📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 362

บทที่ 362 - รวมทุกสิ่งไว้ในหนึ่งดาบ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ดาบสีม่วงเล่มเล็กบินเวียนไปมาในอากาศ มันดูคล้ายกับภาพมายามากจนดูราวกับไม่ใช่ของจริง

แต่ทว่ายามแลเห็นดาบนี้ ฉู่อวี้โค่วและทุกคนในสำนักวงเดือนต่างก็สั่นไหวและสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

นี่เป็นสมบัติประเภทใดกัน?

“ศาสตราวิถีวิญญาณ?”

ซูอี้ประหลาดใจ

“คิดไว้อยู่แล้วว่าคงไม่อาจปิดบังสายตาอันเฉียบแหลมของสหายเต๋าได้ ถูกต้องแล้วมันคือศาสตราวิถีวิญญาณซึ่งตลอดห้าสิบปีที่ผ่านมาข้าได้หล่อเลี้ยงมันในทะเลแห่งจิตวิญญาณ”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนคิ้วของชิวเหิงคง “ดาบเล่มนี้อาบล้นไปด้วยพลังจิต มันเข้ากับวิถีดาบของข้าได้อย่างเหมาะสม และพลังของมันก็ไร้ขอบเขต เมื่อตอนที่ข้าได้รับการยอมรับจากมันในหุบเขาอสูรรุ้งทอง ข้าแทบจะไม่อยากเชื่อกับความโชคดีของตัวเอง”

คำพูดนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์

เห็นได้ชัดว่าชิวเหิงคงรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างยิ่งที่เขาสามารถทำให้ดาบบงการม่วงยอมรับเขาเป็นเจ้านายได้

“ความสามารถในการทำให้ศาสตราวิถีวิญญาณยอมรับเจ้าเป็นนายได้นั้นเพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าเจ้าคือนักดาบที่แท้จริง”

ซูอี้พยักหน้า

ศาสตราวิถีวิญญาณนั้นเป็นอาวุธที่ถูกใช้โดยเหล่าผู้บ่มเพาะวิถีวิญญาณระดับสูงเท่านั้น

เนื่องจากวัสดุและแร่ต่าง ๆ ที่ใช้ในการหลอมสร้างมีพลังที่สถิตอยู่ภายในรุนแรงและมันหายากมาก อีกทั้งความลับในการหลอมสร้างมักจะถูกครอบครองแต่ในมือของเหล่าผู้บ่มเพาะวิถีวิญญาณ และมีเพียงผู้บ่มเพาะขั้นวิถีวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้นที่สามารถควบแน่น ‘เจตจำนงแห่งวิถีวิญญาณ’ ซึ่งมันคือส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในการใช้หลอมสร้างศาสตราวิถีวิญญาณ

ตัวอย่างเช่นในเก้ามหาแดนดิน แม้แต่ในหมู่ผู้บ่มเพาะวิถีวิญญาณด้วยกัน มีเพียงศิษย์หลักในสำนักใหญ่ ๆ เท่านั้นที่มีโอกาสได้รับ ‘ศาสตราวิถีวิญญาณ’ จากผู้อาวุโสของนิกาย

ดังนั้นแล้วการที่ชิวเหิงคงมีโอกาสได้ครอบครองดาบเล่มนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะขั้นวิถีวิญญาณจึงนับได้ว่าเขามีโชคที่อยู่เหนือกว่าของคนธรรมดาทั่วไปมากมายนัก

“สหายเต๋า เตรียมรับมือ!”

ในระยะไกลชิวเหิงคงเอ่ยคำก่อนจะบังคับดาบบงการม่วงพุ่งผ่านอากาศเข้าหาซูอี้ แต่ทว่าหลังจากพุ่งไปได้เพียงเสี้ยวพริบตา จู่ ๆ ดาบบงการม่วงกลับหายไปอย่างกะทันหัน!

หรือพูดอีกอย่างคือเร็วเสียจนมองไม่ทันอย่างสมบูรณ์!

เฉพาะผู้บ่มเพาะวิถีต้นกำเนิดที่มี ‘จิตสัมผัส’ เช่นฉู่อวี้โค่วเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้ว่าดาบบงการม่วงกำลังพุ่งเข้าหาซูอี้ด้วยความเร็วที่ตาเปล่าไม่อาจมองทันอย่างสมบูรณ์

มันเป็นความเร็วที่ด้อยกว่าการเคลื่อนย้ายผ่านมิติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หากดาบนี้ใช้กับผู้บ่มเพาะในขั้นวิถียุทธ์ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตใด ผู้บ่มเพาะคนนั้นย่อมถูกฆ่าโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองตายได้อย่างไร!

หรือแม้แต่กับผู้บ่มเพาะวิถีต้นกำเนิดด้วยกัน ดาบนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะปลิดชีพอีกฝ่ายได้!

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของซูอี้ไม่อาจวัดได้ด้วยสามัญสำนึก แม้ว่าซูอี้จะอยู่ในวิถียุทธ์ แต่เขามี ‘จิตสัมผัส’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะขั้นวิถีต้นกำเนิดเท่านั้นที่สามารถมีได้เรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นแม้จะเผชิญกับดาบที่รวดเร็วนี้ ซูอี้ก็สามารถแก้ไขได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ทันใดนั้นดวงตาของซูอี้เปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า จากนั้นปราณวิญญาณก็ควบแน่นจนเป็นดาบสีครามและพุ่งออกจากหว่างคิ้วของซูอี้

วิชาหนึ่งปราณสังหารเทพ!

ดาบสีครามนี้คือ ‘ดาบสังหาร’ ที่ควบแน่นโดยปราณวิญญาณบริสุทธิ์

เคร้ง!!!

เสียงคำรามดังก้องแทบจะทำให้แก้วหูผู้คนฉีกขาด

ดาบบงการม่วงถูกต้านอย่างรุนแรงจนกระเด็นถอยกลับอย่างไร้การควบคุมไปชั่วครู่ และจากนั้นมันจึงบินกลับไปหาชิวเหิงคงผู้เป็นนายของมัน

การโจมตีที่ร้ายแรงนี้ได้รับการแก้ไขภายในพริบตา

ในมุมมองของคนนอก ดูราวกับซูอี้รับมือดาบนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในความเป็นจริง ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้บ่มเพาะวิถีต้นกำเนิดคนอื่น แม้ว่าจะต้านทานดาบบงการม่วงไม่ให้เสียบทะลุร่างของตนเองได้ จิตวิญญาณก็จะได้รับความเสียหายอยู่ดี!

ในระยะไกล ชิวเหิงคงผู้ควบคุมดาบบงการม่วงทั้งร่างเซไปมา ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยวและใบหน้าซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด

การใช้งานศาสตราวิถีวิญญาณด้วยจิตสัมผัส เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับศาสตราวิถีวิญญาณ จิตสัมผัสและจิตวิญญาณก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วยเช่นกัน

“สหายเต๋าช่างยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ท่านถึงขนาดมีเคล็ดวิชาลับบ่มเพาะจิตวิญญาณ จนความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณท่านนั้นมันมากล้ำกระทั่งข้าผู้บ่มเพาะวิถีต้นกำเนิดยังต้องอับอายขายหน้า”

ชิวเหิงคงถอนหายใจอย่างขมขื่น

เขาไม่เคยคิดเลยว่าซูอี้ผู้ที่มีพลังการต่อสู้ฝืนกฎสวรรค์ยังไม่พอ แต่กระทั่งยังมีเคล็ดวิชาลับบ่มเพาะจิตวิญญาณอันน่าเหลือเชื่อ จิตวิญญาณของซูอี้นั้นแข็งแกร่งเสียจนดาบบงการม่วงไม่อาจทำอันตรายได้แม้แต่น้อย

ในระยะไกล ฉู่อวี้โค่วดูมืดหม่น ในใจผสมปนเปไปด้วยทั้งความตกตะลึง โทสะและหวาดกลัว

นี่เป็นกระบวนท่าที่แปดที่ซูอี้ใช้แล้ว

แต่จนถึงตอนนี้ ชิวเหิงคงยังคงเสียเปรียบมาตลอด ดังนั้นแล้วจะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร จะไม่ให้เขากลัวได้อย่างไร?

บรรยากาศของสำนักวงเดือนมาคุยิ่งขึ้นเช่นกัน

ทุกคนเห็นกันอย่างชัดเจนว่าดาบบงการม่วงเป็นไพ่ตายของผู้อาวุโสสูงสุดชิวเหิงคง แต่ต่อหน้าซูอี้ ไพ่ตายนี้ดูเหมือนจะไร้ผล

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจ

ห่างออกไป หัวใจที่ตึงเครียดของฉาจิ่นได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อได้สตินางจึงเพิ่งรู้ตัวว่านางกำมือของตัวเองแน่นเกินไปจนเล็บของนางแทบจะจิกทะลุผิวหนังบนฝ่ามือ

“ดาบนี้ของท่านไร้ประโยชน์สำหรับข้า สหายเต๋ายังมีสิ่งใดไม่ได้ใช้ออกอีกหรือไม่?” ซูอี้ถาม

“ขอเสียมารยาทแล้ว”

ชิวเหิงคงสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะโบกมือnᴏveʟɢu.ᴄᴏᴍ

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ภายใต้การโบกมือ ดาบขนนกแดง ดาบชิงเหอ และดาบบงการม่วงต่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พวกมันคำรามเสียงพร้อมกัน จากนั้นดาบทั้งสามเล่มต่างสำแดงอำนาจที่แฝงในพวกมันจนเผยออกเป็นระลอกพลังราวกับคลื่นยักษ์

ท้ายที่สุดพลังของดาบทั้งสามผสานเข้าด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์

ปราณวิญญาณในร่างของชิวเหิงคงถูกโคจรจนสุดขั้วเช่นกัน เหงื่อผุดเต็มหน้าผากของเขา แสดงให้เห็นว่าขณะนี้เขากำลังทุ่มกำลังเต็มที่ไปที่ดาบทั้งสามเล่มของตนเอง

“เป็นเวลาห้าสิบปีแล้วที่ข้าได้ลับดาบชิงเหอด้วยปราณวิญญาณในร่าง ดาบขนนกแดงข้าหล่อเลี้ยงมันด้วยโลหิตส่วนดาบบงการม่วงข้าเลี้ยงมันด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ และตอนนี้ข้าได้ทำให้ดาบทั้งสามนี้ผสานเข้ากับพลังชีวิตของข้า ข้ามั่นใจอย่างยิ่งยวดว่าอำนาจของดาบนี้น่าอัศจรรย์ในแบบที่ไม่มีผู้ใดในโลกนี้เคยพบเห็นอย่างแน่นอน!”

ชิวเหิงคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบพลางมองไปที่ซูอี้

“วันนี้ขอรบกวนสหายเต๋าเป็นประจักษ์พยานด้วยแล้ว!”

ทันใดนั้นชิวเหิงคงโบกมืออย่างรุนแรงพร้อมกับตะโกนลั่น

“ไป!”

ฟิ้ว!

ดาบชิงเหอเป็นเล่มแรกที่บินพุ่งออกไป และจากนั้นดาบขนนกแดงเป็นเล่มที่สอง ส่วนดาบบงการม่วงเป็นเล่มที่สามซึ่งบินปิดท้าย กลางอากาศดาบทั้งสามเล่มเชื่อมผสานรวมต่อกันกลายเป็นดาบยาวและส่งผลให้อำนาจของพวกมันยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวี!

“นี่…”

ทุกคนที่ดูการต่อสู้ต่างตกตะลึง

“ตามที่คาดไว้ ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักวงเดือน บุคคลผู้ครองตำแหน่งนักดาบอันดับหนึ่งแห่งต้าเว่ยมาเป็นเวลาร้อยปี!”

ฉู่อวี้โค่วตกตะลึง

“ดาบนี้ช่างเลิศล้ำนัก หากเป็นข้าคงไม่อาจหยุดดาบนี้ได้แน่…”

ทางด้านของฉาจิ่น นางลุ้นระทึกจนหัวใจแทบกระดอนออกจากอก

“ดาบดี!”

เมื่อเผชิญหน้ากับดาบนี้ ซูอี้พยักหน้าอย่างชื่นชม และในขณะเดียวกัน ความกระหายในการต่อสู้ของเขาก็พุ่งสูงขึ้น

ในที่สุดเขาตัดสินใจไม่ยั้งมืออีกต่อไป

ทันใดนั้นดาบนิลกาฬกลืนฟ้าส่งเสียงดังคำรามถี่ราวกับกำลังเปล่งเสียงบทสวดที่เร่าร้อน พร้อมกันนั้นซูอี้โคจรปราณวิญญาณไปยังดาบ ทำให้ดาบนิลกาฬปลดปล่อยปราณดาบหนาแน่นปกคลุมทั่วทั้งใบดาบ ปราณดาบนั้นยืดยาวออกถึงสามฉื่อ

จากนั้นซูอี้พุ่งสวนเข้าปะทะกับดาบทั้งสามเล่มของชิวเหิงคงโดยตรง ไร้ซึ่งความลังเลและเกรงกลัว เมื่อถึงระยะสามฉื่อ ซูอี้ฟาดฟันดาบนิลกาฬกลืนฟ้าซึ่งขณะนี้อัดแน่นไปด้วยพลังอันเลิศล้ำ พลังนั้นรุนแรงราวกับสามารถสามารถแยกสวรรค์และโลกออกจากกัน

อันที่จริงการฟาดฟันครั้งนี้ซูอี้ผสานทุกสิ่งที่ตนเองมีลงไปในดาบเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจในเต๋าแห่งดาบ ปราณวิญญาณ จิตสัมผัส เจตจำนง ความแข็งแกร่งทางกายภาพทั้งหมดและพลังธาตุทั้งห้าที่มีอยู่ในร่างจนกลายเป็นพลังดาบยาวสามฉื่อนี้

ตูม!

ปราณดาบสามฉื่อห้ำหั่นต่อดาบสามเล่มผสานรวมเป็นหนึ่ง!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน เสียงปะทะรุนแรงราวกับฟ้าถล่ม

อึดใจแรกดาบชิงเหอไม่อาจทานทนจนกระดอนถอยกลับ

อึดใจถัดมา ดาบขนนกแดงพ่ายแพ้และกระดอนไปข้างหลัง

แต่ทว่ายามที่ปราณดาบสามฉื่อกำลังปะทะกับดาบบงการม่วง ฉากอันไม่น่าเชื่อพลันปรากฏแก่สายตา

ดาบชิงเหอและดาบขนนกแดงที่เพิ่งพ่ายแพ้ไปเมื่อครู่ จู่ ๆ พวกมันบินวกกลับมาต่อที่ด้านหลังของดาบบงการม่วง จากนั้นผสานพลังกันเช่นดังเดิม

เคร้ง!

ดาบทั้งสามผสานเข้าด้วยกันอีกครั้ง แต่ทว่าคราวนี้พลังของพวกมันน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

ในระยะไกลชิวเหิงคงยิ้มอย่างพึงพอใจ

นี่คือดาบที่เขาฝึกฝนมาห้าสิบปี มันคือดาบที่เขาใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองมีลงไป และซ่อนเจตนาสังหารเอาไว้อย่างแยบยลให้กลายเป็นกระบวนท่าสังหารอันไร้ที่ติ

แต่ครู่ต่อมารอยยิ้มของชิวเหิงคงแข็งค้างในทันใด

ทันใดนั้นปราณดาบสามฉื่อของซูอี้จู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นภูเขาดาบห้าลูกปรากฏขึ้น ภูเขาแต่ละลูกปลดปล่อยพลังอำนาจยิ่งใหญ่เสียจนคล้ายว่าสามารถปราบปรามได้ทุกสิ่ง

ไม่ต้องสงสัย ปราณดาบสามฉื่อของซูอี้นั้นก็มีไพ่ลับที่ซ่อนอยู่ …ที่แท้ปราณดาบสามฉื่อของซูอี้ซ่อนอำนาจความมหัศจรรย์แห่งเบญจธาตุเอาไว้!

ตูม!

ในสายตาของคนนอก พวกเขาเห็นเพียงปราณดาบสามฉื่อและดาบวิญญาณทั้งสามปะทะกันอย่างรุนแรง คลื่นแห่งการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวกวาดออกไปทั่วทุกทิศ

คลื่นปะทะอันรุนแรงนี้ทำให้การมองเห็นของทุกคนกลายเป็นพร่ามัว หูของพวกเขาหนวกไปชั่วคราว การรับรู้ทั้งหมดได้รับผลกระทบ

มีเพียงฉู่อวี้โค่วเท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดเจนว่าพลังทำลายนี้น่าหวาดกลัวเพียงใดอย่างแท้จริง มันกวาดไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบออกไปหลายสิบลี้ ราวกับพายุคลั่งพยายามทำลายท้องฟ้า

ห่างออกไป ฉาจิ่นหลบไปไกลเป็นครั้งแรก

รัศมีแห่งการทำลายล้างนั้นน่ากลัวเกินไป แม้แต่ยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียงยังถูกกวาดล้างจนเป็นยอดเขาโล้น!

“ใครชนะ ใครแพ้?”

ในสายตาของคนส่วนใหญ่ ดาบของชิวเหิงคงนั้นรุนแรงเลิศล้ำ ไม่ว่าผู้บ่มเพาะวิถีต้นกำเนิดคนใดหากเผชิญกับดาบนี้หากไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส ส่วนซูอี้ ไม่ว่าอย่างไรก็แข็งแกร่งเหนือธรรมดาสามัญไปไกลโข ดังนั้นถึงไม่ตายอีกฝ่ายก็ควรได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่เมื่อฝุ่นดินสงบลง ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเงียบงัน ผู้คนต่างอ้าปากค้างกับฉากที่ปรากฏขึ้น

ในอากาศ ฝุ่นจางหาย ทุกคนต่างเห็นภาพอันน่าตกตะลึง ปราณดาบสามฉื่อของซูอี้ขณะนี้กำลังจ่ออยู่ที่คอของชิวเหิงคงห่างไปหนึ่งคืบ

ปราณดาบนั้นยังคงชัดเจนและกล้าแกร่ง ซึ่งกระตุ้นให้ชิวเหิงคงอดไม่ได้ที่จะขนลุก

ใบหน้าของเขาซีด แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย และลึกลงไปในหัวใจของเขามีอารมณ์ที่สั่นไม่หยุด

ดาบของซูอี้บดขยี้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่างเบ็ดเสร็จ ขณะนี้เพียงซูอี้เหยียดแขนอีกสักเล็กน้อย ชีวิตของเขาคงจะมอดดับลงอย่างแน่นอน

ขณะนี้เขาไม่มีโอกาสต่อต้านเลย!

“สหายเต๋า… ทำไมท่านไม่ฆ่าข้าเสียที?”

ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของชิวเหิงคงเปลี่ยนเป็นโง่งม เขามองซูอี้ที่บินห่างออกไปอย่างเชื่องช้า

ห่างออกไป

ซูอี้จับดาบในท่าทางแนบแผ่นหลังของตัวเอง ร่างเหยียดตรงอย่างองอาจกลางอากาศ ปลดปล่อยกลิ่นอายอันสูงส่งและกล้าแกร่งราวกับผู้เป็นเซียนอมตะออกมา

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset