮั่วเจิ้นเทียนยังคงคุกเข่าอยู่ การกระทำของเขาในวันนี้นับว่าน่ารังเกียจสำหรับผู้ที่ภักดีมาทั้งชีวิต เรื่องนี้เพียงพอทำให้เขารู้สึกผิด เย่หวูเฉินยื่นแขนประคอง ฮั่วเจินเทียนไม่ขัดขืนและยืนขึ้นยิ้ม “เจ้าต้องเรียกข้าว่าพ่อตา”

“ท่านพ่อตา” เย่หวูเฉินเรียกด้วยความเคารพ

“อย่างนั้นแหละ ไอ๊! สามปี อีกสามปี….” เขาถอนหายใจและพยายามลดเสียงลง “ในสามปีนี้หากเจ้ากล้าตกตาย บิดาจะขุดหลุมแล้วลากกระดูกเจ้าออกมา!”

“อย่ากังวลเลย ท่านพ่อตา ตราบใดที่ข้ายังไม่คิดตกตาย ไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าข้าได้” เย่หวูเฉินกล่าว

“ดี! เจ้าจำคำที่เจ้าพูดไว้ให้ดี….อ้อ! ลูกสาวสุดที่รักของข้าอยู่ข้างนอก นางคงกำลังกังวล เจ้าไปหานางซะ” ฮั่วเจิ้นเทียนพูดงึมงำ

“ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้” เย่หวูเฉินรีบตรงออกไปทันทีที่ได้ยินคำ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset