📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 635

บทที่ 635 - ไม่จำเป็นต้องกังวล
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เหตุใดจึงเป็นนาง?

ซูอี้วางจอกสุราลงอย่างแปลกใจเล็กน้อย

ร่างอันคุ้นตาซึ่งกำลังเดินเร็ว ๆ จากไปบนถนนนั้นก็คือหลานซัว

ซูอี้ประทับใจต่อสตรีผู้นี้นัก

เธอมีองคาพยพบนใบหน้าคมกริบเยี่ยงมีดขวาน งดงามเป็นธรรมชาติ และเป็นศิษย์รักของอาจารย์อวิ๋นหลาง ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนของต้าฉิน

ยามเมื่อเขาอยู่ในต้าโจว ซูอี้เคยรักษาพิษกู่ให้หลานซัวด้วยตนเอง

ยิ่งกว่านั้น ก่อนที่เขาและฮวาซิ่นเฟิงจะออกเดินทางไปยังทะเลวิญญาณโกลาหล เขาเองก็ได้พบคู่ศิษย์อาจารย์หลานซัวและอวิ๋นหลางในคืนงานเลี้ยงในหมู่บ้านเทียนสุ่ยแห่งเมืองตงฝู

ยามนั้น มีผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งในต้าฉินตั้งกลุ่มพยายามจัดการกับซูอี้ในระหว่างปฏิบัติการที่ทะเลวิญญาณโกลาหล และพวกเขายังเชิญชวนอวิ๋นหลางกับหลานซัวมาร่วมมือกันด้วย

ทว่าอาจารย์อวิ๋นหลางปฏิเสธเด็ดขาด จากนั้นจึงเดินจากไปกับหลานซัว

กล่าวได้ว่าซูอี้มีความประทับใจดี ๆ กับหลานซัวและอาจารย์ของนาง… อวิ๋นหลางอยู่

“หือ?”

ก่อนซูอี้จะทันได้ครุ่นคิดต่อ เขาก็เห็นผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งรีบร้อนเดินแหวกฝูงชนไล่ตามไปในทางเดียวกับที่หลานซัวจากไป

“หยวนเหิง ไปกันเถิด”

ซูอี้ลุกขึ้น

ทางทิศตะวันตกของเมืองตงฝูคือเทือกเขาอันกว้างใหญ่

นี่คือยามเที่ยงวัน

ร่างอรชรของหลานซัวทะยานผ่านหมู่บรรพต ใบหน้างดงามของนางปรากฏความกังวลลึกล้ำและเค้าลางความลังเล

“แม่นางหลานซัว ข้ากล่าวไว้แล้ว ขอเพียงข้าคิดไล่ตาม เจ้าหนีไม่ได้หรอก”

จู่ ๆ เสียงถอนหายใจก็ดังมาจากไกล ๆ

หลานซัวร่างชะงักกึกและเงยหน้ามอง

นางพบชายหนุ่มเดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ห่างออกไป ริมฝีปากแดงแย้มยิ้มให้นาง เผยซี่ฟันขาว

ใบหน้างดงามของหลานซัวเปลี่ยนสีหน้าทันที และหันหนีไปด้านข้าง

ทว่า ไม่รีรอให้นางลงมือ ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากทั้งซ้ายและขวามือนาง

หนึ่งในผู้ซุกซ่อนร่างใหญ่โตดั่งขุนเขา สวมชุดหนังสัตว์ เป็นชายเคราดกถือขวานศึกสีเลือด ยืนตระหง่านกดดัน

“แม่นางโปรดหยุดเถอะ ข้าเป็นคนกระด้าง เกรงว่าอาจทำร้ายแม่นางได้ยามลงมือ”

ชายร่างสูงในชุดหนังสัตว์กล่าวอย่างเฉยเมย

อีกฝั่งหนึ่งเป็นสตรีโฉมงามทรงเสน่ห์ผู้ถือกริชเงิน กิริยาและการเคลื่อนไหวงดงามน่ามอง

“แม่นางน่าจะรู้แล้วว่าเราไร้เจตนามุ่งร้าย ขอเพียงแม่นางพาเราไปพบอาจารย์ของเจ้า ท่านอาจารย์อวิ๋นหลางผู้สูงส่ง เราสัญญาจะไม่ทำร้ายแม่นางแม้ผมสักเส้น”

นงคราญคนงามโน้มน้าวเบา ๆ

หลานซัวขมวดคิ้ว และอดหันไปมองเบื้องหลังไม่ได้ ทว่าก็พบว่ามีผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งกำลังรุดหน้ามาแต่ไกล

จู่ ๆ ศัตรูก็ล้อมไว้จากทั่วสารทิศ!

หัวใจของหลานซัวหล่นสู่ก้นหุบเหว สีหน้ามัวหมอง

“ข้ารู้นะ แม่นางหลานซัวคงต้องการไปงานชุุมนุมล่องเมฆาเพื่อขอความยุติธรรมจากสำนักอนธการสยบนภาใช่ไหมเล่า”

ชายในอาภรณ์หยกตรงหน้าต้นไม้ใหญ่ไกลออกไปกล่าวช้า ๆ “ทว่า ข้าพูดได้เพียงว่า สิ่งที่เจ้าทำนั้นช่างไร้เดียงสาเสียนี่กระไร”

หลานซัวกล่าวอย่างเย็นชา “ไร้เดียงสาหรือ? ข้าว่าพวกเจ้ากลัวมากกว่า! หาไม่ เหตุใดจึงต้องหยุดไม่ให้ข้าไปยังหุบเขาวิญญาณล่องเมฆาด้วย?”

ชายหนุ่มในอาภรณ์หยกอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนกล่าวว่า “หากเจ้าว่าตนไม่ไร้เดียงสา ไม่ได้เชื่อข้า เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงพูดตรง ๆ แม้เจ้ากับอาจารย์จะมีฐานะสูงส่งในสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน ทว่าในสายตาสำนักเบญจอัสนีของข้า พวกเขาก็แค่สำนักเล็ก ๆ ในต้าฉินเท่านั้น”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง และกล่าวต่อ “จริงอยู่ที่สำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนสวามิภักดิ์ต่อสำนักอนธการสยบนภา ซึ่งหมายความว่าได้อาศัยร่มไม้ใบบุญใหญ่โต ทว่าเจ้าคิดหรือว่าสำนักอนธการสยบนภาจะแตกหักกับสำนักเบญจอัสนีของข้าแค่เพื่ออาจารย์เจ้า… จริงหรือไม่?”

สีหน้าของหลานซัวรวนเร

ชายหนุ่มในอาภรณ์หยกกล่าวอย่างดูเห็นอกเห็นใจ กล่าวว่า “ยิ่งกว่านั้น งานชุุมนุมล่องเมฆาของสำนักอนธการสยบนภาในครานี้ก็จัดขึ้นเพื่อนำความสงบสุขสู่หล้า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สำนักอนธการสยบนภาจะเมินท่าทีของสำนักเบญจอัสนี แยกตัวโดดเดี่ยวเพื่ออาจารย์เจ้าหรือ?”

หลานซัวกัดฟันกล่าว “เจ้าไม่อาจกล่าวแทนสำนักเบญจอัสนีได้”

ได้ยินเช่นนั้น สตรีโฉมงามโหรวอวิ้นและชายร่างสูงในชุดหนังสัตว์ที่อยู่ไกลออกไปก็อดหัวเราะราวได้ยินเรื่องตลกไม่ได้

“แม่นาง บุคคลตรงหน้าเจ้าคือหยวนซั่ว ศิษย์รักของผู้เฒ่าใหญ่แห่งสำนักเบญจอัสนีของข้า เขามีตำแหน่งสำคัญในหมู่ชนรุ่นเยาว์ในสำนัก”

โหรวอวิ้นกล่าวเสียงเบา “คำพูดของเขาอาจไม่ใช่การกล่าวแทนสำนักเบญจอัสนี แต่มันเพียงพอจะมีผลต่อทัศนคติของคนใหญ่คนโตในสำนักเรา”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นางก็ยิ้มอย่างน่าสงสัย “ยิ่งกว่านั้น หากไร้การอนุมัติจากผู้อาวุโสระดับสูงในสำนัก เจ้าคิดว่าสำนักเราจะส่งคนมากมายเพื่อตามหาอาจารย์เจ้าเช่นนี้หรือ?”

ชายร่างสูงในชุดหนังสัตว์ที่อยู่ไม่ห่างไปนักกล่าวอย่างเฉยเมย “และเมื่อยามนี้ที่เจ้าจะไปงานชุุมนุมล่องเมฆาเพื่อขอความช่วยเหลือ สำนักอนธการสยบนภาย่อมไม่อาจเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ได้!”

สีหน้าของหลานซัวเริ่มปรากฏความไม่แน่ใจ เห็นได้ชัดว่านางถูกวาจาเหล่านี้รบกวนจนไขว่เขว

“เอาล่ะ ข้าหยวนซั่วถือสันติมาก่อนเสมอ ยามนี้ขึ้นกับแม่นางจะเลือก โปรดร่วมมือกับเรา และเจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์อันใด”

ชายหนุ่มในอาภรณ์สีหยกนามว่าหยวนซั่วลูบคางพลางกล่าวอย่างจริงจัง “ทว่าหากไม่ร่วมมือกับเรา ข้าก็ทำได้เพียงต้องล่วงเกินแม่นางแล้ว”

ทันทีที่วาจาเหล่านี้เปล่งออก บรรยากาศรอบข้างพลันมาคุตึงเครียด

หลานซัวกัดริมฝีปากแน่น ส่ายหัวกล่าว “อย่าหวังได้รับความร่วมมือจากข้าเลย แม้ตาย ข้าก็จะไม่ทรยศท่านอาจารย์!”

สีหน้าแววตาของนางเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวโuเวลกูดอทฺคoม

“แม่นาง ไยเล่าจึงไม่ดื่มสุราคารวะ เหตุใดจึงต้องการดื่มสุราลงทัณฑ์แทนกัน? หากเราเป็นผู้ฝึกตนจากพรรคมาร เราคงไม่มามัวพูดพร่ำทำเพลงและปราบเจ้าลงไปนานแล้ว”

โหรวอวิ้นถอนหายใจเบา ๆ

รอยยิ้มของชายหนุ่มในอาภรณ์สีหยกจางลง ก่อนกล่าวว่า “หงเหอ ไปเชิญแม่นางหลานซัวให้มากับเราเถิด”

ชายร่างสูงผู้สวมชุดหนังสัตว์พยักหน้า จากนั้นก็ก้าวอาด ๆ เข้าหาหลานซัว

ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!

ทุกฝีก้าวส่งผลให้ปฐพีสะเทือนเลือนลั่น ต้นหญ้าและก้อนหินใกล้เคียงถูกเหยียบย่ำบดขยี้

จิตสัมผัสอันทรงพลังนั่นคุกคามหลานซัวจากระยะไกล

แค่อำนาจร้ายแรงของมันก็ทำให้หลานซัวอึดอัด หายใจไม่ได้ ร่างแข็งทื่อ นางสัมผัสได้ถึงภัยใหญ่หลวง

“อย่างมากก็แค่ตาย ไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยคนเหล่านี้ไปหาอาจารย์ไม่ได้!”

หลานซัวลอบปลงในใจ กัดฟันหมายใจสู้จนตัวตาย

ทว่ายามนี้ เสียงเฉยชาเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นสะท้อนทั่วฟ้าดิน

“เกิดอันใดขึ้นกับอาจารย์ของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงต้องมาโดนคนพวกนี้ไล่ล่าด้วย?”

เสียงนั้นไม่ดัง แต่กังวานพอให้ได้ยินชัดเจนถ้วนทั่ว

หยวนซั่วขมวดคิ้ว

โหรวอวิ้นตื่นตัว

ชายร่างสูงในชุดหนังสัตว์นามหงเหอตัวแข็งทื่อ

ยามนี้ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายถึงชีวิตซึ่งทำให้เขาขนลุกซู่

กระทั่งฝีเท้าของเขายังหยุดลงกับที่โดยไม่รู้ตัว

ทว่าสีหน้าของเขาจริงจังยิ่งนัก เมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นเยียบเป่ากระทบหลัง

เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลานซัวซึ่งแต่เดิมตัดสินใจสู้แบบหมาจนตรอกจึงอดสะดุ้งไม่ได้ และหันหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัว

นางพบร่างสองร่างเดินเข้ามาจากระยะไกล

ผู้นำเป็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีเขียว มือไพล่หลัง เดินอย่างไร้คำนึงท่ามกลางเศษฝุ่นราวเดินเล่นในลานบ้าน

ภายใต้แสงสลัวจากนภา เขาดูไร้มลทิน มีเสน่ห์เหนือธรรมดา

เบื้องหลังเขามีชายหนุ่มชุดสีเทาผู้มีสีหน้าจริงจังติดตามก้าวต่อก้าว

“คุณชาย… ซู?”

ดวงตางดงามของหลานซัวเบิกกว้างราวไม่อยากเชื่อ

ผู้ที่มาใหม่คือซูอี้และหยวนเหิง!

หลังจากทั้งสองออกจากโรงเตี๊ยมในเมืองตงฝู พวกเขาก็ไล่ตามผู้ฝึกตนจากสำนักเบญจอัสนีมาตลอดทาง

“ไม่พบเสียนาน”

ซูอี้ยิ้ม เมินคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้วยราวไร้ตัวตน และเดินมาหาหลานซัว

“หยุดนะ!”

ชายชราอาภรณ์สีเหลือง หนึ่งในกลุ่มผู้ฝึกตนที่ล้อมรอบหลานซัวอยู่กล่าวอย่างจริงจัง “สหายเต๋า สำนักเบญจอัสนีของเรากำลังทำธุระ ขอแนะนำไม่ให้เจ้าเข้าพัวพัน หาไม่…”

“หุบปาก!”

ดวงตาของหยวนเหิงวาวโรจน์เยี่ยงอสนีบาต มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา

ตู้ม!!

อำนาจในกายถูกปลดปล่อยโดยพลัน ชายชราชุดเหลืองจึงถูกกดดันให้ถอยกรูดไปหลายก้าวจนกระทั่งร่วงลงพื้นดังตุ้บ สีหน้าชราก็เปลี่ยนผันไปเช่นกัน

ผู้ฝึกตนรอบข้างต่างเดือดแค้น เตรียมลงมือ

หยวนซั่วซึ่งอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่กล่าวทันที “ถอยไป พวกเจ้าไม่ใช้คู่มือของพวกเขา”

เหล่าผู้ฝึกตนสีหน้าเปลี่ยน ทว่าสุดท้ายก็ถอยไปเงียบ ๆ

ซูอี้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่สำหรับทุกเหตุการณ์ ไม่แม้แต่จะชะลอฝีเท้า ท่าทีของเขาดูราวอยู่ในโลกอันไร้ผู้คน

เมื่อเขาเดินมาถึงข้างกายหลานซัวและเห็นว่านงคราญคนงามกำลังยืนอึ้ง ซูอี้ก็อดถามอย่างมึนงงไม่ได้ “การเห็นข้าโผล่มามันน่าตกใจเพียงนั้นเลยหรือ?”

หลานซัวกล่าว “ข้า… ข้าแค่ไม่คาดไว้…”

นางกำลังตกที่นั่งลำบาก เตรียมพร้อมสู้จนตัวตาย ใครเล่าจะคิดว่าสหายเก่าผู้หนึ่งจะร่วงจากฟ้ามาปรากฏตรงหน้า!

ใครเล่าจะประพฤติปกติต่อเหตุการณ์เช่นนี้?

“อันที่จริง พวกข้าตามเจ้ามาตั้งแต่ในเมืองตงฝูแล้ว แต่ไม่รู้สถานการณ์ จึงได้แค่เฝ้ามองห่าง ๆ”

ซูอี้อธิบายเสียงเบา

หลานซัวพลันมีสีหน้ากระจ่างแจ้ง หันมองไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวายและกล่าวว่า “คุณชายซู พวกเขา…”

“มีข้าอยู่ ไม่จำเป็นต้องกังวล”

ซูอี้ตบบ่านางเบา ๆ “บอกข้ามา เกิดอันใดขึ้นกับอาจารย์เจ้า ส่วนคนเหล่านี้ หากพวกเขากล้ายุ่งจะถูกสังหาร”

เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่หลานซัวตื่นกลัว ความคิดของนางยุ่งเหยิงไปหมด

ทว่ายามนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของซูอี้ นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก และกำลังจะอ้าปากอธิบายเรื่องราว

ไม่ไกลนัก โหรวอวิ้นกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “สหายเต๋า ไม่ใช่ว่าท่าทางของเจ้าโอหังไปสักหน่อยหรือ?”

ซูอี้ยกมือขึ้น กดฝ่ามือลง

ด้วยฝ่ามือที่พลิ้วไหว ดูเรียบง่ายธรรมดานัก ทว่าโหรวอวิ้นกลับคุกเข่าลงกับพื้นดังตุ้บ พื้นถล่มตามแรง ไร้โอกาสตั้งตัว

สีหน้าของนางเปลี่ยนผันอย่างมหันต์ และพยายามดิ้นรน

สิ่งที่ทำให้นางตื่นกลัวคือ ภายใต้ฝ่ามือนี้ นางไม่อาจใช้ความแข็งแกร่งในขอบเขตรวบรวมดาราดิ้นรนใด ๆ ได้เลย!

“แข็งแกร่งยิ่ง!”

ม่านตาของหยวนซั่วหดตัว สีหน้าเปลี่ยนแปร

ชายร่างสูงในชุดขนสัตว์สูดหายใจเย็นเฉียบเฮือกใหญ่ หัวใจสั่นเทา

ภาพนี้ยังทำให้ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ของสำนักเบญจอัสนีอกสั่นขวัญแขวน

พวกเขาต่างรู้ดีถึงพลังของโหรวอวิ้น ทว่าพวกเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าโหรวอวิ้นจะพ่ายแพ้เร็วเพียงนี้

ไม่อาจขัดขืนได้โดยสมบูรณ์!

กระทั่งหลานซัวยังอึ้งกับภาพที่เห็น

หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตระหนักว่าวาจา ‘มีข้าอยู่ ไม่จำเป็นต้องกังวล’ ของซูอี้สำคัญเพียงไร!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset