📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 436

บทที่ 436 - ธงนภาแปดฉาก
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“คุณชายไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

เฒ่าบอดปรากฏตัวอยู่ด้านข้างซูอี้

ซูอี้ส่ายหน้า และเอ่ย “ครานี้เป็นข้าที่ดูถูกบุคคลที่มีชีวิตรอดจากการจองจำแห่งยุคมืดเมื่อสามหมื่นปีก่อนเอง ทำให้ในตอนท้ายเขาหนีไปได้”

บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตเปิดทวาร ทว่ามีพลังมากพอจะสังหารฮูหยินเมี่ยวหัวและคนอื่น ๆ ที่อยู่ขอบเขตรวบรวมดาราได้

การโจมตีก่อนหน้านี้ของซูอี้ เดิมทีคิดว่าสามารถสังหารบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงได้ แต่ไม่นึกเลยว่า กลับทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงเท่านั้น

เมื่อคิดในยามนี้ ซูอี้ก็ตระหนักได้ทันที ที่อีกฝ่ายมีชีวิตรอดจากการโจมตีของเขานั้น แสดงว่าคนผู้นี้จะต้องมีอาวุธป้องกันที่แกร่งกล้าติดตัวเอาไว้เป็นแน่

นอกจากนี้ คนผู้นี้ยังมีไพ่ตายรักษาชีวิตที่ไม่ธรรมดาอยู่

เฉกเช่นไข่มุกวิญญาณสีเงินเมื่อครู่ อานุภาพที่ระเบิดออกมาเทียบได้กับตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณที่ใช้พลังทั้งหมด ทำให้ซูอี้จำต้องหลบเลี่ยง

“ดูเหมือนปีศาจเฒ่าตนนั้น จะสามารถมีชีวิตรอดในความเงียบสามหมื่นปีมาได้ เช่นนั้นเขาจะต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะจำศีล ผู้อาวุโสของเขาจะต้องเตรียมวิธีการรักษาสำหรับเขาเอาไว้อย่างหลากหลาย ดังนั้นในบรรดาผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดในมหาทวีปคังชิงยามนี้ บุคคลเช่นนี้… จึงเรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่เก่งกาจนัก!”

เฒ่าบอดเอ่ย “แต่คุณชายก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้อย่างง่ายดาย ไม่นับว่าแย่อะไร และข้าเดาว่า ในบรรดาผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดทั่วหล้านี้ เกรงว่าคงมิอาจหาผู้ใดมาเทียบเคียงกับคุณชายได้”

ชายชราสายเลือดโคมไฟผีเก็บโลงศพผู้นี้ มีวิธีประจบสอพลอที่เรียกได้ว่าไม่เป็นรองใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับซูอี้ เขาก็สามารถหาคำเยินยอออกมาได้เสมอ

นับว่าเป็นคนแปลกประหลาดมากผู้หนึ่ง

“แต่อย่าได้ดูแคลนวีรบุรุษทั่วใต้หล้าเชียว”

ขณะที่ซูอี้เอ่ยอยู่ เขาก็เอามือไพล่หลัง และเดินออกไป

“คุณชาย แล้วจะทำอย่างไรกับคนของพรรคมารหยินเหล่านั้น?”

เฒ่าบอดรีบเอ่ยถาม

ที่เขากล่าวถึงคือเลี่ยนเหลิ่งเยว่และคนอื่น ๆ

“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึ แค่ตัดหัวคนชั่วช้าก็พอ แล้วก็… ประโยคที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ถูกใจข้ามาก เทพเซียนไม่ควรลดตัวไปลงมือกับมดปลวก เฉกเช่นดาบของแม่ทัพที่ไม่ได้มีไว้สังหารแมลงวัน”

ซูอี้ไม่หันกลับไปมอง พลางลอยออกไป

เฒ่าบอดชะงักค้าง ก่อนหัวเราะเสียงดังออกมาและตามหลังไป

ด้านหลังของพวกเขา มีเลี่ยนเหลิ่งเยว่และคนอื่น ๆ ที่บาดเจ็บสาหัสนอนเกลื่อนอยู่บนพื้น ซึ่งขณะนี้พวกเขาต่างมีความรู้สึกปีติยินดีราวกับรอดตายจากการถูกลงทัณฑ์

…..

“คุณชาย ข้าต้องจากไปแล้ว”

ระหว่างทาง ชายชราตาบอดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “หากจากนี้ไปคุณชายมีสิ่งใดต้องการให้ข้าช่วย เพียงแค่จุดไฟ ‘โคมสวรรค์’ นี้ ตราบใดที่อยู่ภายในอาณาเขตต้าเซี่ย ภายในหนึ่งวัน ข้าจะปรากฏออกมาอยู่ต่อหน้าคุณชาย”

เขานำโคมไฟกระดาษสีดำขนาดเท่าฝ่ามือออกมา พลางใช้สองมือส่งไปให้ซูอี้

ซูอี้รับสิ่งนี้มา แล้วถือขึ้นมาสำรวจไปพลางขณะเอ่ย “อย่าลืมคำพูดของข้า หากเจอเรื่องลำบาก ก็มาหาข้าได้ และข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของเจ้า การหาตัวข้าคงมิใช่เรื่องลำบากอะไร”

เฒ่าบอดยิ้มออกมา “ข้าน้อยจำได้ขึ้นใจแล้ว”

ไม่นาน ชายชราก็แยกจากไป

เมื่อร่างผอมจนเห็นกระดูกลับตาไปแล้ว ซูอี้จึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ

เขากลับไม่นึกเลยว่า บุญคุณความแค้นในชาติก่อนที่เกี่ยวข้องกับเขา จะพัวพันไปถึงเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพ

“ผีหมัว… ก่อนข้าจะกลับมาผงาดในเก้ามหาแดนดินอีกครั้ง เจ้าห้ามตายเด็ดขาด…”

ซูอี้พึมพำ ท่าทางสงบนิ่งราวกับแม่น้ำ

…..

ภายในลานบ้าน

หลังจากที่ซูอี้กลับมา ก็เอนกายอยู่บนเก้าอี้หวายอย่างเกียจคร้าน ทั่วร่างผ่อนคลายอย่างยิ่ง

วันนี้เมื่อเข้าไปในเสี่ยวเฟิงตู ก็ไปที่ศาลเจ้าหลักเมืองก่อน จากนั้นก็เจอกับเฒ่าบอดเชื้อสายโคมผีเก็บโลงอยู่ในเมืองผี

จนมาถึงลานบ้านแห่งนี้ กำลังเตรียมพักผ่อน แต่กลับไม่นึกเลยว่า คนของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงแห่งพรรคมารหยินกลับจะมาสังหาร…

ดังนั้นในตอนนี้เอง ซูอี้จึงเสมือนเพิ่งได้มีเวลาพักผ่อนจริง ๆ

ตอนที่ไม่ได้ฝึกฝน เขาก็จะเกียจคร้านเช่นนี้อยู่เสมอ เมื่อได้นอนแล้วก็จะไม่ลุกอย่างเด็ดขาด

“พี่ชายซูอี้ ท่านดูกำไลข้อมือนี้สิ”

ชิงหยายิ้มตาหยีพลางเดินมาข้างหน้า ดึงแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้น เผยแขนขาวดุจหิมะออกมา ยื่นไปด้านหน้าซูอี้ และสั่นกำไลหยกบนข้อมือไปมา

แสงแดดอ่อนโยน สาดส่องอยู่บนแขนที่ขาวดุจหยก เผยแสงมันวาวคลุมเครือ กำไลข้อมือสีมรกตใสแวววาว รัศมีส่องประกายเคลื่อนไหวไปมาราวกับหมอก สว่างไสวเจิดจ้า

ข้อมือขาวกลั่นเกล็ดหมอกหิมะ กำไลหยกพันรอบนภากว้าง

ครั้นมองไปที่สาวน้อย ดวงหน้าที่งดงามไม่ว่าจะโกรธหรือสุข ดวงตากลมโตยิ่งเจือไปด้วยความสุขและความคาดหวัง

ภาพนี้ เรียกได้ว่าสบายตาสบายใจมาก

“ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย” ซูอี้พยักหน้า

เขารู้อยู่แล้ว กำไลหยกนี้หลอมมาจากหยกเย็นมรกต ซึ่งหาได้ยากยิ่ง มันคือสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งที่มีความมหัศจรรย์ลึกล้ำ

แต่เมื่อเทียบกับของล้ำค่า ความมีเสน่ห์ ไร้เดียงสา สวยงามดั่งนางฟ้าบนตัวสาวน้อย กลับยิ่งดึงดูดความสนใจมากกว่า

ชิงหยาหดแขนกลับ และเอ่ยเสียงกังวาน “พี่ชายซูอี้ นี่คือของล้ำค่าที่ข้าเลือกมาจากในโคมไฟผี มีชื่อว่า ‘กำไลแสงนภา’ สามารถกระตุ้นค่ายกลป้องกันที่มีชื่อว่า ‘ค่ายกลวงล้อวิญญาณเจ็ดดาว’ ออกมาได้ ว่ากันว่าสามารถต้านทานผู้แข็งแกร่งขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่โจมตีเต็มกำลังได้”

ขณะเอ่ย นางก็นำขวดหยกออกมา และส่งให้ซูอี้ “พี่ชายซูอี้ ที่ข้าได้ของล้ำค่าชิ้นนี้มา เพราะได้รับการช่วยเหลือจากท่าน ในขวดหยกนี้คือ ‘หยกมังกรล้ำลึก’ ท่านจะต้องเก็บเอาไว้”

ซูอี้แปลกใจ

หยกมังกรล้ำลึกคือโอสถวิญญาณที่หาได้ยาก ในตอนที่อยู่ขอบเขตรวบรวมดารา มีประโยชน์ที่มิอาจประเมินได้ต่อการหลอมธาตุวิถี และมีคุณค่าที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก

เมื่อมองสีหน้าที่จริงจังของสาวน้อย สุดท้ายซูอี้ก็เก็บยาหยกมังกรล้ำลึกขวดนี้ไว้

“สหายเต๋าซู ข้าได้รับข่าวมาก่อนหน้านี้ อีกประเดี๋ยวอาจารย์อาของชิงหยาจะมา…”

ในตอนนี้เอง หลิงอวิ๋นเหอยิ้มแล้วเดินเข้ามา พร้อมกับนำเรื่องมาบอกกล่าว

เมื่อซูอี้ฟังจบ ก็เอ่ยขึ้น “ฟังเจ้าเล่าเช่นนี้ แสดงว่าเหวินซินจ้าวผู้นั้นคือนักดาบที่มีพรสวรรค์เก่งกาจอย่างมากผู้หนึ่งรึ?”

หลิงอวิ๋นเหอพยักหน้าพลางเอ่ยด้วยความจริงใจ “ในบรรดาผู้ฝึกตนที่หลิงผู้นี้เคยพบมา หากเอ่ยถึงพรสวรรค์บนเส้นทางวิถีดาบแล้ว ข้ายังมิเคยพบผู้ใดที่แกร่งกล้าเฉกเช่นศิษย์น้องเหวินเลย”

ขณะที่เอ่ย เขาก็เล่าเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวข้องกับเหวินซินจ้าวออกมา

ในตอนอายุสิบสี่ปี ก็เป็นตัวตนมากความสามารถด้านวิถีดาบที่ไม่มีผู้ใดในหอหนึ่งดาบสวรรค์ยุคนั้นเทียบได้ และถูกเรียกขานว่าเป็น ‘มารดาบน้อย’

ในตอนอายุสิบหน้าปี เขาสามารถทำลาย ‘ค่ายกลดาบตาข่ายสวรรค์’ และกลายเป็นศิษย์ก้นกุฏิของเซียนหานเยียน ผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณแห่งวังเทพสวรรค์เมฆา…

เรื่องราวที่โดดเด่นเช่นนี้ ทำให้ซูอี้เกิดความรู้สึกสนใจต่อหญิงสาวที่มีนามว่าเหวินซินจ้าวอย่างช่วยไม่ได้

วังเทพสวรรค์เมฆาคือหนึ่งในสี่ขุมกำลังฝึกฝนสูงสุดแห่งต้าเซี่ย เมื่อสามปีก่อนเหวินซินจ้าวอาศัยทักษะวิถีดาบของตัวเองและถูกผู้ฝึกตนระดับวิถีวิญญาณรับเป็นศิษย์ เรื่องนี้ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ

แต่จะเรียกว่าเป็นผู้มีความชำนาญแห่งวิถีดาบได้หรือไม่นั้น ต้องรอพบกันก่อน มีแต่ต้องเห็นด้วยตาจึงจะรู้ว่าจริงเท็จเพียงใด!

ทันทีที่เอ่ยอยู่ พลันบนน่านฟ้าไกล มีเรือล่องล้อเมฆาลอยบินมา

เรือล่องล้อเมฆานี้ยาวสิบกว่าจั้ง กดทับอยู่บนชั้นเมฆแฝงไปด้วยลำแสงหลากสีสัน ทำให้ผู้ฝึกตนมากมายในเมืองซานอิ่นล้วนตกตะลึง

“อานุภาพเรือล่องล้อเมฆานี้น่าทึ่งมาก คือผู้ใดกันที่ขับมาเมืองซานอิ่นของพวกเรา?”

ผู้ฝึกตนมากมายสงสัยโนlวลกูดoทคอม

“ธงนภาแปดฉาก! สวรรค์! นี่คือเรือล่องล้อเมฆาของวังเทพสวรรค์เมฆา!!”

เหล่าอาวุโสที่เห็นเรื่องราวมาอย่างโชกโชน ต่างอ้าปากตาค้างด้วยรู้จักธงรบที่แขวนอยู่บนเรือล่องล้อเมฆานี้ ซึ่งมีเพียง ‘วังเทพสวรรค์เมฆา’ หนึ่งในสี่ขุมกำลังสูงสุดแห่งต้าเซี่ยเท่านั้นที่มี!

“ผู้แกร่งกล้าของวังเทพสวรรค์เมฆา!?”

ภายในเมืองซานอิ่นเกิดความโกลาหล มีผู้ฝึกตนมากมายตกใจกับสิ่งนี้ พลางมองเรือล่องล้อเมฆานั้นด้วยความเคารพนับถือที่มากจากใจจริง

อาณาเขตต้าเซี่ยนั้นกว้างขวาง แบ่งออกเป็นสิบสามแคว้น มีกองกำลังฝึกฝนภายในอาณาจักรมากกว่าหนึ่งร้อยกองกำลัง เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มวิถีปราชญ์ที่เจริญรุ่งเรืองมาก

แต่ภายในต้าเซี่ย กลับมีเพียงสี่ขุมกำลังเท่านั้น ที่เป็นเหมือนเจ้าปกครองเหนือฟ้า และเชิดหน้าชูตาอยู่บนโลกนี้

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีวังเทพสวรรค์เมฆาอยู่ด้วย!

สำหรับผู้ฝึกตนแห่งต้าเซี่ย วังเทพสวรรค์เมฆาไม่ต่างอะไรกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไกลเกินเอื้อมมาก

หากเอ่ยอย่างไม่เยินยอ ภายในแคว้นเทียนหนาน ศิษย์แห่งวังเทพสวรรค์เมฆาคือบุคคลที่ไม่มีผู้ใดกล้าไปยั่วยุด้วย!

และยามนี้ เรือล่องล้อเมฆาที่มาจากวังเทพสวรรค์เมฆา กลับลอยอยู่เหนือน่านฟ้าทิศเหนือสุดของเมืองซานอิ่นที่ตั้งอยู่แคว้นเทียนหนานแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย แล้วจะไม่ทำให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างไร?

“ธงนภาแปดฉาก! ชิงหยา น่าจะเป็นอาจารย์อาของเจ้ามาแล้ว”

ในยามนี้ หลิงอวิ๋นเหอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

ในสายตาที่จับจ้องของพวกเขา เรือล่องล้อเมฆาที่มีลำแสงสว่างไสวโดยรอบลำนั้น ใกล้จะมาถึงน่านฟ้าเหนือลานบ้าน และค่อย ๆ ลอยอยู่ตรงนั้น

จากนั้น สามบุรุษหนึ่งสตรีก็เดินออกมาจากเรือล่องล้อเมฆา

ผู้นำมาคนแรกคือ ชายหนุ่มหล่อเหลาห้าวหาญ ไหล่กว้างเอวสอบ สวมชุดคลุมยาวสีขาวดุจหิมะ แบกปลอกดาบสีเทายาวสี่ฉื่อไว้ด้านหลัง และมีเสน่ห์ดึงดูด

ส่วนชายสองหญิงหนึ่งที่เหลือ ต่างก็มีท่วงท่าสง่างาม แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นมังกรที่อยู่ในฝูงหงส์ ท่าทางไม่ธรรมดา และมีบุคลิกที่โดดเด่น

เพียงแต่ เมื่อเห็นพวกเขา หลิงอวิ๋นเหอกับชิงหยาต่างชะงักค้างไปตาม ๆ กัน

เพราะในนั้นกลับไม่มีเหวินซินจ้าวอยู่เลย!

ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มสวมชุดขาวแบกฝักดาบไว้ด้านหลังพาคนอื่น ๆ ลอยลงมาในลานบ้าน

สายตาของชายสวมชุดขาวกวาดมองทุกคน ก่อนจะยิ้มและคำนับหลิงอวิ๋นเหอกับชิงหยา “ทั้งสองท่านคงเป็นสหายเต๋าหลิงอวิ๋นเหอ กับแม่นางชิงหยาสินะ?”

หลิงอวิ๋นเหอกุมมือคำนับ “ถูกต้อง ขอริอาจถามสหายเต๋า ท่านมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร?”

“ข้ามีนามว่าฮั่วอวิ๋นเซิง ได้รับคำสั่งจากศิษย์พี่เหวินให้เดินทางมารับทุกท่าน”

ชายสวมชุดขาวยิ้มแย้มแจ่มใส

“เหตุใดท่านอาจารย์อาถึงไม่มา?”

ชิงหยาอดเอ่ยถามไม่ได้

อาจารย์อา?

ฮั่วอวิ๋นเซิงที่สวมชุดขาวชะงักค้าง พลันเข้าใจขึ้นมาทันที ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในตอนที่ผ่านเมืองหลิงชวี ศิษย์พี่เหวินเจอเรื่องที่สำคัญมาก จึงมิอาจจากมาได้ทันที และกังวลว่าทั้งสองท่านจะรอนาน จึงส่งพวกข้ามา เพื่อพาทั้งสองไปเมืองหลิงชวีเพื่อพบกับศิษย์พี่เหวิน”

ทุกคนถึงได้เข้าใจทันที

หลิงอวิ๋นเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ช่างบังเอิญจริง ๆ พวกเราที่ได้รับข่าวก่อนหน้านี้ ก็กำลังเตรียมออกเดินทางไปเมืองหลิงชวีในวันพรุ่งนี้เช่นกัน”

สายตาของฮั่วอวิ๋นเซิงกวาดมองไปทางซูอี้ หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงและเอ่ยถาม “สหายเต๋าหลิง สหายเต๋าทั้งสามท่านคือ?”

หลิงอวิ๋นเหอแนะนำฐานะของซูอี้และคนอื่น ๆ ในขณะที่ยิ้ม

เมื่อรู้ว่าเป็นสหายของชิงหยากับหลิงอวิ๋นเหอ ฮั่วอวิ๋นเซิงก็พยักหน้ารับพลางยิ้ม จากนั้นจึงเอ่ยกับหลิงอวิ๋นเหอ “เวลาไม่คอยท่า พวกเราออกเดินทางในยามนี้เลยดีหรือไม่?”

หลิงอวิ๋นเหอหันกลับมองไปทางซูอี้ “สหายเต๋าซู ท่านคิดเห็นอย่างไร?”

ภาพนี้ทำให้ฮั่วอวิ๋นเซิงชะงักค้าง ก่อนตระหนักได้ว่า ดูเหมือนชายหนุ่มขอบเขตไร้เบญจธัญผู้นี้ จะไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิดไว้

เพราะในตอนที่ตัดสินใจ หลิงอวิ๋นเหอที่เป็นผู้ฝึกตนเขตรวบรวมดารา กลับขอคำอนุญาตจากชายหนุ่มที่มีนามว่าซูอี้!

“ก็ดีเหมือนกัน”

ซูอี้ที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้หวายยืดตัวบิดขี้เกียจพลางลุกขึ้น ก่อนเก้าอี้กลับไปแล้วเอ่ยปาก “ไปกันเถิด”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset