📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 591

บทที่ 591 - สังหารราบคาบ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

โถงนั้นเต็มไปด้วยโลหิตและเศษซาก

เมื่อเห็นท่าทางสบาย ๆ ราวดายหญ้าของซูอี้ ทุกคนต่างตื่นกลัว!

ทว่าใครเล่าเต็มใจอยู่เฉย?

“ไป!”

หวนเทียนเหอและคนอื่น ๆ ต่างไม่กล้าอยู่ต่อ พวกเขาหันหลังกลับเผ่นหนีทันที

เมื่อไร้การจองจำจากค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน ซูอี้ในยามนี้นับว่าไร้พันธนาการอย่างสมบูรณ์! และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกหวนเทียนเหอจะกล้าอยู่ต่อหรือ?

“ยามมาเยือน พวกเจ้าช่างกร่างโอหัง ทว่ายามนี้กลับตื่นกลัวราวเป็นสุนัข หากปล่อยเจ้ากลับไป ข้าคนแซ่ซูจะไม่เหลวไหลแย่หรือ?”

เมื่อเสียงอันเฉยเมยดังก้อง เสียงคำรามแห่งดาบพลันกู่ร้อง

ราวพายุอสนีบาต เทพยดารัวกลอง

ภายใต้สายตาตกตะลึงของเซี่ยชิงหยวน เขาเห็นปราณดาบสาดซัดติดต่อกันเป็นระลอกราวกับสายรุ้งเจิดจ้าซัดซ้ำเป็นเกลียวคลื่น

เจิดจ้าตระการตา

ปราณดาบทุกสายต่างแผ่อำนาจกดดัน

พวกมันถูกฟาดฟันออกมาด้วยท่วงท่าราวเทพสวรรค์ร่ายรำศาสตรา เป็นแสงสว่างทะลวงโลกา!

เซี่ยชิงหยวนตะลึงงัน

เพล้ง!

เตาหลอมสมบัติสีชาดแตกกระจายเยี่ยงแก้ว

สตรีในอาภรณ์ขนนกเขียวเจ้าของสมบัติชิ้นนี้ถูกปราณดาบแข็งแกร่งซัดสาดเยี่ยงวารีธารสวรรค์ ร่างของนางแหลกเละเป็นเศษเลือดเนื้อนับไม่ถ้วน ก่อนจะสลายสู่ธุลี

ตู้ม!

ร่างของชายร่างกำยำในชุดสีดำกระเด็นไปเบื้องหลัง ดาบศึกคู่ที่ปกปักษ์เขาสลายหายทีละน้อย

“ขอบเขตรวบรวมดารา ไฉนจึงร้ายกาจนัก…”

เขาพึมพำ โลหิตรินไหลจากมุมปาก ก่อนดวงตาพลันมืดคล้ำ แม้จะหยุดดาบซูอี้ได้ในกาลท้าย ทว่าหัวใจและวิญญาณของเขาแตกสลาย สูญสิ้นลงคาที่

ขณะเดียวกัน ณ อีกมุมหนึ่ง เมื่อปราณดาบฟาดฟันต่อเนื่อง เหล่าผู้ส่งสาส์นจากกองกำลังโบราณต่างก็ถูกบั่นหัวตายตกตามกันโดยไม่ทันได้หนีจากโถง

บางคนพยายามขัดขืนสุดชีวิต ทว่าก็เหมือนใช้แขนหยุดรถม้า ร่างของพวกเขาถูกปราณดาบขยี้ราวกระดาษ

บางคนใช้ไพ่ตายเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสุดท้ายก็ยับเยินไม่เป็นท่าเมื่อตกภายใต้ปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัวของซูอี้

หวนเทียนเหอตายอนาถที่สุด ปราณดาบสายหนึ่งโฉบลงจากฟ้า เสียบลงที่กลางกระหม่อม ปักร่างของเขาคาที่ราวถังหูลู่

ในยามเจียนตาย ยอดฝีมือจากตระกูลหวนเผ่ามารมีเพียงความตะลึงและตกใจกลัวในแววตาอันเบิกกว้าง

เรื่องทั้งหมดที่ดูแช่มช้านี้ ความจริงแล้วเกิดขึ้นพร้อมกัน

เรื่องทั้งหมดทั้งก่อนหลังเกิดขึ้นไวราวดีดนิ้ว และแล้วผู้เฒ่าจากกองกำลังโบราณต่าง ๆ ในวิถีวิญญาณสิบกว่าคนก็ตายลงคาที่ทั้งหมด!

ภาพอันนองเลือดและกดดันนี้ทำให้เซี่ยชิงหยวนตกใจสั่นเทิ้ม ซูอี้ ชายผู้นี้อุกอาจจริงแท้…

“นี่…” ไกลออกไป เซี่ยหลินเยวียนและคนที่ยังหลงเหลือต่างอกสั่นขวัญแขวน ใบหน้าซีดขาว

หนึ่งอึดใจ สังหารผู้อยู่ในวิถีวิญญาณราบคาบ!!

เหนือล้ำเพียงไร ร้ายกาจเพียงไร?

“ยามนี้ ไฉนไม่หัวเราะเล่า?”

ซูอี้กล่าวอย่างเยือกเย็น

เซี่ยหลินเยวียนและพวกหน้าซีดเขียว

“อืม หากมีผู้ใดยังหัวเราะได้ ข้าจะไว้ชีวิตเขา”

น้ำเสียงของซูอี้เรื่อยเฉื่อย

ทุกคน “…”

ใครเล่าจะมองไม่เห็นว่าซูอี้กำลังจงใจเยาะเย้ยพวกเขา?

ยามนี้ ชายชราอาภรณ์เหลืองผู้หนึ่งซึ่งถูกตัดแขนกล่าวขึ้นเสียงสั่น “เกิดเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ เหตุใด… ไฉนจึงไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือ?”

ที่แห่งนี้คือพระราชวังเทียนหยาง ตั้งอยู่บนภูเขาเทียนหมาง

เมื่อเกิดเรื่องราวใหญ่โต มันควรจะดึงดูดความสนใจของเหล่าคนใหญ่คนโตในราชวงศ์เซี่ย และเร่งรี่มาที่นี่ให้เร็วที่สุดแท้ ๆ

เรื่องผิดปกติก็คือ จนยามนี้ ยังคงไร้เงากำลังเสริม!

เซี่ยหลินเยวียนและคณะต่างหัวใจดิ่งวูบ ตระหนักได้ว่าบางสิ่งผิดปกติ

เซี่ยชิงหยวนพลันกล่าวขึ้นว่า “ผู้เฒ่าสาม เนื้อร้ายอย่างท่านไม่ต้องรีรอผู้ใด วันนี้จะไม่มีผู้ใดช่วยท่าน”

หญิงสาวดูเย็นชามาก นางเรียกอีกฝ่ายเป็นเนื้อร้าย!

“ยายหนูชิงหยวน เจ้าหมายความเช่นไร?”

เซี่ยหลินเยวียนเดือดดาล

“กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ราชวงศ์เซี่ยของเราไม่ต้องการกระดูกเน่า ๆ เช่นพวกท่าน”

เซี่ยชิงหยวนแสดงความขยะแขยง

“ข้าเลือกวางตัวเป็นกลางเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับซูอี้ และยังมุ่งเป้าไปที่ความปลอดภัยของราชวงศ์เซี่ยด้วย ข้าผิดอันใด?”

ชายวัยกลางคนชุดสีเงินกล่าวอย่างโกรธเคือง “ยิ่งกว่านั้น วันนี้ซูอี้สังหารพวกหวนเทียนเหอและผู้ส่งสาส์นจากกองกำลังโบราณต่าง ๆ พวกเขาจะปล่อยมันไปเพียงเท่านั้นหรือไร?”

ฉับ!

ปราณดาบพลิ้วข้ามนภา สังหารชายวัยกลางคนชุดสีเงินลงทันที

ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “กักขังบุคคลรอบกายข้า ยังกล้ากล่าวถึงความเป็นกลางอีกหรือ?”

ภาพนี้ทำให้เซี่ยหลินเยวียนและผู้อื่นตระหนกยิ่งขึ้น

การไร้กำลังเสริมเป็นเวลานานทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็น

ในอดีต ในฐานะคนใหญ่คนโตในราชวงศ์เซี่ย คนทั่วโลกล้วนแหงนหน้ามองพวกเขา ไฉนเลยจะมาประสบเรื่องราวเยี่ยงนี้ได้?

“ซูอี้ เรื่องวันนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”

เซี่ยหลินเยวียนกล่าวเสียงต่ำ “ระหว่างเราสองหามีความแค้นใดไม่ เหตุที่หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงถูกกักตัวนั้นก็เพราะพวกเขาอาจถูกขุมอำนาจเหล่านั้นจัดการได้ ด้วยตำแหน่งของข้า ข้าจึงไร้ทางเลือกเว้นแต่ลงมือเอง”

ซูอี้ยิ้มเยาะ ก่อนจะกล่าวว่า “หากบุคคลผู้กักขัง ข้าถูกบังคับจนมุม จะใช้ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนมาจัดการกับข้าก่อนด้วยหรือ?”

เซี่ยหลินเยวียนไร้วาจา

ชายชราชุดดำผู้หนึ่งที่ด้านข้างกล่าวอย่างโกรธเคือง “ข้าไม่อาจทนเห็นเจ้าเข่นฆ่าผู้คนในเขตแดนของราชวงศ์เซี่ยข้าอีกแล้ว!”

ฉัวะ!

เสียงยังคงกังวาน ทว่าชายชราชุดดำกลับถูกบั่นคอคาที่ ศีรษะกลิ้งลงสู่พื้น

จู่ ๆ พวกเซี่ยหลินเยวียนก็รู้สึกสติใกล้หลุดลอย

เห็นเช่นนั้น ซูอี้ก็จ้องเซี่ยหลินเยวียนพลางกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้โง่ เจ้าแค่เลว หากข้าเดาถูก ก่อนเจ้าจะเลือกกักขังผู้คนรอบกายข้า บางทีเจ้าอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากกองกำลังโบราณเหล่านั้นแล้ว!”

เซี่ยหลินเยวียนเดือดดาล พูดเสียงแข็ง “อย่าใส่ความกันนะ!”

“ใส่ความ?”

ซูอี้หัวเราะ และจู่ ๆ มือก็คว้าไปในอากาศ

ร่างของเซี่ยหลินเยวียนชะงักค้าง ถูกตรึงตรงหน้าซูอี้อย่างเกินควบคุมเยี่ยงลูกไก่ในกำมือโนiวลกูดอทคอม

“เจ้าอยากสังหารพวกเขาทั้งหมดจริงหรือ!?”

เซี่ยหลินเยวียนตาถลน

“อย่าตระหนกไป ข้าจะเอาวิญญาณของเจ้ามาใช้วิชาลับค้นหา เพื่อยืนยันว่าข้าคนแซ่ซูใส่ความผู้ใดหรือไม่”

ซูอี้กล่าวอย่างเฉื่อยชา

สีหน้าของเซี่ยหลินเยวียนเปลี่ยนผันกลับกลาย ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง และกล่าวอย่างเดือดดาล “ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ แม้ข้าตายก็จะไม่ยอมถูกเจ้าข่มเหง!”

กล่าวจบ ร่างของเขาก็ปรากฏโลหิต ปราณทำลายล้างก่อตัววูบไหว

“หากจะฆ่าตัวตาย เจ้าต้องได้รับคำยินยอมจากข้าเสียก่อน”

แววตาของซูอี้เหยียดหยัน ใช้นิ้วแตะหน้าผากเซี่ยหลินเยวียน

ตู้ม!

เซี่ยหลินเยวียนร่างสั่นราวอยู่บนตะแกรงร่อน ปราณทำลายล้างที่สั่งสมไว้ถูกทะลวงสลายไป

“เจ้า…”

เซี่ยหลินเยวียนแสดงสีหน้าสิ้นหวัง

ยามนี้ จิตสัมผัสรุนแรงพุ่งอัดใส่ห้วงความนึกคิดของเซี่ยหลินเยวียน ทำให้เขาตาเหลือกกลับเบ้า หมดสติทันที

ครู่ถัดมา

ซูอี้เก็บจิตสัมผัส เหวี่ยงร่างหมดสติของเซี่ยหลินเยวียนออกไป

“ศิษย์พี่ซู เป็นเช่นไรบ้าง?”

เซี่ยชิงหยวนอดถามไม่ได้

“เจ้าเฒ่านี่เป็นไปตามคาด เน่าฟอนเฟะเข้ากระดูกดำ”

ซูอี้ยิ้มขำ

เขาหยิบม้วนหยกโบราณออกมาจารึก ส่งให้เซี่ยชิงหยวน “นี่คือภาพความทรงจำที่คัดมาจากวิญญาณของเขา รับไป”

พูดจบ เขาก็มองเซี่ยหลินเยวียนและราชนิกุลที่ยังอยู่อีกสองคน กล่าวขึ้นเบา ๆ “ทุกท่าน นี่ก็สายแล้ว ถึงคราวส่งเดินทาง”

เสียงยังไม่ทันสิ้น ซูอี้ก็ลงมืออีกคราแล้ว

นอกพระราชวังเทียนหยาง

กลุ่มราชนิกุลรวมตัว บรรยากาศอึมครึม

นี่ยังคงเช้าตรู่ แสงเหมันต์จาง ๆ ไม่อาจขับความหนาวเย็นในอากาศได้

“ดูเหมือนการล่าสังหารครานี้จะจบแล้ว”

เวิงจิ่วกระซิบด้วยสีหน้าแปลก ๆ

“หากไม่ใช่เพราะโองการขององค์หญิงเมื่อคืน ข้าคงไม่แม้กระทั่งจะรู้ ปรากฏว่านี่คือแผนที่ฝ่าบาทวางไว้”

สุ่ยเทียนฉีทอดถอนใจ

คนใหญ่คนโตผู้นำโดยผู้เฒ่าใหญ่เซี่ยฉางหงเหล่านี้ต่างมีสีหน้าซับซ้อน

เมื่อคืนวาน พวกเขาก็ได้รู้เรื่องวงในจากเซี่ยชิงหยวนเช่นกัน

ยามนี้ หัวใจของพวกเขาทั้งยินดีและโศกเศร้า

มันไม่ใช่ความโศกเศร้าเพราะเห็นใจคนหัวอกเดียวกัน แต่หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ พวกเขาก็จินตนาการไม่ได้เลยว่าเพื่อนพ้องร่วมราชวงศ์จะช่างดูไม่ได้ถึงเพียงนี้!

“เวิงจิ่ว เหตุใดซูอี้จึงควบคุมพลังของค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนได้กัน?”

เซี่ยฉางหงอดถามไม่ได้

เวิงจิ่วรู้แล้วว่าตนไม่อาจปิดบังได้ต่อไป เขาจึงพูดทันที “เพราะว่า… เคล็ดวิชาที่ใช้ซ่อมแซมค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนนี้ แต่เดิมก็มาจากมือของสหายเต๋าซู”

เซี่ยฉางหงและราชนิกุลต่างตกตะลึงกับความลับนี้!

“มิน่าเล่า ฝ่าบาทจึงให้ค่าซูอี้มากนัก…”

เซี่ยฉางหงพึมพำ

ในที่สุด พวกเขาก็ซึ้งในอุรา

“ออกมาแล้ว!”

จู่ ๆ ใครสักคนก็กระซิบ

สายตาทุกคู่มองไกลออกไปโดยไม่ทันคิด

ณ ประตูพระราชวังเทียนหยาง ชายหนุ่มชุดเขียวเดินมือไพล่หลังออกมาอย่างเรื่อยเฉื่อย ราวเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน

ภายใต้แสงจากนภา ร่างสูงของเขาถูกฉาบด้วยแสงเงาชั้นบาง ราวผู้สูงส่งสงบเสงี่ยม บริสุทธิ์ไร้มลทิน

ข้างกาย เซี่ยชิงหยวนผู้สวมใส่ชุดกระโปรงสีเขียวและผิวพรรณขาวละเอียดยิ่งกว่าหิมะเดินมากับเขาด้วย

เมื่อมองคู่หนุ่มสาวที่เดินออกมา บรรยากาศก็เงียบงันลง

“เวิงจิ่ว หยวนเหิงกับแม่นางไป๋อยู่หนใด?”

เซี่ยชิงหยวน เอ่ยถาม เวิงจิ่วตอบอย่างจริงจัง “ทูลองค์หญิง ทั้งสองรออยู่ที่ตีนเขาเทียนหมางแล้วขอรับ”

เห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็กล่าวว่า “ข้าจะล่วงไปก่อน”

จากนั้นเขาก็เมินคนทุกคน และเดินจากไป

“ข้าจะไปส่งสหายเต๋าซู”

เซี่ยชิงหยวนเอวก็อยากตามไป ทว่าเวิงจิ่วหยุดไว้ “องค์หญิง ผู้ชราจะออกไปส่งสหายเต๋าซูเอง ท่านควรอยู่ที่นี่เพื่อบอกเล่าสิ่งที่เกิดก่อนหน้าแก่เหล่าผู้เฒ่าคนอื่น”

กล่าวจบ เวิงจิ่วก็ไล่ตามชายหนุ่มไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ทำได้เพียงยอมถอย

ผู้อาวุโสใหญ่เซี่ยฉางหงไม่อาจสะกดกลั้นความสงสัยได้อีก กล่าวขึ้นว่า “ไป เข้าไปดูที่ในพระราชวังเทียนหยางก่อน ยายหนูชิงหยวน เจ้าตามมาบอกเราถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทีหลัง”

“ได้”

เซี่ยชิงหยวนตกลงเสียงใส

จากนั้น พวกเขาก็เข้าสู่พระราชวังเทียนหยางอย่างองอาจทันที

ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโถง ราชนิกุลเหล่านี้ต่างอ้าปากค้าง ตะลึงกับโลหิตบนพื้น

วันที่สองเดือนสิบเอ็ด

วันที่สองนับแต่จากเกาะเซียนพระสุเมรุมา

ซูอี้และดาบของเขาเหยียบย่างลำพังสู่ภูเขาเทียนหมาง ฟาดฟันผู้ส่งสาส์นสิบสามคนจากขุมอำนาจกลุ่มเต๋าโบราณมากมาย รวมถึงประหารบุคคลชั้นสูงในราชวงศ์แห่งต้าเซี่ยมากมาย รวมถึงเซี่ยหลินเยวียน อ๋องแห่งแคว้นเทียนหยาง

ยามเสร็จสิ้นก็จากไปอย่างเฉยเมย!

ทันทีที่ข่าวถูกประกาศ นครหลวงจิ๋วติ่งก็ตื่นเต้นอื้อฉาว สะท้านสะเทือนแดนดิน!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset