📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 300

บทที่ 300 - ยืมกำลังฟ้าดิน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เห็นแต่เพียง…

ในรอบระยะหลายสิบจั้ง มีคนทั้งสองเป็นศูนย์กลาง รอบด้านกระเจิดกระเจิง ปราณวิญญาณกระจัดกระจาย ทุกอย่างอยู่ในสภาพเกลื่อนกลาด ฝุ่นละอองคละคลุ้งบดบังแสงตะวัน

ซูอี้ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ ผ่อนลมหายใจอย่างหนักแน่น ไม่มีสิ่งใดเสียหาย

ฝั่งตรงข้าม หลี่ฉางหนิงถือดาบ เสื้อผ้าโบกพลิ้ว

การปะทะกันในครั้งนี้ ไม่รู้ผลแพ้ชนะเช่นนั้นหรือ?

ทุก ๆ คนต่างก็นิ่งตะลึง ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง

ดาบที่กลายร่างเป็นมังกรเล่มนั้น ถูกบุคคลระดับปรมาจารย์อย่างซูอี้แก้ได้?

โหยวซิงหลินเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง

นึกไม่ออกเลยสักนิดว่าที่แท้แล้วซูอี้ทำถึงขั้นนี้ได้อย่างไร

“เสียดายนัก ภาวะดาบของเจ้า กระจ่างแจ้งเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น หากว่าข้าเดาไม่ผิด ภาวะดาบเช่นนั้น ไม่ได้กระจ่างแจ้งจากชะตาฟ้าดิน แต่กระจ่างแจ้งจากสมบัติที่คนรุ่นก่อนทิ้งไว้ให้ อานุภาพมีจำกัด ยังห่างไกลอีกนัก”

ซูอี้กล่าวขึ้นมาเนิบ ๆ

ภาวะดาบแต่ละขั้นของวิถีต้นกำเนิด แบ่งตามอานุภาพ มีด้วยกัน “สามขั้นเก้าระดับ”

สามขั้น ก็คือขั้นดิน ขั้นฟ้า และขั้นลี้ลับ

ขั้นดินเป็นขั้นต่ำสุด ขั้นลี้ลับเป็นขั้นสูงสุด

แต่ละขั้นยังแบ่งออกเป็นระดับต้น ระดับกลาง ระดับสูง สามระดับ

จนกระทั่งย่างก้าวสู่หนทางแห่งวิถีวิญญาณแล้ว คุณลักษณะของภาวะดาบที่กระจ่างแจ้งจึงจะยกระดับสู่เขตแดนใหม่

ทว่าภาวะดาบที่หลี่ฉางหนิงแสดงออกมาในตอนนี้ เป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น กระทั่งความหมายของขั้นต่ำสุดระดับต้นก็ยังไม่รู้ อย่างอื่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“เปลือกนอกเช่นนั้นหรือ? เพียงพอฆ่าเจ้าได้ก็แล้วกัน!”

สีหน้าของหลี่ฉางหนิงราบเรียบ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั่วร่างน่ากลัวยิ่งนัก

การประมือเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้ดีว่าหากครั้งนี้ไม่แสดงไพ่ใบสุดท้ายออกมา คงไม่อาจจัดการกับซูอี้ผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะโดนสิงสถิตคนนี้

“เช่นนั้นรึ ก็ลองดู”

ร่างของซูอี้โยกย้ายราวกับมังกรบิน จากนั้นปล่อยหมัดอีกครั้ง

“ทลาย!”

หน้าของหลี่ฉางหนิงราวกับน้ำนิ่งในบ่อ ดาบกลับคืนสู่มือ กลายเป็นภาวะดาบดุจดังมังกรผงาดต่อ แล้วฟันออกไปอีกครา

ครืน! ครืน!

ระหว่างฟ้าดินราวกับมีสายฟ้าชนปะทะ เสียงดังจนแสบแก้วหู สร้างความสั่นสะเทือนแก่กระแสลม ก้อนหินดินทรายปลิวว่อน

ซูอี้ควงหมัดรุกฆาต อาจหาญไร้เทียมทาน ราวกับนกกระเรียนร่ายรำกลางอากาศบุกโจมตีถึงชั้นฟ้า

กำลังของแต่ละหมัดประดุจทองคำหลอมเรืองอร่ามส่งประกายบาดตา มีจังหวะวิถีลี้ลับห้อมล้อม

ต่อให้เป็นจักรพรรดิมหายุทธ์ผู้สร้าง ‘เคล็ดวิชาหลอมกระเรียนลอยล่อง’ เห็นอานุภาพเช่นนี้ของซูอี้แล้วก็ยังต้องชื่นชมว่า เยี่ยมยอด!

ทว่าหลี่ฉางหนิงก็ไม่ใช่ย่อย

เทพเซียนเดินดินจากวัดเสวียนเยว่ของอาณาจักรต้าฉินเหนือชั้นยิ่งกว่าจิงเหอเทพเซียนเดินดินผู้ฝืนบรรลุขอบเขต วิถีดาบของเขามีความล้ำเลิศสุดยอด

ทุกอากัปกิริยาล้วนสามารถชักนำบรรยากาศรอบด้านผสมผสานจังหวะวิถีแห่งมังกรผงาด อานุภาพร้ายแรงมากเช่นกัน

ทั้งสองประมือกันราวกับเซียนผู้หลุดพ้นอยู่เหนือโลกสามัญต่อสู้กัน ฟาดฟันจนฟ้าดินในแถบนั้นเกิดความสับสนอลหม่าน เสียงดังครืน ๆ ราวกับฟ้าผ่า

ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นทำให้ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปถึงกับอ้าปากตาค้าง

“ผู้สิงสถิต! คน ๆ นี้จะต้องเป็นผู้สิงสถิตเป็นแน่! เป็นไปไม่ได้ที่บุคคลปรมาจารย์ในโลกแห่งนี้จะมีพื้นฐานสามารถต่อสู้กับเทพเซียนเดินดินได้!”

สีหน้าของโหยวซิงหลินเปลี่ยนไป กัดฟันแน่นกรอด ๆ

เขาก็ตื่นตะลึงเช่นกัน ไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่าซูอี้สามารถต่อสู้รับมือกับหลี่ฉางหนิงได้

“อีกที!”

ซูอี้แผดเสียง ท่าทีฮึกเหิม คู่ต่อสู้เช่นนี้จุดประกายความอยากเอาชนะและความเหิมเกริมของเขา

ไม่ผิดเลย ผลการฝึกตนของหลี่ฉางหนิงนั้นแข็งแกร่ง วิถีดาบน่าตะลึง

ทว่าพื้นฐานของซูอี้ล้ำหน้าเกินกว่าขอบเขตทั่วไป อย่าว่าแต่โลกสามัญแห่งนี้ แม้กระทั่งเก้ามหาแดนดินก็ยังเรียกได้ว่าหาได้ยาก เพียงพอที่จะสร้างความอัปยศอดสูให้กับผู้ที่หยิ่งผยอง ปีศาจอสูรเหล่านั้น

ฉับพลัน…

ไม่ว่ากำลังดาบในมือของหลี่ฉางหนิงจะเปลี่ยนแปลงเป็นเช่นใด กำลังหมัดของซูอี้ยังคงซัดทะลุสิ่งกีดขวางทุกอย่างได้ดังเดิม โดยไม่สนใจสิ่งรอบด้าน ราวกับว่าหมัดขาวเนียนดังหยกชิ้นงามล้วนสามารถทลายดาบอันแข็งแกร่งหนักหน่วงนั้นได้ทุกครั้งไป

เพล้ง!!

ระหว่างที่ทั้งสองต่อสู้กัน แผ่นดินบริเวณนั้นแตกร้าว ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนแตกระเบิด

เศษหินแต่ละก้อนกระเด็นออกไปราวกับลูกธนู บุคคลปรมาจารย์บางคนใช้สภาวะพลังสุดขั้วปกป้องตัวเองแล้วก็ยังถูกเศษหินแต่ละก้อนซัดจนเลือดลมปรวนแปร ถึงกับกระอักเลือด

ส่วนเหล่าทหารที่มีผลการฝึกตนยังไม่ถึงขอบเขตปรมาจารย์พากันถอยแล้วถอยอีก หลบแล้วหลบอีก

เพราะคลื่นพลังส่วนเกินในการต่อสู้เช่นนั้นมีความน่ากลัว เพียงแค่โดนก็สามารถกวาดล้างคนได้ทั้งกลุ่ม อันตรายถึงแก่ชีวิต!

จนถึงท้ายสุด ระหว่างฟ้าดินแห่งนั้นแทบจะมองไม่เห็นร่างของซูอี้กลับหลี่ฉางหนิงอีก มองเห็นแต่เพียงกระเรียนสีทองเรืองอร่ามบุกโจมตีต่อสู้กับมังกรขาวกลางอากาศอย่างดุเดือด แต่ละครั้งที่พุ่งชนใส่กันเกิดเป็นพลังความเกรี้ยวกราดนับไม่ถ้วน ซัดพื้นที่ใจกลางค่ายทหารแห่งนี้จนไม่เหลือชิ้นดี

“น่ากลัวเหลือเกิน!”

ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าใดถึงกับขนลุกซู่ หนาววาบไปทั้งตัว

ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเห็นการต่อสู้ระดับนี้เป็นครั้งแรก

การต่อสู้เช่นนี้ราวกับอานุภาพการต่อสู้ในแดนเทพ เกินความนึกคิดคาดหมายของพวกเขา!

แม้กระทั่งตัวตนอย่างซื่อหลานซานกับโหยวซิงหลินก็ยังเห็นการต่อสู้ที่ไม่น่าเชื่อเช่นนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน

เหตุผลก็เพราะว่าฝ่ายหนึ่งเป็นเทพเซียนเดินดินผู้มีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วอาณาจักรต้าฉิน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงแค่หนุ่มน้อยขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสามอายุสิบเจ็ดเท่านั้น!

ทั้งสองต่อสู้กันไปเดินกันไป ต่อสู้กันตั้งแต่บนอากาศจนมาถึงบนพื้น กำลังหมัดของซูอี้ประดุจคลื่นโหด ยิ่งสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม จนท้ายสุด ฉับพลันนั้นเอง…

เพล้ง!

ปะทะกันอีกครั้ง ร่างของหลี่ฉางหนิงถอยร่นกลางอากาศ เพราะโดนหมัดของซูอี้ซัดโดนภาวะดาบ กระเทือนจนเซ!

“หลี่ฉางหนิง แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา เพียงแค่วิชาดาบเท่านี้ ยังไม่พอเป็นหินลับมีดให้ข้าซูอี้!”

ซูอี้ยืนผงาดอยู่กลางอากาศ สายตาเป็นประกายโนเวลกูดoทคอม

“เช่นนั้นหรือ?”

หลี่ฉางหนิงยืดตัวขึ้นยืนหยัดมั่น สีหน้าราบเรียบไร้ซึ่งความยินดีและความหม่นหมอง ทว่าภายในสายตากลับมีเพลิงไฟเผาผลาญลุกโชติช่วง

“วิถีดาบที่ข้าร่ำเรียนนั้นมีความล้ำเลิศ นามว่า ‘มังกรขาวเก้าหมุน’ ผู้อาวุโสเซียนดาบท่านหนึ่งในวัดเสวียนเยว่ของข้าเป็นผู้คิดค้น ผู้อาวุโสท่านนั้นกลายร่างจากมังกรขาว มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ นำเอาสิ่งที่ร่ำเรียนมาตลอดทั้งชีวิตหล่อรวมเข้าสู่วิถีดาบ วันนี้หลี่ผู้นี้จะให้เจ้าได้เห็นความร้ายกาจของดาบ ๆ นี้!”

หลี่ฉางหนิงเอ่ยขึ้น

ครืน!

บนร่างผอมบางของเขามีภาวะดาบคงมั่น หมื่นโลกไม่เคลื่อน หักโค้งไม่งอผุดสูงขึ้น

ครู่ถัดมา หลังดาบกลับคืนสู่ในมือของเขาก็ชูขึ้น คนเดินตามดาบ จากนั้นกลายร่างเป็นรุ้งดาบยาวสิบกว่าจั้ง

ชั่วพริบตาเดียวรุ้งดาบสีขาวนั้นก็เปลี่ยนแปลงเป็นเก้าสิ่งมหัศจรรย์ กลายเป็นพลังลึกลับโดดเด่นเก้าอย่าง มีลมพายุโหมกระหน่ำ มีอัคคีสวรรค์ลุกโชติช่วง มีหมอกชั่ววนเวียน มีกระแสไฟส่งผ่าน…

ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นภายในดาบ ๆ นี้ ทำให้อานุภาพของดาบ ๆ นี้พุ่งสูงขึ้นจนถึงขั้นน่าตกใจในชั่วพริบตา

“ฟัน!”

หลังจากเสียงตะคอกดัง ดาบเล่มนี้ของหลี่ฉางหนิงก็ฟันลงมา ภาวะดาบอันยิ่งใหญ่กลุ่มนั้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังดาบพุ่งรอบสี่ทิศ อานุภาพเพิ่มสูง

“มาได้จังหวะ”

ผมดำขลับของซูอี้ปลิวสยาย ชุดคลุมยาวโบกพลิ้ว ทันใดปล่อยหมัดออกไป

หมัด ๆ นี้ราบเรียบธรรมดา ไม่มีหมอกควันและเพลิงไฟ เป็นธรรมชาติ ทว่าเมื่อปล่อยหมัดนี้ออกไป ฟ้าดินสั่นสะเทือนในบัดดล

ครืน!

ในใจของคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า อึดอัดจนแทบกระอักเลือด นี่คือผลกระทบของกำลังหมัด!

ตั้งแต่ตอนที่ซูอี้อยู่ในขอบเขตรวบรวมลมปราณ เขาก็ฝึกฝนเต๋ากังจนสำเร็จแล้ว กระจ่างแจ้งถึงจังหวะวิถี ดังนั้นเมื่อปล่อยหมัด ๆ นี้ออกไป จึงเปรียบได้กับนำพลังยิ่งใหญ่ในฟ้าดินรวบรวมเข้าไว้ในหมัด

หมัดนี้ไร้ชื่อ หากต้องให้เรียก สามารถเรียกได้ว่า ‘หมัดวิถี’!

ภายใต้หมัดเช่นนี้ ไม่ว่าประกายดาบของหลี่ฉางหนิงจะสามารถหมุนเก้าแบบ ก็ยังถูกหมัดธรรมดาทั่วไปของซูอี้ซัดจนเรียบเป็นหน้ากลองอยู่ดี!

ปัง!!!

เสียงระเบิดดัง

พลังดาบที่หลี่ฉางหนิงฟาดฟันออกมาระเบิดกลางอากาศในฉับพลันราวกับหิมะถล่ม ฝนแสงหิมะขาวปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า

ครู่ถัดมา ร่างของหลี่ฉางหนิงถูกกำลังหมัดซัดโดน กระเด็นออกไปไกลหลายสิบจั้งอย่างแรง

เมื่อยืนได้มั่นแล้ว เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้าปลิวสยาย สีหน้าขาวซีด เลือดทะลักออกจากมุมปากโดยไม่รู้สึกตัว

แพ้… แพ้แล้วหรือ?

ทุกคนต่างก็อ้าปากตาค้าง แทบเป็นบ้า

หลี่ฉางหนิงเป็นถึงเทพเซียนเดินดิน เหนือคนธรรมดา!

ทว่าตั้งแต่การต่อสู้ในครั้งนี้เริ่มขึ้น กลับเป็นซูอี้คนหนุ่มขั้นสามขอบเขตปรมาจารย์คนนี้เสียอีกที่แสดงพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าออกมา แทบไม่เคยให้หลี่ฉางหนิงได้โอกาสเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ หมัดไร้ซึ่งศัตรูของซูอี้หมัดนั้นทำให้หลี่ฉางหนิงถึงกับได้รับบาดเจ็บสาหัส!

อานุภาพของหมัด ๆ นี้ยังสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ทำให้ทุกคนถึงกับขนลุกราวกับร่วงเข้าสู่หุบเขาน้ำแข็ง

สามารถแสดงพลังหมัด ๆ นี้ได้ต้องมีพื้นฐานที่น่ากลัวไม่ธรรมดามากเลยใช่หรือไม่

“ซูอี้ ไม่ว่าเจ้าจะถูกสิงสถิตหรือไม่ แต่การที่สามารถอยู่ในขอบเขตของปรมาจารย์ได้ สร้างวิถีแห่งฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ กล่าวได้ว่าเป็นบุคลากรยอดเยี่ยมตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันไม่มีใครเทียม กระทั่งวิถียุทธ์กระบวนหมัดที่เรียนรู้ก็เกินกว่าโลกสามัญ ผสมผสานเป็นวิถี เทพเซียนยกย่อง”

หลี่ฉางหนิงเช็ดเลือดที่กลบปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง สีหน้าของเขาราบเรียบ ทว่าสายตากลับเป็นประกาย กล่าวพลางส่ายหน้า

“แต่ที่น่าเสียดายก็คือ อย่างไรเสียเจ้าก็ไม่ใช่เทพเซียนเดินดิน วันนี้จะต้องตายอยู่ที่นี่”

พูดถึงตรงนี้ก็โยนดาบกุ้ยหยวนในมือขึ้น

ชิ้ง!

เสียงดาบราวกับเสียงฟ้าผ่า

หลี่ฉางหนิงยืนกลางอากาศ ดาบกุ้ยหยวนหมุนตัวอยู่บนหัวของเขา พลังลมปราณต้นกำเนิดแห่งฟ้าดินในรอบระยะหลายลี้เริ่มก่อตัวถูกชักนำเข้ามาโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง โจมตีราวกับลมมรสุม

ครืน!

ท้องฟ้าที่สดใสแต่เดิมพลันกลับมีเสียงฟ้าร้องฟ้าแลบ

พลังแห่งฟ้าดินในรอบระยะหลายลี้มีความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาทั่วไปสามารถควบคุมได้

สีหน้าของหลี่ฉางหนิงขาวซีดมากขึ้นทุกทีอย่างเห็นได้ชัด หน้าผากและไรผมล้วนมีเหงื่อผุด แต่เขาก็ยังไม่สนใจ จิตใจทั้งหมดจดจ่อกับการควบคุมฟ้าดิน

“นี่คือ…”

ทุก ๆ คนแหงนหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ รู้สึกว่าฟ้าดินกำลังเปลี่ยนแปลง แรงกดดันทำลายล้างไร้รูปร่างกำลังแผ่ขยายไปทั่วบรรยากาศ ทำให้รู้สึกหวาดกลัวราวกับกำลังเผชิญหน้ากับอานุภาพแห่งสวรรค์

“ฟ้าผันผวนแล้ว?”

เซียวเทียนเชวี่ยที่รออยู่ที่อีกด้านของค่าย ถึงกับสะดุ้งแหงนหน้ามองท้องฟ้า

เห็นต้นกำเนิดฟ้าดินอันยิ่งใหญ่รอบสี่ทิศแปดด้านกำลังกดทับบดขยี้ไปยังค่ายทหารทางนั้นราวกับลมมรสุมใหญ่

ต้นไม้ใบหญ้าก้อนหินดินทรายบนผืนแผ่นดินพากันปลิวว่อน

ความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้เซียวเทียนเชวี่ยรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัวเช่นกัน นี่… นี่เป็นพลังอันใดจึงน่ากลัวได้เพียงนี้?

ขณะเดียวกันนี้เอง ซูอี้ก็หรี่ตาลงเช่นกัน มุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ

เขามองออกเป็นธรรมดาว่าเคล็ดลับวิชาที่หลี่ฉางหนิงกำลังแสดงนี้ ใช้พลังลมปราณของตัวเองเป็นตัวชักนำเพื่อควบคุมกำลังแห่งฟ้าดินโดยรอบ

ทำเช่นนี้เท่ากับกำลัง ‘ยืมกำลัง’ จากฟ้าดิน ต้องการใช้กำลังของตัวเองบงการพลังแห่งสวรรค์และโลก!

“เริ่มสนุกใหญ่แล้ว”

ชุดคลุมยาวของซูอี้โบกสะบัด ดวงตาลุ่มลึกน่ากลัวราวกับคมดาบ “ข้าจะดูสิว่า ด้วยผลการฝึกแห่งขอบเขตของเจ้า หลังจากสู้อย่างสุดชีวิตแล้ว จะสามารถยืมพลังมาได้มากเพียงใด…”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset