📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 549

บทที่ 549 - บงกชเพลิงของสองเทพผู้ขับไล่โรคภัย
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ภายใต้ท้องฟ้าอันไกลโพ้น เมฆมงคลเกาะเป็นกลุ่มก้อน ม่านหมอกล่องลอย

เทือกเขาเป็นลูกคลื่นดุจมังกร ทอดยาวไปท่ามกลางฟ้าดิน ไม่มีที่สิ้นสุด

หากมองด้วยสายตาของเหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ คงมองไม่ออกว่าสถานที่แห่งนั้นมีสิ่งใดพิเศษ

แต่ซูอี้กลับทราบได้ทันที ว่ามันมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในภูเขากลุ่มนั้น!

“ไป ไปตรงนั้นกัน!”

พูดจบ ซูอี้ก็เป็นฝ่ายพุ่งออกไปก่อนใคร

เส้นทางบนทิวเขาราวกับมังกรและงูที่คดเคี้ยวไปมา ยอดเขากระจัดกระจายสลับฟันปลา ท้องฟ้ากว้างครอบคลุมทั่วทุกทิศ กล่าวได้ว่าที่แห่งนี้คือ ‘ถ้ำสมบัติมหาวิถี’ ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์โดยแท้!

บริเวณตรงกลางที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นสถานที่ที่ปราณวิญญาณหนาแน่นที่สุด และยังเป็นสถานที่ตั้งของถ้ำสมบัติมหาวิถีด้วย

เช่นเดียวกับสถานที่แห่งนี้ เมื่อวันเวลาผ่านไปภายใต้การสะสมของปราณวิญญาณ ย่อมต้องให้กำเนิดวัตถุวิญญาณชนิดพิเศษออกมา

ไม่ว่าจะเป็นแร่ชีพจรวิญญาณคุณภาพสูง โอสถล้ำค่ามหาวิถี หรือบางทีอาจเป็นสมบัติล้ำค่าอื่น ๆ อีกก็ได้!

และแม้จะมีถ้ำสมบัติมหาวิถีอยู่ในเก้ามหาแดนดิน ทว่าก็พบเห็นได้น้อยมาก ดังนั้นมันจึงมีค่าพอที่จะทำให้สำนักกลุ่มเต๋าขั้วอำนาจต่าง ๆ รวมตัวกันออกมาแย่งชิง!

ซูอี้ไม่คาดคิดเลยว่าในสถานที่อันลึกลับไร้คนรู้จักแห่งนี้จะมีเช่นกัน!

“ถ้าสถานที่เร้นลับแห่งนี้เคยเป็นดินแดนของหอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุจริง ๆ เช่นนั้นมันก็ไม่น่าแปลกใจเลย…”

ซูอี้กล่าวเงียบ ๆ

ตราบใดที่เป็นสถานที่ซึ่งกองกำลังระดับจักรพรรดิยึดครองเอาไว้ จะต้องเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นนำของโลกหล้าแน่ ทั้งทัศนียภาพที่งดงาม ทั้งชีพจรวิญญาณที่เกี่ยวโยง และยังรุ่งเรืองเฟื่องฟูด้วย

เพราะสิ่งนี้จึงทำให้กลุ่มเต๋าระดับจักรพรรดิมั่งคั่ง และอยู่ยงคงกระพัน

ด้วยหากเป็นสถานที่ธรรมดาย่อมไม่สามารถรองรับความต้องการของผู้คนในขอบเขตจักรพรรดิได้ และเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะกลายเป็นสถานที่ซึ่งกลุ่มเต๋าขุมกำลังระดับจักรพรรดิจะหยั่งราก!

ไม่นานเหล่านักเดินทางก็มาถึงภูเขา

“บอกได้เลยว่าปราณวิญญาณที่นี่แข็งแกร่งยิ่งนัก!” เก๋อเฉียนแสดงความประหลาดใจออกมา

ทันทีที่มาถึงก็สังเกตได้ว่าปราณวิญญาณในภูเขาหนาแน่นมาก แทรกซึมอยู่ในทุกอณู และมากเสียจนเกิดความขุ่นมัวลอยละล่องไปทั่ว

“หากฝึกฝนที่นี่ เจ้าจะไม่ต้องกังวลว่าผลการฝึกของเจ้าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อาจบรรลุได้…”

ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเบา ๆ

เมื่อเทียบกับสถานที่แห่งนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของวังเทพสวรรค์เมฆาด้อยกว่ามาก

“ไม่แปลกใจที่ภูมิหลังและการฝึกฝนของตัวตนร้ายกาจจากยุคโบราณจะทรงพลังมาก พวกเขาได้รับการฝึกฝนในสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยปราณวิญญาณตั้งแต่ยังเยาว์วัย หากไม่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น เช่นนี้แล้วก็ย่อมแสดงว่าคนผู้นั้นใช้ไม่ได้!”

เยว่ซือฉานถอนหายใจ

เมื่อเทียบกับสถานที่แห่งนี้ ปราณวิญญาณบนมหาทวีปคังชิงน้อยมากและขาดแคลนจนน่าโมโห

“การฝึกฝนมหาวิถีไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน หากเจ้าต้องการบรรลุความสำเร็จในมหาวิถี เงื่อนไขสี่ประการที่ต้องปฏิบัติตามอย่าง ‘ความมั่งคั่ง’ ‘สหาย’ ‘กฎ’ และ ‘ดินแดน’ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน”

ซูอี้พูดเสียงเรียบ “แต่ถ้าเจ้าต้องการเข้าสู่เส้นทางแห่งมหาวิถี การฝึกสภาพจิตใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากใจยึดมั่นในเต๋าเจ้าจะไม่หลงกลกับรูปลักษณ์ภายนอก หากสภาวะอารมณ์ไม่เพียงพอ เจ้าจะหลงทางอยู่ในมหาวิถีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

เหวินซินจ้าว เยว่ซือฉาน และเก๋อเฉียนต่างตกใจ ก่อนจะครุ่นคิด

หลังจากนั้นไม่นาน

พวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงส่วนกลางของภูเขาแล้ว

นี่คือหุบเขาที่มียอดเขาสูงรอบด้าน สูงตระหง่านท่ามกลางหมู่เมฆราวกับมีกำแพงล้อมรอบหุบเขา

ทะเลเมฆาบนท้องฟ้ากำลังล่องลอย ลำแสงที่ส่องลงมานับพันมาถูกปราณวิญญาณแปรเปลี่ยนราวภาพฝัน

ลวดลายแบบนี้คือ ‘ท้องฟ้ากว้างครอบคลุมทั่วทุกทิศ’ ซึ่งเป็นดั่งตัวชี้บอกตำแหน่งถ้ำสมบัติมหาวิถีของธรรมชาตินั่นเอง!

หุบเขานี้มีระยะทางมากกว่าสิบลี้ มีเนินเขาเตี้ย ป่าทึบที่กระจัดกระจายอยู่ข้างใน และยังมีแม่น้ำไหลผ่านราวกับงูที่คดเคี้ยว

หมอกปราณวิญญาณจาง ๆ ในอากาศทำให้โดยรอบขมุกขมัวราวมีผ้าแพรโปร่งคลุมอยู่ ทำให้ทัศนียภาพภายในหุบเขาเพิ่มสีสันความลึกลับ

ตรงกลางหุบเขามีทะเลสาบเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

ทะเลสาบแห่งนี้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก

น้ำในทะเลสาบมีแผ่นน้ำแข็งสีฟ้าปิดเอาไว้ แผ่ความหนาวเย็นออกมาจนหนาวเหน็บ พื้นดินรอบด้านถูกน้ำแข็งเกาะหนาเป็นชั้น ๆ และไม่มีหญ้าขึ้น

ตรงกลางทะเลสาบมีดอกบัวกำลังลุกเป็นไฟดอกหนึ่ง

ก้านของมันเหมือนหยกเลือดใสบริสุทธิ์ พร้อมด้วยใบบัวสามใบคอยปกป้องรูปลักษณ์เอาไว้ ซึ่งใบบัวแต่ละใบก็มีสีแดงสดราวกับไฟ และเปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมา

เหนือก้านและใบบัวเหล่านั้นขึ้นไปอีก มีดอกบัวดอกหนึ่งดำราวกับหมึก ดอกหนึ่งขาวประดุจหยก หนึ่งดำหนึ่งขาว เหมือนใสและขุ่น หยางและหยิน ก่อรูปร่างเป็นจังหวะเทวะแห่งมหาวิถีขั้นสมบูรณ์ชนิดหนึ่ง

เมื่อมองจากที่ไกล ๆ จะเห็นว่าดอกบัวดอกนี้อาบแสงปราณวิญญาณอันงดงาม ใบบัวสีแดงและตัวดอกสีดำขาวได้ขับกันให้มีสีสันงดงาม

“นี่คือ?”

เหวินซินจ้าว เยว่ซือฉาน และเก๋อเฉียนประหลาดใจ

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักดอกบัวชนิดนี้ เพียงแต่บรรยากาศที่ไม่ธรรมดาทำให้พวกเขารู้ว่านี่จะต้องเป็นโอสถล้ำค่าที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้แน่นอน!

“บงกชเพลิงของสองเทพผู้ขับไล่โรคภัย หนึ่งพันปีผลิบาน หนึ่งพันปีออกผล เรียกได้ว่าเป็นโอสถล้ำค่ามหาวิถี ตามธรรมชาติแล้วจะเลี้ยงด้วยพลังมหาวิถีสามชนิดอย่าง ไฟ หยิน และหยาง ในหมู่โอสถล้ำค่ามหาวิถี เรียกได้ว่าล้ำค่านัก”

ซูอี้พูดอย่างสบาย ๆ “หากปรุงลำต้น เจ้าจะเข้าใจจังหวะวิถีแห่งไฟ หากปรุงตัวดอก เจ้าจะเข้าใจจังหวะวิถีแห่งหยิน และจังหวะวิถีแห่งหยางตามลำดับ”

“โดยทั่วไปแล้ว โอสถล้ำค่ามหาวิถีเช่นนี้มักจะถูกกลุ่มเต๋าชั้นนำเหล่านั้นมอบให้ศิษย์สายตรงของสำนัก”

“เช่นนั้นแล้ว ก็สามารถเข้าใจและควบคุมพลังของจังหวะวิถีได้อย่างง่ายดาย คุณค่าของมันไม่อาจเทียบได้กับโอสถวิญญาณทั่วไป”

โอสถล้ำค่ามหาวิถี เรียกได้ว่าเป็นโอสถวิญญาณที่มีพลังจังหวะเทวะแห่งมหาวิถี หายากยิ่ง

หากอยู่ในเก้ามหาแดนดิน โดยทั่วไปแล้วจะมีเพียงกลุ่มเต๋าขั้วอำนาจระดับจักรพรรดิในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดครอบครองได้เท่านั้น จึงจะสามารถหล่อเลี้ยงโอสถล้ำค่ามหาวิถีเช่นนี้ได้

โอสถล้ำค่ามหาวิถี!

เหวินซินจ้าว และคนอื่น ๆ ตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้

ยิ่งได้ยินคำพูดของซูอี้ ก็ยิ่งทำให้พวกเขาตระหนักได้มากขึ้นว่าบงกชเพลิงของสองเทพผู้ขับไล่โรคภัยที่อยู่เบื้องหน้า แทบเรียกได้ว่าเป็นโชคลาภที่หาได้ยากยิ่ง!

“สิ่งเดียวที่ยังไม่พอคือ ดอกบัวดอกนี้ยังร้อนไม่พอ และดอกยังไม่บาน ทั้งยังไม่ออกผล เมล็ดบัวในดอก ทุก ๆ เมล็ดจะมีจังหวะวิถีรวมอยู่ด้วย คุณค่าที่แท้จริงของมันเหนือล้ำนัก ไม่อาจเทียบกับตอนนี้ได้เลย”

ซูอี้รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเคยสร้างสระบัวแห่งหนึ่งภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง และปลูกดอกบัวล้ำค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ทุกชนิดในโลกโuเวลกูดoทคoม

ยามที่ดอกของมันบาน กลิ่นหอมจะอบอวลไปทั่วสารทิศ เบ่งบานอย่างงดงาม มันสวยงามมากจริง ๆ

ในหมู่พวกมันก็มีบงกชเพลิงของสองเทพผู้ขับไล่โรคภัยด้วย

ทว่าในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ ด้วยวิถีเต๋าและเขตแดนของซูอี้ ที่เขาเปิดสระบัวเช่นนี้ขึ้นได้ก็เพื่อชื่นชมมันเท่านั้น บางครั้งก็จะเก็บเมล็ดบัวส่วนหนึ่งและกลีบดอกมาต้มชาหมักสุรา

“อย่างไรก็ตาม นี่นับได้ว่าเป็นโชคดีประการหนึ่ง เพราะข้าต้องการเพียงเข้าใจจังหวะวิถีแห่งหยาง ด้วยโอสถล้ำค่าชนิดนี้ มันย่อมช่วยทำให้ข้าประหยัดเวลาได้มาก”

ว่าจบ ซูอี้ก็พุ่งไปทางทะเลสาบ

ยามที่พวกเขาเข้าใกล้ อากาศเย็นเยียบเข้ากระดูกก็ปะทะใบหน้า และในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นดอกไม้จาง ๆ ลอยมา ทำให้รู้สึกสบายใจเมื่อได้กลิ่นด้วย

“หืม?”

ในไม่ช้าซูอี้ก็พบกับบางอย่างเข้า นิ้วเท้าออกแรงเล็กน้อย

แกร็ก!

น้ำแข็งชั้นหนาบนพื้นแตกออก เผยให้เห็นแผ่นศิลาสีดำที่ทิ้งไว้บนพื้น

ซูอี้ยืดแขนออกมา ก่อนที่แผ่นศิลาสีดำพร้อมกับดินจะลอยขึ้นมาในอากาศ เขาเห็นบนแผ่นศิลาสลักตัวอักษรปีศาจโบราณไว้ประโยคหนึ่งว่า

เชิญรับชมสระบัว!

การค้นพบนี้ทำให้ซูอี้อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงออกมา “แน่นอนว่า เกาะเซียนพระสุเมรุแห่งนี้ย่อมต้องเป็นพื้นที่ของหอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุ ซึ่งเมื่อสามหมื่นปีที่แล้วสระบัวแห่งนี้ถูกดูแลโดยหอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุ แต่ผลของการจองจำแห่งยุคมืดได้ทำให้สระบัวกลายสถานที่ที่ไร้เจ้าของ”

หอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุเป็นหนึ่งในสามกลุ่มสำนักผู้ฝึกปีศาจเมื่อสามหมื่นปีที่แล้ว

ลายมือบนศิลาแผ่นนี้คืออักษรปีศาจโบราณที่สลักไว้ ไม่ต้องใช้ความคิดก็รู้ได้สระบัวนี้เดิมทีเป็นพื้นที่ล้ำค่าของหอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุ

“ศิษย์พี่ซู ท่านรู้เยอะจัง…”

เหวินซินจ้าวอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

เยว่ซือฉานและเก๋อเฉียนเองก็ด้วย

พูดอย่างจริงจัง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ออกมาสำรวจโลกเร้นลับด้วยกันกับซูอี้ ทว่าความรู้และความสามารถที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นตลอดทางทำให้พวกเขาประหลาดใจอยู่หลายครั้ง

จนกระทั่งตอนนี้ แม้กระทั่งอักษรปีศาจโบราณซูอี้ก็จำได้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าในโลกใบนี้… มีอะไรที่ซูอี้ยังไม่รู้อีก?

สิ่งที่เรียกว่าเข้าใจทั้งอดีตและปัจจุบันอย่างแจ่มแจ้ง จดจำได้ร้อยพันเรื่อง คือดั่งที่พวกเขากำลังพบเห็นในขณะนี้นี่เอง!!

“ไม่แปลกใจที่เฒ่าชรานั่นอยากให้ข้าเดินทางมากับเขา แค่ความสามารถที่เขาแสดงให้เห็นตลอดทางก็มหัศจรรย์มากพอแล้ว แม้แต่ตัวตนจากยุคโบราณก็คงเทียบไม่ติด…”

เก๋อเฉียนพึมพำกับตัวเอง

และเพราะทราบว่าชายหนุ่มไม่ใช่ผู้สิงสถิต เช่นนั้นแล้วซูอี้ก็คงเป็นเทพเซียนลงมาโปรดเป็นแน่แท้!

“แค่เห็นมาเยอะเท่านั้น”

ซูอี้กล่าวพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังบงกชเพลิงของสองเทพผู้ขับไล่โรคภัยที่อยู่ตรงกลางสระบัว ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา

“ดูเหมือนช่วงเวลาที่เรามาถึงจะไม่ได้แย่เสียเท่าไร ภายในสามวันนี้บัวตูมดอกนี้จะบานเต็มที่ เมื่อถึงเวลานั้นจังหวะวิถีทั้งสอง ‘หยินและหยาง’ ที่หล่อเลี้ยงอยู่ก็จะเรียกได้ว่าสมบูรณ์!”

สามวัน!

เปลือกตาของเก๋อเฉียนกระตุกอย่างรุนแรง เขาเอ่ยอย่างกังวล “คุณชายซู สามวันนานเกินไปแล้ว ในความคิดของผู้น้อย ไม่ว่ามันจะโตเต็มวัยหรือไม่ก็ตามเราเก็บมันมาใส่ย่ามไว้ก่อนเถิด จากนั้นก็รีบไปจากที่นี่ให้ไวจึงจะปลอดภัยที่สุด หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรขึ้นมา จะต้องเกิดการปะทะอย่างรุนแรงขึ้นที่นี่แน่…”

ยังเอ่ยไม่ทันจบ…

ซูอี้อดไม่ได้ที่จะตะโกนออก “ปากเสีย!”

เสียงยังคงก้องกังวาน เขาพลันใช้นิ้วฟันออกไปเป็นดาบอย่างฉับพลัน มันพุ่งออกไปในแนวขอบฟ้า

ปราณดาบสีใสฟันออกมา

เคร้ง!!

อากาศเบื้องหน้าที่ห่างจากซูอี้ไปสามฉื่อ เกิดเสียงกระแทกฉับพลัน

ท่ามกลางแสงแดดสาดส่อง ลูกศรสีดำอันเล็ก ๆ ขนาดเจ็ดชุ่นก็ระเบิดออก เปลี่ยนหมอกสีเลือดที่กระจายไปทั่วให้กัดกินบรรยากาศอันน่าอัศจรรย์ใจรอบข้าง

เห็นได้ชัดว่าหมอกสีเลือดนี้มีพิษร้ายแรง มันมาพร้อมกับกลิ่นเลือดเหม็นหืนน่าสะอิดสะเอียน

แต่ก่อนที่หมอกสีเลือดจะกระจายออกไป ซูอี้ก็ใช้ฝ่ามือรวบมันไว้ในฉับพลัน

ตูม!

หมอกสีเลือดถูกจัดการและหดเล็กลง กลายเป็นกลุ่มแสงสีเลือดขนาดเท่ากำปั้นซึ่งถูกซูอี้จับไว้ในฝ่ามือ

“นี่คือ…”

สีหน้าของเหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉานเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เก๋อเฉียนก็เบิกตากว้าง

พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นการลอบสังหารด้วยความเร็วเช่นนี้มาก่อนเลย และในตอนที่ตอบสนองต่อมันก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูกธนูสีดำขนาดเจ็ดชุ่นนั้นผิดปกติและน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน ไร้สุ้มเสียง ไร้รูปร่าง และในจังหวะที่ไม่ทันคาดคิดมันก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว!

หากซูอี้ไม่สังเกตและเคลื่อนไหวก่อน พวกเขาก็ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย

ใครกันที่แอบย่องเข้ามา!?

ฟึบ!

ในตอนนั้นเองที่ข้อมือของซูอี้สั่น ก่อนกลุ่มแสงสีเลือดจะหนีห่างออกไปราวกับลูกธนูพุ่งออกจากคันศร และมุ่งไปยังยอดเขาอันห่างไกล

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset