📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 492

บทที่ 492 - ขับไล่สิ่งชั่ว
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ผู้อาวุโสสุ่ยกล่าวแสดงความเคารพ “นายท่าน อ๋องหย่งจับเซี่ยจิ้งอวี่ผู้เป็นบุตรชายเข้าห้องขังประจำตระกูลแล้ว ทั้งยังมีคำสั่งให้เขาอยู่ในนั้นเป็นเวลาสามปี”

“นอกจากนี้ อ๋องหย่งหวังว่าจะสามารถขอรับโทษต่อหน้านายท่าน”

ชายวัยกลางคนขมวดหัวคิ้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในฐานะที่เป็นบุตรหลานเชื้อพระวงศ์ แต่ไปคบหาสมาคมกับอสูรชั่วของสำนักอสูรเทียนเยียน อ๋องหย่งลงโทษเพียงเท่านี้น่ะหรือ?”

เขาหมุนตัวเดินไป “สุนัขเฒ่า เจ้าจงนำท่าทีของข้าบอกให้อ๋องหย่งรับรู้ หากว่าเขายังไม่เข้าใจว่าควรจะทำเช่นใด เจ้าจงช่วยทำให้เขาเข้าใจ”

เสียงยังคงดังก้อง ทว่าร่างของเขาได้หายลับไปในความมืดแล้ว

“ขอรับ!”

ผู้อาวุโสสุ่ยโค้งคำนับรับคำสั่ง

คืนนั้น

ณ จวนอ๋องหย่ง ระดับการฝึกตนของเซี่ยจิ้งอวี่ถูกทำลาย กลายเป็นคนธรรมดา

กลุ่มคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเซี่ยจิ้งอวี่ถูกลงโทษประหารชีวิต

ทว่าเรื่องนี้รู้กันเฉพาะจวนอ๋องหย่งเท่านั้น คนนอกไม่มีใครรับรู้

อำนาจก็เป็นเช่นนี้

—–

ณ สวนน้อยนภาเมฆ

ป่าไผ่ดกครึ้ม เรือนรายเรียง น้ำใสโอบล้อม

ตัวเรือนที่งดงามตั้งรายล้อม มีกลิ่นอายสีสันแห่งอดีตกาลแผ่ปกคลุม เรียบง่ายงดงาม

ภายใต้แสงราตรี โคมไฟสีแดงแขวนสูงลิ่ว ส่องแสงสว่างไสว อบอุ่นและสงบเงียบ

นอกจากนี้ ภายในสวนน้อยนภาเมฆยังจัดให้มีห้องฝึกสมาธิ มีชานชาลาดื่มชาชมทิวทัศน์ มีห้องลับสำหรับหลอมโอสถและอาวุธ…

ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ หรือการจัดตกแต่ง ล้วนแสดงถึงกลิ่นอายแห่งความสูงส่งไม่ธรรมดา

แม้กระทั่งปลาน้อยที่เพาะเลี้ยงในสระก็ยังเป็นปลาหายากสีสันงดงาม ตัวหนึ่งมีมูลค่าเป็นหินวิญญาณระดับห้าสิบก้อน

ทว่าปลาหลากสีเช่นนี้ กลับว่ายเวียนอยู่ในสระเป็นฝูง ๆ

กล่าวโดยสรุป ภายในสวนน้อยนภาเมฆแห่งนี้ ตั้งแต่ตัวเรือน จนถึงต้นไม้ใบหญ้า ล้วนถูกตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ส่งกลิ่นอายแห่งความสูงสง่าอันมีแต่ผ่านกาลเวลาที่เนิ่นนานแล้วเท่านั้นจึงสามารถสัมผัสได้

จวนที่พักเช่นนี้ ตั้งอยู่ติดกับถนนสายหลักของนครหลวงจิ๋วติ่ง ซึ่งทุกตารางนิ้วล้วนมีสนราคาแพงลิ่วในชุมชมมังกรเขียว กินเนื้อที่ทั้งหมดถึงร้อยไร่!

อีกด้านหนึ่งของสวนน้อยนภาเมฆคือ ‘แอ่งเกล็ดทอง’ ซึ่งเป็นแอ่งอันมีชื่อเสียงของนครหลวงจิ๋วติ่ง แอ่งแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่ง ทำให้พลังต้นกำเนิดแห่งฟ้าดินบริเวณรอบ ๆ ชุมชนมังกรเชียวมีความเข้มข้นและหนาแน่นกว่าที่อื่น ๆ มาก

“สถานที่แห่งนี้ไม่เลว”

ซูอี้พยักหน้า หลังจากที่มาถึงสวนน้อยนภาเมฆแล้ว เขาส่งตัวเยว่ซือฉานให้แก่ไป๋เวิ่นฉิง และสั่งให้นางจัดให้หญิงสาวพักในห้องที่เขาเตรียมไว้

ตั้งใจว่าคืนนี้หลังจากพักเอาแรงแล้วจะช่วยขับไล่พิษกู่ในร่างของนาง

“นายท่าน วันนี้หลังจากที่ข้าไปหอทะเลสาบเมฆาแล้ว…”

ไป๋เวิ่นฉิงเล่าเหตุการณ์ที่ประสบในหอทะเลสาบเมฆาวันนี้อย่างละเอียด จากนั้นก็คืนหยกปักษามังกรให้ซูอี้

“ทังเจี้ยนเซินบังอาจหลอกใช้เจ้า หาเรื่องตายเสียแล้ว!”

หยวนเหิงโกรธจัด

ไป๋เวิ่นฉิงรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา พลางกล่าวอ่อนโยน “พี่หยวนเหิงไม่ต้องเป็นห่วงไป ทังเจี้ยนเซินเจอกรรมตามสนอแล้ว อ้อ ใช่สิ คืนนี้พี่กับนายท่านไปที่ใดกันมา?”

หยวนเหิงรู้สึกละอายขึ้นมา ตอบอึก ๆ อัก ๆ “เรื่องนี้… เออ… อืม… พูดแล้วเรื่องมันยาว รอให้ว่างแล้วข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียด”

ซูอี้ชำเลืองมองหยวนเหิงด้วยสายตาดูแคลน ก็แค่ไปหอนางโลมเท่านั้น ต้องกระอักกระอ่วนถึงเพียงนี้เลยหรือ?

“พวกเจ้าไปพักผ่อนกันเถิด”

จากนั้นซูอี้ก็เดินไปที่ห้องของตัวเอง

ปลายนิ้วของเขาลูบคลึงหยกปักษามังกรในมือเบา ๆ ตลอดทาง ทว่าในใจรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

ฐานะของฮวาซิ่นเฟิงไม่ธรรมดาเลย!

ข้าวของในนครหลวงจิ๋วติ่งมีราคาแพง ผู้ฝึกตนโดยทั่วไปไม่ต้องหวังเลยว่าจะมีสถานที่สามารถหลบฝนหลบแดดในเมืองนี้ได้

อย่างชุมชนมังกรเขียวที่สวนน้อยนภาเมฆแห่งนี้ตั้งอยู่ หากไม่ใช่ขุมกำลังตระกูลยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่ในระดับชั้นสูงของนครหลวงจิ๋วติ่งล่ะก็ ต่อให้จ่ายทรัพย์สินเงินทองมากเพียงไหนก็ไม่มีทางจะมีที่พักอยู่ในชุมชนมังกรเขียวแห่งนี้ได้!

แต่ตอนนี้ อาศัยเพียงแค่หยกชิ้นเดียวก็สามารถสั่งให้หอทะเลสาบเมฆาจัดจวนที่พักใหญ่โตเช่นนี้ได้ ฐานะของฮวาซิ่นเฟิงจะธรรมดาได้เช่นใดกัน?

และก็เป็นเพราะหยกชิ้นนี้ หอทะเลสาบเมฆาจึงจัดการกับทังเจี้ยนเซินบุตรชายของขุมกำลังใหญ่อย่างเต็มอัตรา

ทั้งหมดนี้เพียงพอจะแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังฮวาซิ่นเฟิงนั้นมีความยิ่งใหญ่ถึงเพียงใด

และแน่นอน ซูอี้ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้

เพียงแต่ว่า จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ เขาได้ข้อสรุปมาอย่างหนึ่ง โดยข้อสรุปนี้ทั้งเกี่ยวข้องกับหยกปักษามังกรชิ้นนี้ และเกี่ยวข้องกับผู้เป็นนายของเวิงจิ่งคนนั้นด้วยเช่นกัน

“ผู้เป็นนายของเวิงจิ่วจะต้องมาหาอีกอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นก็จะได้รู้ความจริง”

ซูอี้ลอบคิดกับตัวเอง

เขาเก็บหยกแล้วเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง

บนเตียง เยว่ซือฉานเอนกายนอนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ดวงตาหลับพริ้ม สลบไสลไม่ตื่น ใบหน้าที่งดงามราวกับภาพวาดแลดูซีดขาว เห็นแล้วรู้สึกสงสาร

ซูอี้เกิดความสงสารเอ็นดูขึ้นมา

นึกถึงตอนที่อยู่อาณาจักรต้าโจว เยว่ซือฉานราชาขนนกเป็นถึงตำนาน ในใจของผู้ฝึกตนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน นางเปรียบเสมือนนางฟ้านางสวรรค์

นางมักจะใส่ชุดสีขาวสะพายดาบ งดงามประดุจภาพวาด จิตดาบหนักแน่นใสกระจ่าง ไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว ราวกับหญิงงามในยุทธภพ

นางเป็นต้นกล้าพันธุ์ดีในอาณาจักรต้าโจวที่ซูอี้ให้ความชื่นชมคนหนึ่ง มีกายวิญญาณอันลึกล้ำ ความสามารถล้ำเลิศ มีพรสวรรค์และความเพียรพยายามในวิถีดาบเหนือกว่าคนอื่น ๆ

เยว่ซือฉานเป็นคนเก็บตัวและเย็นชา ทว่ากลับมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความดื้อรั้น และชอบเอาชนะ ซึ่งแตกต่างไปจากนางปีศาจดาบน้อยเหวินซินจ้าว

เหวินซินจ้าวสดใสและกล้าแสดงออกกว่ามาก ใจคอกว้างขวาง มองแล้วมีชีวิตชีวากระฉับกระเฉง

สาวน้อยสองคนนี้มีความมุ่งมั่นในหนทางแห่งดาบเหมือนกัน ต่างก็มีความงดงามเป็นเลิศเหมือนกัน และก็สามารถทำให้ซูอี้รู้สึกชื่นชมเหมือนกัน เพียงแต่ว่า นางทั้งสองกลับมีนิสัยและลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เปรียบดังดอกเหมย ดอกหลัน กิ่งไผ่ และเก๊กฮวย ที่ต่างก็โดดเด่นกันไปในแต่ละแบบ

แต่ที่ซูอี้คาดไม่ถึงก็คือ คืนวันแรกที่ตนเองมาถึงนครหลวงจิ๋วติ่ง สาวน้อยผู้งดงามล้ำเลิศอย่างเยว่ซือฉานกลับโดนพิษรุนแรงเกือบตาย!

จับจ้องดูเย่วซือฉานเงียบ ๆ สักครู่หนึ่ง ซูอี้ก็เอื้อมมือออกไปถลกผ้าห่มขึ้น เผยให้เห็นร่างอรชรได้สัดส่วนของเยว่ซือฉาน

จากนั้น ซูอี้คิดสักครู่ สุดท้ายยังคงตัดสินใจสั่งให้ชิงหว่านถอดเสื้อผ้าของเยว่ซือฉานออก

สวบ!

ชิงหว่านปรากฏตัวขึ้นมาในชุดกระโปรงสีแดงทั้งตัว ผิวพรรณขาวเนียนดุจหิมะ ดวงตากลมโตใสสว่างราวกับดวงจันทร์บนท้องนภาโuเวลกูดoทคoม

สาวน้อยเคยผ่านพิบัติอันพิศดารเหนือธรรมดา บัดนี้กลายเป็นผู้ฝึกผีแล้ว เวลานี้เพียงแค่ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้นก็สามารถอธิบายได้ว่างดงามจนลืมหิวนั้นหมายความว่าอย่างไร

เพียงแต่ เมื่อรู้ว่าซูอี้ต้องการให้ตนเองช่วยปลดเสื้อผ้าของเยว่ซือฉานออก ไม่รู้เช่นกันว่าชิงหว่านนึกอะไรขึ้นได้ ใบหน้าสวยจึงขึ้นสีแดงระเรื่อ อายจนก้มหน้านิ่ง กล่าวด้วยความประหม่า “นายท่าน ท่าน… ท่านจะ… ฝึก… ฝึกบำเพ็ญคู่เช่นนั้นหรือ?”

ซูอี้ “…”

นิ่งเงียบไปสักครู่ใหญ่ ๆ เขาตอบด้วยความไม่พอใจ “วัน ๆ หนึ่งสมองน้อย ๆ ของเจ้ามัวแต่คิดเรื่องอะไรอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าข้าต้องการฝึกคู่ ต้องให้เจ้ามาช่วยปลดเสื้อผ้าด้วยหรือ?”

“เอ่อ…”

ชิงหว่านรู้สึกกระอักกระอ่วน เลิ่กลั่กทำหน้าไม่ถูก

“รีบหน่อย ข้าจะช่วยนางแก้พิษ”

ซูอี้สั่งกำชับ “อ้อ อย่าถอดจนหมด เหลือเสื้อผ้าชั้นในไว้”

พูดจบ เขาก็เบนสายตามองไปที่เยว่ซือซานซึ่งนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ไม่ได้รู้สึกว่า ‘ไม่สมควรมอง’ เลยสักนิด

นี่เป็นห้องของเขา จึงไม่จำเป็นต้องหลบ

ยิ่งไปกว่านั้น อีกสักครู่เขายังต้องช่วยแก้พิษให้เยว่ซือฉาน สิ่งที่ควรจะมองและไม่ควรจะมอง สิ่งที่ควรจะแตะหรือไม่ควรจะแตะ ล้วนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ชิงหว่านไม่ชักช้า เริ่มลงมือปลด

เสื้อผ้าบนตัวเยว่ซือฉานมีไม่มาก

ชุดสีขาวหนึ่งชุด แถวรัดเอวสีทองหนึ่งเส้น น้ำเต้าหนักหนึ่งลูก ด้ายแดงที่ผูกบนข้อมือหนึ่งเส้น

เมื่อถอดสิ่งเหล่านี้ออกหมดแล้ว ก็เหลือแต่เพียงชุดชั้นในที่ปกปิดหน้าอกกับกางเกงชั้นในตัวหนึ่งเท่านั้น

ภายใต้แสงไฟ หัวไหล่ที่งดงามขาวเนียนกับขายาวขาวผ่องสวยดุจงาช้าง ปกคลุมไปด้วยประกายอันอ่อนละมุนและยั่วเย้า

ส่วนสัดของสาวน้อยเป็นเลิศ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ผอมมีน้ำมีนวล หัวไหล่กลมกลึง เอวดังคอแจกัน ถึงแม้หน้าอกจะถูกปกปิด ทว่ายังคงไม่อาจปิดบังเนินสูงไปได้

นางนอนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ดุจดังนางฟ้าผู้หลับใหล งดงามไม่มีสิ่งใดเทียม

กระทั่งชิงหว่านก็ยังระงับใจไม่อยู่เอื้อมมือมาหยิกแก้มของเยว่ซือฉาน กล่าวด้วยความตื่นตะลึง “พี่สาวท่านนี้ไม่เพียงแต่สวยจนตะลึงเท่านั้น กระทั่งผิวพรรณก็ยังละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้ สวยเสียเหลือเกิน”

ซูอี้เดินไปหา กล่าวกำชับ “เจ้าจงกดขาทั้งสองของนางไว้”

ชิงหว่านทำตาม รู้สึกเพียงแต่ว่าขาของพี่สาวคนนี้นุ่มละมุนและกระชับ จับสบาย

ซูอี้สูดหายใจลึก ๆ แววตาสดใสทว่าจริงจัง กดฝ่ามือลงบนส่วนท้องที่ขาวเนียนของเยว่ซือฉานเบา ๆ

พลังปราณระหว่างนิ้วซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหนวดสัมผัสของสัตว์เคลื่อนเข้าสู่ร่างของเยว่ซือฉาน

กู่เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นภัยอย่างมหันต์ หากคิดจะกำจัดมัน มีเพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้น คือใช้พลังปราณแรกกำเนิดเป็นสายผูกเป็นปม ‘ประกาศิตขับสิ่งชั่ว’ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับบ่วงพันธนาการ จากนั้นมัดสิ่งชั่วนี้ให้แน่นแล้วค่อย ๆ บีบรัดจนตาย

เช่นนี้จึงจะสามารถขับสิ่งชั่วนี้ออกจากร่างของเยว่ซือฉานได้

ทว่า ด้วยระดับการฝึกตนในตอนนี้ของซูอี้ หากทำให้ได้ถึงขั้นนี้ ต้องใช้เวลาติดต่อกันเจ็ดวัน วันละครึ่งชั่วยาม จึงจะสามารถฆ่าสิ่งชั่วนี้ให้ตายได้

นี่ก็คือความชั่วร้ายของพิษกู่ หากผู้ฝึกตนทั่วไปเจอเข้า ไม่มีทางที่จะหลุดพ้นการควบคุมของสิ่งชั่วนี้ไปได้

ฉับพลัน ร่างของเยว่ซือฉานก็กระตุกอย่างแรง ชิงหว่านออกแรงบีบขาทั้งสองของนาง

เมื่อดูให้ละเอียดจะพบว่าบนใบหน้ามนงามของเยว่ซือฉานปรากฏสีหน้าเจ็บปวดออกมา ริมฝีปากอิ่มเอิบสีชมพูเผยอเล็กน้อย หอบหายใจเร็วและแรง ส่งเสียงครางออกมาโดยไม่รู้ตัว

ชิงหว่านได้ยินเสียงครางนี้แล้ว หน้าของนางก็แดงขึ้นมาอย่างประหลาด ในใจรู้สึกเขินอายยิ่งนัก เสียงนี้เบาบางราวกับเสียงสะอื้น เร็วแรงอ่อนโยน… ผู้ชายคนไหนจะสามารถทนได้

ชิงหว่านชายตามองดูซูอี้แวบหนึ่ง แต่เห็นซูอี้สีหน้าจดจ่อ แววตาสดใสราวกับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย

“สมาธิของนายท่านเหนือคนทั่วไปจริง ๆ”

ชิงหว่านลอบชื่นชมในใจ

แต่นางไม่รู้หรอกว่าเมื่อสักครู่นี้ ชั่วขณะที่เยว่ซือฉานครางออกมา หัวใจของซูอี้ก็สั่นสะท้านเช่นกัน สายใยพลังที่อยู่ระหว่างฝ่ามือเกือบจะผิดพลาดไป

ยังดีที่เขาผ่านประสบการณ์มามาก เห็นเรื่องวาบหวามบนเตียงจนเคยชิน สามารถระงับหักห้ามความคิดฟุ้งซ่านภายในใจออกไปได้ จิตวิญญาณมีแต่ความสว่างใส

เวลาผ่านไปทีละน้อย

ร่างแบบบางขาวเนียนของเยว่ซือฉานกระตุกรุนแรงขึ้นทุกที ลมหายใจรัวเร็ว เหงื่อไหลท่วมตัว ผิวพรรณเนียนละเอียดประดุจไข่มุกผุดประกายสีชมพูไปทั่วเรือนร่าง เสื้อผ้าน้อยนิดที่สวมใส่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ขับเน้นส่วนนูนส่วนเว้าอันยั่วยวน

เห็นได้ชัดว่านางเจ็บปวดทรมาน เสียงครางดังไม่หยุด

ชิงหว่านเห็นแล้วรู้สึกสงสาร ช่วยเช็ดเหงื่อให้นางเป็นระยะ ๆ อย่างเบามือ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม

ซูอี้ชักมือขวาที่กดบริเวณท้องของเยว่ซือฉานกลับมา เป่าลมออกจากปากยาว ๆ ความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

ใช้พลังเป็นสายใย สกัดเป็น ‘ประกาศิตขับสิ่งชั่ว’ ในร่างของเยว่ซือฉาน ความเหนื่อยล้าเช่นนั้นไม่ต่างไปจากการสู้รบครั้งใหญ่เลย

ที่สำคัญคือจิตใจอยู่ในสภาพอ่อนล้ามาก

แต่ก็ยังดี ที่สุดท้ายสามารถใช้ประกาศิตขับสิ่งชั่วจับกู่ได้ ลำดับถัดมาก็เพียงแค่เดินพลังทุกวัน ไม่เกินเจ็ดวันก็สามารถฆ่ากู่ตนนี้ได้!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset