📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 471

บทที่ 471 - วังเซียนปรากฏ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ภายในห้อง

ซูอี้ผู้นั่งสมาธินิ่งคล้ายรูปปั้นมาเจ็ดวัน มีพลังปราณเดือดพล่านอยู่รอบตัว ประกายแสงแห่งเต๋าอันเจิดจรัสหมุนว่ายวนอยู่รอบด้าน ขับให้เขาดูศักดิ์สิทธิ์ดุจทวยเทพ

ภายในตันเถียน เมล็ดพันธุ์สุดขั้วรูปร่างคล้ายดาบเก้าคุมขังก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง จนก่อเกิดเป็นคลื่นปฐมญาณมโหฬาร

ชั่วขณะหนึ่ง ภายในตันเถียนราวกับมีถ้ำเปิดทวารค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้น

“เปิด!”

ซูอี้ออกคำสั่ง

ชั่วขณะนั้น ภายในตันเถียนก่อเกิดเสียงเต๋าทุ้มต่ำคลับคล้ายเมื่อครั้งโลกอุบัติ เมล็ดพันธุ์สุดขั้วประดุจคมดาบ เปล่งแสงเจิดจ้า

ตู้ม!

ปฐมญาณที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่แล้ว ราวกับเดือดขึ้นในพริบตา แผ่ซ่านออกไปในตันเถียนอย่างบ้าคลั่ง โถมทับเข้าไปสู่ถ้ำเปิดทวารที่ก่อรูปก่อร่างขึ้น

นาทีนั้น

ซูอี้รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจิตวิญญาณ เปลือกนอก ผลการฝึกของตัวเองคล้ายกับถูกดูดออกไปในคราเดียว และหลั่งไหลไปสู่ตันเถียนอย่างบ้าคลั่ง

คล้อยตามเวลาที่เคลื่อนผ่าน ตันเถียนดูจะมีทีท่าจุกจนใกล้ระเบิด

“หลอม!”

นาทีที่ตันเถียนกำลังจะแบกรับพลังที่ถาโถมเข้าไปอย่างบ้าคลั่งไม่ไหว ซูอี้ก็ได้ใช้วิชาลับ ส่งผลให้ตันเถียนหดตัวฉับพลัน

ถ้ำเปิดทวารที่เพิ่งก่อรูปก่อร่างประดุจมีประตูซึ่งปิดอยู่หนาแน่นถูกเปิดออก พลังอันคลุ้มคลั่งที่อัดแน่นอยู่ในตันเถียนพุ่งเข้าไปในถ้ำเปิดทวารราวกับในที่สุดก็หาลู่ทางระบายเจอ

ตู้ม!

เสียงกึกก้องของพลังนั้นประหนึ่งทางช้างเผือกทลาย

ถ้ำเปิดทวารภายในตันเถียนหลอมรวมเป็นรูปร่างด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แปรเปลี่ยนจนอยู่ในสภาพโอ่อ่าหรูหรา ราวกับวังเซียนบนสวรรค์ที่เขาร่ำลือกัน มีรั้วเป็นหยก ขื่อโค้งมีคานรองรับ ตึกหอคล้ายตั้งอยู่ในหมู่เมฆ

ปฐมญาณมหาศาลหลั่งไหลเข้าไป กลายเป็นส่วนหนึ่งของถ้ำเปิดทวาร หมอกเซียนปกคลุม ประภาพร่างพราว เป็นประกายแสงที่เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ

นี่ก็คือขอบเขตเปิดทวาร!

เมื่อบรรลุขอบเขตเปิดทวาร สามารถบรรจุพลังรอบตัวไว้ด้านใน มีปฏิกิริยาตอบสนองกับพลังในฟ้าดิน

ตู้ม!

คล้อยตามพลังที่หลั่งไหลเข้าทวารตันเถียนไม่หยุด ซูอี้รู้สึกเหมือนล่องลอย และสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจิตวิญญาณ ผลการฝึก กับพลังกายของตัวเองกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกลับตาลปัตร

จนสุดท้าย กระทั่งเมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วก็หลั่งไหลเข้าไปในถ้ำเปิดทวาร รูปร่างคล้ายดาบเก้าคุมขัง ลอยสูงอยู่เหนือประตูใหญ่ของวังเซียน

รูปร่างคล้ายดาบ แสงคล้ายตะวัน!

ปฐมญาณดุดันในถ้ำเปิดทวารล้วนกลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ อาบเมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วไว้ภายในนั้น พร่าเลือนประหนึ่งมิใช่ความจริง ศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่เปรียบ

เคร้ง!

และในอึดใจนั้นเอง ดาบเก้าคุมขังที่หลับใหลอยู่ในห้วงความนึกคิดของซูอี้ก็ได้ตื่นขึ้นเงียบเชียบ เกิดเสียงดาบกู่ร้องอันโบราณแผ่วเบา

บนตัวดาบเล่มนั้น โซ่เทวะเก้าชั้นส่งเสียงดังเคร้งคร้าง คลื่นพลังอันคลุมเครือแผ่ซ่านออกมา หลั่งไหลเข้าไปในทวารตันเถียน

ร่างของซูอี้สะท้านดุจสัมผัสไฟฟ้า รูขุมขนทั่วตัวเปิดออก ทะลุปรุโปร่งไปทั้งร่าง รู้สึกสบายและโล่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ภายในถ้ำเปิดทวารนั้น คล้อยตามพลังคลุมเครือจากดาบเก้าคุมขังนั้นหลั่งไหลเข้าไป ถ้ำเปิดทวารซึ่งคล้ายคลึงกับวังเซียนท่วมท้นไปด้วยแสงอันเจิดจ้า ชั่วขณะนั้น มองเห็นเพียงเมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วรูปร่างคล้ายดาบเก้าคุมขังผลุบโผล่อยู่ในม่านแสง

ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์ บรรยากาศอิ่มเอิบศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ถึงขีดสุด ลึกลับเหลือคณา

ขณะเดียวกัน

ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลิว ท้องฟ้ากลายเป็นแสงสีทองหม่น

แต่ในไม่ช้า เสียงขับร้องสันสกฤตก็ดังทะลุลงจากนภา สีของท้องฟ้าก็สดใสขึ้นประหนึ่งหยกงาม ล่องลอยเลือนราง บรรยากาศมงคลขึงขังแผ่ซ่านออกมา

“นี่มัน…”

ผู้ฝึกตนที่กระจัดกระจายอยู่ในเมืองจินหลิว ไม่ว่ามีพลังต่ำหรือสูง ต่างสัมผัสถึงความผิดปกตินี้ในนาทีแรก สายตาทอดมองบนท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ

จากนั้นก็ได้เห็นว่านอกผืนฟ้านั้น คล้ายว่ามีวังเซียนลึกลับเลือนรางปรากฏ ยิ่งใหญ่อลังการ ไกลไม่อาจเอื้อม

เสียงเป่าสังข์ เสียงตีกลอง และเสียงท่องบทสวดดังออกจากวังเซียนเลือนรางแห่งนั้น ฝนกลีบดอกไม้ประหนึ่งภาพลวงตาปลิดปลิวลงมา

บนท้องฟ้าผืนนั้น เป็นภาพทิวทัศน์ศักดิ์สิทธิ์!

“นั่นมันวังเซียนเหนือฟ้า!?”

ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกตนต้องอ้าปากค้างกันเท่าไรต่อเท่าไร ต่างตะลึงกับภาพนี้จนสติหลุดลอย

“ไม่สิ นี่คือปรากฏการณ์ประหลาด ปรากฏการณ์ประหลาดแห่งมหาวิถีที่หาดูได้ยาก! หาได้ยากมากจริง ๆ อย่างกับ… อย่างกับที่พำนักของเทพเซียนจริง ๆ มองเห็นทว่าเอื้อมไม่ถึง…”

มีคนรุ่นเก่าตื้นตันจนพูดไม่ได้ศัพท์ ราวกับได้เห็นปฏิหาริย์

ไม่นานนัก ผู้ฝึกยุทธ์และชาวบ้านธรรมดาในเมืองก็สังเกตเห็นภาพนี้ แต่ละคนล้วนตะลึงจนสติหลุด

ปุถุชนจำนวนหนึ่งถึงขั้นลงไปหมอบกราบที่พื้น กราบไหว้ด้วยความเลื่อมใส เพื่อแสดงความเคารพยำเกรงต่อปรากฏการณ์ประหลาดบนนภา และทำการอธิษฐาน…

เมืองจินหลิวอันกว้างใหญ่นี้ มีสิ่งมีชีวิตนับล้าน ทุกคนล้วนแตกตื่นกันหมด!

แต่ทว่า ปรากฏการณ์ประหลาดอันหาดูได้ยากนี้ปรากฏเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก็หายไปอย่างเงียบเชียบ ราวกับเป็นฝันที่ไม่ใช่ความจริง ปรากฏเพียงพริบตาก็หายไป

“ศักดิ์สิทธิ์เกินไปแล้ว ปรากฏการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใดกัน?”

เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น ทั้งเมืองจินหลิวเดือดขึ้นมาในบัดดล

“สิ่งนี้หาใช่ปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดจากของวิเศษบังเกิดสู่โลกแต่อย่างใด แต่น่าจะเป็นเพราะมีคนฝึกฝนมหาวิถีจนบรรลุ ก่อให้เกิดการตอบสนองจากฟ้าดิน!”

มีคนที่ความรู้กว้างไกลสรุป และได้รับการเห็นด้วยจากผู้คนมากมาย

เพียงแต่ ปวงชนย่อมจินตนาการไม่ออกว่าต้องมีรากฐานมหาวิถีแกร่งกล้าเพียงใด ถึงก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดสะท้านโลกาถึงเพียงนี้ในตอนบรรลุ

เรื่องนี้มันเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

“บันทึกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ตามจริง และส่งกลับไปที่นครหลวงจิ๋วติ่งโดยด่วน ข้าสงสัยว่าปีศาจโบราณสักตนออกมายังโลกมนุษย์”

ภายในศาลาเก้าดินแดน มีคนออกคำสั่ง

“ไปสืบดูในเมือง ช่วงนี้มีพวกเก่งกาจน่าสนใจปรากฏตัวหรือไม่ ต้องระวังตัว อย่าได้ทำให้อีกฝ่ายโมโห”

หอสี่สมุทร คนใหญ่คนโตท่านหนึ่งส่งยอดฝีมือออกโรงในทันที เพื่อทำการสืบสวน

“เรื่องในวันนี้ ต้องกลายเป็นเรื่องเร้นลับอย่างแน่นอน และเป็นที่จับตาของกองกำลังอิทธิพลฝึกฝนน้อยใหญ่ น่าเสียดาย ปรากฏการณ์ประหลาดหายไปเร็วมาก จนไม่อาจรู้ว่าเทพเซียนตนใดบรรลุ ณ ที่แห่งนี้”

“วังเซียนปรากฏ เสียงเป่าสังข์ เสียงตีกลอง เสียงสวดมนต์ ฝนดอกไม้… ปรากฏการณ์ประหลาดเหล่านี้ แม้กระทั่งในคัมภีร์โบราณก็ไม่เคยมีบันทึกไว้”

“ผู้ที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์สะท้านโลกาเช่นนี้ เป็นใครกันแน่?”

…ภายในเมืองจินหลิว ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนั้นกันตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอย ส่วนยอดฝีมือที่มาจากอิทธิพลฝึกฝนอันแตกต่างกันได้เริ่มลงมือกันแล้ว และทยอยส่งข่าวออกไป

ภายในเรือนพัก

หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเรียกสติกลับมาได้

ก่อนหน้านี้ทั้งคู่สังเกตเห็นปรากฏการณ์สะท้านโลกาที่ปรากฏอยู่บนท้องนภาแล้ว และตะลึงกับภาพเหล่านั้นจนสติหลุดลอย หน้าตาอึ้งงัน

จนกระทั่งบัดนี้ได้สติกลับมาแล้ว ทั้งคู่ก็ได้คำตอบในใจพร้อมกันโนเวลกูดอทคอม

“นายท่าน!”

หยวนเหิงเอ่ยด้วยความตื้นตัน

ไป๋เวิ่นฉิงพยักหน้า นัยน์ตาฉายแววประหลาด

เจ็ดวันมานี้ ซูอี้ปิดประตูไม่ยอมออกมาเลย เขาเอาแต่นั่งสมาธิฝึกฝน เพิ่งบรรลุขอบเขตเปิดทวาร

และในตอนนั้น เมื่อปรากฏการณ์ประหลาดสะท้านโลกาปรากฏ นั่นหมายความว่าซูอี้ได้บรรลุเรียบร้อยอย่างไม่ต้องสงสัย และกลายเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารแล้ว!

“ตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ นายท่านก็สามารถปลิดชีพคนขอบเขตรวบรวมดาราได้อย่างง่ายดาย กระทั่งตัวตนเก่าแก่โบราณเหล่านั้นยังเป็นรอง”

หยวนเหิงสูดหายใจเข้าลึก พลางพึมพำ “และตอนนี้ เมื่อนายท่านได้บรรลุขอบเขตเปิดทวาร ก็ก่อเกิดปรากฏการณ์บันลือโลกถึงเพียงนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่ารากฐานขอบเขตเปิดทวารของนายท่านน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน ในสถานการณ์เช่นนี้ น่ากลัวว่าสู้ชี้ผลกับผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้เลยล่ะ!”

ไป๋เวิ่นฉิงดูออกว่าหยวนเหิงนับถือและปลาบปลื้มซูอี้จากใจ สายตาอันเร่าร้อนนั้นประดุจสาวกผู้เลื่อมใสที่หมอบกราบเทพเซียน!

หวนนึกถึงฝีมือน่าเหลือเชื่อต่าง ๆ ที่ซูอี้มี ในใจของไป๋เวิ่นฉิงเองมีหรือไม่รู้สึกเคารพนับถือ?

ในห้อง

ซูอี้ลุกขึ้น บิดขี้เกียจยืดยาว

บรรลุแล้ว!

เมื่อครั้งบรรลุขอบเขตไร้เบญจธัญบนทะเลวิญญาณโกลาหล ก็เกิดปรากฏการณ์ ‘บุปผาผลิบานไปทั่ว’

วันนี้บรรลุขอบเขตเปิดทวารในเมืองจินหลิว ก็เกิดภาพ ‘วังเซียนปรากฏ’ เรียกว่าบันลือโลกได้เช่นกัน

สำหรับซูอี้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองของฟ้าดินในการบรรลุของตนนั้นไม่สำคัญ

สิ่งสำคัญคือถ้ำเปิดทวารที่เขาก่อตั้งเมื่อบรรลุขอบเขตเปิดทวารเกินกว่าที่เคยก่อตั้งเมื่อชาติก่อน!

กระทั่งในประสบการณ์ฝึกฝนหนึ่งแสนแปดพันปีของเขาเมื่อชาติก่อนก็ไม่เคยได้ยิน ในช่วงเวลานับแต่ประวัติศาสตร์เริ่มขึ้นของเก้ามหาดินแดน ใครเล่าจะทำได้อย่างตัวเอง หล่อหลอมถ้ำเปิดทวารได้ถึงระดับนี้

วิจิตรงดงามดุจวังเซียนเหนือฟ้า ถูกแสงญาณมหาวิถีปกคลุมไว้อย่างสิ้นเชิง

ลึกลับโอ่อ่า ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน!

ส่วนพลังเต๋าในตัวเขา ไม่ว่าจะจิตวิญญาณ กายเนื้อ หรือปราณล้วนวิวัฒนาการอย่างพลิกผัน ไม่อาจนำไปเทียบกับเขาในอดีต

ในห้องมีกระจกทองแดงตั้งอยู่ในมุมหนึ่ง ซูอี้มองคนหนุ่มชุดเขียว หล่อเหลาโดดเด่นในกระจกแล้วยิ้มอย่างพอใจ

คนหนุ่ม คำคุณศัพท์ที่งดงามที่สุดในโลกใบนี้

เขายกมือม้วนผมยาวเป็นมวยหลวม ๆ และปักด้วยปิ่นไม้ที่เหลาจากไผ่วิญญาณเมื่อครั้งยังอยู่ในเมืองกว่างหลิง

ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วหันหลังเดินออกจากห้อง

แสงสีเหลืองหม่นถูกรัตติกาลกลืนกินไปแล้ว ดวงดาวประดับประดาอยู่บนท้องฟ้า พระจันทร์สว่างคล้ายจานหยก

“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่บรรลุขอบเขตเปิดทวาร!”

หยวนเหิงก้าวเข้าไปทันที และเอ่ยยินดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ซูอี้ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะแก้ให้ถูก “เจ้ามีนิสัยซื่อตรง อย่าได้เอาอย่างอิงเชวีย กลายเป็นพวกขี้ประจบ ข้าชอบนิสัยอันเป็นแก่นแท้ของเจ้า เข้าใจหรือไม่?”

หยวนเหิงอับอาย เหงื่อตกอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นายท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว”

ซูอี้พยักหน้า “ไปกันเถิด เราต้องออกเดินทาง”

แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่มีดวงดาวและพระจันทร์คอยเคียงข้าง เทียบกับเวลากลางวันแล้ว ทิวทัศน์ข้างทางคงสุนทรีย์ไปอีกแบบ

หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงย่อมไม่ขัด

คืนนั้น พวกเขาออกเดินทางตามตรอกซอยซึ่งมีแสงไฟขึ้นสว่างเรียงราย ผู้คนขวักไขว่ และมุ่งหน้าไปทางประตูเมืองทิศเหนือ

ตลอดทาง หอน้ำชา โรงสุรา ตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอยล้วนคุยกันถึงปรากฏการณ์บันลือโลกเมื่อพลบค่ำ

ได้ยินเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่เหล่านั้น ในใจหยวนเหิงรู้สึกภาคภูมิขึ้นมาอย่างเหลือล้น เจ้าพวกนั้นมีหรือจะรู้ว่าปรากฏการณ์บันลือโลกนั้น เกิดขึ้นเพราะนายท่านของตัวเอง?

มุมปากไป๋เวิ่นฉิงคลี่ยิ้มจาง ๆ เช่นกัน ตอนนี้นางรู้สึกโชคดีอย่างที่สุด ที่ได้พบซูอี้เมื่อครั้งอยู่หุบเขาหานกู่ ไม่ปล่อยให้วาสนานี้หลุดมือ

“หืม?”

เมื่อร่างของกลุ่มซูอี้ค่อย ๆ ห่างไกลออกไปจากถนนที่มีฝูงชนคับคั่ง

ตำแหน่งริมหน้าต่างในโรงสุราแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มตาคม อาภรณ์สีเทาพร้อมแบกดาบไว้ที่หลังพลันเบิกตาโต

หรือว่าจะเป็นเขา?

เมื่อหันมองอีกครั้ง ร่างของพวกซูอี้หายไปจากที่แห่งนั้นเสียแล้ว

วันที่เจ็ดเดือนเก้า ช่วงเหมันต์คืบคลาน กลิ่นอายฤดูใบไม้ร่วงกำจาย

ซูอี้บรรลุขอบเขตเปิดทวาร ณ เมืองจินหลิว ส่งผลให้ฟ้าดินเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เกิดปรากฏการณ์ ‘วังเซียนปรากฏ’ เสียงเป่าสังข์ เสียงตีกลอง เสียงสวดมนต์ ฝนดอกไม้!

ทั้งเมืองตะลึงกันถ้วนหน้า

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset