📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 20

บทที่ 20 - แขกไม่ได้รับเชิญ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เมื่อสิ้นเสียงของหวงอวิ๋นชง

เฒ่ารับใช้ก้าวไปด้านหน้า มือทั้งสองข้างถือกล่องไว้ แล้วจึงยื่นออกไป

“สองกล่องนี้ ในกล่องคือโสมราชันเก้าใบ นายท่านมอบให้ซูอี้และภรรยา หวังว่าพวกเจ้าจะเป็นตัวแทนรับเอาไว้มอบแก่คนทั้งสอง”

โสมราชันเก้าใบ!

บรรดาผู้ที่อยู่ในห้องโถงไม่อาจสงบจิตใจลงได้

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับตื่นตระหนกจนใบหน้าเปลี่ยนสี

นี่คือ ‘สมุนไพรวิญญาณ’ ที่แท้จริง! มันทั้งหาพบได้ยากและล้ำค่า มูลค่าของมันเกินกว่าจะคาดเดา แน่นอนว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่หาพบได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป!

นอกจากมาร่วมแสดงความยินดีแล้ว ผู้ใดกันจะคาดคิดว่าผู้นำตระกูลหวงผู้ยิ่งใหญ่จะยังมีน้ำใจนำของขวัญใหญ่มามอบให้กับสายสกุลของเหวินฉางไท่ด้วย เขาเป็นบุคคลที่ถูกด้อยค่ามากที่สุดในบรรดาสายหลักของตระกูลเหวินมิใช่หรือ?

แม้กระทั่งเหวินฉางจิ้งกับเหวินฉางชิงยังรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย และไม่อาจคาดเดาได้ว่าหวงอวิ๋นชงกำลังคิดอะไรอยู่

เหวินฉางไท่กับฉินชิ่งไม่อาจนั่งนิ่งได้อีก ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก

“ข…ขอบคุณท่านยิ่ง…” เหวินฉางไท่รีบยื่นมือรับของ น้ำเสียงเขาตะกุกตะกัก ตัวเขาเป็นคนซื่อ แล้วจะเคยพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?

หวงอวิ๋นชงยิ้มและกล่าว “น้องฉางไท่ เจ้ามีลูกสาวที่ดี แล้วก็มีลูกเขยที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน!”

คำว่าลูกเขยนั้น ทำให้หัวใจของเหวินฉางไท่บีบรัดด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

เขายกยิ้มตอบรับด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย

เมื่อได้รับคำชมจากผู้นำตระกูลหวง ใบหน้าของเขาพลันสดชื่นขึ้นมา

“ท่านหมายความว่า โสมราชันเก้าใบคู่นี้เตรียมไว้ให้หลิงเจาหรือ?”

ขณะนี้เอง ดูเหมือนว่าฉินชิ่งจะยังไม่เชื่อหูตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามย้ำอีกครั้ง

หวงอวิ๋นชงเหลือบมองเฒ่ารับใช้ที่อยู่ด้านข้าง ก่อนที่เขาอธิบายแทนอย่างรวดเร็วว่า “ฮูหยิน ของขวัญชิ้นนี้สำหรับลูกสาวและลูกเขยของท่าน!”

ดวงตาของฉินชิ่งเบิกกว้างก่อนจะยิ้มให้เขา สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของลูกสาวหรือลูกเขยก็มีค่าเท่ากัน!

ส่วนสิ่งที่ทำให้นางสบายใจที่สุดคือก่อนหน้านั้น โต๊ะที่อยู่ระหว่างนางกับเหวินฉางไท่นั้นถูกทิ้งว่าง และไม่มีใครใส่ใจเลย

แต่ในตอนนี้ ด้วยการมาของหวงอวิ๋นชงที่ไม่เพียงแต่จะทักทายพวกตนเท่านั้น แต่ยังมอบของขวัญพิเศษให้ด้วย ซึ่งทำให้พวกนางตกเป็นเป้าจากทุกสายตาในคราวเดียว

ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย!

‘นางหนูหลิงเจาคนนี้ทำได้ดียิ่งนัก ถึงตัวจะยังไม่กลับมา แต่อย่างน้อยนางก็มอบใบหน้าให้แก่ข้า!’ ฉินชิ่งคิดอย่างมีความสุขในใจ

หวงอวิ๋นชงไม่ได้พูดอะไรอีก เนื่องจากคิดว่าคำพูดของตนนั้นชัดเจนพอแล้ว ส่วนเหวินฉางไท่และภรรยาจะเข้าใจหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของพวกเขา

และเมื่อเขาคิดว่าสุดท้ายเขาได้มอบ ‘ของขวัญ’ ที่ตั้งใจว่าจะใช้ขอโทษซูอี้ไปแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจ

‘ถึงซูอี้อาจไม่สนใจเกี่ยวกับของขวัญชิ้นนี้ แต่อย่างน้อย ๆ อีกฝ่ายก็ควรจะรู้สึกได้ถึงความตั้งใจของตระกูลหวงของข้าที่มาก้มศีรษะขอโทษ ซึ่งนี่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว…’ หวงอวิ๋นชงคิดในใจ

“พี่หวง โปรดนั่งลงเถิด” เหวินฉางจิ้งเดินไปด้วยรอยยิ้ม และกล่าวเชิญหวงอวิ๋นชงอีกครั้ง

ครั้งนี้หวงอวิ๋นชงไม่ปฏิเสธ แต่ก่อนที่จะนั่งลง เขาได้พูดกับผู้เป็นลูกชาย หวงเฉียนจวินที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เจ้าออกไปนั่งข้างนอกเสีย”

หวงเฉียนจวินตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็รีบหันหลังและเดินออกจากโถงไปอย่างเข้าใจคำสั่ง

เขาไม่ได้มองหาที่อื่นเลย และคิดเสี่ยงเดินไปที่โต๊ะของซูอี้ ก่อนจะพูดด้วยเสียงกริ่งเกรง “ซู…”

ซูอี้เหลือบมองจอมเย่อหยิ่งผู้นี้ที่เคยทำอวดเบ่งต่อหน้าเขา และพูดตามปกติ

“วันนี้เจ้าเป็นแขก และข้าก็ไม่ใช่เจ้าบ้านของที่นี่ เจ้าจะนั่งที่ไหนก็ได้ตามต้องการ”

หวงเฉียนจวินรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก่อนจะรีบนั่งด้วยความระมัดระวัง

เหวินหลิงเสวี่ยขมวดคิ้ว นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย และรู้สึกว่าหวงเฉียนจวินเปลี่ยนไป ราวกับอาชญากรที่กลับตัวรู้สึกผิดขึ้นมา กลายเป็นคนนอบน้อมเชื่อฟังและรักษามารยาทอย่างยิ่ง

นี่เขายังเป็นคนเย่อหยิ่งและมีจิตใจโหดเหี้ยมอยู่หรือไม่?

ผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงต่างสับสน ทุกคนมองหน้ากันอย่างใคร่หาคำตอบ สถานการณ์ทั้งหมดนี้มันคืออะไรกันแน่?

แม้แต่บรรดากลุ่มสหายรุ่นเยาว์ของเหวินเส้าเป่ยก็เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติ และการแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย

ซูอี้ บุตรเขยที่ไม่มีผู้ใดเคยชื่นชมกำลังนั่งดื่มคนเดียว แต่แล้วจู่ ๆ หวงเฉียนจวินผู้ขึ้นชื่อเรื่องความร้ายกาจในเมืองกว่างหลิงกลับขอนั่งลงด้านข้างอย่างเจียมตัว

ภาพนี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้รับชมเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าก็ไม่มีใครอธิบายให้พวกเขาฟัง

ซูอี้ก็ไม่คิดจะพูดอะไร

ซึ่งแน่นอนว่าหวงเฉียนจวินก็ไม่คิดจะเผยด้านอัปลักษณ์ของตนเองเช่นกัน

จากนั้น ขณะที่บรรยากาศรอบ ๆ ดูแปลกไป จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดอีกเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกล

“หลี่เทียนหาน ผู้นำตระกูลหลี่เดินทางมาร่วมฉลองแล้ว!”

หืม!?

ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น หลายคนไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป

ตระกูลหลี่จัดเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองกว่างหลิง หลี่เทียนหาน ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันเป็นคนมีเส้นสายกว้างขวาง และยังมีความแข็งแกร่งที่เลิศล้ำ

แต่ทุกคนในเมืองกว่างหลิงก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลี่กับตระกูลเหวินไม่ค่อยดีนัก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยที่อำนาจตระกูลเหวินลดลง ตระกูลหลี่จึงคอยจับตาดูเป็นเวลานาน และพยายามจะกลืนกินกิจการบางส่วนของตระกูลเหวินหลายครั้ง

อาจกล่าวได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลนั้นเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน

ทว่าตอนนี้ หลี่เทียนหานผู้นำตระกูลหลี่กลับมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันเกิดของนายหญิงเฒ่าแห่งตระกูลเหวิน!

เขามาเพื่อร่วมงานฉลองวันเกิดงั้นหรือ?

หรือว่าเขามีอุบายอย่างอื่น?

เมื่อทุกคนอยู่ในอาการตกใจ ชายวัยกลางคนร่างผอมสูงสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มค่อย ๆ เดินเข้ามาจากระยะไกล

แววตาเยือกเย็นราวกับฤดูเหมันต์ ท่วงเท้าก้าวย่างราวกับพยัคฆ์ ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยพลังอำนาจซึ่งข่มเหงผู้คนรอบตัว ระหว่างทางที่เขาเดินผ่าน ไม่มีผู้ใดกล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

คนผู้นี้คือหลี่เทียนหาน!

บุรุษผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองกว่างหลิง

และด้านหลังเขา ก็มีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเขียว รูปลักษณ์หน้าตาดี มีดาบคาดที่เอว และคิ้วของเขาดูคล้ายหลี่เทียนหานมาก

หลี่โม่อวิ๋น!

ลูกชายคนโตของหลี่เทียนหาน ศิษย์สายในของสำนักดาบชิงเหอ และเป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองกว่างหลิง

“เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

สีหน้าของเหวินเส้าเป่ยกับคนหนุ่มในตระกูลเหวินก็เปลี่ยนไป

สำหรับคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ในเมืองกว่างหลิง หลี่โม่อวิ๋นเป็นคนที่โดดเด่นดั่งภูเขาลูกใหญ่ หนุ่มสาวทั่วไปจึงทำได้แต่เพียงแหงนหน้ามองเท่านั้น

แต่เมื่อเทียบกับหลี่โม่อวิ๋นแล้ว ลูกชายของเหวินฉางจิ้งก็โดดเด่นไม่แพ้กัน แต่หากพูดถึงเรื่องชื่อเสียงแล้ว เหวินเจวี๋ยหยวน ยังด้อยกว่าเล็กน้อย

“ท่านพี่หลี่มาเยี่ยมเยือนแล้ว ข้ายินดีต้อนรับ” เหวินฉางจิ้งเห็นเช่นนั้นจึงรีบออกมาต้อนรับ ทว่าด้วยท่าทางเย็นชาของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก การต้อนรับของเหวินฉางจิ้งจึงไม่ค่อยกระตือรือร้นเหมือนกับครั้งทักทายหวงอวิ๋นชง

“วันนี้นายหญิงเฒ่ากำลังฉลองวันเกิดของนาง และตระกูลเหวินก็เต็มไปด้วยเหล่ามิตรสหาย ดังนั้นจะขาดตระกูลหลี่ได้อย่างไร อีกอย่างแม้พวกเจ้าจะไม่กล่าวเชิญข้า แต่ด้วยน้ำใจที่กว้างขวางของสหายเหวิน ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่กล่าวโทษที่ข้าถือวิสาสะมาเช่นนี้หรอกใช่หรือไม่?”

หลี่เทียนหานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เหวินฉางจิ้งกล่าวคำอย่างอดกลั้น “ข้าไม่กล้าคิดเช่นนั้น อย่างไรแล้วผู้มาเยือนย่อมเป็นแขกคนสำคัญ โปรดเข้ามานั่งด้านในก่อนเถิด”

หลี่เทียนหานพยักหน้าnᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm

ครั้งนี้ หลี่โม่อวิ๋นพลันอ้าปากพูด “ท่านพ่อ ช้าก่อน”

หลังจากที่พูดจบ หลี่โม่อวิ๋นก็เดินไปยังโต๊ะของซูอี้ ท่ามกลางสายตาทุกคู่จนมาถึงด้านข้างของซูอี้ ก่อนจะกล่าวว่า “ศิษย์น้องซู ไม่ได้พบกันเสียนาน”

เขาทำทีประชด ก่อนจ้องมองซูอี้ด้วยแววตายั่วยุ

“แล้วไง?” ซูอี้ขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้น จึงกล่าวคำตามปกติ

เมื่อในอดีต เขาเป็นหัวหน้าศิษย์สายนอก แต่หลี่โม่อวิ๋นเป็นศิษย์สายใน หากไม่นับเรื่องตัวตน ความแข็งแกร่ง หรือสถานะ เหล่าผู้อาวุโสในสำนักย่อมเห็นค่าในตัวเขามากกว่าพรสวรรค์ที่มี

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นพวกเขายังไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันมากนัก

หลี่โม่อวิ๋นจ้องไปที่ซูอี้ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าแค่อยากบอกเจ้า ว่าคนอย่างเจ้าไม่คู่ควรกับแม่นางหลิงเจา!”

หลังจากพูดเช่นนั้นแล้ว เขาจึงหันหลังกลับ และไปยังโถงตระกูลพร้อมกับหลี่เทียนหานผู้เป็นบิดา

จากนั้นเขาไม่หันกลับมามองซูอี้อีกเลย

ท่าทางไม่แยแส ความเย่อหยิ่งจองหอง และการเหยียดหยามถูกสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน

ผู้รับชมโดยรอบรู้สึกแปลกใจยิ่ง

ในวันนี้ ซูอี้ค่อนข้างโดดเด่นเป็นพิเศษ!

อย่างแรก หวงอวิ๋นชงผู้นำตระกูลหวงเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาและกล่าวทักทาย

บัดนี้หลี่โม่อวิ๋นผู้โด่งดังก็เป็นฝ่ายเริ่มก้าวเข้ามาก่อน แต่กลับพูดกับซูอี้ตรง ๆ ว่าไม่คู่ควรกับเหวินหลิงเจา!

แม้การทักทายของทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่มันก็ดึงดูดความสนใจได้มากสมพอควร

แน่นอนว่าความโดดเด่นครั้งนี้ย่อมเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่รุ่นเยาว์

กระนั้นซูอี้ก็ไม่ได้สนใจมัน

เดิมที่เขาไม่ได้อยากจะเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ แต่มันติดตรงที่เขาในขณะนี้ต้องการจะพบนายหญิงเฒ่าของตระกูลเหวิน เพื่อถามถึงเรื่องราวในอดีต ไม่เช่นนั้นชายหนุ่มคงจะลุกขึ้นจากไปนานแล้ว

“ชายผู้นี้ช่างน่ารังเกียจนัก!” เหวินหลิงเสวี่ยร้องตะโกนจากอีกด้านหนึ่ง

“เขาคงคิดไม่ซื่อกับพี่สาวเจ้าเช่นเดียวกับเว่ยเจิงหยาง” ซูอี้กล่าวเสียงเรียบ

“พ…พี่ซูคาดเดาได้ราวกับเทพเซียน!” หวงเฉียนจวินที่นั่งทื่ออยู่ตรงนั้นกล่าวอย่างระมัดระวัง “เท่าที่ข้ารู้ เมื่อหลายปีก่อน หลี่โม่อวิ๋นหลงใหลในตัวแม่นางหลิงเจามาก และเขายังย้ำอยู่บ่อยครั้งว่าในชีวิตนี้เขาจะไม่แต่งงานกับสตรีอื่นที่ไม่ใช่แม่นางหลิงเจา…”

หลังกล่าวจบ เขาลอบมองท่าทางของซูอี้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงสีหน้ารำคาญหรือขุ่นเคือง เขาจึงกล่าวต่อ “แต่มันก็เท่านั้น คนอย่างเขาจะเทียบกับพี่ซูได้อย่างไร การที่เขามาพูดเช่นนี้กับท่าน ท่านควรจะตบปากเขาเพื่อสั่งสอนให้รู้จักที่ต่ำที่สูงสักหน่อย!”

ซูอี้เหลือบมองอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “นี่เจ้ากำลังจะยุแหย่ให้ข้าจัดการชายคนนั้นแทนเจ้าหรือเปล่า?”

ร่างกายของหวงเฉียนจวินแข็งทื่อ เหงื่อเม็ดโต ๆ ผุดขึ้นจากหน้าผาก เขารีบประสานมือคารวะพร้อมกล่าวขอโทษ “พี่ซูอย่าเข้าใจข้าผิดไป ข้าแค่คิดว่าคำพูดของชายผู้นั้นมันหยาบช้าเกินไป และนั่นทำให้ข้ารู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย!”

หลังจากที่ได้รับทราบความแข็งแกร่งและอิทธิพลอำนาจของซูอี้ที่ภัตตาคารรวมเซียน เขาทั้งเคารพและเกรงกลัวซูอี้ยิ่งกว่าหนูเห็นแมว แล้วเช่นนี้เขาจะกล้ายั่วยุอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน?

ทางด้านซูอี้เอง เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรตอบ แต่ในใจของชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง

ทั้งเว่ยเจิงหยางและหลี่โม่อวิ๋นต่างก็มีจุดอ่อนคือเหวินหลิงเจา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์อันไม่ธรรมดาของเหวินหลิงเจาอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ซูอี้รับรู้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น หากหนึ่งในสองคนนี้สวมหมวกสีเขียวให้เขาล่ะ? เขาจะทานทนได้อย่างไร!

แม้จะเป็นสามีภรรยากันเพียงในนาม แต่อย่างไรก็คือสามีภรรยา!

เมื่อได้เกิดใหม่อีกครั้ง ซูอี้ก็ไม่ต้องการแบกรับชื่อเสียงที่ถูกสวมหมวกสีเขียวเช่นนี้!

‘หากมีโอกาสเมื่อไหร่ในภายภาคหน้า ข้าจะยุติความสัมพันธ์กับเหวินหลิงเจาให้เด็ดขาด จากนั้นข้าจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนั้นหรือไม่…’

ซูอี้คิด ‘แต่ตอนนี้ต้องหาโอกาสขจัดความคิดของเว่ยเจิงหยางกับหลี่โม่อวิ๋น หากไม่ได้ผล ทางสุดท้ายก็คือฆ่าทิ้ง!’

ขณะเดียวกันนั้น ภายในโถงตระกูล

หลังจากมอบของขวัญวันเกิดแล้ว หลี่เทียนหานก็มองไปรอบ ๆ และในที่สุดก็หยุดสายตาที่เหวินฉางจิ้ง โดยกล่าวว่า “นอกจากมาร่วมงานฉลองวันเกิดแล้ว ข้าผู้นี้ยังมีอีกสองเรื่อง”

ทันทีที่พูด บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดในโถงก็แสดงสีหน้าจริงจัง เนื่องจากพวกเขาคาดเดาเอาไว้แล้วว่าหลี่เทียนหานมาที่นี่เพราะมีแผนอื่น

เหวินฉางจิ้งรู้สึกหวั่นใจ ดวงตาเขาหรี่ลง ก่อนที่จะกล่าวถามกลับ “พี่หลี่ มีเรื่องอะไรงั้นหรือ? ไว้พูดคุยกันหลังงานเลี้ยงเลิกดีหรือไม่? ท่านต้องเข้าใจว่าเดี๋ยวจะมีแขกผู้มีเกียรติอีกหลายคนตามมาทีหลัง ซึ่งข้าจะไม่มีเวลาพูดคุยกับพี่หลี่มากนัก”

หลี่เทียนหานยิ้มและกล่าวอย่างช้า ๆ “แขกผู้ทรงเกียรติงั้นหรือ? ดูจากสถานะปัจจุบันของตระกูลเหวินแล้ว เป็นไปได้หรือที่เจ้าจะคิดว่าท่านเจ้าเมืองจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง? เท่าที่ข้ารู้ เหวินฉางชิงไปที่จวนของท่านเจ้าเมืองหลายครั้งเมื่อสามวันก่อน แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้งไป!”

ในประโยคนี้เต็มไปด้วยความเหยียดหยามและดูแคลน!

ภายในห้องโถงเงียบสงัด บรรยากาศที่เคยครึกครื้นพลันเงียบงันทันที

เวลานี้ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะโง่เขลาเพียงได้ ก็สามารถเดาได้โดยง่ายว่าหลี่เทียนหานไม่ได้มาดีแน่!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset