📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 213

บทที่ 213 - นิ้วประหนึ่งดาบ แยกร่างศัตรูออกเป็นสอง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

บรรยากาศที่ยอดเขาประจิมขณะนี้มืดมัวและหนักอึ้ง

ในสายตาของเซี่ยงเทียนชิวและคนอื่น ๆ คำพูดของเยว่จางหยวนเปิดเผยภูมิหลังเก่าของซูอี้อย่างสมบูรณ์

แลมองหน้าซูอี้อีกครั้งขณะนี้ ท่าทีของพวกเขาต่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ทางด้านของโจวจือหลี เจิ้งเทียนเหอ และคนอื่น ๆ เมื่อได้รู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ พวกเขาต่างตกตะลึง

ตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วซูอี้คือนายน้อยสามแห่งตระกูลซู แต่สถานะในตระกูลกลับต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าสุนัข!

มีเพียงฉาจิ่นเท่านั้นที่เริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ

เดิมทีนางคิดว่าการที่ซูอี้เลิศล้ำขนาดนี้เป็นเพราะน่าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลซูในนครหลวงอวี้จิง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่!

และนี่ก็หมายความว่าต้องมีความลับอย่างอื่นอีกเกี่ยวกับซูอี้ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีใครทั้งนั้นที่ล่วงรู้!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉาจิ่นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย นายท่านซูอี้ของข้าผู้นี้มีความลับซ่อนอยู่ในตัวท่านกี่อย่างกันแน่?

แต่ทว่าแม้จะถูกสายตาจ้องมองอย่างเย้ยหยัน สีหน้าของซูอี้กลับยังคงเฉยชาเช่นเดิม และแม้แต่ท่าทางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้หวายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย

เขาแค่ถอนหายใจเบา ๆ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากปลุกความทรงจำในอดีตชาติของข้า ข้ายังมีความหมกมุ่นอยู่ในใจ เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อตระกูลซูในนครหลวงอวี้จิง

ปรากฏว่า… ในสายตาพวกเขา ข้าคือตัวตนแห่งความอัปยศ…

เอาเถิด หลังจากนี้ข้าจะไปที่นครหลวงอวี้จิง บ่วงพันธะทางอารมณ์ทั้งหลายนี้จะถูกกำจัดสิ้นด้วยดาบในมือข้า!

ในส่วนลึกของรูม่านตาซูอี้ เจตนาสังหารที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นในพริบตา

เซี่ยงเทียนชิวยิ้ม มองไปที่โจวจือหลีและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ขณะนี้ไม่มีผู้ใดแล้วที่ท่านสามารถพึ่งพาได้ยกเว้นมู่จงถิง ข้าแนะนำให้ท่านถอยแต่โดยดีเถิด ไม่เช่นนั้นแล้วเราคงต้องตัดสินแพ้ชนะด้วยกำลัง!”

นับตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักร ต้าโจวได้สร้างกฎหมายบังคับใช้มากมายซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหากตกลงกันด้วยวาจาไม่ได้ก็สามารถคลี่คลายข้อพิพาทโดยใช้กำลัง

แม้จะดูเหมือนป่าเถื่อนไปบ้าง แต่ในอาณาจักรที่นับถือความแข็งแกร่งเป็นหลัก การประชันว่าหมัดของผู้ใดใหญ่กว่าเป็นวิธีที่ได้ผลลัพธ์ดีและง่ายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอนว่าสำหรับเหล่าบุคคลยิ่งใหญ่ในต้าโจวซึ่งถูกพันธนาการด้วยชื่อเสียงตระกูลหรือกองกำลังของตนเอง พวกเขาย่อมไม่ต้องการจะเสี่ยงฉีกใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกันหรือมากกว่าตนเอง พวกเขาจะไม่เลือกใช้กำลังหากไม่ถูกบังคับจนสุดทาง

ไม่ว่าจะอย่างไรโจวจือหลีก็เป็นองค์ชายแห่งต้าโจว เซี่ยงเทียนชิวไม่ต้องการฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเกินไป

เซี่ยงเทียนชิวทำได้เพียงใช้กำลังกดขี่ทีละก้าว และเขาไม่ต้องการใช้กำลังจนกว่าจะถึงที่สุด

ตอนนี้ฉางกั้วเค่อและชิงจินล้วนถูกสั่งห้ามโดยเจ้าสำนักดาบมังกรเร้นแล้ว จึงไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้

เสวี่ยหนิงเยวี่ยนเลือกที่จะทรยศ

ตัวตนของเจิ้งเทียนเหอในฐานะพระญาติต่างสกุลถูกจับได้

แม้แต่ต้นกำเนิดของซูอี้ก็ถูกเปิดเผย

เมื่อมองไปทางโจวจือหลี ขณะนี้คล้ายกับว่าไม่มีใครอื่นที่ช่วยได้นอกจากมู่จงถิง!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโจวจือหลีย่อมไม่กล้าจะตัดสินทุกอย่างด้วยการใช้กำลัง!

โจวจือหลีเงียบ การแสดงออกของเขาไม่แน่ใจ

เขามองไปที่ซูอี้ด้วยความไม่ยินยอมและคับข้องใจ เช่นเดียวกับยังคงมีความหวังอันริบหรี่หลงเหลือ

เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำคว้าฟางได้

สมองส่วนเหตุผลบอกเขาว่าการยอมแพ้เป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด

แต่ท้ายที่สุดเขาปฏิเสธที่จะยอมถอย หากยอมก้มศีรษะตอนนี้ เขาจะกลายเป็นดั่งก้อนหินให้พี่ชายของเขาเหยียบย่ำก้าวไปได้ไกลมากขึ้นจนในอนาคตเขาคงไม่อาจพลิกสถานการณ์กลับได้!

ดังนั้นเขาจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับซูอี้โดยรู้ว่าตัวเองไม่ควรทำ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาต้องเดิมพัน!

ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้พูดสิ่งใดออกไป ทันใดนั้น ซูอี้เอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “หลังจากที่เจ้าได้เห็นเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตาตนเองแล้ว เจ้าคิดได้หรือไม่ว่าเจ้าแพ้ที่ตรงไหน?”

โจวจือหลีเงียบอยู่นานก่อนจะพูดอย่างขมขื่น “ข้าพ่ายแพ้ในหลายจุดจนน่าละอายนัก มันเป็นความผิดของข้าเองที่คิดว่าทุกสิ่งจะจัดการได้อย่างเรียบง่าย…”

ซูอี้ส่ายหัวและพูดแทรก “ผิด เจ้าอ่อนแอต่างหากจึงพ่ายแพ้!”

หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้หวาย เหลือบมองไปยังผู้คนที่นั่งอยู่และยิ้มอย่างเย้ยหยันก่อนจะเอ่ยว่า

“หากเจ้าแข็งแกร่งพอ เจ้าจะไม่จำเป็นเลยที่ต้องมาร่วมนั่งในงานเลี้ยงน้ำชาไร้สาระนี่ แค่เพียงบดขยี้หมูหมากาไก่เหล่านี้ด้วยกำลังก็เพียงพอแล้ว”

แม้สีหน้าของซูอี้จะเฉยเมย แต่น้ำเสียงและคำพูดนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยการดูถูกราวกับผู้คนที่นั่งอยู่มีค่าไม่ต่างอะไรกับมดแมลง

วาจาและท่าทางที่เย่อหยิ่งนี้ทำให้เซี่ยงเทียนชิว และคนอื่น ๆ โกรธจนหน้าแดง ไอ้เด็กผู้นี้มันมองพวกเขาเป็นแบบไหนกัน?

ด้วยอำนาจของพวกเขาในขณะนี้ แค่กระทืบเท้าเพียงครั้งเดียวแคว้นกุ่นก็สะเทือนได้แล้วถึงสามครั้งสามครา!

เมื่อไรกันที่พวกเขาถูกคนอื่นมองว่าเป็นหมูหมากาไก่?

มีเพียงฉาจิ่นเท่านั้นที่ดวงตาเปล่งประกาย รู้สึกตื่นเต้น ในที่สุดนายท่านก็จะลงมือแล้ว!

“นายน้อยสาม ข้าได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เพียงแต่ฟื้นฟูการบ่มเพาะได้แล้ว แต่ยังมีการกล่าวอีกว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับปรมาจารย์ทั้ง ๆ ที่เจ้าอยู่ในขอบเขตรวบรวมลมปราณ แต่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าด้วยความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้เจ้าจะสามารถจองหองไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาได้?”

เยว่จางหยวนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาพลางลุกขึ้นยืนในทันที ชี้ไปที่ซูอี้ด้วยพัดขนนกในมือก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จงอย่าได้ลืมว่าท่านผู้นำตระกูลเคยเอ่ยสิ่งใดไว้ หากเจ้ากล้ากระทำการสิ่งใดในนามของตระกูลซู โทษที่เจ้าจะต้องเผชิญคือความตาย!”

เซี่ยงเทียนชิวและคนอื่น ๆ ตกตะลึง ผู้นำตระกูลซูเกลียดชังลูกชายคนนี้มากเพียงใดกันถึงสามารถสั่งการได้อย่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้?

อย่างไรก็ตาม ประโยคนี้ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้น

พวกเขาทั้งหมดรู้ข่าวเกี่ยวกับซูอี้ พวกเขารู้ว่าแม้ซูอี้ยังเยาว์วัย แต่แท้จริงแล้วเขามีพลังมหาศาล

แต่ตอนนี้ด้วยคำพูดของผู้นำตระกูลซู ตราบใดที่ซูอี้สอดมือเข้ามา มันก็เท่ากับการไม่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลซูโดยตรง ซึ่งผลลัพธ์นั้นจะทำให้ซูอี้ถูกกำหนดให้ถูกฆ่าโดยตระกูลซู!

โจวจือหลีรู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง ผู้นำตระกูลซู ซูหงหลี่เป็นผู้ที่รักษาคำพูดของเขาเสมอ หากเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้แล้ว ซูอี้ย่อมไม่กล้าสอดมือเข้ามาอย่างแน่นอน!

หรือต่อให้ซูอี้จะกล้าสอดมือ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การปล่อยให้ซูอี้เข้าร่วมมันไม่ได้หมายความว่าซูอี้และตระกูลซูจะต้องขัดแย้งกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

“พี่ซู…” โจวจือหลีอดไม่ได้ที่จะพูดnovelgu.com

ซูอี้ขัดจังหวะ “เจ้าคิดว่าข้ากลัวตระกูลซูแห่งนครหลวงอวี้จิงงั้นหรือ?”

สีหน้าของโจวจือหลีแข็งค้าง

เห็นเช่นนี้เยว่จางหยวนก็หัวเราะด้วยโทสะ “นายน้อยสาม หากท่านผู้นำได้ยินประโยคนี้จากปากของเจ้า เขาจะต้องฉีกหนังของเจ้าออกทั้งเป็นแน่! เยว่ผู้นี้แนะนำให้เจ้ารอดูอยู่เฉย ๆ อย่างรู้ความ อย่าได้กระทำการใดที่โง่เขลา ไม่เช่นนั้นแล้ว…”

ซูอี้เบนสายตาไปมองเยว่จางหยวนและเอ่ยกลับ “แล้วอย่างไร?”

เจตนาสังหารปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยว่จางหยวน “นายน้อยสาม เจ้าต้องคิดให้ถี่ถ้วนถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา หากเจ้ากล้าทำล่ะก็…”

“หุบปาก!”

ซูอี้ขมวดคิ้วและขัดจังหวะ “คุกเข่าให้ข้าตอนนี้หรือตายจงเลือกเอา!”

แม้แต่เซี่ยงเทียนชิว หรือคนอื่น ๆ พวกเขาต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ด้วยไม่เคยคิดว่าซูอี้จะหยิ่งผยองถึงขนาดไม่ไว้หน้าผู้ตรวจการจากตระกูลซู อย่างเยว่จางหยวนเช่นนี้!

โจวจือหลีรู้สึกว่าเลือดในร่างกายสูบฉีดอย่างรุนแรง ทั้งความหงุดหงิด ความอับอาย ความกังวลและความสูญเสียที่เขารู้สึกมาก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะถูกขจัดออกไปและแทนที่ด้วยความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้

ท่าทีหยิ่งทะนงไม่กลัวผู้ใดของซูอี้ทำให้เขาตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ไม่ว่าเขาจะชนะหรือแพ้ เขาจะสู้ก่อน!

ด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ เขากัดฟันและพูดว่า “เจ้าคือเยว่จางหยวนใช่หรือไม่? ข้าขอประกาศเอาไว้ตรงนี้ หากวันใดหลีผู้นี้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าและผู้คนที่เกี่ยวข้องต่อเจ้าทั้งหมดได้อยู่อย่างสุขสบาย!”

คำพูดนั้นดังสนั่นเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งและความแน่วแน่

ท่าทางดังกล่าวนี้ทำให้เซี่ยงเทียนชิว และคนอื่น ๆ สีหน้าแปรเปลี่ยน ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็ไม่ต้องการถูกเกลียดชังโดยองค์ชายแห่งต้าโจว!

ไม่เช่นนั้นเรื่องราววันนี้พวกเขาคงคลี่คลายด้วยการใช้กำลังเผชิญหน้าไปนานแล้ว

เยว่จางหยวนหรี่ตาก่อนจะเอ่ยถ้อยคำเยาะเย้ยถากถาง “องค์ชายหก ท่านควรจะรู้อยู่แก่ใจว่าองค์จักรพรรดิบิดาของท่านมีบุตรสืบสกุลอยู่มากมาย อีกทั้งหลายคนยังมีความสามารถที่เหนือกว่าท่าน ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าท่านจะยังมีโอกาสได้รับอำนาจมา?”

เขาหยุดชั่วคราวและพูดขึ้นต่ออย่างเย้ยหยัน “เอาแค่เพียงในเวลานี้ การต่อสู้กับองค์ชายรองท่านก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว”

จากนั้นเยว่จางหยวนก้าวออกไปหาซูอี้และหยุดในระยะสามเซียะตรงหน้าของชายหนุ่ม ดวงตาของเขาเย็นชาและดุดันในทันใด

“นายน้อยสาม ข้ายังให้ทางเลือกแก่เจ้า จงลงจากภูเขาลูกนี้ไปกับข้าเดี๋ยวนี้ หรือ… จะให้ข้าคร่ากุมเจ้าและนำเจ้ากลับไปตระกูลซูในนครหลวงอวี้จิงเพื่อกำจัด!”

สายตาของทุกคนหันไปทางซูอี้

ซูอี้ส่ายศีรษะอย่างขบขันก่อนจะหันไปทางฉาจิ่น กล่าวว่า “ดูแลเก้าอี้หวายของข้าให้ดี อย่าให้ถูกลมพัดจนตกหน้าผาไป”

ฉาจิ่นตกใจก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

คำพูดและการกระทำของซูอี้ทำให้เยว่จางหยวนรู้สึกราวกับว่าเขาได้รับความอัปยศอย่างมาก ใบหน้าจึงเปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที “นายน้อยสาม เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ… ”

แต่ก่อนที่จะทันได้พูดจบประโยค เขากลับชักดาบขึ้นก่อนแล้วและฟันเป็นแนวขวาง

ชิ้ง!

ราวกับมีน้ำตกสีขาวสว่างไสวปรากฏขึ้นกลางอากาศ ใบดาบอันวาววับถูกห่อหุ้มด้วยปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัว อากาศโดยรอบถูกฉีกออกเป็นริ้วอย่างน่าสยดสยอง

พื้นที่สามเซียะด้านหน้าเต็มไปด้วยพลังแห่งดาบอันคมกริบไร้ขอบเขต!

เมื่อเซี่ยงเทียนชิว และคนอื่น ๆ เห็นสิ่งนี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าชื่นชม

ยามเมื่อผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงลงมือ ภาพอันน่าตื่นตาย่อมบังเกิดแก่สายตา

ดาบนี้แสดงให้เห็นถึงความลึกล้ำของ ‘มือดาบหน้าหยก’ และยังสะท้อนให้เห็นถึงภูมิหลังในความยิ่งใหญ่ของตระกูลที่ปรมาจารย์ผู้นี้ยอมรับใช้ให้อีกด้วย

“ผู้ไม่รู้จักเจียมตนย่อมตายอย่างน่าสังเวช”

ดวงตาของซูอี้ไม่แยแส เขาทำเพียงดีดนิ้ว

หากจะว่ากันตามปกติแล้ว การดีดนิ้วย่อมไม่สามารถสร้างพลังยิ่งใหญ่ใด ๆ ได้ แต่การดีดนิ้วของซูอี้ในครั้งนี้มันเปรียบดั่งค้อนยักษ์อันไร้เทียมทาน ทุบขยี้ดาบของเยว่จางหยวนอย่างอหังการ

ทันทีหลังจากนั้น เกิดการระเบิดมโหฬาร พลังดาบซึ่งครอบคลุมพื้นที่สามเซียะของเยว่จางหยวนแตกเป็นเสี่ยงและระเบิดสลายหายไปอย่างรวดเร็ว!

เกือบจะในเวลาเดียวกัน ซูอี้ก้าวไปข้างหน้า เหยียดนิ้วออกประหนึ่งดาบก่อนจะวาดเฉือนไปในอากาศ

ชิ้ง!

มันรวดเร็วราวกับสายฟ้า ผู้ชมทั้งหลายมองเห็นเพียงลำแสงซึ่งผุดออกจากปลายนิ้วของซูอี้พุ่งประชิดเยว่จางหยวนอย่างฉับพลัน

เยว่จางหยวนตกใจจนใบหน้าเปลี่ยนสีในทันที

เขารู้มานานแล้ว ว่าแม้ซูอี้อยู่ในขอบเขตรวบรวมลมปราณแต่หาได้ธรรมดาไม่ อีกทั้งเขายังได้รู้จากเซี่ยงเทียนชิวว่าซูอี้เคยฆ่าปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งได้อย่างไม่ยากเย็น

ดังนั้นการโจมตีเมื่อครู่นี้ที่เขาฟาดฟันไปหาซูอี้จึงเป็นการใช้พลังในร่างเต็มสิบส่วน แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือซูอี้กลับทำลายมันได้อย่างเรียบง่ายด้วยการดีดนิ้วเพียงหนึ่งครั้ง!

มันทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีของซูอี้ขณะนี้ทำให้เขาขนหัวลุก อีกทั้งยังตัวสั่นด้วยสัญชาตญาณ

ภายใต้การถูกกระตุ้นจากสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด เขาเลือกที่จะต้านทานด้วยกำลังที่มีทั้งหมดอย่างสิ้นหวัง

“เพลงดาบวิญญาณฟ้าคำรณ!!”

ดาบยาวในมือของเยว่จางหยวนร่ายรำจนทำให้เกิดเสียงฟ้าร้อง ทั่วใบดาบเปล่งประกายสีขาวสว่างจนแสบตา และทันใดนั้นเขาก็ฟันออกอย่างสุดแรง

จากนั้น ภายใต้การจ้องมองที่ตื่นตะลึงของทุกคน พลังดาบอันรุนแรงของเยว่จางหยวนกลับถูกทำลายอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย มันคล้ายกับเต้าหู้ถูกผ่าด้วยมีดร้อน!

เคร้ง!

ทันทีหลังจากนั้น ดาบยาวอันกล้าแกร่งและเปี่ยมล้นไปด้วยปราณวิญญาณแตกหักออกเป็นสองส่วน ปล่อยให้ลำแสงประหนึ่งคมดาบที่ซูอี้ปลดปล่อยออกจากปลายนิ้วฟันเข้าใส่เยว่จางหยวนที่ไร้การปกป้องอย่างอิสระ เลือดสีแดงฉานสาดกระจายไล่ลงมาจากด้านบนของศีรษะ ผ่านจมูก ริมฝีปาก กรามและหน้าอกลงไปจนสุดหว่างขาของเยว่จางหยวน

“เจ้า…” เยว่จางหยวนเบิกตากว้าง พยายามจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าพริบตาถัดไป ร่างของเขาแยกครึ่งออกเป็นสองจากหว่างกลาง ล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังตุ้บสองครั้งติด

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset