เมื่อการแข่งจบลง พวกเราถูกสมาคมเพลเยอร์เรียกตัวไปให้ปากคำที่ตึกสำนักงานใหญ่
ตามปกติแล้ว เพลเยอร์มืออาชีพจะโจมตีต่างโลกกันอย่างไร นั่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสมาคม
แต่ปัญหาคือดันเจี้ยนระดับ SR++ สองแห่งและหอคอยอีกหนึ่งแห่ง ดันโผล่ขึ้นมาโดยไม่มีลางบอกเหตุ
เพื่อจะสืบหาสาเหตุนั้น ทางสมาคมจึงอยากฟังรายละเอียดจากเพลเยอร์ที่อยู่ในเหตุการณ์
‘พวกเขาคงตรวจสอบเพลเยอร์ SAT-K แล้ว แต่ไม่พบความผิดปกติ’
ก็นะ นี่ไม่ใช่การโจมตีส่งเดช แต่เป็นฝีมือผู้ชักใยในเงามืด
ระหว่างที่ ‘จอมบงการ’ สั่งให้ชเวย็อนทึกเปิดไฟต์คลับ มันได้แอบส่งคนแฝงตัวเข้าไปในสมาคม เพื่อแก้ไขมิให้เพลเยอร์ SAT-K ตรวจพบเอนามีสัตว์ฝึกของเผ่าหมีที่เป็นทีมไล่ล่า
ในตอนนั้น พวกมันคงตรวจสอบจนมั่นใจว่าเพลเยอร์ SAT-K ไม่สามารถตรวจจับสกิล ‘อัญเชิญรอยแยกต่างโลก’ ของจอมบงการได้
‘แก๊งของชเวย็อนทึกก็คงไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของจอมบงการเหมือนกัน’
ได้ยินว่าคนของสมาคมที่ลงมือดัดแปลงดาวเทียม เกิดป่วยอย่างหนักทั้งร่างกายและจิตใจหลังจากถูกขังคุก
หลังจากไล่พนักงานคนนั้นออกไป ทางสมาคมได้ตรวจสอบเพลเยอร์ SAT-K อย่างละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย แต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์
ฉันยังไม่ลืม ฮงกยูบินเคยเล่าติดตลกด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ว่า เบื้องบนของสมาคมเกือบต้องเขียนจดหมายลาออกเพราะเหตุการณ์ในวันเกิดชเวย็อนทึก
‘เจอเรื่องแบบนี้เข้าไป ทีมดูแลดาวเทียมคงสมองบวมยิ่งกว่าเก่า’
ไม่ว่าจะตรวจสอบเพลเยอร์ SAT-K ละเอียดแค่ไหน แต่ทางสมาคมก็คงไม่เจอความผิดปกติ
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เบาะแสเดียวจึงเหลือแค่คำให้การของเพลเยอร์ในเหตุการณ์
‘ถึงจะหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ อย่างน้อยก็คงอยากฟังข้อแตกต่างระหว่างรอยแยกต่างโลกที่มีและไม่มีลางบอกเหตุ’
ภายในเกม หลังจากเหตุการณ์จบลง จูซูย็อกให้ความร่วมมือกับสมาคมอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ไม่พบสาเหตุที่รอยแยกเกิดขึ้นโดยไม่มีคำเตือน
และลักษณะของรอยแยกที่ไม่มีลางบอกเหตุ ก็แทบไม่ต่างจากรอยแยกปกติ
‘อยากจะบอกกับสมาคมเหลือเกิน ว่าสกิลแผนผังวังจันทราของอ๊กโทยอนแห่งเผ่ากระต่าย สามารถตรวจจับสกิลอัญเชิญรอยแยกของจอมบงการได้’
แต่จะให้เด็กอย่างเราพูดเรื่องนั้นกับสมาคมก็คงแปลกไปหน่อย
ถึงจะอ้างว่าแอบฟังมาจากยงเจกอนกับอ๊กโทยอนก็ดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่ดี
อ๊กโทยอนเปลี่ยนสีหน้าทันทีหลังจากได้รับสายของ ‘พี่โทยุน’ แห่งเผ่ากระต่าย และรีบโดด (หนี) กลับไปสมชื่อกระต่าย
‘จะหลอกล่อให้ยงเจกอนพูดเรื่องนั้นเองก็ไม่ได้ ตอนนี้อ๊กโทยอนไม่อยู่แล้ว’
บรรดาเผ่ามังกรพาย็อมจุนยอลกลับไปจัดงานเลี้ยงฉลองกันแล้ว เหลือแค่ยงเจกอนที่ยังอยู่กับเรา
ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ในสายตาคนเล่นเกม ยงเจกอนนั้นเหมือนกับวังจีโฮและมุนแซรอน คือเป็นพวกที่ตื่นเต้นกับเรื่องไม่คาดฝันและเรื่องน่าสนุก
‘ดูท่าจะถูกใจเหตุการณ์ในคราวนี้มาก’
ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรถ้ายงเจกอนจะให้ความสนใจ แต่ปัญหาคือฉันไม่รู้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อ
สำหรับเผ่าแท้อย่างเขา ถ้าจะให้เลือกระหว่างชีวิตของตนกับความตื่นเต้น แน่นอนว่าเขาเลือกอย่างหลัง
‘ภายในเกม ยงเจกอนก็ตายไปด้วยเหตุผลนี้ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงปีแรก’
คล้ายกับสัมผัสถึงบางสิ่ง ยงเจกอนหันหน้าไปทางบานกระจกเสริมแกร่งที่มีโลโก้ของสมาคม
สตรีที่แต่งกายในชุดสาวออฟฟิศนางหนึ่ง เดินเข้ามาในห้องประชุมของสมาคมที่มีพวกเรานั่งรออยู่
“สวัสดี ฉันคืออิมจีฮวา หัวหน้าทีมดูแลดาวเทียมของหน่วยสนับสนุนการโจมตีต่างโลก ประจำสมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลี”
เมื่ออิมจีฮวาแนะนำตัวเสร็จและนั่งลง ตัวแทนทีมสิงโตแดงที่ยังเหลือพูดขึ้นทันที
“จีฮวา ต่างโลกที่เราเข้าไปเจอค่อนข้างคล้ายกับต่างโลกทั่วๆ ไป… หน่วยบุกคนอื่นก็พูดเหมือนกัน ฉันมาที่นี่เพื่อยืนยันว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นกับดาวเทียมของสมาคม… ถ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็พูดมาตรงๆ ได้เลย เราคนกันเอง ฉันไม่คิดจะคาบข่าวไปบอกสื่ออยู่แล้ว”
สำหรับทีมสิงโตแดง พวกเขาคัดเลือกตัวแทนด้วยการเป่ายิ้งฉุบ ส่วนคนที่เหลือหนีกลับไปปาร์ตี้สบายใจเฉิบ
เธออยากรีบคุยให้จบแล้วรีบกลับไปสมทบงานปาร์ตี้ แม้จะสายไปบ้างก็ตาม
อิมจีฮวายิ้มแห้งๆ พร้อมกับตอบ
“ถึงจะบอกให้พูดมาตรงๆ แต่ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดหรอกนะ… ฮะฮะ… ฮะฮะฮะ… ยังจำคดีที่ ‘ศรสวรรค์’ จัดการพวกเอนามีหน้าประตูโรงเรียนแสงเงินได้ไหม? หลังจากนั้นพวกเรายกเครื่องตรวจสอบดาวเทียมกันห้าครั้ง แต่ก็ไม่เจออะไรนอกจากการดัดแปลงครั้งนั้น”
ดูเหมือนอิมจีฮวากับตัวแทนทีมสิงโตแดงจะรู้จักกัน พวกเธอจึงพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“ฮะฮะ… จะลดขั้นฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ ขอแค่เปิดโอกาสให้ย้ายไปแผนกอื่น…”
อิมจีฮวายักไหล่พลางมองออกไปไกลๆ
ยงเจกอนเองก็พูดกับอิมจีฮวาในลักษณะคนรู้จัก
“อย่าท้อแท้ไปนักเลย คุณจีฮวา”
“ท่านเจกอน…! เผ่ามังกรพบความผิดปกติอะไรบ้างไหมคะ?”
“ไม่มีเลย เผ่ามังกรไม่พบความผิดปกติ… นี่เป็นการแข่งที่จุนยอลต้องขว้างเปิดสนาม ถ้ารู้อะไรมาล่วงหน้า พวกเราคงหาทางป้องกันไว้ก่อนแล้ว”
“อ้อ… นั่นสินะ”
อิมจีฮวาถอนหายใจยาวพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้า
ถ้าตั้งใจฟังคำพูดยกเจกอนให้ดี เขาบอกว่า ‘เผ่ามังกรไม่พบความผิดปกติ’
เป็นการอำพรางเรื่องที่ ‘เผ่ากระต่าย’ พบความผิดปกติอย่างชาญฉลาด
“สำหรับกลุ่มนักเรียน… พวกเธอคงไม่มีข้อมูลมากนัก… ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเองได้ไหม? และเนื่องจากทางเราไม่อยากให้นักเรียนกลับดึก ฉันขอสอบปากคำพวกเขาก่อนนะ”
ตัวแทนทีมสิงโตแดงและยงเจกอนต่างพยักหน้ารับคำพูดอิมจีฮวา
เป็นนัยว่า พวกเขาเข้าใจเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี่นานกว่าปกติ
“เอ่อ… ปาร์ตี้คืนนี้ ท่านเจกอนไม่รีบกลับไปร่วมงานหรือ?”
“ไม่ล่ะ ที่นี่ดูน่าสนุกกว่า”
“…ฉันเข้าไม่ถึงเซนส์ความสนุกของเผ่ามังกรจริงๆ”
จูซูย็อก โดซีฮู และโดวอนอูเล่าประสบการณ์ของตนได้อย่างตรงประเด็นและมีแบบแผน
จางนัมอุกเล่าทุกรายละเอียด ซึ่งทำให้บทพูดของเขายาวมาก
เทียบกับอีกสี่คนที่เหลือ เม็งเฮียวทงกับฉันเล่าได้ละเอียดและกระชับมากกว่า
ระหว่างฟังพวกเรา อิมจีฮวาพิมพ์บางสิ่งลงบนดีไวซ์ (Device) จนกระทั่งจบการให้ปากคำ
(หลังจากนี้จะขอเรียกอุปกรณ์ฉายโฮโลแกรมว่า ‘ดีไวซ์’ เพื่อป้องกันการสับสนกับคำว่าอุปกรณ์อื่นๆ)
“วันนี้ขอบคุณมากนะทุกคน เป็นเพราะมีพวกเธอคอยช่วย สถานการณ์จึงคลี่คลายไปในทางที่ดี และขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกับสมาคม… ดังที่ผู้บรรยายกล่าวไว้ในถ่ายทอดสด ตอนนี้อนาคตของวงการเพลเยอร์เกาหลีใต้สดใสมากทีเดียว”
เธอกล่าวชื่นชมพวกเราด้วยสีหน้าค่อนข้างอิดโรย
นอกจากนั้น อิมจีฮวายังพูดถึงอนาคตเล็กน้อย
หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง มีโอกาสที่จูซูย็อก โดซีฮู และเม็งเฮียวทงจะได้รับฉายา
จางนัมอุกที่คอยดูภาพรวมโดยที่ไม่ได้สร้างผลงานมากนัก คงยังไม่ถึงเวลาได้รับฉายา
จางนัมอุกเสริมว่า ‘ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองสมควรได้รับมันเหมือนกัน’
‘ทำไงได้ล่ะ จะให้เราสั่งให้จางนัมอุกที่เอาแต่ยืนตัวแข็งออกไปสู้ก็ไม่ได้’
แต่ชื่อเล่นของทั้งสามคนคงยังไม่ปรากฏเร็วๆ นี้ เพราะปัจจุบันดาวเทียมเพลเยอร์ SAT-K กำลังถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมด
“ถ้านึกอะไรออกให้รีบติดต่อหาฉันทันที… 24 ชั่วโมงตลอดเจ็ดวัน จะข้อความหรือโทรก็ได้”
จากนั้น เธอยื่นนามบัตรให้เราทุกคน
ถัดไปเป็นการให้ปากคำของตัวแทนทีมสิงโตแดงและยงเจกอน โดยที่พวกเราสามารถกลับบ้านได้เลย
“จบแล้วสินะ… หิวจัง”
“ไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านกันไหม? …หือ ทำไมรถของบ้านฉันจอดอยู่ตรงนั้น”
“ดูเหมือนว่าผู้ปกครองจะรออยู่แล้วนะ”
ด้านหน้าประตูสำนักงานสมาคม
จูซูย็อก โดซีฮู โดวอนอู และจางนัมอุกต่างโบกมือทักทายผู้ปกครองของตนที่ทั้งนัดและไม่ได้นัดไว้
จูซูย็อกอาจเป็นนักเรียนไปกลับ แต่โดซีฮูและจางนัมอุกเป็นเด็กหอของโรงเรียนเตรียมทหาร หมายความว่าพวกเขาต้องรีบกลับให้ถึงหอพักเพื่อให้ทันรายงานตัวพรุ่งนี้เช้า
คำนึงจากความร้ายแรงของสถานการณ์ในวันนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่ครอบครัวของทุกคนจะรู้สึกเป็นกังวล
“ถ้าอย่างนั้น ไว้เจอกันใหม่ที่โรงเรียน”
“นายสองคนน่ะ ไม่ได้มาเล่นบาสด้วยกันวันนั้นใช่ไหม? คราวหน้าอย่าพลาดล่ะ”
“…กลับบ้านดีๆ นะเจ้าพวกปีหนึ่ง” ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
“รีบกลับหอล่ะ ทั้งอึยชินและเฮียวทงเลย ถ้าถึงห้องแล้วให้ส่งข้อความหาฉัน และอย่าลืมกินมื้อค่ำให้เรียบร้อย ห้ามละเลยเพราะขี้เกียจเด็ดขาด ถ้าโรงอาหารหอในปิดแล้วให้กินจากข้างนอกเข้าไป แล้วก็…”
“ตกลง พวกนายเองก็อย่าลืมกินอะไรให้เรียบร้อย รีบไปเถอะ ผู้ปกครองกำลังรออยู่”
ฉันตัดบทคำบ่นจู้จี้ของจางนัมอุก แล้วก็ยืนส่งทั้งสี่คนขึ้นรถผู้ปกครองกลับไป
เหลือแค่ฉันกับเม็งเฮียวทง
“ไปกันเถอะ”
“…อื้อ”
ถ้าเร่งมือสักนิด พวกเราอาจกลับไปทันก่อนโรงอาหารปิด
กลับแอร์แท็กซี่ดีไหม? ถึงจะแพงไปนิดก็เถอะ
ทันใดนั้น ใครบางเรียกเราที่กำลังยืนอยู่หน้าตึกสำนักงานสมาคม
“ครูได้ยินข่าวแล้วล่ะ ทำได้ดีมาก ทั้งเม็งเฮียวทงและโชอึยชินเลย”
เจ้าของเสียงคือครูประจำชั้นของพวกเรา ฮัมกึนยอง
เนื่องจากทั้งฉันและเม็งเฮียวทงไม่ได้ลงทะเบียนผู้ปกครองไว้ สมาคมจึงติดต่อครูประจำชั้นแทน
ทั้งที่จะรออยู่โรงเรียนก็ได้ แต่เขากลับถ่อมาถึงอาคารสมาคมเพลเยอร์ในช่วงเย็นของวันหยุดสุดสัปดาห์
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม? ครูเลี้ยงเอง”
มาเพื่อเลี้ยงข้าวโดยเฉพาะเลยสินะ
หลังจากลังเลอยู่นาน เม็งเฮียวทงตอบ ‘ทงคตสึ’
ฉันพยักหน้าเห็นด้วย เราสามคนจึงมุ่งหน้าไปยังร้านบุฟเฟต์ทงคตสึที่ AI ของเซิร์จเอนจิ้นแนะนำมา
“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าทงคตสึมีหลายแบบขนาดนี้…!”
มีทั้งเนื้อหมูส่วนสันคอ สันนอก และสันใน
ในร้านมีทงคตสึหนาๆ วางเรียงตามความหนาของเนื้อ รวมถึงทงคตสึที่ทำจากเนื้อหมูแผ่นบางสไตล์ตะวันตก
แถมยังมีทงคตสึไส้ชีส ไส้มันหวาน และไส้ผักกาดแก้วที่ผสมเครื่องปรุงพิเศษ
นอกจากหมูทอด ยังมีไก่ทอดกับปลาทอดด้วย เรียกได้ว่ากินกันไม่เบื่อแม้จะอิ่มแล้ว
“อร่อยที่สุดคือซอสเดมิกราสสไตล์โบราณและซอสพริกเผ็ด… เข้ากันกับเนื้อนุ่มๆ ได้ดีมาก”
คนที่กินมากที่สุดคือนักชิมลับๆ เม็งเฮียวทง
ราวกับได้กินครบทุกเมนูและทุกซอสไปแล้ว เขาอธิบายรายละเอียดและความอร่อยได้ทุกอย่าง
วันนี้ครูฮัมกึนยองดูจะเป็นห่วงพวกเราที่ต้องเผชิญหน้ากับเอนามีและรอยแยกต่างโลกอย่างไม่คาดคิด เขาไม่ได้ถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย เพียงทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีตลอดเวลา
‘ที่จริงเราก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร ถ้าสงสัยหรืออยากรู้ก็ถามมาได้แท้ๆ’
แต่จนถึงที่สุด ครูฮัมกึนยองก็ไม่ได้ถาม
พวกเราคุยกันแต่เรื่องอาหารจนกระทั่งแยกย้ายกลับห้องพักตัวเอง
เมื่อกลับถึงห้อง ฉันรีบปิดประตูลงกลอน และพบว่าอยู่ๆ ร่างกายก็เริ่มล้าและหนัก
‘…เราอาจจะเครียดกว่าที่ตัวเองคิด เห็นทีคงต้องเลื่อนการทบทวนเหตุการณ์ประจำวันไปก่อน’
หลังจากอาบน้ำเตรียมเข้านอน ฉันเปิดดีไวซ์ขึ้นมาตรวจสอบ แล้วต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น
‘ข้อความมาจากไหนเยอะแยะ!’
โฮโลแกรมของฉันเต็มไปด้วยข้อความและตัวเลขแจ้งเตือน
โดยไม่สนใจที่จะตอบ ฉันแค่ส่งข้อความไปหาจางนัมอุกเพื่อบอกว่า ‘ถึงแล้ว’ และทิ้งตัวลงนอน
ทันทีที่หลับตาก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
* * *
ณ คฤหาสน์ของวังมยองโฮ
ห้องนั่งเล่น
“ไม่ตอบกลับ… นี่มันหมายความว่ายังไง! ทำเมินกัน? อ่านแต่ไม่ตอบเนี่ยนะ?”
โฮโลแกรมหลายสิบภาพกำลังลอยอยู่ด้านหน้าเสือเหลือง
เกือบทั้งหมดเป็นบทความเกี่ยวกับรอยแยกต่างโลกระดับ SR++ ที่ปรากฏขึ้นใกล้กับสนามจัมชิลในวันนี้
หนึ่งในนั้นเป็นหน้าต่างแชตสนทนากับโชอึยชิน
อีกฝ่ายอ่านแล้ว แต่ไม่มีคำตอบกลับมา
“ทั้งอ๊กโทยอน ทีมสิงโตแดง และเผ่ามังกรมารวมกันในที่เดียว… ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่”
ตอนแรกเขาคิดจะติดต่ออ๊กโทยอน แต่ก็รีบเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว
และเลือกที่จะหันไปถามเพื่อนสนิท ผู้กำลังลูบหัวสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยใบหน้าเย็นชาแทน
“เสือขาว ได้ยินอะไรจากโชอึยชินบ้างไหม”
ไม่ผิดจากที่คิด เสือขาวส่ายหน้า
เขามักพาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปเดินเล่นกับโชอึยชินบ่อยครั้ง จึงน่าจะเคยได้ยินข้อมูลสำคัญมาบ้าง
แต่คำนึงจากสีหน้าและแววตา ดูท่าโชอึยชินคงไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ ออกมาเลย
ขณะเดียวกัน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ยินชื่อโชอึยชินรีบยกหัวขึ้นแล้วมองไปทางประตู
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเจ้าถึงได้สนใจโชอึยชินนัก?”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์หันมามองหน้าเสือเหลืองพลางส่งเสียงไม่พอใจ
สีหน้าคล้ายกำลังถามว่า ‘ไหนล่ะอึยชิน?’
“วันนี้เขาคงไม่มา เพราะพวกเราก็ติดต่อเขาไม่ได้”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ลดหัวลงแล้วซุกหน้าอกเสือขาวกลับไปตามเดิม
เสือเหลืองถูกเมินโดยสมบูรณ์ราวกับไม่ใช่เผ่าแท้
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความมึนงง
“อยากให้โชอึยชินมาเห็นความโอหังแบบนี้จัง…”
ทว่า สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังคงไม่แยแส เพียบหลับตาพริ้มพลางปล่อยให้เสือขาวลูบหัวอย่างมีความสุข
* * *
เช้าวันถัดมา
หลังเสร็จฝึกภาคเช้าตามปกติ ฉันเดินทางไปยังห้องเรียนปี 1/0
“อึยชิน!”
ทันทีที่เข้าห้องเรียน อีเรนารีบเดินเข้ามาทักทาย
ดวงตากลมโตของเธอกำลังจ้องหน้าฉัน
“…รบกวนหน่อยสิ!!”
ไม่เคยเห็นอีเรนาพูดด้วยเสียงร้อนรนแบบนี้มาก่อน
เธอเองก็เป็นตัวละครของฉัน
นอกจากนั้นยังเป็นเพื่อนร่วมห้อง 1/0 ที่มีอยู่น้อยนิดเหลือเกิน
ไม่ว่าจะขอร้องเรื่องใด ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะทำให้แน่
“หัวหน้าทีมทะเลสาบนิรันดร์ประกาศจัดคอนเสิร์ตแล้ว! ช่วยฉันจองตั๋วหน่อยสิ!”
…เอ่อ จะว่ายังไงดีล่ะ
—
MasterGU.edited = ตื่นตื่นเต้น, หาป้องกัน->หาทางป้องกัน, ราสามคน->เราสามคน, มึ->มี, ศักดิ์สิทธิ์->สัตว์ศักดิ์สิทธิ์