📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 491

บทที่ 491 - กำลังคนนั้นมีขีดจำกัด
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ด้านนอกฮ่วนซีชา

แสงไฟตามถนนหนทางส่องสว่างราวกับมังกรยาว ผู้คนเบียดเสียดเยียดยัด

“ฮูหยินโหรวผู้นี้ช่างรู้กาลเทศะนัก”

ซูอี้มองไปที่หยวนเหิง พบว่าหยวนเหิงปลอดภัยดีทุกประการ

“ทำให้นายท่านต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”

หยวนเหิงแสดงสีหน้าละอายใจออกมา

“ด้วยระดับการฝึกตนของเจ้า จะสู้รบกับคนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้อย่างไร?”

ซูอี้โบกมือพลางกล่าว “หยุดพักเรื่องนี้ พวกเราไปหาแม่นางไป๋กันก่อน”

เขาหยิบยันต์สื่อจิตออกมา สัมผัสรับรู้สักครู่ จากนั้นเดินออกไปไกล ดูราวกับเดินช้าแต่แท้จริงนั้นรวดเร็วมาก ไม่นานนักก็หายตัวไปพร้อมกับหยวนเหิงท่ามกลางฝูงคน

ฉึบ!

ท่ามกลางเงามืดที่หัวมุมถนนแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากฮ่วนซีชาไม่ไกลนัก เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

นักพรตเฒ่าสูดปาก ตาเบิกกว้าง จับจ้องดูกระดอกเต่าสีดำที่แตกหักเป็นเศษย่อยในมือ จิตใจมีแต่ความตื่นตระหนก

“คน ๆ นั้นเป็นเทพเซียนจากที่แห่งใดกัน ดวงชะตาของเขาแข็งเกินไปแล้วกระมัง?!”

สายตาของนักพรตเฒ่าเลื่อนลอย นิ้วมือสั่นระริก

หากว่าซูอี้อยู่ตรงนี้ จะต้องมองออกอย่างแน่นอนว่านักพรตเฒ่าคนนี้ก็คือตาเฒ่าที่คิดจะพักที่ฮ่วนซีชาโดยไม่จ่ายเงิน

ทันใด นักพรตเฒ่าทุบอกกระทืบเท้า ร่ำร้องขึ้นมาในใจ “ให้ตายสิ รู้แต่แรกว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ดวงแข็งถึงเพียงนี้ ไม่ต้องใช้ ‘กระดานพยากรณ์ชะตาฟ้า’ มาทำนายหรอก! คราวนี้ สมบัติของข้าเสียหายหมดแล้ว!”

เขากำหมัดแน่น กัดฟันกรอด ๆ “บัญชีนี้ ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าหนุ่มคนนั้นจะต้องชดใช้!”

นักพรตเฒ่าออกไปจากตรอกแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมองไปที่ฮ่วนซีชาที่อยู่ไกลออกไป พลันรู้สึกก้าวขาไม่ออก

จะไปค้างแรมสักคืน… แล้วชักดาบดีไหมนะ?

ขณะที่กำลังครุ่นคิด เท้าก็เดินออกไปแล้วโดยไม่ฟังคำสั่ง นักพรตเฒ่าโมโหจนทุบขาของตัวเอง เอ๊ะ เจ้าเดินไปเองโดยไม่ฟังคำสั่งได้อย่างไรกัน…

บนใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้มแช่มชื่น น่ารังเกียจยิ่งนัก

โครม!

ไม่นานนัก นักพรตเฒ่าก็ถูกโยนออกมาอีกครั้ง

“พวกเรา อัดตาเฒ่าจอมชักดาบคนนี้ให้ตายเลย!”

บ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินเข้าหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง

——

ราตรีมืดมิดประดุจน้ำ

ณ หอทะเลสาบเมฆา

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมยาวท่าทางสุภาพอ่อนโยน ยืนมือไพล่หลังพิงราวอยู่บนชั้นสูงสุด เขากำลังมองออกไปไกล

จากตรงนี้ สามารถมองเห็นดวงไฟระยิบระยับของแต่ละบ้าน ทิวทัศน์งดงามดุจภาพวาด

ผู้เฒ่าสุ่ยที่ยืนอยู่อีกด้านกล่าวด้วยความนอบน้อม “นายท่าน แม่นางไป๋ท่านนั้นถือหยกปักษามังกรมา ข้าไม่กล้าชักช้า แต่ที่น่าแปลกก็คือ นางกลับให้จัดสถานที่พักผ่อนให้กับนายของนางเท่านั้น…”

ชายวัยกลางคนส่งเสียงร้องอืม พลางกล่าวด้วยเสียงเหม่อลอย “พวกเขานายบ่าวมาถึงนครหลวงจิ๋วติ่งเป็นวันแรก จำเป็นต้องหาที่พักผ่อนเป็นธรรมดา เจ้าจัดให้พวกเขาพักผ่อนกันที่ใด?”

ผู้เฒ่าสุ่ยตอบเบา ๆ “ชุมชนมังกรเขียว สวนน้อยนภาเมฆ”

“สวนน้อยนภาเมฆ…”

แววตาของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป หมุนตัวมองไปที่ผู้เฒ่าสุ่ย กล่าวเสียงเย็นชา “สุนัขเฒ่า เจ้ากำลังทดสอบจิตใจของข้าอยู่เช่นนั้นหรือ?”

ผู้เฒ่าสุ่ยรีบก้มหน้า “ข้าน้อยมิบังอาจ ข้าน้อยเพียงแต่นึกขึ้นได้ว่า เจ้าของหยกปักษามังกรชิ้นนั้นเคยพักที่สวนน้อยนภาเมฆ…”

ชายวัยกลางคนโบกมือพลางกล่าว “พักเรื่องนี้ไว้ก่อน”

ผู้เฒ่าสุ่ยนิ่งเงียบไป

“นายท่าน”

เวลานี้ ร่างของเวิงจิ่วก็ปรากฏขึ้น

“เจ้าหนุ่มคนนั้นกล่าวเช่นใด?”

ชายวัยกลางคนถาม

เวิงจิ่วรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฮ่วนซีชาอย่างละเอียด

เมื่อรู้ว่าเซี่ยจิ้งอวี่ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ชายวัยกลางคนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางกล่าวคำ “คน ๆ นี้คือบุตรของอ๋องหย่งเช่นนั้นหรือ?”

เวิงจิ่วพยักหน้ากล่าว “ใช่ขอรับ”

ชายวัยกลางคนมองไปที่ผู้เฒ่าสุ่ย กล่าวน้ำเสียงผ่อนคลาย “เจ้าจงไปที่จวนอ๋องหย่ง บอกอ๋องหย่งว่า คนที่ทำเสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลเช่นนี้ วันข้างหน้าอย่าได้ออกมาทำขายหน้าอีก”

“ขอรับ”

ผู้เฒ่าสุ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป

เมื่อรู้ว่าซูอี้อยู่ภายใต้การคุกคามของอสูรเฒ่าฮว่าถูกับฮูหยินโหรวซึ่งเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ แต่ยังคงสามารถฆ่าซือคงเป้าซึ่งเป็นตัวตนยุคโบราณได้อย่างเด็ดขาดฉับไว ชายวัยกลางคนถึงกับตาลุกวาว

“แกร่งมาก!” เขากล่าวชื่นชม

จนกระทั่งเล่าเรื่องในคืนนี้จนจบแล้ว เวิงจิ่วโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวรับผิด “คืนนี้ผู้น้อยกระทำไปโดยพลการ ยืมพลังแห่งค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนฆ่าเฒ่าฮว่าถู นายท่านได้โปรดลงโทษ!”

ชายวัยกลางคนกล่าวไม่คิดมาก “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

เขาคิดสักครู่จึงกล่าว “เจ้าคิดว่า คนหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างไร?”

เวิงจิ่วแสดงสีหน้าจนปัญญา กล่าว “ตามความคิดของข้า คน ๆ นี้หยิ่งลำพองในความสามารถของตน ไม่มองใครอยู่ในสายตา แม้กระทั่งผู้น้อยก็ไม่อยู่ในสายตาเขา พูดจาไม่มีความเกรงใจ ทำให้ผู้น้อยรู้สึกว่าไม่สมควรช่วยเหลือเขาเลย….”

ชายวัยกลางคนถึงกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

เขานึกถึงตอนที่พบกับซูอี้ที่หน้าประตูเมืองในวันนี้ ซูอี้ไม่มีท่าทีเกรงใจแม้แต่น้อย ทำให้เขาต้องลดตนมาขอคำชี้แนะโuเวลกูดoทคoม

กระทั่งเรียกว่าสหายน้อยก็ยังไม่ได้ ต้องเรียกว่าสหายเต๋า…

เห็นว่าเวิงจิ่วก็เสียหน้าเวลาอยู่ต่อหน้าซูอี้ ชายวัยกลางคนรู้สึกจิตใจโล่งสบายขึ้นมาอย่างประหลาด

สักพักใหญ่ ๆ ชายวัยกลางคนจึงเก็บเสียงหัวเราะ กล่าวเห็นด้วย “คน ๆ นี้โอหังมากจริง ๆ ความโอหังฝังลึกลงในกระดูก ไม่ว่ากิริยาวาจาหรือแม้แต่คำสรรพนามล้วนต้องสูงกว่าใครคนอื่น”

“แต่ว่า…”

เวิงจิ่วกล่าวเสียงเข้ม “ถึงแม้คน ๆ นี้จะไม่มองใครอยู่ในสายตา แต่ก็ไม่ใช่พวกคุยโม้โอ้อวด ในทางกลับกัน ในบรรดาคนหนุ่มที่ผู้น้อยเคยพบมาทั้งหมด คน ๆ นี้ถือได้ว่าร้ายกาจที่สุด และเป็นคนที่มองออกยากมากที่สุดคนหนึ่งเช่นกัน”

ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยความสนใจ “กล่าวเช่นนี้หมายความเช่นใด?”

“ซือคงเป้าเป็นหนึ่งในตัวตนโบราณที่แข็งแกร่งยิ่ง ระดับการฝึกตนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา ผู้ที่สามารถต้านทานรับมือแทบจะนับนิ้วได้ แต่เห็นได้ชัดว่าซือคงเป้าสู้ด้วยไม่ได้ เช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าพื้นฐานและความสามารถของซูอี้นั้นน่ากลัวเพียงใด”

สายตาของเวิงจิ่วเย็นยะเยือกดุจหิมะ พลางกล่าวคำออก “และภายใต้การคุกคามของตัวตนทั้งสองในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ เขายังคงฆ่าซือคงเป้าตายได้โดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เช่นนี้อาจจะแสดงให้เห็นได้ว่าในมือของเขามีไพ่ลับที่สามารถต่อสู้กับคนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณอย่างพวกเขาทั้งสองได้”

ชายวัยกลางคนพยักหน้า ก่อนจะกล่าว “เจ้าจงพูดต่อไป”

ดวงตาของเวิงจิ่วฉายแววย้อนรำลึกความทรงจำ “สิ่งที่ทำให้ผู้น้อยไม่เข้าใจก็คือ สายตาของคน ๆ นี้น่ากลัวเสียเหลือเกิน เมื่อผู้น้อยยืมพลังแห่งค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนเพื่อฆ่าอสูรเฒ่าฮว่าถู คนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ในอาการตื่นตะลึง มีแต่คน ๆ นี้เพียงคนเดียวที่ไม่รู้สึกตื่นกลัว ราวกับมองออกว่าพลังที่ผู้น้อยใช้นั้นเป็นพลังเช่นใด”

ชายวัยกลางคนหรี่ตา แล้วกล่าว “ไม่แปลก อย่าลืมว่า นับแต่อดีต เขาเป็นเพียงแค่คนเดียวที่สามารถสังเกตเห็นสภาพการณ์ของ ‘ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน’ บนกำแพงเมือง หากไม่ใช่เพราะเช่นนี้ ข้าต้องให้เจ้าไปพบเขาด้วยหรือ?”

เวิงจิ่วส่ายหน้าพลางกล่าว “นายท่าน หากว่าเพียงแค่นี้ ยังพอเข้าใจได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมองเป้าหมายของผู้น้อยออกก่อนหน้าแล้ว ทั้งยังกล่าวออกมาตรง ๆ ว่าถ้าต้องการจะให้เขาช่วย เพียงแค่ฆ่าอสูรเฒ่าฮว่าถูเพียงอย่างเดียว ความจริงใจที่แสดงออกมานั้นยังไม่พอ”

ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วเล็กน้อย นอกจากจะไม่รู้สึกโกรธแล้ว กลับยังแสดงสีหน้ายินดีออกมา เขาอดหัวเราะพลางกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “เฒ่าจิ่ว หรือเช่นนี้หมายความว่า เขาไม่เพียงแต่มองสภาพการณ์อันน่าเป็นห่วงของค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนออกเท่านั้น ทั้งยังมีวิธีซ่อมแซมอีกด้วย?”

เวิงจิ่วตะลึง ฉับพลันกล่าวด้วยความเข้าใจ “ที่นายท่านกล่าวมาถูกต้องที่สุด!”

ตอนนั้นซูอี้มองออกตั้งแต่แล้วว่าเขา “มาเพราะมีเรื่องขอร้อง” ทว่าไม่ได้รับการปฏิเสธ ในทางกลับกันยังบอกว่าแสดงความจริงใจไม่พอ!

ถ้าเช่นนั้นหมายความว่าขอเพียงมีความจริงใจที่เพียงพอ ฝ่ายตรงข้ามก็จะช่วย?

ในเมื่อเขากล้าพูดออกมาเช่นนี้ หรือหมายความว่าเขามีความมั่นใจสามารถซ่อมแซมค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนได้?

“เฒ่าจิ่ว คิดว่าเจ้าคงจะเข้าใจดีเช่นกันว่า ในฐานะที่ ‘ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน’ เป็นสถานกักขังใหญ่เป็นอันดับสามเมื่อสามหมื่นปีก่อน การจะซ่อมแซมส่วนที่เสียหายเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้”

ชั่วขณะนี้เอง อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้รูปร่างแผ่กระจายออกจากร่างของชายวัยกลางคน เปรียบดั่งราชาผู้ก้มมองสรรพชีวิต มือประคองแผ่นฟ้า ยิ่งใหญ่จนสามารถกลืนภูเขาและทะเล

พลังลมปราณในร่างที่เปลี่ยนแปลงในฉับพลันทำให้บุคคลเช่นเวิงจิ่วก็ยังรู้สึกหายใจอึดอัด แสดงสีหน้าหวาดเกรงออกมา

“เกือบหนึ่งพันปีมานี้ ข้าเชิญผู้ฝึกตนซึ่งมีความช่ำชองในด้านค่ายกลไม่รู้จำนวนเท่าใดต่อเท่าใด อย่าว่าแต่ซ่อมแซมค่ายกลแห่งนี้เลย ด้วยฝีมือของพวกเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าค่ายกลแห่งนี้มีความบกพร่องตรงไหน”

พูดถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนกล่าวเย้ยหยันออกมา “ด้วยความจนปัญญา ข้าจึงได้แต่ต้องขบคิดศึกษาเอาเอง ด้วยเหตุนี้ ข้าเพียรพยายาม ตั้งใจศึกษาค้นคว้า ลำพังเพียงแค่ศึกษาตำราคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับค่ายกล ข้าอ่านจบไปแล้วไม่รู้จำนวนเท่าใด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อซ่อมแซมค่ายกลแห่งนี้ให้เสร็จก่อนที่แสงสว่างแห่งโลกกว้างนั้นจะมาถึง จะได้มีหลักค้ำประกันว่าสามารถต้านทานศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดทั้งมวลได้”

“แต่จนถึงตอนนี้ ข้าจึงพบว่า กำลังคนนั้นมีขีดจำกัด!”

“ด้วยระดับการฝึกตนและความรู้ความสามารถของข้า สุดท้ายก็ยังไม่อาจซ่อมแซมค่ายกลนี้ได้…”

ชายวัยกลางคนพูดถึงตรงนี้แล้วได้แต่ถอนใจ

พันปีที่ผ่านมา เขาตรากตรำศึกษาทั้งวันทั้งคืน เพียรพยายามตั้งใจ ทุ่มเทไปไม่รู้เท่าใด

แต่สุดท้าย กลับต้องเผชิญหน้ากับจุดจบในแบบ ‘จนด้วยหนทาง’ ความรู้สึกผิดหวัง ล้มเหลว ขมขื่นเช่นนั้น หากไม่ได้ลิ้มรสด้วยตนเอง ไม่มีทางสัมผัสได้

“แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่มีคนมองเห็นความแยบยลของค่ายกลนี้ ทั้งยังเป็นไปได้ว่าสามารถซ่อมแซมค่ายกลนี้ให้ดีดังเดิมได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้า… ดีใจเพียงไหน?”

พูดถึงตรงนี้ ความวิตกกังวลบนใบหน้าชายวัยกลางคนก็สูญสิ้นไป ดวงตาใสสว่าง ทั้งเนื้อทั้งตัวปกคลุมไปด้วยรัศมีอันเฉิดฉาย

เวิงจิ่วสะดุ้งขึ้นในใจ จากนั้นจึงกล่าวว่า “นายท่าน ใจของผู้น้อยก็ปีติยินดีเช่นกัน และทราบดีว่าท่านไม่กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะมองว่าแสดงความจริงใจออกมาไม่พอ กลัวแต่เพียงจะไม่มีคนซ่อมค่ายกลนี้ได้”

“ไม่ผิด!”

ชายวัยกลางคนพยักหน้า กล่าวหนักแน่น “ขอเพียงสามารถซ่อมแซมค่ายกลนี้ได้ ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าสามารถรับปากได้ ข้าย่อมสามารถให้คน ๆ นี้ได้ทั้งหมด!”

เวิงจิ่วตัวสั่นขึ้นมา กล่าวเบา ๆ “นายท่าน จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังไม่ทราบที่มาของคน ๆ นี้ หากว่าเชื่อเขาง่าย ๆ เช่นนี้…”

ชายวัยกลางคนโบกมือพลางกล่าว “คนเก่งในโลกกว้างย่อมต้องมีความลับในตัวเอง ขอเพียงซูอี้สามารถช่วยข้าได้ ข้าก็จะไม่สนใจในเรื่องเหล่านี้”

นิ่งเงียบไปชั่วครู่ สายตาของเขาดูแปลกไปเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น แม่หนูน้อยให้ความสำคัญต่อหยกปักษามังกรราวกับเป็นชีวิตของตัวเอง แต่กลับมอบสมบัติชิ้นนี้ให้ซูอี้ตอนอยู่ที่ทะเลวิญญาณโกลาหล…”

พูดถึงตรงนี้แล้วเขานวดหัวคิ้วเบา ๆ กล่าวด้วยสีหน้าสับสน “เจ้าไม่รู้สึกว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพรหมลิขิตหรอกหรือ?”

สีหน้าของเวิงจิ่วก็ดูประหลาดขึ้นมา กล่าว “หากเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าคุณหนูอาจจะสร้างความชอบอันยิ่งใหญ่โดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้”

ริมฝีปากของชายวัยกลางคนมีรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นมา ฉับพลันกล่าวราวกับปวดหัวเล็กน้อย “ช่างเถิด ไม่พูดถึงแม่หนูน้อยที่มักจะทำให้ข้าเป็นห่วงคนนี้อีก วันพรุ่งนี้หาเวลาว่าง พวกเราไปที่สวนน้อยนภาเมฆกัน”

“ขอรับ!”

เวิงจิ่วรับคำแข็งขัน

สวบ!

และในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าสุ่ยก็กลับมา

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset