หนึ่งวันก่อนการแข่งหมากรุก
ห้องเรียนปี 1/0
ตามการนัดหมายของหัวหน้าห้องคิมยูรี นักเรียนคนอื่นมาถึงห้องก่อนเวลาปกติหนึ่งชั่วโมง
โดยไม่มีรองหัวหน้าห้องโชอึยชิน
“ถ้าอย่างนั้น พวกเรามาเริ่มประชุมเพื่อเตรียมเชียร์การแข่งหมากรุกสเทลเมตในวันพรุ่งนี้กันเถอะ!”
ยืนอยู่หน้ากระดานดำอิเล็กทรอนิกส์ คิมยูรีเขียนหัวข้อการประชุมด้วยตัวอักษรหวัดๆ
“รองหัวหน้าห้องเข้าแข่งทัวร์นาเมนต์หมากรุกได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาไม่เคยบอกเลย!”
เม็งเฮียวทงและซาวอลเซอึมที่พักอยู่ชั้นเดียวกัน ต่างก็ไม่เคยได้ยินเรื่องที่โชอึยชินลงแข่ง
“จีโฮ นายไม่ได้ยินอะไรเลยหรือ”
“ไม่เลย”
วังจีโฮตอบคำถามอีเรนาด้วยตาเป็นประกาย
ได้เห็นใบหน้าอีกฝ่าย อีเรนาคิด ‘จีโฮน่าจะรู้อะไรมา’ แต่เธอตัดสินใจไม่ซักไซ้
“เจ้าตัวบอกมาหรือ”
คิมยูรีส่ายหน้าให้กับคำถามของฮันอี
“เปล่า… ฉันบังเอิญไปรู้มาเอง ยังจำตอนที่ประชุมตัวแทนนักเรียนไตรมาสแรกได้ไหม ฉันไปกับอึยชิน เอ่อ… ตอนนั้นบังเอิญเห็นเขาบันทึกวันแข่งทัวร์นาเมนต์หมากรุกเก็บไว้ เพื่อความแน่ใจ ฉันก็เลยลองตรวจสอบดูในเว็บไซต์การแข่งของสเทลเมต และดันไปเจอชื่ออึยชินเข้าจริงๆ!”
“เมื่อลองมานึกดู เขาใส่ฟิลเตอร์มาร์เกอร์ของตัวเองเป็นตัวหมากรุกด้วยนะ”
มินกือรินฉายโฮโลแกรม
“ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นเซียนหมากรุกที่โด่งดังในวงการ”
“หือ…? นี่มัน… สุดยอดเลย!”
คิมยูรีดูหน้าจอโฮโลแกรมของมินกือรินสักพัก ก่อนจะฉายขึ้นกระดานดำ
บนโฮโลแกรมเป็นภาพของประวัติการคว้าแชมป์หมากรุกเยาวชนในประเทศสามปีซ้อน
“สุดยอด… สมัยก่อนที่จะเข้าเรียนม.ปลายสินะ”
“เก่งฉิบ… แล้วทำไมถึงไม่ลงแข่งต่อหลังจากเข้าม.ปลาย?”
“คงเพราะกลายเป็นเพลเยอร์ทางการของสมาคมแล้ว เพลเยอร์ทางการจะถูกห้ามแข่งกีฬา”
“หมากรุกถือเป็นกีฬา?”
“ได้ยินว่าหมากรุกสากลกับบริดจ์ถูกทาง IOC บรรจุให้เป็นกีฬานะ… หมากรุก หมากล้อม และโชงิต่างก็เป็นกีฬาในเอเชียนเกม”
“พวกนั้นก็กีฬาสินะ… แล้วการแข่งหมากรุกมีวิดีโอบันทึกไว้บ้างไหม”
“มีสิ… ถ้าเจอวิดีโอของอึยชินก็คงดี”
ขณะซาวอลเซอึมฉายโฮโลแกรมให้เม็งเฮียวทงดู เขายังเล่าเกี่ยวกับหมากฮอสและสหพันธ์กีฬาทางปัญญานานาชาติ (IMSA)
เมื่อทั้งสองเริ่มลงลึกเกี่ยวกับกีฬา อีเรนาเปลี่ยนเรื่องคุย
“พวกเราร้องเพลงเชียร์กันดีไหม…”
“ครูที่ปรึกษากลุ่มย่อยสเทลเมตคงใช้ศาสตร์แห่งมิติ ปิดกั้นมิติระหว่างคนดูกับสนามแข่งไว้ เสียงคงส่งไปไม่ถึง”
“ศาสตร์แห่งมิติ? จริงสิ ครูยงเจกอนเป็นที่ปรึกษาสเทลเมตนี่นา… เมื่อลองมาคิดดู เสียงตะโกนที่ดังเกินไปคงรบกวนการแข่งหมากรุกด้วย”
อีเรนาทำหน้าเสียดายเมื่อได้ยินคำตอบวังจีโฮ
พวกเขาผุดหลายไอเดียเกี่ยวกับวิธีการเชียร์ แต่ในท้ายที่สุด ทุกคนลงความเห็นว่าควร ‘แอบไปเชียร์เงียบๆ เพื่อเซอไพรส์โชอึยชิน’
“ถ้าอย่างนั้นมานัดสถานที่รวมตัวกันดีกว่า แล้วก็คิดคำเชียร์ที่ฉายบนโฮโลแกรมด้วย”
“ฉันไปที่คนเยอะๆ ไม่ได้… แล้วตอนบ่ายก็มีนัดด้วย ขอโทษนะ ไว้ฉันจะวาดรูปให้แทน”
“ถ้าอย่างนั้นก็แนบรูปวาดของกือรินเข้าไปในโฮโลแกรมเชียร์… แล้วเธอจะวาดอะไร”
“คงเป็นตัวหมากกับภาพเหมือนของเขา”
“ตกลง! ฉันจะขยายโฮโลแกรมให้เป็นขนาดเท่าป้ายโฆษณา แล้วก็วางรูปของกือรินไว้ตรงมุมขวา”
คิมยูรีร่างเค้าโครงลงบนกระดานดำ
จากนั้น นักเรียนห้องศูนย์เริ่มเสนอคำเชียร์เพื่อลงคะแนน ตามด้วยการช่วยกันกำหนดฟอนต์ สี และขนาด
เมื่อประชุมเสร็จ ใกล้ถึงเวลาที่โชอึยชินจะมาพอดี
“ลืมเรื่องสำคัญที่สุดไปเลย! จีโฮ!”
“ห้ามบอกอึยชินนะ!”
“ฮะฮะฮะ! ได้สิ”
คิมยูรีกับอีเรนาเป็นกังวลกับวังจีโฮมากที่สุด เพราะในสายตาพวกเธอ เขาคือเด็กประหลาดที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ในวันเดียวกัน ฮันอีเห็นภาพที่วังจีโฮเดินตามโชอึยชินตอนพักกลางวันพร้อมกับพูดว่า “นายไม่อยากรู้ ‘เรื่องนั้น’ จริงหรือ”
“วังจีโฮ!”
ถือโอกาสที่โชอึยชินเดินเข้าห้องเรียนไปก่อน ฮันอีจ้องหน้าวังจีโฮด้วยความไม่พอใจ
“ฉันยังไม่ได้บอกจริงๆ แค่ยั่วให้เขาอยากรู้แล้วก็จะแกล้งเงียบ… แต่เขาดันไม่อยากรู้เลย”
“นิสัยแย่เหมือนกันนะเนี่ย”
“ใจร้ายจัง ฮะฮะฮะ!”
ฮันอียิ่งทำหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นวังจีโฮหัวเราะเสียงดังราวกับชอบใจ
* * *
วันแข่งหมากรุก
หลังจบคาบชมรม
วังจีโฮที่มารวมกลุ่มกับเด็กห้องศูนย์คนอื่น ทำหน้าไม่บอกบุญไม่รับ
“จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่อยากรู้”
“นายคิดจะยั่วเขาแม้กระทั่งวันแข่งเลยรึไง”
“โชคดีที่อึยชินของเรากางกำแพงเหล็ก!”
เม็งเฮียวทงกับซาวอลเซอึมยิ้มให้กับหน้าบอกบุญไม่รับของวังจีโฮ
คิมยูรีเดินนำด้วยความโล่งใจ
“ไปกันเถอะ!”
ย่านอาคารชมรม, โรงยิมหมายเลขสาม
การแข่งหมากรุกรอบแรกเริ่มขึ้นหลังจากพิธีเปิดของยงเจกอน
นักเรียนปี 1/0 เลือกนั่งในบ๊อกซ์หนึ่ง จากนั้นก็ฉายโฮโลแกรมป้ายเชียร์
“โต๊ะอื่นเริ่มแข่งกันหมดแล้ว ทำไมโต๊ะของอึยชินถึงยังไม่เริ่มล่ะ”
“การแข่งเริ่มช้ากว่าปกติเพราะรุ่นพี่มาจินซึงไม่ยอมกดนาฬิกาหมากรุก… แต่อึยชินก็คิดนานไปจริงๆ”
หลังจากนั่งนิ่งเป็นเวลานาน ในที่สุดโชอึยชินก็เดินเบี้ยเปิดเกม
“เริ่มแล้ว…!”
ผ่านไปสักพัก โชอึยชินยิ้มเป็นครั้งแรก
นักเรียนปี 1/0 ที่เห็นรอยยิ้มดังกล่าว ต่างส่งเสียงและทำสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่ใช่รอยยิ้มมีพิรุธ…”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“นั่นสิ… เขาไม่ค่อยสบายหรือ”
“ฮะฮะฮะ! ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!”
ระหว่างที่วังจีโฮระเบิดเสียงหัวเราะพลางกุมท้อง โชอึยชินกับมาจินซึงลุกขึ้นยืนแล้วจับมือกัน
“เอ๋… จบแล้วหรือ ทำไมถึงจับมือล่ะ?”
“อึยชินชนะ! ภายในสี่ตาเดินเท่านั้น! เขาทำได้ยังไง”
“ทางสเทลเมตเขียนอธิบายไว้แล้วล่ะ… ดูเหมือนจะเรียกว่าสกอล่าเมต”
ผลการแข่งถูกโพสต์ลงเว็บไซต์ของสเทลเมตทันที
โชอึยชินอาจคิดนานในตาเดินแรก แต่หลังจากผ่านไปสี่ตาเดิน เขากลายเป็นนักกีฬาคนแรกที่ได้รับชัยชนะ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังนึกชื่นชม อีเรนาชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญ
“แล้วถ้าอึยชินไม่เห็นพวกเราไปจนจบเลยล่ะ”
“เรื่องนั้น…”
“ฉันอยากเห็นใบหน้าตกใจของอึยชิน!”
นักเรียนปี 1/0 เริ่มขยายขนาดโฮโลแกรม แล้วเพิ่มแสงของคำเชียร์เพื่อให้มองเห็นได้ง่ายขึ้น
เข้าสู่การแข่งรอบที่สอง
โชอึยชินปะทะยอนการัม
โชอึยชินเดินหมากเร็วกว่าเกมแรกพอสมควร
แต่ยิ่งจำนวนตาเดินเพิ่มขึ้น มือข้างที่ใช้ขยับหมากก็เริ่มช้าลง จนกระทั่งแน่นิ่งไปในที่สุด
“ทำไมถึงไม่เดินแล้วล่ะ”
“คิดล่วงหน้าอยู่มั้ง”
“คิดนานไปหน่อยนะ”
บนโฮโลแกรมสำหรับผู้ชม
ตัวเลขนาฬิกาฝั่งโชอึยชินลดลงอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าเวลาเหลือศูนย์ เขาจะถูกปรับแพ้”
ได้ยินคำพูดฮันอี เด็กห้องศูนย์เริ่มลุกขึ้นมาส่งเสียเชียร์
“อึยชิน สู้เค้า!”
“อึยชิน อย่าแพ้นะ!”
“มัวคิดอะไรอยู่ รองหัวหน้าห้อง! เดินๆ ไปเถอะน่า!”
แต่เนื่องจากบ๊อกซ์ผู้ชมถูกศาสตร์แห่งมิติของยงเจกอนกีดขวางไว้ เสียงตะโกนจึงดังไปไม่ถึงโชอึยชิน
ทันใดนั้น
“…!”
วังจีโฮลุกพรวดขึ้นแล้วมองลงไป
“วังจีโฮ…?”
ฮันอีที่นั่งข้างวังจีโฮเรียกเขา แต่อีกฝ่ายไม่ตอบสนอง
ระหว่างนั้น คิมยูรีตะโกนด้วยเสียงร่าเริง
“อึยชินมองมาทางนี้แล้ว!”
“ฮะฮะ! เขาทำหน้าตกใจด้วยล่ะ!”
“เหลือเวลาไม่มากแล้ว อึยชิน! รีบเดินเข้า!”
“เขาไม่ได้ยินเสียงพวกเรา มาโบกมือกันเถอะ!”
“ไอ้รองหัวหน้าห้องโว้ย! มัวทำบ้าอะไรอยู่! ทำไมถึงไม่เดินสักที!”
* * *
คิมยูรีกำลังยิ้มพลางโบกมือยกใหญ่
อีเรนากับเม็งเฮียวทงต่างก็ตั้งใจตะโกนบางอย่าง
คงเพราะกำลังใช้สกิลบิน ภาษากายของซาวอลเซอึมจึงอยู่สูงกว่าใครโนlวลกูดอทคoม
ฮันอียกมือเล็กๆ ของเธอ
วังจีโฮผู้กำลังยืน ยิ้มอย่างมีเลศนัยขณะประสานสายตากับฉัน
บนบ๊อกซ์ของผู้ชมที่เต็มไปด้วยเด็กปี 1/0 ฉันเห็นป้ายโฮโลแกรมแผ่นใหญ่ที่มีรูปวาดและคำเชียร์
[จะมีพิรุธก็ไม่เป็นไร!]
[ขอเป็นกำลังใจให้โชอึยชิน รองหัวหน้าห้อง 1/0 ที่ชอบทำตัวมีพิรุธ ^▽^♡]
ฝั่งหนึ่งของโฮโลแกรมเป็นรูปตัวหมากรุกและใบหน้าฉันที่มินกือรินวาดขึ้น
‘…นี่คงเป็น ‘เรื่องนั้น’ ของวังจีโฮ’
เมื่อลองมานึกดู ทั้งวันนี้และเมื่อวาน เพื่อนร่วมห้องทุกคนไปถึงห้องเร็วกว่าฉัน
คงแอบเตรียมตัวมาเชียร์โดยไม่บอกเรา
‘มีพิรุธก็ไม่เป็นไรงั้นหรือ… หน้าเราคงมีพิรุธจริงๆ’
ขณะคิดได้แบบนั้น
ฉันตระหนักว่าสีสันของโลกขาวดำกลับเป็นปกติอีกครั้ง
คำเชียร์บนโฮโลแกรมคอยส่องแสงและเปลี่ยนสีทุกวินาที
เมื่อก้มหน้าลงมองกระดานหมากรุก ฉันเห็นตารางทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส 64 ช่องและสีของหมากทุกตัวอย่างคมชัด
ท้ายที่สุด ฉันมองเห็นตำแหน่งที่ต้องเดิน
ปึก!
เดินหมากเสร็จ ฉันกดปุ่มนาฬิกาหมากรุกเพื่อเปลี่ยนฝั่ง
นาฬิกาฝั่งของฉันเหลืออีกประมาณหนึ่งนาที
ถ้าเดินไม่ทัน ฉันก็จะถูกปรับแพ้ตามกฎของฟิชเชอร์
(กฎของฟิชเชอร์ – ตามมาตรฐานของ FIDE ผู้เข้าแข่งแต่ละคนจะมีเวลาเดินรวมคนละ 15 นาที โดยบวกเพิ่มตาเดินละ 10 วินาที)
ตอนนี้ยังเหลืออาการวิงเวียนอยู่ แต่ฉันกลับไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เลย
“เช็ก”
ฉันประกาศรุกฆาตในตาเดินที่แปดหลังจากพลังโชคชะตาแสดงผล
ยอนการัมเปลี่ยนสีหน้าเป็นครั้งแรก เธอตะแคงคิงสีดำด้วยตัวเองก่อนจะลุกขึ้นมาขอจับมือ
รอบที่สองก็จบลงด้วยชัยชนะของฉัน
* * *
“ใจหายใจคว่ำหมดเลย!”
“ใช่!”
“นายจงใจใช่ไหม เห็นว่าเกมแรกจบเร็วเกินไป ก็เลยอยากจบเกมที่สองช้าๆ?”
“ฉันเป็นห่วงแทบแย่ เพราะนายไม่ได้ยิ้มอย่างมีพิรุธ!”
“ทำได้ดีมาก อึยชิน!”
“ใช่! ทำดีมากอึยชิน!”
ฉันแวะมาหาเพื่อนหลังจากแข่งเสร็จ
ได้ยินเสียงเด็กๆ คุยกันอย่างร่าเริง อาการปวดหัวของฉันค่อยๆ บรรเทาลง ฝ่ามือกลับมาเป็นอุณหภูมิปกติ
“ขอบคุณนะ”
เย็นขนาดนี้แล้ว แต่ทุกคนก็ยังอยู่เชียร์
ฉันทั้งรู้สึกตื้นตันใจและสำนึกผิดที่ทำให้เป็นห่วง
“ไปหาอะไรกินมื้อเย็นกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง”
พวกเขาปฏิเสธ แต่ฉันยืนกรานว่าอยากกินมื้อเย็นกับทุกคนที่ร้านหน้าโรงเรียน
เป้าหมายคือร้านเนื้อย่าง แต่คิมยูรีขอคัดค้าน
“ไว้ค่อยกินเนื้อย่างหลังจากอึยชินคว้าแชมป์ก็แล้วกัน!”
“ตกลง… ถ้าชนะฉันจะเอาเงินรางวัลมาซื้อเนื้อเลี้ยงทุกคน”
“เห็นด้วย! วันนี้กินอย่างอื่นไปก่อนเถอะ”
เสียงส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าควรกินร้านฟาสต์ฟู้ดในเขตอึนกวาง
พวกเขาอยากกินเมนูตามฤดูกาลอยู่พอดี
เด็กๆ หัวเราะอย่างสนุกสนานขณะพูดคุยพลางกินมันฝรั่งทอดราดออสซี่ชีสที่วางสุมกันอยู่กลางโต๊ะ
ฉันให้คำมั่นกับตัวเองว่าต้องคว้าแชมป์ให้ได้ เพื่อเนื้อย่างของทุกคน
* * *
เรากินไปคุยไปจนถึงเวลาปิดร้าน
หลังจากแยกย้ายกลับโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนเด็กหอ
วังจีโฮจับแขนฉันแล้วถาม
“โชอึยชิน ในตอนที่นายเงยหน้ามองผู้ชมระหว่างการแข่ง… สัมผัสถึงอะไรได้บ้างไหม”
ในตอนที่เราหันไปมองนักเรียนห้อง 1/0…
ช่วงเวลาที่พลังโชคชะตาแสดงผล
‘หรือว่าวังจีโฮจะสัมผัสได้…’
ครั้งที่สามแล้วที่พลังโชคชะตาแสดงผลต่อหน้าวังจีโฮ
หนแรกคือตอนที่ติดต่อกับเบื้องบน หลังจากวังจีโฮถอดรหัสหนังสือโบราณที่ได้จากห้องใต้ดินของหอสมุดกลาง
หนที่สองคือตอนที่อูซังฮีใช้แสงประทานยืมพลังจากอาร์เคียเพื่อรักษาเสือแดง
และวันนี้
สองครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นพร้อมกับปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ แต่วันนี้กลับไม่มีอะไรเลย
เขาคงสัมผัสถึงบางสิ่ง
“…ไม่ก็แน่ใจเหมือนกัน”
ฉันไม่ได้โกหก
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักพลังโชคชะตาดีนัก
วังจีโฮทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ
“อา… วันนี้นายทำได้ดีมาก กลับไปพักเถอะ”
บนโลกใบนี้ อดีตของโชอึยชินถูกตั้งค่าให้คล้ายกับอดีตของฉัน บางทีคงเป็นฝีมือการบิดเบือนของจักรวาลเหนือรูป
วังจีโฮที่เคยสืบประวัติฉัน คงเดาได้ว่าแผลใจของฉันเกี่ยวข้องกับหมากรุก
“ขอบคุณที่มาช่วยเชียร์นะ… วังจีโฮ”
ได้ยินแบบนั้น วังจีโฮเปลี่ยนสีหน้าพร้อมกับหันหลังหนี
คราวนี้เขาเดินตรงไปยังคฤหาสน์วังมยองโฮ มิใช่ทิศทางปริศนา
* * *
โรงยิมหมายเลขสาม, ย่านอาคารชมรม
ท่ามกลางตัวหมากรุกที่ก่อจากบล็อกมิติจัตุรัส
ยงเจกอนยืนอยู่ตามลำพังบนพื้นโรงยิม
‘น่าจะแถวนี้’
เขาแหงนหน้ามองบ๊อกซ์ที่นั่งของนักเรียนห้อง 1/0
‘มันคืออะไรกันนะ…’
มีบางสิ่งไม่เข้าพวกปะปนอยู่กับเวทมนตร์มิติของตน
มันเจือจางมาก แต่ก็ถือเป็นแสงแยงตาสำหรับยงเจกอน
‘ร่างแบ่งภาควัยรุ่นของประธานเสือเหลืองคงสัมผัสได้…’
ยงเจกอนหันไปมองโต๊ะหมากรุกอันว่างเปล่า
‘ซูเปอร์โนว่าไร้นามก็เช่นกัน’