📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 472

บทที่ 472 - สามทำเนียบใหญ่
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ชายหนุ่มตาคม อาภรณ์สีเทาดึงสายตากลับมา ลอบถอนหายใจ

ต่อให้เป็นคนผู้นั้นจริง ในดินแดนที่อิทธิพลฝึกฝนรุ่งเรืองอย่างต้าเซี่ย น่ากลัวว่า… สิ่งนี้คงไม่โดดเด่นนัก

หากซูอี้อยู่ที่นี่ ย่อมจำได้ว่าชายชุดเทาดาบไพล่หลังผู้นี้ ก็คือชิงเหิงคง

ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักวงเดือน ว่ากันว่าเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของต้าเว่ย!

ภายในห้องส่วนตัวของโรงสุรา ชายหญิงวัยเยาว์กลุ่มหนึ่งกำลังสังสรรค์

ชายชุดทองคนหนึ่งหันไปมองชิงเหิงคง ก่อนจะเอ่ยโพล่งออกมา “ศิษย์น้องชิว เจ้ามัวดูสิ่งใด? รีบมารินสุราให้ทุกคนสิ”

ชิวเหิงคงเอ่ยเสียงเบา “ขอรับ”

เขารีบร้อนเดินเข้ามา ยกกาสุราขึ้น ก่อนจะก้มหน้ารินเหล้าให้ทุกคนในนี้

ประหนึ่งบริวารรับใช้

“ศิษย์น้องชิว เจ้าเองก็มานั่งเถิด”

หญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ส่วนต้นเอ่ยเสียงเบาเพราะทนดูไม่ไหว

หญิงสาวสวมอาภรณ์สีม่วง ผิวขาวผ่องบริสุทธิ์ดุจหิมะ หว่างคิ้วใสสกาวมีปานคล้ายรูปใบบัวสีทอง

ตาของนางเฉี่ยวดั่งหงส์ คิ้วโก่งดุจภูผา อายุเท่านี้ หน้าตากลับดูสูงส่งน่าเกรงขาม

ชิวเหิงคงประหลาดใจนิดหน่อย

หญิงสาวผู้นี้มีนามว่าเจียงหลี

ทายาทสายตรงแห่งตระกูลเจียง หนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งต้าเซี่ย

นางเข้าร่วมสำนักดาบเทียนชูเมื่อสามปีก่อน บัดนี้ได้เป็นผู้สืบทอดลำดับแรกแห่งฝ่ายในแล้ว!

นางสืบสาน ‘วิชาหงส์หยกแผดเผาโลกันต์’ ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเจียงมาตั้งแต่เด็ก รัศมีแห่งเพลิงหงส์หยกปกคลุมอยู่ทั้งตัว เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโลกหล้า

บวกกับรูปโฉมของนางสะคราญเมือง ด้วยเหตุนี้ จึงได้รับฉายายกย่องว่าเป็น ‘เทพธิดาหงส์หยก’ ในหมู่คนหนุ่มสาวแห่งต้าเซี่ย

ชิวเหิงคงคิดไม่ถึงว่าธิดาสวรรค์อย่างเจียงหลีจะดูแลศิษย์ฝ่ายนอกที่มีตำแหน่งต่ำต้อยที่สุดเฉกเช่นตัวเอง ความอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นในใจ

แต่ไม่รอให้เขาได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ชายชุดทองก็เอ่ยขึ้นด้วยความขบขัน “ศิษย์พี่เจียง ศิษย์น้องชิวบอกไว้ตั้งแต่ที่เราออกเดินทางจากสำนักแล้ว ว่าเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ระหว่างทางเขาจะรับหน้าที่จัดการเอง”

พูดไป เขาทอดสายตามองชิวเหิงคง ก่อนจะเอ่ยยิ้ม ๆ “อีกอย่าง ศิษย์น้องชิวเองก็เต็มใจรินสุราให้เรา หาได้มีผู้ใดจงใจใช้เขา เจ้าว่าจริงหรือไม่ ศิษย์น้องชิว?”

ในใจของชิวเหิงคงเกิดความรู้สึกอัปยศขึ้นมา

แต่เขายังพยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง “ใช่แล้ว”

ชายชุดทองมีนามว่าเถาอวิ๋นฉือ ศิษย์ฝ่ายในแห่งสำนักดาบเทียนชู ภูมิหลังไม่ธรรมดา เดิมเป็นทายาทสายตรงของกลุ่มขุมอำนาจหนึ่ง

ไม่ว่าจะฐานะ ตำแหน่ง ผลการฝึก ชิวเหิงคงล้วนห่างไกลไม่อาจเทียบ

ความเป็นจริง ชายหญิงในที่นี้ ล้วนมีพื้นเพไม่ธรรมดา แต่ละคนฐานะสูงส่งกันทั้งนั้น เป็นคนโดดเด่นในกลุ่มหนุ่มสาวแห่งสำนักดาบเทียนชู

ท่ามกลางคนเหล่านี้ เทพธิดาหงส์หยกเจียงหลีโดดเด่นที่สุด ฐานะก็สูงที่สุดเช่นกัน

รองลงมาจากนาง ก็คือชายชุดทอง เถาอวิ๋นฉือ

ส่วนเขา ชิงเหิงคง เวลานี้เป็นแค่ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่ฝากตัวในสำนักดาบเทียนชูได้หนึ่งเดือน ฐานะตำแหน่งจึงไม่อาจเทียบได้กับชายหญิงที่อยู่ ณ ที่นี้

ต่อให้เปรียบเทียบด้านผลการฝึก ชิวเหิงคงก็ด้อยกว่ามาก!

เมื่ออยู่ต้าเว่ย ชิวเหิงคงคือนักดาบอันดับหนึ่งแห่งต้าเว่ย และเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักวงเดือน

แต่ที่ต้าเซี่ย…

เขาเป็นเพียงลูกศิษย์ฝ่ายนอกดาด ๆ คนหนึ่งแห่งสำนักดาบเทียนชูเท่านั้น

แต่ชิวเหิงคงรู้สึกพอใจมากแล้ว

ต้าเซี่ยเป็นจ้าวแห่งมหาทวีปคังชิง อิทธิพลการฝึกฝนรุ่งโรจน์ไร้ที่ใดเปรียบ

สุ่มลากกลุ่มขุมกำลังสักแห่งออกจากสิบสามแคว้นแห่งต้าเซี่ยไปอยู่ที่อาณาจักรเล็ก ๆ ห่างไกลอย่างต้าเว่ย ก็ถือเป็นการดำรงอยู่ระดับไร้เทียมทาน

ที่นี่มีวีรบุรุษเกินคณานับ

อัจฉริยะเยอะดุจปลาในแม่น้ำ นับไม่หวาดไม่ไหว แต่ละคนล้วนมีความโดดเด่นเก่งกาจของตัวเอง

เมื่อครั้งเพิ่งมาถึงต้าเซี่ย หลังจากได้ทราบสถานการณ์เหล่านี้ ความทะนง ความเชื่อมั่นในตัวเองของชิวเหิงคงถูกทำลายจนย่อยยับ

และในตอนนั้นเอง เขาถึงเข้าใจว่าต้าเซี่ยเป็นสถานที่ฝึกฝนที่ล้ำเลิศเพียงใด!

เทียบกันแล้ว สถานที่อย่างต้าเว่ย ไม่ต่างอะไรกับเขตทุรกันดาร

เรื่องนี้ทำให้ชิวเหิงคงเยาะเย้ยตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่าตัวเองในอดีตเปรียบดั่งกบในกะลา ทึกทักเอาเองว่าผืนฟ้ากว้างใหญ่แค่เท่านี้ ทั้งน่าขำ และน่าสังเวช…

ทว่าชิวเหิงคงตั้งจิตแน่วแน่ แม้จะถูกความเป็นจริงทำร้ายจิตใจจนพรุน แต่ด้วยความอดทนและความกล้าหาญอันไม่ธรรมดาของเขา หลังจากการทดสอบคัดเลือกครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็มีวาสนาได้ฝากตัวเข้าฝึกฝนกับสำนักดาบเทียนชู

ต่อให้เป็นเพียงลูกศิษย์ฝ่ายนอกฐานะต่ำต้อย ไม่มีผู้ใดใส่ใจก็ตาม แต่ฐานะเช่นนี้ เพียงพอให้ผู้ฝึกตนในโลกหล้าอิจฉาตาร้อนกันแล้ว!

ท่าทางยอมก้มหัวเชื่อฟังของชิวเหิงคง ส่งผลให้เจียงหลีส่ายหน้ากับตัวเอง ไม่พูดสิ่งใดอีก

ในสำนักดาบเทียนชู มีกฎระเบียบเข้มงวดในความต่างชั้นของฐานะ

ในสายตาลูกศิษย์ฝ่ายในส่วนใหญ่ ลูกศิษย์ฝ่ายนอกไม่ต่างจากบริวารรับใช้เท่าไรจริง ๆ

หากนางดึงดันให้ชิงเหิงคงนั่งที่ ดื่มกินร่วมโต๊ะกับพวกเขา กลับกลายเป็นนำชิวเหิงคงขึ้นไปเผาบนกองไฟ ทำให้คนอื่น ๆ ในที่นี้ไม่พอใจต่อชิวเหิงคง

“ข้าได้ข่าวมาว่า ราชวงศ์เซี่ยเชื้อเชิญคนใหญ่คนโตมากมายในโลกฝึกฝน พร้อมกับระดมกำลังทหารสัมภเวสีทั่วหล้าเพื่อร่างทำเนียบขึ้นมาสามทำเนียบ โดยแบ่งเป็น ‘ทำเนียบมารบรรพกาล’ ‘ทำเนียบดารา’ และ ‘ทำเนียบผู้สิงสถิต’

จู่ ๆ เถาอวิ๋นฉือก็เอ่ยขึ้น “ทั้งสามทำเนียบนี้ มีสองทำเนียบแรกเป็นการรวมชื่อปีศาจโบราณ และอัจฉริยะในยุคนี้ที่อุบัติขึ้นจากทั่วแดนมหาทวีปคังชิง”

“ส่วน ‘ทำเนียบผู้สิงสถิต’ เรียกว่า ‘ทำเนียบค่าหัว’ ได้ด้วย ผู้สิงสถิตที่มีชื่อบนทำเนียบ ล้วนถูกมองเป็นศัตรูของปวงชนแห่งโลกฝึกฝนต้าเซี่ย ไม่ว่าผู้ใดสังหารผู้สิงสถิตเหล่านั้นได้ ก็จะสามารถขอรับเงินรางวัลก้อนโตจากราชวงศ์เซี่ยได้”

ฝูงชนต่างเผยสีหน้าสนอกสนใจ

ทำเนียบมารบรรพกาล!

ทำเนียบดารา!

ทำเนียบผู้สิงสถิต!

เป้าหมายที่สามทำเนียบนี้เพ่งเล็งชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย

โดยแบ่งเป็นปีศาจโบราณที่รอดชีวิตจากการจองจำแห่งยุคมืดเมื่อสามหมื่นปีก่อน อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในช่วงสิบปีที่ผ่านมา รวมถึงผู้สิงสถิตที่ลอบเข้ามายังมหาทวีปคังชิงจากต่างโลกต่างภพภูมิ!

มีคนพึมพำขึ้นมา “ไม่ว่าจะเป็นปีศาจโบราณ หรืออัจฉริยะในยุคนี้ ล้วนเป็นผู้ฝึกตนในมหาทวีปคังชิง ส่วนผู้สิงสถิตจากโลกอื่นมีจุดประสงค์แอบแฝงเมื่อเดินทางมายังมหาทวีปคังชิง ราชวงศ์เซี่ยจึงได้ร่างทำเนียบผู้สิงสถิต เพื่อเป็นการระดมกำลังผู้ฝึกตนทั่วหล้า ให้ร่วมกันต่อกรกับเหล่าผู้สิงสถิต”

“ผู้ที่มิใช่เผ่าเรา ย่อมมีใจเป็นอื่น ได้ข่าวว่าเมื่อแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง บรรดาผู้ฝึกตนจากโลกอื่นจะยกโขยงบุกรุกเข้ามา ถึงเวลานั้น ไม่รู้ว่าใต้หล้านี้จะสั่นคลอนเพียงใด”

มีคนทอดถอนใจ

“ไม่จำเป็นต้องวิตกเรื่องนี้หรอก สิ่งใดหรือคือแสงสว่างแห่งโลกกว้าง? ฟ้าดินเปลี่ยนสี ปราณวิญญาณปะทุ ผู้ฝึกตนในโลกหล้าต่างหวังว่าขอบเขตของตัวเองจะก้าวกระโดด ขณะเดียวกัน ก็คล้อยตามการออกสู่โลกของเหล่าปีศาจโบราณ รวมถึงผู้ฝึกตนโลกอื่นที่บุกรุกเข้ามา กฎเกณฑ์ที่เคยมีในโลกนี้ย่อมทลายลง กฎเกณฑ์ใหม่จักก่อเกิดท่ามกลางความจลาจลอันนองเลือด”

มีคนเอ่ยเสียงเข้ม “นี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่แสงสว่างแห่งโลกกว้างอุบัติ และรอคอยความเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังจะมาถึง!”

ทุกคนดื่มเหล้าไปพลาง ถกกันไปพลาง เรื่องที่สนทนาอยู่ทำให้ชิวเหิงคงหัวใจเต็มตื้นขึ้นเช่นกัน และตั้งความหวังไว้กับแสงสว่างแห่งโลกกว้างโนเวลกูดอทคอม

เขารู้ดีกว่าด้วยความสามารถระดับเขา หากจะยืนอยู่ในสำนักดาบเทียนชูได้อย่างมั่นคง ไม่รู้ว่าต้องเสียเวลาไปอีกตั้งกี่ปี

กระทั่งสิ่งที่โหดร้ายที่สุดคือ ไม่ว่าเขาจะพยายามเพียงใด ก็อาจโดนผู้สืบทอดอัจฉริยะที่ก่อเกิดขึ้นรุ่นแล้วรุ่นเล่าเหยียบอยู่ใต้เท้า

และตัวละครเช่นเขา หากคิดจะแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว ก็แทบจะไร้ซึ่งโอกาส

นอกเสียจากได้พบกับวาสนาใหญ่ยิ่งที่ช่วยหล่อหลอม

และสำหรับชิวเหิงคง แสงสว่างแห่งโลกกว้างที่จะมาถึงในอีกหลายปีให้หลัง ถือเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต!

เวลานั้น เจียงหลีเอ่ยขึ้น “จากที่ข้าทราบมา สามทำเนียบที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยตั้งขึ้นนี้ จะมีการประกาศในอีกครึ่งเดือน เวลานั้น เหลือเวลาหนึ่งเดือนพอดี กว่า ‘ชุมนุมมวลพฤกษา’ จะเริ่มขึ้น”

พูดจบ นางลุกขึ้นพร้อมเดินออกไปด้านนอก “นี่ก็สายมากแล้ว เราควรออกเดินทางจากที่นี่กันได้แล้ว”

พวกเถาอวิ๋นฉือรีบลุกขึ้นและตามไปติด ๆ

ชิวเหิงคงตามอยู่รั้งท้าย ดูคล้ายบ่าวรับใช้ที่มิมีผู้ใดไถ่ถามหา

……

พระจันทร์ขึ้นโด่ง แสงดาราพร่างพราย

ท่ามกลางป่าเขาอันไพศาล พวกซูอี้กำลังเดินทางอยู่

ภาพทิวทัศน์ที่เห็นทั้งตลอดเส้นทาง ดูแตกต่างจากยามกลางวันจริง ๆ ทั้งให้ความรู้สึกกว้างไกล สงบ และความดิบของธรรมชาติเพิ่มเข้ามา

ยามราตรี เป็นช่วงเวลาที่สรรพสัตว์ และภูตผีปีศาจโลดแล่นมากที่สุด

คนธรรมดาไม่หาญกล้าเดินทางอยู่ในป่าเขาในยามนี้เด็ดขาด

แน่นอนว่าพวกซูอี้ไม่ใช่คนธรรมดา

เฉพาะไอปีศาจที่แผ่ซ่านออกจากร่างของหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิง ก็ทำให้ภูตผีปีศาจตลอดทางนี้หวาดกลัวได้ และไม่กล้าเข้าใกล้

“ข่มกลั้นพลังในตัวหน่อย”

ทันใดนั้น ซูอี้ก็รู้สึกถึงบางอย่าง และเอ่ยกำชับ

ขณะที่สนทนา สายตาของเขาได้ทอดมองไปยังหมู่เขาไกล ๆ

ท้องฟ้ารัตติกาล ณ ที่นั่น มีหมู่เมฆครึ้มหนาปกคลุมอยู่ ไอผีอึมครึมกำจาย

หากไม่สัมผัสให้ละเอียด ยากจะค้นพบ

“ไป เข้าไปดูกันหน่อย”

ซูอี้เกิดความสนใจ

ร่างคนกลุ่มหนึ่งวูบวาบ กระโจนไปยังหมู่เขาไกล ๆ

ไม่นานนัก เค้าโครงเมืองหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของพวกซูอี้

เมืองนี้มีขนาดเล็กมาก อย่างมากก็มีพื้นที่รัศมีเพียงพันจั้งเท่านั้น ทั้งยังตั้งอยู่ท่ามกลางกลุ่มขุนเขา

แสงไฟในเมืองสว่างสดใส คึกคักมีชีวิตชีวา ส่วนท้องฟ้าเหนือเมืองแห่งนั้น มีเมฆดำหนาแน่น กลิ่นอายดุดันเดือดพล่าน!

“ดูเหมือนที่นี่จะเป็นเมืองผี?”

หยวนเหิงตะลึง

ในเขตป่าเขากันดารที่มองไม่เห็นที่สิ้นสุดนี้ กลับมีเมืองสุดครึกครื้นปรากฏ นับว่าผิดปกติอย่างมาก

แล้วดูไอผีดุดันที่เดือดพล่านอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองนั่นสิ! พวกเขาย่อมมองออกว่าเมืองนี้อันตรายมาก!

“นี่แหละ ‘เมืองผี’ ที่แท้จริง”

ตาของซูอี้เป็นประกายลึกล้ำ มองปราดเดียวก็ออกว่าเมืองนี้เป็นเพียงภาพมายาจากซากปรักหักพัง

ส่วนสิ่งที่อยู่ในเมือง ล้วนแล้วแต่เป็นผี กำลังทำการแลกเปลี่ยนกันสารพัดสารเพ

ดูครึกครื้นรุ่งเรือง เมื่อฟ้าสว่าง ไม่ว่าจะเป็นเมืองนี้หรือภูตผีในเมือง ต่างแยกย้ายกระจายกันออกไป

เทียบกับเมืองผีเสี่ยวเฟิงตูแล้ว ที่แห่งนี้ จึงจะนับเป็นเมืองผีที่แท้จริง

“ไม่รู้ว่าภูตผีเหล่านั้นขายของวิเศษใดกัน ไปกันเถิด เราเข้าไปดูกันหน่อย จำไว้ ห้ามเผยพลังในตัวเด็ดขาด มิฉะนั้น ย่อมทำให้ภูตผีเหล่านั้นแตกตื่น”

ซูอี้สนอกสนใจ พลางเอ่ยกำชับประโยคหนึ่ง จากนั้นก็กระโจนไปที่เมืองนำไปก่อน

ดึกดื่นเช่นนี้ ได้พบเมืองผีอันพิศวงในหุบเขาลึกเช่นนี้ หากไม่เข้าไปดูเสียหน่อย คงน่าเสียดายแย่

หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงตามไปติด ๆ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset