📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 656

บทที่ 656 - เหตุผล
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“เป็นไปไม่ได้?”

ซูอี้กล่าวเบา ๆ “ราวสองเดือนก่อน ดาบปีศาจนั่นพยายามจะบุกเข้ามาในหอเซียนดาบ แต่แล้วก็บาดเจ็บจนหนีไป ในความคิดข้า ดาบนั่นคงไม่กล้ามาที่นี่อีกในเวลาอันสั้น”

ดวงตาสีฟ้าตรึงตาตรึงใจของสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดหดตัวกะทันหัน นางเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างหยามเหยียด “ด้วยพลังของชิงลั่วในขอบเขตวงล้อวิญญาณ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขาจะ… บาดเจ็บได้เช่นไร?”

ในใจของหนิงซือฮวาเต็มไปด้วยความกลัว ทว่ายามนี้ นางอดกล่าวไม่ได้ว่า “เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ แต่ดาบนั่นบาดเจ็บจนหนีไปจริง และชิงลั่วที่เจ้าว่าถูกฆ่าตายแล้ว!”

“ชิงลั่วถูกฆ่า?”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดยิ้มเยาะ “วาจาของเจ้าตาลปัตร แม้ว่าชิงลั่วจะบาดเจ็บจนหนีไปเช่นที่เจ้าว่า แต่เขาจะถูกฆ่าอีกครั้งได้เช่นไร?”

หนิงซือฮวาสะดุ้ง

ทว่า ดูเหมือนซูอี้จะมีปฏิกิริยา จากนั้นจึงกล่าวว่า “ที่แท้ นามของวิญญาณในดาบปีศาจก็คือชิงลั่ว”

เทวทัณฑ์คือชื่อของดาบ

ส่วนชิงลั่วคือนามของวิญญาณดาบ!

“มิน่าเล่า เหล่าทาสดาบที่ถูกลบความทรงจำจึงจำได้เพียงตนมีนามว่าชิงลั่ว เขาถูกอิทธิพลของวิญญาณปีศาจนั่นครอบงำอยู่นั่นเอง…”

ซูอี้ได้เข้าใจเสียที

เขามองไปที่ตะเกียงทองแดงสีฟ้าในมือสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดและกล่าวว่า “หากข้าเดาถูก ยามที่เจ้าและชิงลั่วร่วมมือกันสังหารไป๋จ่างเฮิ่น เจ้าเองก็บาดเจ็บสาหัสและถูกผนึกในตะเกียงทองแดงนี่เช่นกัน และไม่อาจหลุดเป็นอิสระได้ใช่หรือไม่?”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้ฆ่าไป๋จ่างเฮิ่น!”

ซูอี้กล่าวพร้อมกับยิ้มว่า “ไป๋จ่างเฮิ่นถูกฆ่า แต่เจ้าถูกขังในตะเกียงทองแดง ชิงลั่ว วิญญาณปีศาจแห่งดาบปีศาจเทวทัณฑ์น่าจะสัญญากับเจ้าไว้ว่าเมื่อเขาหนีไปได้ เขาจะกลับมาช่วยปลดปล่อยเจ้า พาเจ้าไปจากสถานที่อันเดียวดายนี้ ถูกหรือไม่?”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดเงียบไป

ทว่าหนิงซือฮวาตระหนักชัดเจนว่ามือซ้ายของสตรีผู้นั้นสั่นไหวน้อย ๆ หลังได้ยินวาจาของซูอี้

การขยับตัวเล็กน้อยนี้พิสูจน์อย่างไม่ต้องสงสัยว่า หัวใจของนางไม่ได้เงียบสงบดั่งที่เห็นภายนอก!

“สหายเต๋า เจ้าไม่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้าหรือว่าด้วยอำนาจของนาง นางควรจะไปจากที่นี่ได้นานแล้ว?”

หนิงซือฮวาถาม

“การจากไป ไม่ได้หมายความว่าจะสิ้นอุปสรรค”

ซูอี้กล่าวสบาย ๆ “เจ้าเห็นตะเกียงสีฟ้าสีมือของนางหรือไม่? หากข้าเข้าใจถูกต้อง นี่คือ ‘ตะเกียงหลอมวิญญาณ’ สมบัติในขอบเขตจักรพรรดิ หากไม่ได้ผู้ใดช่วย นางจะไม่มีทางปลดพันธนาการของตะเกียงนี้ได้”

เมื่อได้ยินวาจานี้ ในที่สุดสีหน้าของสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดก็แปรเปลี่ยน บรรยากาศรอบตัวนางดุร้ายขึ้นฉับพลัน ก่อนกล่าวว่า “ต่อให้ข้าจะถูกจองจำ แต่การฆ่าเจ้าทั้งสองนั้นเหลือเฟือ!”

แววตาของซูอี้ฉายความดูถูกจาง ๆ ก่อนกล่าวว่า “หากทำได้ ไฉนจึงรอจนยามนี้เล่า?”

“เจ้าอยากตายนักหรือ?”

จิตสังหารเข้มข้นปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงาม มือของนางเงื้อขึ้น

ชิ้ง!

ปราณกระบี่สีขาวหิมะที่ฉาบด้วยแสงสีแดงจาง ๆ ตวัดออกจากฝ่ามือราวกับหยกขาวของนาง

ร่างของหนิงซือฮวาแข็งค้าง ผิวของนางเจ็บแปลบ

ทว่าซูอี้กลับก้าวไปเบื้องหน้า เดินไปพูดกับสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดว่า “ก่อนหน้านี้ ที่ข้าพูดมากก็เพื่อค้นหาความจริง แต่… ซูผู้นี้จะไม่อาจหยุดวิญญาณดาบน้อยเยี่ยงเจ้าได้จริง ๆ หรือ?”

ร่างสูงของเขาพลันระเบิดพลังแข็งกล้า แววตาลึกล้ำไร้อารมณ์เช่นเคย

แต่บรรยากาศรอบกายเขาแตกต่างจากเก่าก่อนลิบลับ

ม่านตาของสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดหดตัวเฉียบพลัน

ในสายตาของนาง ชายหนุ่มชุดเขียวซึ่งเดินอยู่ไม่ห่างจากนางเบื้องหน้า จู่ ๆ ก็ขยายร่างสูงใหญ่ไร้ประมาณ ราวเทพเซียนดั้นฟ้า คว้าตะวันจันทราอมเข้าปาก อหังการเย้ยสวรรค์

วิชาดาบเกินพรรณนาสยบปราบจิตใจของนางอย่างหนักหน่วง

นางที่เหม่อลอยเหมือนจะเห็นวิชาดาบพลิ้วไหวจากสุญญะไร้ขอบเขต ฉีกจักรวาลทะลวงมิติเวลา ฟาดฟันเข้าใส่นางด้วยอำนาจสะเทือนทั่วทุกปีแสง

เมื่อเผชิญดาบอันร้ายกาจเพียงนี้ นางรู้สึกราวตนเป็นเพียงมดตัวเล็กน้อย หัวใจไม่อาจคิดหาทางต่อต้านดิ้นรน อยากจะยอมศิโรราบบูชาอย่างช่วยไม่ได้…

ในขณะเดียวกัน ปราณดาบสีขาวหิมะเจือแสงสีแดงที่ผุดจากฝ่ามือของสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดก็โอดครวญและแตกสลายในทันใด

จากนั้น ร่างบอบบางของสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดก็สั่นสะท้านรุนแรงราวอยู่บนตะแกรงร่อน สีหน้าซีดเซียวลงทุกขณะ ปรากฏแววตาตื่นกลัว ลนลาน สิ้นหวังและไร้หนทาง

“คุกเข่าลงเสีย”

น้ำเสียงเฉยเมยดังขึ้นในใจของสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือด

กังวานก้องดั่งอัสนีบาตสะท้านพิภพ

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดไม่อาจทนไหว นางคุกเข่าลงทั้งสองข้าง เส้นผมยาวสีขาวดุจหิมะพลิ้วลงราวน้ำตก

ยามนี้ ซูอี้ยืนอยู่ตรงหน้านางสามจั้ง มือไพล่ไว้เบื้องหลัง

หนิงซือฮวาตะลึง ดาวตาหงส์งามเบิกกว้าง มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ หัวใจสิ้นวาจา เหตุใดตัวตนอันร้ายกาจนี้จึง… คุกเข่าลงกะทันหันเล่า?

การคุกเข่าลงนั้นเป็นวิธีการแพ้อันน่าอับอายยิ่ง

และนับแต่ต้นจนจบ ซูอี้ไม่ได้ทำอันใดเลย เขาใช้เพียงพลังของตนบังคับสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดให้คุกเข่าลงนั่งทื่อกับพื้น ซึ่งน่าอัศจรรย์โดยไม่ต้องสงสัย

“เจ้า… เป็นใครกัน?”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดเงยหน้าด้วยแววตาที่หวาดกลัวอย่างลึกล้ำ

ซูอี้เมินเฉยต่อนาง เอื้อมมือคว้า

แล้วตะเกียงทองแดงสีฟ้าก็ร่วงลงในมือเขา

ไส้ตะเกียงขนาดราวฝ่ามือทรงวิหคอาบอยู่ในน้ำมันสีแดงสด และเงาของตะเกียงอันแผดเผาก็สลัวมัว

ก้นตะเกียงจารึกอักษรปีศาจโบราณไว้สองตัวว่า ‘ฮุ่นเทียน’

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตะเกียงสีฟ้านี้มาจากจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียน บรรพชนแห่งหอเซียนดาบโuเวลกูดฺอทคoม

และสายตาของซูอี้ก็ถูกดึงไปยังรอยแตกบนตะเกียงอย่างรวดเร็ว

รอยแตกนี้คือแผลจากดาบอย่างชัดเจน!

“มิน่าเล่า กลิ่นอายของสมบัตินี่จึงเบาบางนัก มันเสียหายอยู่นานแล้ว ซ้ำยังถูกกัดกร่อนด้วยกาลเวลานับพันหมื่นปี หากเป็นยามที่มันสมบูรณ์พร้อม เกรงว่ายามนี้เจ้าคงยังออกจากตะเกียงไม่ได้ อย่าว่าแต่จะออกมาก่อกรรมสักครึ่งก้าวอย่างยามนี้เลย”

ซูอี้เล่นกับตะเกียงทองแดงสีฟ้าในมือและกล่าวเนิบ ๆ “ทว่าวิญญาณของเจ้าถูกหลอมเข้ากับตะเกียงนี้แล้ว เจ้าไม่อาจหนีมันพ้น ชีวิตและความตายล้วนถูกสมบัติชิ้นนี้บงการ ตะเกียงอยู่คนอยู่ สิ้นตะเกียงสิ้นคน”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดสั่นเทา มองซูอี้ด้วยความหวาดกลัวอันไม่อาจอธิบายในแววตา

ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ เหตุใดชายในขอบเขตรวบรวมดาราจึงมีสายตาและความตระหนักรู้ที่เฉียบคมนัก

“ยามนี้ข้าคงพอเดาได้แล้ว กาลก่อน ไป๋จ่างเฮิ่นถือตะเกียงนี้และคิดว่าการใช้สมบัตินี้จะสามารถสยบดาบปีศาจเทวทัณฑ์ไม่ให้มันกล้าก่อเรื่องได้”

ซูอี้แสดงสีหน้าครุ่นคิด ขณะกล่าวว่า “แต่เขาไม่น่าคาดฝันว่าเจ้าจะโจมตีเขากะทันหัน ดังนั้นในท้ายที่สุด เขาจึงต้องใช้ตะเกียงนี้หยุดเจ้าก่อน แต่นั่นก็ทำให้ดาบปีศาจเทวทัณฑ์ได้โอกาสสังหารเจ้าหอเซียนดาบรุ่นที่สามและรังไหมหลิงหลงทั้งเจ็ดสิบสอง รวมไปถึงศิษย์หอเซียนดาบผู้อาศัยที่นี่ต่างประสบหายนะถ้วนทั่ว”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดกัดฟัน “ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ฆ่าไป๋จ่างเฮิ่น ความโลภของเขาสังหารตนเอง!”

ซูอี้แค่นเสียงหึ กล่าวอย่างสนใจมาก “ไหนว่ามา หากเจ้าทำให้ข้าเชื่อได้ ข้าจะมอบหนทางรอดแก่เจ้า”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดเงียบไปครู่หนึ่งด้วยสีหน้าซับซ้อน ก่อนจะกล่าวว่า “ในคราแรก เมื่อการจองจำแห่งยุคมืดมาเยือน ท่านจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนตัดสินใจไม่ให้มรดกของหอเซียนดาบสูญหาย…”

นางกล่าวอธิบายความหลังด้วยเสียงต่ำ

เรื่องราวไม่ได้ซับซ้อน

จักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนเชื่อว่ามีเพียงสองหนทางที่จะทำให้มรดกของสำนักไม่ถูกตัดตอน

เขาพากลุ่มยอดฝีมือจากมหาทวีปคังชิงไปกลุ่มหนึ่ง มุ่งหน้าลึกเข้าไปในจักรวาลพร่างดาวอันแสนอันตรายไร้การคาดเดาเพื่อหาสถานที่ฝึกฝนตั้งรกรากใหม่

ในขณะเดียวกัน ยอดฝีมืออีกกลุ่มนำโดยไป๋จ่างเฮิ่นก็อยู่รั้งสำนักเพื่อสร้างรังไหมหลิงหลงทั้งเจ็ดสิบสองในวิหารอันเดียวดาย หาทางหลีกเลี่ยงการจองจำแห่งยุคมืดด้วยวิธีนี้

ก่อนจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนจะจากไป เขาทิ้งสามสิ่งไว้เบื้องหลัง

หรือคือมรดกที่เขาสร้างขึ้นเอง ‘คัมภีร์ดาบหมื่นวิญญาณ’

หนึ่งคือ ‘ตะเกียงหลอมวิญญาณฮุ่นเทียน’

และอีกหนึ่งคือดาบ ‘สวรรค์พร่างพราย’ ดาบอันดับหนึ่งซึ่งจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนหลอมยามเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิ

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดคือวิญญาณดาบของดาบสวรรค์พร่างพราย

ก่อนจะสร้างรังไหมหลิงหลง ชิงลั่ว วิญญาณดาบของดาบปีศาจเทวทัณฑ์ลอบบอกดาบสวรรค์พร่างพราย ว่าไป๋จ่างเฮิ่นตัดสินใจหลอมดาบสวรรค์พร่างพรายอย่างสุดวิถีเพื่อปราบดาบปีศาจเทวทัณฑ์

ยามนั้น ไม่เพียงตัวชิงลั่วจะถูกปราบลงโดยสมบูรณ์เท่านั้น แต่สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดซึ่งเป็นวิญญาณในดาบสวรรค์พร่างพรายก็จะตายลงเช่นกัน

ชิงลั่วเองก็กล่าวว่าเขาช่วยนางออกจากวิกฤตนี้ได้ แต่นางต้องสัญญาว่าจะช่วยชิงลั่วรับมือไป๋จ่างเฮิ่นด้วยกัน

ข้อเสนอนี้ถูกสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดปฏิเสธ

เพราะคราแรกนางไม่เชื่อว่าไป๋จ่างเฮิ่นจะกล้าหลอมดาบสวรรค์พร่างพราย เพราะถึงอย่างไรจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนก็ทิ้งมันไว้ และแม้ว่านางจะเป็นวิญญาณดาบแต่งที่นี่ นางก็เหมือนเป็นศิษย์อาจารย์ผู้หนึ่งกับจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียน

ทว่า สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดไม่คาดว่าหลังสร้างรังไหมทั้งเจ็ดสิบสองอัน ไป๋จ่างเฮิ่นจะลงมือจริง ๆ…

เนื่องด้วยถูกบังคับ นางจึงทำได้เพียงต่อต้าน

สุดท้าย แม้ว่าไป๋จ่างเฮิ่นจะใช้ตะเกียงหลอมวิญญาณปราบนางลงได้ แต่ชิงลั่วก็ฉวยโอกาสสังหารไป๋จ่างเฮิ่นในพริบตา

“ข้าไม่เคยเกลียดไป๋จ่างเฮิ่น เขาใช้ร่างของตนเป็นอาหารให้ดาบ เลี้ยงดูชิงลั่วให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่การฝึกฝนของเขาเองคาอยู่ที่คอขวดไม่อาจเลื่อนขั้นได้แสนนาน ซึ่งหมายความว่าเป็นโอกาสที่เขาจะถูกชิงลั่วกลืนกินมากขึ้นทุกขณะ”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดกล่าว “นั่นคือสาเหตุที่เขาพยายามหลอมดาบสวรรค์พร่างพรายเพื่อปราบชิงลั่ว”

“ทว่า แม้ข้าจะเข้าใจ แต่การปล่อยให้ชีวิตของตนดับสูญที่นี่ก็ไม่อาจทำได้ ดังนั้น… ยามนั้นจึงเกิดโศกนาฏกรรม”

สุดท้าย นางก็เงียบเสียงด้วยสีหน้าผิดหวัง

และหลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ หัวใจของซูอี้ไม่ได้หวั่นไหวแม้เพียงน้อย

เขามองสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดและกล่าวอย่างเฉยเมย “ในเมื่อจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนทิ้งดาบสวรรค์พร่างพรายไว้ หมายความว่าเขาปล่อยให้ไป๋จ่างเฮิ่นใช้เจ้าได้ตามใจ แต่เจ้ากลับทำร้ายเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงสิ้นใจ กระทั่งเหล่าศิษย์หอเซียนดาบในบริเวณยังตายตกตามเขา เจ้าคิดว่า… เจ้าบริสุทธิ์หรือไร?”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดเงยหน้าขึ้นสบตากับซูอี้ ถามออกไปว่า

“ในฐานะวิญญาณดาบ เราไม่อาจช่วยตนเอง ได้แต่ฝากความเป็นตายให้ผู้อื่นตัดสินใจหรือ?”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset