📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 409

บทที่ 409 - ชิงหยา
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ซูอี้ลุกขึ้น สะบัดชายเสื้อและไปจากที่แห่งนี้

ฟ้าสว่างมากแล้ว เขาฝูเซียนในรุ่งเช้า มวลเมฆทอแสง สรรพสิ่งเปล่งประกาย ท่ามกลางเทือกเขาแห่งนี้ พืชพรรณเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา

วัดเทพเจ้าเขาที่สร้างอยู่ตรงไหล่เขากลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว

ซูอี้ยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังเหล่านั้น มือกำยันต์ กวาดสายตามองรอบ ๆ ก่อนสงบจิตเพื่อจับสัมผัส

นี่คือยันต์ลับจูงวิญญาณ

หยวนเหิงมียันต์นี้ติดตัวเช่นกัน ไม่ว่าไปที่ใด ก็จะหลงเหลือพลังอันเป็นเอกลักษณ์ไว้

ขอเพียงซูอี้มียันต์อีกแผ่นในมือ ก็จะตรวจจับพลังนี้ได้

ในไม่ช้า เมื่อสายตาของซูอี้ทอดมองทิศตะวันออกของเขาฝูเซียน ร่างของเขาวูบไหว จากนั้นจึงกระโจนไปด้านหน้า

……

ในพื้นที่ราบท่ามกลางภูเขาแห่งหนึ่ง

ผิวดินยุบลง หินผารอบข้างถล่ม ต้นไม้ใบหญ้าเหลือเพียงเถ้าถ่าน

เป็นร่องรอยจากการต่อสู้

“ท่านอาจารย์ แม้ว่าเจ้านั่นจะมีไอปีศาจติดตัวหนาแน่น ทว่าปราศจากลมปราณดุร้าย ถึงจะเป็นปีศาจ ก็คงเป็นปีศาจมีเมตตากระมัง?”

ชิงหยาถามเสียงใส

หญิงสาวดูมีอายุอานามราว ๆ สิบหกสิบเจ็ด รูปร่างอรชร ผอมเพรียวสง่า สวมชุดคลุมเต๋า ผมเงางามเกล้าเป็นมวย แบกดาบโบราณไว้ที่หลัง หน้าตาน่ารักสะอาดสะอ้าน

“คงไม่ถึงขั้นมีเมตตาหรอก อย่างไรก็เป็นผู้ฝึกปีศาจ”

หลิงอวิ๋นเหอเอ่ยเสียงแผ่ว “แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะอธิบายว่าเด็กพวกนั้นถูกเขาและนายท่านของเขาช่วยเหลือไว้ ทว่าท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็ยังมีพิรุธอยู่ รอให้ได้พบนายท่านที่เขากล่าวถึงก่อนเถิด บางทีความจริงอาจเปิดเผย”

เขาเองก็สวมชุดคลุมเต๋าเช่นกัน ผมยาวเกล้าเป็นมวย รูปร่างสูงโปร่ง เครายาวพลิ้วไสวอยู่ใต้คาง ดูสง่างามเหนือมวลมนุษย์

ชิงหยากะพริบตาโตใสสกาว “ผู้ฝึกปีศาจที่ก้าวสู้เส้นทางวิถีต้นกำเนิด ซ้ำยังยกย่องมนุษย์เป็นนายท่าน เช่นนี้นายท่านของเขาคงเก่งกาจมากกระมัง?”

“เจ้าช่างเป็นหญิงสาวมากคำถามจริง ๆ”

หลิงอวิ๋นเหอหัวเราะ สายตาเปี่ยมด้วยความเอ็นดู “นายท่านของเขาเก่งหรือไม่ ต้องรอให้ได้พบก่อนจึงจะทราบได้”

ชิงหยาพยักหน้า ตอบอืมมาหนึ่งคำ แล้วหันไปมองที่ไกล ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงใส “สหายเต๋า ข้าและท่านอาจารย์ของข้าไม่ต้องการทำให้เจ้าลำบาก ขอเพียงได้พบนายท่านของเจ้า พิสูจน์ได้ว่าเจ้าบริสุทธิ์ พวกเราย่อมปล่อยเจ้าไป”

บนท้องฟ้าไกล ๆ ดาบวิถีสี่เล่มลอยให้เห็นอยู่โต้ง ๆ เรียงกันคล้ายค่ายกลสี่เอกลักษณ์ แผ่ซ่านลมปราณดุดันชวนตะลึงออกมา

หยวนเหิงในร่างมนุษย์ถูกพันธนาการอยู่ใต้ค่ายกลดาบแห่งนี้ ทางถอยทุกทางถูกปิดตายหมดแล้ว ประดุจสัตว์ร้ายที่ถูกพันธนาการ

“หากนายท่านของข้ามา เกรงว่าเจ้าและท่านอาจารย์ของเจ้าจะมีเคราะห์ร้าย”

หยวนเหิงถอนหายใจเบา ๆ

เมื่อพูดถึงเคราะห์ร้าย ระหว่างทางที่เขาไปส่งพวกเด็ก ๆ กลับบ้าน ได้บังเอิญเจอกับอาจารย์ศิษย์คู่นี้เข้าพอดี

…โดยไม่ยอมให้เขาอธิบายใด ๆ อีกฝ่ายก็พลันมองตนเป็นพวกปีศาจมารนอกรีต ก่อนออกแรงโจมตีดุเดือด!

หยวนเหิงพร่ำอธิบาย อาจารย์ศิษย์คู่นั้นเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง ทว่าไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ

แต่อาจารย์ศิษย์คู่นี้หาใช่พวกเลวทราม เพียงแต่กักตัวเขาไว้เท่านั้น มิมีท่าทีทำร้ายแต่อย่างใด

ทำให้หยวนเหิงก็โกรธไม่ลง

ข้อแรก เขามีความสามารถไม่สู้อีกฝ่าย โทษใครไม่ได้

ข้อสอง เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายก็แสดงท่าทีเป็นมิตรอย่างมาก ยอมรอจนซูอี้มาถึง แล้วจึงค่อยคลายปมเรื่องเข้าใจผิดนี้

หยวนเหิงได้แต่ก้มหน้ารับความโชคร้าย

“ได้ยินเจ้ากล่าววาจาเช่นนี้ หมายความว่านายท่านของเจ้าเก่งกาจนักหรือ?”

ชิงหยาถามด้วยความใคร่รู้ “เช่นนั้นเจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ว่าพลังของเขาสูงส่งเพียงใด”

หญิงสาวผู้นี้ร่าเริงแจ่มใส ซื่อบริสุทธิ์ ราวกับสรรพสิ่งใด ๆ บนโลกล้วนกระตุ้นต่อมอยากรู้ของนางได้หมด

หยวนเหิงครุ่นคิด หน้าตาฉายแววปลาบปลื้มระคนนับถือยำเกรง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“นายท่านของข้า เขา…. ควรจะเป็นเทพเซียนบนสรวงสวรรค์ มิควรอยู่ในโลกสามัญแห่งนี้ พลังวิถีและสติปัญญาของนายท่านก็หาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนในโลกแห่งนี้เปรียบเทียบได้ไม่ หากจะให้พรรณนาว่าเก่งกาจเพียงใด ข้าบอกได้เพียง ‘ลึกล้ำเกินหยั่ง’”

ตาคู่งามของชิงหยาเบิกกว้าง เอ่ยด้วยความตื่นตาตื่นใจ “เทพเซียนบนสรวงสวรรค์? ถ้าเช่นนั้นจะเก่งกาจเกินไปแล้ว!”

ห่างออกไปไม่ไกล หลิงอวิ๋นเหออดหัวเราะไม่ได้ “โลกนี้มีเทพเซียนที่ไหนกันเล่า ชิงหยา เจ้าอย่าได้ฟังวาจาเหลวไหลของเขา สิ่งที่เขาพูดอยู่ตอนนี้ เป็นเพียงวาจาชื่นชมที่มีต่อนายท่านของเขาเท่านั้น”

ชิงหยาร้องอ้อ ก่อนจะหัวเราะคิกคัก “จริงด้วย ถ้าในโลกนี้มีเทพเซียนจริง ๆ ข้าเองก็มีโอกาสได้เป็นนางเซียนน้อยมิใช่หรือ?”

หยวนเหิงที่เห็นอย่างนั้น เขาก็ส่ายหน้าไม่พูดสิ่งใด

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ พูดไปก็เปล่าประโยชน์

ทว่าชิงหยากลับอยากรู้อยากเห็นขึ้นเรื่อย ๆ “สหายเต๋า ในเมื่อนายท่านของเจ้าเก่งกาจเพียงนั้น เหตุใดเจ้ายังสู้ท่านอาจารย์ของข้าไม่ได้เล่า?”

หยวนเหิง “…”

เขาเชิดสายตามองหลิงอวิ๋นเหอไกล ๆ พร้อมรำพึงในใจ “ข้าเพิ่งบรรลุขอบเขตไร้เบญจธัญ จะให้เป็นคู่มือของตาเฒ่าขอบเขตรวบรวมดาราได้อย่างไรกัน?”

หยวนเหิงเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง “แม่สาวน้อย ถึงแม้พลังของข้าไม่น่าชมนัก แต่ก็เป็นสาเหตุจากพรสวรรค์ต่ำต้อยของข้า หาได้เกี่ยวข้องกับนายท่านข้า นอกจากนี้ ข้าปฏิบัติหน้าที่ติดตามนายท่านมาจนถึงบัดนี้ยังผ่านไปไม่ถึงเดือนเลย”

“แบบนี้นี่เอง”โนlวลกูดoทคอม

ชิงหยาพยักหน้า ก่อนจะปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน “สหายเต๋า เจ้าอย่าได้ดูถูกตนเองมากไป ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์ของข้าได้บอกไว้แล้ว แม้เจ้าจะเป็นผู้ฝึกปีศาจ แต่รากแก่นในพลังวิถีมั่นคงยิ่ง มิใช่ระดับที่ผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญทั่วไปเทียบชั้นได้ มิหนำซ้ำ วิชาที่เจ้าฝึกฝนเห็นทีคงเป็นวิชาที่ลึกล้ำยิ่ง ความสำเร็จในวันหน้าย่อมไร้ขอบเขตอยู่แล้ว”

ห่างออกไปไม่ไกล หลิงอวิ๋นเหอมิได้คัดค้าน

ที่ประมือกับหยวนเหิงก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าความสามารถและระดับพลังของอีกฝ่ายไม่ธรรมดา มิใช่ระดับที่ผู้ฝึกปีศาจดาด ๆ จะเทียบได้

ผนวกกับหยวนเหิงอ้างว่าตนยังมี ‘นายท่าน’ อีกคนอยู่ เป็นผลให้หลิงอวิ๋นเหอมิกล้าล่วงเกิน ท้ายสุดในตอนที่ลงมือ เขาจึงเพียงแค่พันธนาการหยวนเหิงไว้เท่านั้น มิได้ทำร้ายให้อีกฝ่ายบาดเจ็บแต่อย่างใด

“อย่างนั้นหรือ เฮ้อ แต่ถ้านายท่านได้เห็นข้าในสภาพนี้ น่ากลัวว่าจะผิดหวังในตัวข้า…”

หยวนเหิงถอนหายใจ

ชิงหยามีท่าทีเห็นใจ พร้อมเอ่ยขึ้น “สมัยข้าฝึกฝน ก็กลัวทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังที่สุด ข้าเข้าใจความรู้สึกดี มันแย่มาก ๆ”

หยวนเหิงผงะ

ไม่รอให้เขาเอื้อนเอ่ยสิ่งใด ชิงหยาหันไปและเอ่ยขึ้นมา “ท่านอาจารย์ เราปล่อยเขาได้หรือไม่ เขาโดนขังไว้เช่นนี้ ถ้านายท่านเขาเห็นเข้า ต้องตำหนิเขาเป็นแน่”

หยวนเหิงไม่รู้ควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี นี่ตัวเองต้องให้หญิงสาวคนหนึ่งเห็นใจตั้งแต่เมื่อใด?

“ก็ได้”

หลิงอวิ๋นเหอพยักหน้า สะบัดแขนเสื้อ

ค่ายกลที่ตั้งขึ้นด้วยดาบวิถีสี่เล่มโผหายไปในแขนเสื้อของเขาดุจนกนางแอ่นบินกลับรัง

ที่จริงเมื่อชั่วครู่ที่ผ่านมา หลิงอวิ๋นเหอก็ดูออกว่า ด้วยนิสัยใจคอและท่าทีที่หยวนเหิงแสดงออกมา เขามิใช่คนชั่วช้าแต่อย่างใด

หรือพูดอีกอย่างคือ เรื่องบาดหมางก่อนหน้าเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ

“สหายเต๋า หากก่อนหน้านี้ข้าล่วงเกินเจ้าไป โปรดอภัยให้ด้วย”

หลิงอวิ๋นเหอประสานมือ

หยวนเหิงเอ่ยเสียงเข้ม “ไม่ถึงขั้นล่วงเกินหรอก แต่วันนี้เมื่อพลังของข้าก้าวหน้าขึ้น ข้าจักมาท้าดวลกับเจ้าอีกครา มาดูว่าผู้ใดเก่งกาจกว่ากัน!”

ชิงหยาตาเป็นประกาย ยกนิ้วโป้งขึ้น “สหายเต๋า กล้าหาญยิ่ง!”

หลิงอวิ๋นเหอกลับหัวเราะ “หากกล่าวถึงการท้าดวล ข้าย่อมยินดีอย่างยิ่ง แต่ทว่า กว่าสหายเต๋าจะก้าวสู่ขอบเขตรวบรวมดารา ผลการฝึกของข้าคงไปไกลกว่านั้นแล้ว”

สามขอบเขตแห่งวิถีต้นกำเนิด ได้แก่ ขอบเขตไร้เบญจธัญ ขอบเขตเปิดทวาร ขอบเขตรวบรวมดารา

ความหมายแฝงของหลินอวิ๋นเหอคือ มีแต่ตอนที่เจ้าก้าวสู่ขอบเขตรวบรวมดารา จึงจะมีสิทธิ์งัดกับข้า

แต่กว่าเจ้าจะก้าวสู่ขอบเขตรวบรวมดาราจริง ๆ เกรงว่าข้าคงอยู่ในวิถีวิญญาณแล้ว ถึงเวลานั้น ผลแพ้ชนะมองปราดเดียวก็ออก

หยวนเหิงย่อมฟังความหมายที่แฝงไว้ออก

แต่ไม่รอให้เขาปริปาก เสียงราบเรียบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากที่ไกล ๆ “มิจำเป็นต้องรอถึงขอบเขตรวบรวมดารา ขอเพียงหยวนเหิงก้าวสู่ขอบเขตเปิดทวาร ก็ชนะได้สบาย”

คล้อยตามเสียงนั้น ท่ามกลางแสงอรุณไกล ๆ ร่างสูงผอมบางร่างหนึ่งกระโจนเข้ามา

ชุดเขียวดั่งหยก สะอาดสะอ้านเหนือปวงชน

ซูอี้นั่นเอง!

ตัวหยวนเหิงสะดุ้ง หน้าตาฉายอารมณ์ละอาย ก้มหน้าทำความเคารพ “นายท่าน! ข้า…”

“ไม่ต้องอธิบาย ข้าเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า”

ซูอี้โบกมือพลางกล่าว

ตากลมโตของชิงหยาทอดมองซูอี้ทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยความทึ่ง “สหายเต๋า นี่หรือนายท่านของเจ้า? ดูอายุน้อยจัง!”

ขณะเดียวกัน หลิงอวิ๋นเหอก็ตกใจเช่นกัน นัยน์ตาวาวโรจน์ขึ้นเล็กน้อยขณะมองซูอี้ “เมื่อครู่สหายเต๋าท่านนี้อยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ?”

“ถ้ามิใช่เพราะเจ้าเป็นฝ่ายถอนค่ายกลดาบเมื่อครู่ออกไปเอง เกรงว่าบัดนี้เจ้าคงไม่มีโอกาสยืนคุยกับข้าอยู่ตรงนี้”

ซูอี้เอ่ยด้วยความนิ่งเฉย

รูม่านตาหลิงอวิ๋นเหอหดลงเล็กน้อย หน้าตาตะลึงระคนกังขา

เขามองปราดเดียวก็ออก พลังในตัวซูอี้อยู่ขอบเขตไร้เบญจธัญเท่านั้น และอายุน้อยมากอีกด้วย มิใช่ปีศาจเฒ่าที่มีวิชารักษารูปโฉมแต่อย่างใด

ทว่าเมื่อครู่ ด้วยจิตสัมผัสขอบเขตรวบรวมดาราอย่างเขา กลับไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย และเป็นอีกฝ่ายที่เก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ สิ่งนี้น่าตกใจเกินไปแล้ว!

และด้วยเหตุนี้ แม้ว่าตอนนี้คำพูดของซูอี้เสียดหูเหลือเกิน หลิงอวิ๋นเหอกลับไม่โกรธแต่อย่างใด

ผนวกกับเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ก็เกิดจากตัวเขาเอง ทำให้เมื่อต้องเผชิญกับซูอี้จึงรู้สึกผิด ต่อให้วาจาของซูอี้ไร้มารยาท เขาก็ได้แต่ยอมรับไว้

“นายท่าน เรื่องก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดขอรับ”

หยวนเหิงก้าวไปด้านหน้า เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ซูอี้ฟังด้วยจิตใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ

ฟังจบ ซูอี้หันมองหลิงอวิ๋นเหอ พร้อมกล่าว “ช่างเถิด ข้าไม่ถือสาเรื่องนี้กับพวกเจ้า เราจบกันเท่านี้”

หลิงอวิ๋นเหอเอ่ยยิ้ม ๆ “ไม่ว่าอย่างไรข้าเองเป็นฝ่ายเข้าใจผิด หากทั้งสองท่านไม่รังเกียจ มิสู้ร่วมเดินทางไปยัง ‘เมืองอวิ๋นหยา’ ที่ห่างออกไปไม่ไกล ให้ข้าเป็นฝ่ายเลี้ยงเหล้าพวกเจ้าเพื่อไถ่โทษดีหรือไม่?”

ชิงหยาเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี “ใช่ ๆ ข้ากับท่านอาจารย์เดินทางมาจากอาณาจักรต้าฉี อุตส่าห์ได้พบสหายร่วมวิถีเต๋าด้วยกันถึงสองคน ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าร่วมวงสุราและสนทนากันแล้ว”

ซูอี้เหลือบมองชิงหยาแล้วอดชะงักไม่ได้ สายตาพร่าเลือนไปเล็กน้อย

เมื่อได้มองในระยะใกล้แล้ว ทั้งรูปโฉมและบุคลิกของเด็กสาวผู้นี้คล้ายคลึงกับชิงถัง ลูกศิษย์ของเขาในชาติก่อนนัก!

น่ารักสดใสและร่าเริงเช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะตาคู่นั้น สะอาดและใสสกาว เต็มไปด้วยความใคร่รู้ต่อสรรพสิ่งในฟ้าดินผืนนี้

จากนั้น ซูอี้ก็ส่ายหน้ากับตัวเอง

แม้จะมีส่วนคล้าย ทว่าหาใช่คนเดียวกัน

“ไม่จำเป็น พวกเรายังต้องเดินทางกันต่อ”

ซูอี้ปฏิเสธทันที

ชิงหยารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย

หลิงอวิ๋นเหอกลับถามขึ้นฉับพลัน “ทั้งสองท่าน… ต้องการเดินทางไปต้าเซี่ยใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง” ซูอี้พยักหน้า

ส่วนชิงหยาที่ผิดหวังในทีแรก ก็ดีใจขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยอย่างเบิกบาน “บังเอิญจริง ข้ากับท่านอาจารย์ก็จะไปต้าเซี่ยเหมือนกัน พวกเราร่วมทางกันได้แน่นอน!”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset