เสือแดงกำลังยืนบนราวระเบียงแคบๆ
‘คงใช้สกิลควันแดงอยู่สินะ’
หมอกสีแดงรอบตัวเสือแดงคือสกิลที่ช่วยอำพรางตัวและเสริมพลังป้องกัน
เขาใช้มันเพื่อไม่ให้ถูกกล้องวงจรปิดด้านนอกหอพักถ่ายติด
“ข้าได้รับข้อความจากเสือเหลืองแล้ว และยินดีรับข้อเสนอของนักเรียนอึยชิน”
“ขอบคุณ… แต่นอกเหนือจากข้อตกลง ผมมีบางสิ่งอยากจะขอร้อง”
เสือแดงที่ถูกอุงเนียจอมคร่ำครวญล่อลวงจนเคยก่อบาปมหันต์ เชื่อว่าการปกป้องนักเรียนม.ปลายโรงเรียนแสงเงินบนแดนศักดิ์สิทธิ์ คือส่วนหนึ่งของการชดใช้บาป
‘แต่เราไม่อยากได้รับการปกป้อง’
นั่นเพราะเสือแดงที่ชำนาญการรวบรวมข้อมูล อาจปกปิดข้อมูลจากเราด้วยความหวังดี
“ในวันที่คุณจัดการกับครูคนนั้น ผมขอตามไปด้วย”
“ซูเปอร์โนว่าไร้นาม… เจ้าอาจโค่นเอนามีเกรด R+ ได้ก็จริง แต่คราวนี้คู่ต่อสู้คือเพลเยอร์มากประสบการณ์ที่เป็นครูของโรงเรียนแสงเงิน แถมยังมีเผ่าหมีเข้ามาพัวพัน การปล่อยให้นักเรียนไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น…”
ฉันนำไอเท็มการ์ดออกมา
นี่คือ ‘ความล้มเหลว’ ที่ฉันได้รับจากอุงเนียจอมคร่ำครวญในวันที่ถล่มงานประมูลมายา
‘ความมั่งคั่งและน้ำหนักของชีวิต’
มันคือไอเท็มที่เป็นสัญลักษณ์แทนเจตจำนงของแปดเซียนแห่งหมีแท้ ที่ต้องการจะทำลายเทพสวรรค์และเทพมนุษย์
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าฉันรอดชีวิตมาได้แม้จะเคยเผชิญหน้ากับแปดเซียนแห่งหมีแท้
“ผมจะไม่เป็นอะไร”
ทันทีที่เห็นการ์ดในมือฉัน สายฟ้าสีแดงผ่าลงมาท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
เสียงฮือฮาดังระงมไปทั่วเขตหอพัก
เสือแดงที่ยืนหันหลังให้สายฟ้า กระโดดลงจากขอบระเบียงแล้วเดินเข้าใกล้ฉัน
“เจ้ามีแผนอะไร”
นักเรียนโรงเรียนแสงเงินซึ่งอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และสมควรได้รับการปกป้อง
กับเพลเยอร์ที่รอดชีวิตจากการเผชิญหน้ากับเผ่าหมีและติดต่อกับตนโดยตรงเพื่อให้ข้อมูล
เสือแดงสับสนเพราะทั้งสองประเด็นฟังดูขัดแย้งกันมาก
ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาจริงจังยิ่งกว่าทุกที
“ผมจะบอกชื่อครูคนนั้นให้ แล้วคุณก็ไปสืบหารายการทรัพย์สินของเขามา รวมถึงรายชื่อนักเรียนที่เขาสอบสัมภาษณ์พิเศษด้วยตัวเอง จากนั้นค่อยมาวางแผนจากข้อมูลที่ได้”
“นักเรียนโชอึยชิน…”
“รอฟังแผนของผมก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะยอมพาผมไปด้วยหรือไม่”
เสือแดงมองสลับระหว่างใบหน้าของฉันกับ ‘ความมั่งคั่งของน้ำหนักและชีวิต’ ในมือ
ถึงจะใช้เวลาสักพัก แต่ท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้า
“…ตกลง”
เป็นอันเสร็จสิ้น
“นอกจากนั้น ผมยังอยากทราบข้อมูลผู้ปกครองของนักเรียนบางคน”
“เกี่ยวกับคดีนี้ไหม”
“ค่อนข้าง”
มีแนวโน้มสูงที่จะเกี่ยวข้องหากคำนึงจากพฤติกรรมของพ่อแม่
ถึงจะไม่ได้พัวพันโดยตรงก็เถอะ
“ครูชื่อชเวย็อนทึก ส่วนนักเรียนชื่ออีเรนา ถ้าได้ข้อมูลแล้วกรุณาติดต่อผมผ่านทางอุปกรณ์”
และประเด็นสุดท้าย สิ่งที่ฉันคาใจมานาน
“คุณชอบสีดำไหม”
“…ไม่ ไม่เลย”
เสือแดงที่ชะงักไปเพราะคำถามของฉัน เผยสีหน้าตกตะลึงชั่วขณะ
‘เขามักแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำทุกครั้งที่ปรากฏตัวในเกม’
เสือแดงดูเป็นคนมีรสนิยมด้านแฟชั่นหากคำนึงจากการแต่งกายในปัจจุบัน แล้วทำไมในเกมถึงเป็นแบบนั้น?
ถึงจะมีแฟนๆ บางคนชอบก็เถอะ
กับแค่การเปลี่ยนสีโพลิกอน มันยากสำหรับเกมกากแห่งชาตินักรึไง?
ฉันคิดเรื่องเหลวไหลอย่างจริงจังหลังจากส่งเสือแดงกลับไป
* * *
สายฟ้าสีแดงปริศนาที่ผ่าลงมาช่วงกลางค่ำกลางคืน กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่พักใหญ่
แต่ไม่นานก็ซาลงไปเองเพราะไม่มีใครตาย โดยมีการสันนิษฐานว่า พลังพิเศษของใครสักคนอาจคลุ้มคลั่งชั่วขณะ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อีกไม่นานมันคงถูกเพิ่มเข้าในสารบบตำนานสยองขวัญของโรงเรียนแสงเงิน
“วังจีโฮ ขอบคุณมาก”
“คุยกับเสือแดงราบรื่นดีใช่ไหม”
“ใช่”
ก่อนคาบโฮมรูมจะเริ่ม นอกจากฉันกับวังจีโฮ ในห้องมีแค่ฮันอีผู้นั่งอยู่แถวหน้าสุด
ฮันอีไม่ได้ยินเสียงกระซิบระหว่างฉันและวังจีโฮเพราะเธอหูหนวก
“เอ้านี่ ของขวัญแทนคำขอบคุณ”
“โฮ่… ขนมต็อกกระต่ายจันทร์… กระต่ายจันทร์จะส่งมาให้ทุกปีเพื่อให้พวกเราได้เพลิดเพลินไปกับความอร่อย”
วังจีโฮรับกล่องขนมต็อกด้วยดวงตาเป็นประกาย
‘เมื่อลองมานึกดู เผ่าเสือกับเผ่ากระต่ายเป็นมิตรกันสินะ’
เซตขนมต็อกที่ซองซีวานนำมาแจกมีปริมาณมากเกินกว่าจะกินคนเดียวหมด ฉันจึงนำมาแบ่งให้ฮันอี คิมยูรี และวังจีโฮ
ทุกคนทึ่งกับความอร่อยของขนมต็อก
โดยเฉพาะวังจีโฮที่ทำตาเป็นประกายตลอดการดื่มด่ำรสชาติ
ถึงจะเป็นข้อมูลที่ไม่จำเป็น แต่ฉันก็ได้รับรู้ว่าตาแก่อายุห้าพันปีชื่นชอบขนมต็อกมาก
* * *
ฉันไปหาฮัมกึนยองหลังจากหมดคาบโฮมรูม
บรรยากาศแตกต่างจากเมื่อวานที่เขาเรียกฉันมาพบ
“ครูฮัมกึนยอง”
ทางเดินออกจากตึกเรียนปีหนึ่งกำลังปลอดคน
“โชอึยชิน…? ดูจากสีหน้าแล้ว คงกำลังจะพูดว่า ‘ผมไม่อยากเป็นกรรมการรักษาระเบียบ’ สินะ”
สีหน้าของฉันมันทำไม?
อูซังฮุนก็ชอบทักสีหน้าของฉันบ่อยๆ
ฉันไม่คิดว่าตัวเองเป็นพวกอาการออกทางสีหน้าชัดเจนขนาดนั้น
“เธอทำหน้าเหมือนมีอะไรในใจน่ะ”
ถูกอ่านออกอีกแล้ว
ฮัมกึนยองน่ากลัวชะมัด
“ผมมีบางสิ่งอยากขอร้อง”
“ได้สิ”
ตอบตกลงในทันทีโดยไม่รอฟังเรื่องที่จะขอร้อง?
ฉันจ้องหน้าเขา
“คิดว่าเพลเยอร์อย่างครูเพิ่งมาเป็นครูหรือไง? เธอคล้ายกับหนึ่งในศิษย์เก่าของครูมาก ทั้งตอนสอบเข้า เรื่องของอีเรนา และบังยุนซบ ครูมั่นใจหลังจากได้เห็นทั้งสามเหตุการณ์”
สายตาของฮัมกึนยองมองไปยังสถานที่ห่างไกลราวกับกำลังโหยหาบางสิ่ง
ถึงจะนับรวมอายุจริงไปด้วย แต่ฮัมกึนยองก็ยังแก่กว่าฉัน
ฉันอาจมีประสบการณ์ในเกม แต่เขามีประสบการณ์ด้านผู้คนมากกว่า
“จะขอความช่วยเหลือใช่ไหมล่ะ? เล่ามาเลย”
ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้ง
ฮัมกึนยองคือตัวละครที่ควบคุมได้ในเกม เป็นครูคนแรกที่เข้าใจและยื่นมือช่วยเหลือจูซูย็อกกับอันดาอินได้ก่อนคนอื่น
‘ตอนที่เล่นเกม ฉันสัมผัสได้ว่าคงไม่มีครูคนไหนเข้าใจนักเรียนมากกว่าเขาอีกแล้ว’
จริงอยู่ ทั้งจูเก่อแจกอลและคิมชินรกต่างก็เป็นครูที่ดีไม่แพ้กัน แต่พวกเขามีบทบาทไม่มากนักเพราะอายุสั้นในเกม
ฮัมกึนยองอยู่ได้ค่อนข้างนานหากเทียบกับครูคนอื่น และคอยช่วยเหลือนักเรียนอย่างสุดความสามารถโดยไม่มัวตั้งคำถาม
“สำหรับรายละเอียด ผมจะเล่าให้ฟังผ่านอุปกรณ์”
ฉันตัดสินใจถามทิ้งท้ายก่อนจะกลับ
“ศิษย์เก่าที่ครูหมายถึง… คือใครหรือ?”
ใครกันที่เหมือนกับฉัน?
เรื่องนี้กวนใจอยู่นิดหน่อย
“…คนที่ก่อตั้งสมาคมปีกธรณีเมื่อสิบห้าปีก่อน”
หมายถึงประธานนักเรียนในสมัยนั้น ผู้ขับไล่คณะกรรมการทุจริตและผู้ดูแลหอพักต่ำทราม?
ฉันไม่มองเห็นสีหน้าของฮัมกึนยองเพราะเขาหันหลังกลับทันทีที่พูดจบ
* * *
เสือแดงสืบข้อมูลเสร็จภายในหนึ่งวัน
เอกสารสามฉบับที่ฉันต้องการถูกเตรียมไว้พร้อมสรรพ
‘รายชื่อนักเรียนที่ชเวย็อนทึกสอบสัมภาษณ์พิเศษ… ทรัพย์สินส่วนตัวของชเวย็อนทึก… ข้อมูลส่วนตัวของพ่อแม่อีเรนา… รวบรวมทั้งหมดนี้ได้ภายในหนึ่งวัน’
รายชื่อนักเรียนที่ชเวย็อนทึกสอบสัมภาษณ์พิเศษนั้นมีทั้งผ่านและตก จากบรรดาคนที่ผ่าน มีสี่ชื่อที่ฉันกำลังมองหา
ทั้งสี่คนประกอบไปด้วย
สองคนเข้ามาโดยทุจริต
หนึ่งคนเป็นนักเรียนที่เกรดไม่ถึงแต่สวมรอยคนอื่นสอบผ่านเข้ามา
และคนสุดท้าย ตัวละครที่ควบคุมได้ เม็งเฮียวทง
‘ในสี่คนนี้ คนเดียวที่มีคุณสมบัติเข้าเรียนคือเม็งเฮียวทง’
ในการสอบสัมภาษณ์รอบพิเศษ หนึ่งในเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาคือผลงานการแข่งกีฬาเยาวชน
เม็งเฮียวทงเป็นเพลเยอร์ที่เก่งกาจ เขาเจอกับจูซูย็อกในรอบชิงหลายรายการช่วงม.ต้น
แต่เม็งเฮียวทงแทบไม่ได้เรียนหนังสือเลย เพราะถูกขายให้ไฟต์คลับที่มีชเวย็อนทึกเป็นเจ้าของ เพื่อใช้หนี้แทนผู้เป็นพ่อ
‘เม็งเฮียวทงสอบผ่านเพราะชเวย็อนทึกต้องการขายชื่อเสียงของโรงเรียนแสงเงิน’
เม็งเฮียวทงเสียแม่ไปเร็ว จึงต้องอยู่กับพ่อตามลำพังตั้งแต่เด็ก
พ่อของเขาเป็นพวกดีแต่ผลาญ มักนำเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เม็งเฮียวทงหามาได้ไปเล่นพนัน กินเหล้า และเสพความบันเทิง แถมยังทำร้ายเม็งเฮียวทงเป็นระยะ
‘เม็งเฮียวทงอาจไม่ใช่เด็กฉลาด แต่เขาใช้ร่างกายได้ดี และให้ความสำคัญกับครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่’
ด้วยเหตุนี้ เม็งเฮียวทงจึงเพิกเฉยต่อคำด่าทอของพ่อ และรับมือกับความรุนแรงด้วยตัวเอง
เขายังเข้าร่วมการแข่งกีฬาเพื่อล่าเงินรางวัลมาเป็นค่าเหล้าให้พ่อ
‘ชเวย็อนทึกรู้ว่าพ่อของเม็งเฮียวทงเข้าออกบ่อนพนันเป็นว่าเล่น จึงเล็งเห็นโอกาสที่จะนำทักษะการต่อสู้ของเม็งเฮียวทงมาใช้ทำเงิน… พอเป็นเรื่องเงินแล้วจมูกไวยังกับหมา’
ฉันจะถือโอกาสช่วยเขาผ่านคดีนี้ пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ
ตามกำหนดการเดิม จูซูย็อกจะทำลายไฟต์คลับของชเวย็อนทึกในตอนที่เขาอยู่ปีสอง
ไม่เพียงเท่านั้น อาศัยความมั่งคั่งของกลุ่มทุนจู พระเอกของเราช่วยใช้หนี้ทั้งหมดแทนเม็งเฮียวทงอย่างหล่อๆ
‘แต่เราไม่อยากรอจนถึงตอนนั้น’
สิ่งถัดไปที่ฉันตรวจสอบคือทรัพย์สินของชเวย็อนทึก
จากบรรดาทั้งหมด ฉันสนใจอาคารห้าหลังในย่านอึนกวางเป็นพิเศษ
‘หนึ่งในห้าหลังนี้มีเผ่าหมีเป็นเจ้าของร่วม ต้องเป็นผู้ร่วมมือแน่’
ถึงแม้จะทำตัวสันดานหมา แต่ชเวย็อนทึกไม่ใช่ไอ้กระจอก
ชื่อเสียงในหมู่นักเรียนอาจจะแย่ แต่ทักษะด้านงานธุรการนับว่าจัดจ้าน และเก่งในการบริหารกองเอกสาร
‘ถ้าดูจากความสามารถเพียงอย่างเดียว ชเวย็อนทึกเหนือกว่าบยอนซุนโฮของมายาเกตหลายเท่า’
ไม่เพียงชเวย็อนทึกจะมีเส้นสายในหมู่คณะกรรมการ แต่ยังรู้จักทำตัวอ่อนแอต่อหน้าคนมีอำนาจ และรู้วิธีซ่อนกลิ่นความชั่วจากจมูกจูเก่อแจกอลที่ค่อนข้างซื่อตรง
ในหมู่ครู ชเวย็อนทึกถูกชื่นชมว่าเป็นครูสายธุรการที่ขยันขันแข็ง แม้ผลประเมินการสอนจะแย่ก็ตาม
แถมคดีนี้ยังมีเผ่าหมีเข้ามาพัวพันโดยตรง ไม่ได้ทำตัวเป็นผู้ชมนิ่งๆ เหมือนอุงเนียจอมคร่ำครวญ
‘เตรียมตัวพร้อมแล้ว’
ฉันเรียบเรียงความคิดเป็นคำพูดแล้วส่งแผนการให้เสือแดง
สุดท้ายเสือแดงก็ตอบตกลงถึงแม้จะใช้เวลาไตร่ตรองค่อนข้างนาน
* * *
[บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงปกคลุมกรุงโซลและจังหวัดคยองกี ทำให้กรุงโซลกับจังหวัดคยองกีอาจมีฝนตกหนักและลมแรง ฟ้าร้องและฟ้าแลบตั้งแต่ช่วงเย็น ดังนั้นขอให้ประชาชนพยายามหลีกเลี่ยงความเสียหายจากพายุฝน… บริษัทแอร์บัสในเขตกรุงโซลและจังหวัดคยองกีทั้งหมดประกาศงดให้บริการหลังเก้านาฬิกาเพื่อความปลอดภัย โดยคาดว่าฝนจะหยุดตกในตอนเที่ยงวันถัดไป แต่มวลอากาศเย็นจะยังหลงเหลือไปอีกสักพัก ในระหว่างนี้อุณหภูมิของกลางวันกับกลางคืนจะแตกต่างกันมาก]
ซ่า!
เช้าวันศุกร์
ฉันฟังเสียงฝนพรำดังผ่านหน้าต่างห้องพัก
พลางดูข่าวพยากรณ์อากาศด้วยความคิดทำนองว่า ‘อีกเดี๋ยวฝนก็คงหยุด’ แต่นอกจากไม่มีวี่แววจะหยุด นักข่าวยังบอกว่าตกกลางคืนจะเต็มไปด้วยลมแรง ฟ้าร้องและฟ้าแลบกระจายเป็นหย่อมๆ
‘ฝนตกหนักเกินไป…’
นี่คือวันนัดหมายระหว่างฉันกับเสือแดง แต่ดูท่าแล้วจะมีพายุลูกใหญ่
‘ในกรณีเลวร้ายที่สุด ฉันคงต้องยอมอับอายและงัด ‘จอมโจรผาแดง’ ออกมาใช้อีกครั้ง’
มังกรแดงคงเสื่อมพลังไปกว่าครึ่งเพราะฤทธิ์ของฝน และเลเวลของสกิลต่างๆ คงลดลงมาก
‘ถึงจอมโจรผาแดงจะใช้ไม่ได้ เราก็ยังมีไพ่ใบอื่น’
ฉันเดินกางร่มไปโรงเรียน
วันนี้คือวันสมัครชมรมวันสุดท้าย
และยังเป็นวันที่ฉันต้องมอบคำตอบให้กับทุกคำเชิญ
ใจจริงฉันอยากส่งข้อความไปบอกสองพี่น้องซังฮุนและซังฮี
แต่อูซังฮียืนกรานว่าจะมาฟังด้วยตัวเอง ส่วนอูซังฮุนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็มารออยู่ก่อนแล้ว
“ฉันจะเข้าชมรมอื่นน่ะ… ขอโทษนะรุ่นพี่ซังฮี อูซังฮุน”
ลงเอยด้วย ฉันตอบปฏิเสธชมรมบาสเกตบอลและสภานักเรียนไปต่อหน้า
“ขอโทษทำไม? ถ้านายอยากเล่นบาสฯ ก็แวะมาได้ทุกเมื่อ”
อูซังฮุนทำราวกับไม่ได้คาดหวังตั้งแต่ต้น
ถ้าแค่ต้องการเล่นบาสด้วยกัน ไม่ต้องเข้าชมรมก็ทำได้
อูซังฮีดูเสียใจเล็กน้อย
“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก ตรงกันข้าม ฉันผิดเองที่ทำให้นายต้องมาขอโทษแบบนี้”
กลุ่มเด็กปีหนึ่งที่ยืนมองอูซังฮีจากนอกห้องกำลังโห่ฉันอยู่ไกลๆ
เป็นการสาปแช่งที่ฉันทำให้ใบหน้าอันไร้เดียงสาของเทพธิดาต้องเศร้าหมอง
“แล้วก็ หลังจากนี้ให้เรียกฉันว่าพี่ซังฮีนะ ไม่ใช่รุ่นพี่”
โห่—!
เสียงโห่ดังยิ่งกว่าเดิม
จนถึงจุดที่ดูไม่เหมือนการอำขำๆ แล้ว
อูซังฮุนผงะถอยหลังด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ราวกับเพิ่งกลืนเชื้อราลงท้องไป
“พี่ซังฮี… พี่ซังฮีงั้นหรือ… บรึ๋ย!”
อูซังฮีแกล้งทำเป็นเดินมายืนข้างน้องชาย แต่ความเป็นจริงแอบใช้สันมือสับใส่ซี่โครง
ฉันตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยอูซังฮุนผู้น่าสงสาร
เขาจะได้ไม่ถูกซ้อมในตอนที่กลับถึงบ้าน
“พ…พี่ซังฮี… วันนี้ต้องใช้รถเมล์เพราะฝนตกไม่ใช่หรือ ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวเข้าเรียนสายนะครับ”
“…อื้อ! อึยชิน แล้วเจอกันใหม่นะ!”
“ครับ… แล้วเจอกัน”
ฉันยังทำใจไม่ได้ที่ต้องเรียกเด็กม.ปลายว่าพี่สาวหรือพี่ชาย
แต่เมื่อลองเปลี่ยนมุมมอง เด็กพวกนี้เข้าเรียนก่อนฉัน ความอาวุโสไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเสมอไป พอคิดแบบนั้นแล้วก็สบายใจ
‘ปวดหัวฉิบ…’
ช่างเถอะ อูซังฮีกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก็ดีแล้ว
ส่วนอูซังฮุนเอาแต่พึมพำว่า ‘พี่ซังฮี…บรึ๋ย’ โดยไม่ได้รู้สึกขอบคุณเรื่องที่ฉันช่วยไว้เลยสักนิด ยังคงมองมาด้วยสายตาราวกับฉันเป็นขนมปังขึ้นรา
‘เฮ้อ… ขอให้กลับบ้านไปโดนพี่สาวซ้อม’
เมื่อสองพี่น้องกลับไป ยังเหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่จะถึงคาบโฮมรูม
วันนี้ห้องศูนย์ก็ยังมีนักเรียนแค่สี่คนเหมือนเดิม ไม่ได้เคารพคติพจน์ ‘เข้าเรียนให้ตรงเวลา’ กันเลยสักนิด
พวกเราค่อนข้างสนิทกันเร็วเพราะมีคนน้อย จึงเริ่มพูดคุยในหัวข้อเกี่ยวกับชมรม
“ฉันจะเข้าสภานักเรียนเพราะทนคำรบเร้าของดาอินไม่ไหว พวกเราเคยเป็นสภานักเรียนมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว”
ได้ยินว่าอันดาอินกับคิมยูรีคือประธานนักเรียนและรองประธานสมัยม.ต้น
ประสบการณ์ของพวกเธอนับว่าโชกโชน คงเป็นเหตุผลที่คิมยูรีตัดสินใจได้ง่าย
‘สภานักเรียนมีทั้งอูซังฮี อันดาอิน แล้วก็คิมยูรีเลยสินะ’
ถ้าอย่างนั้น ฉันคิดว่าจูซูย็อกก็คงเลือกกรรมการรักษาระเบียบเหมือนกับในเกม
ในเมื่อกรรมการรักษาระเบียบเสียอันดาอินให้สภานักเรียนไปแล้ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมปล่อยให้จูซูย็อกหลุดมือ
“ฮันอีเข้าชมรมมวยพยัคฆ์ใช่ไหม”
“ใช่ ฉันตัดสินใจตั้งแต่วันแรก”
คิมยูรีพยักหน้าให้กับคำตอบ
ทุกคนเดาชมรมของฮันอีได้อยู่แล้ว
ปัญหาคือชมรมของวังจีโฮ
เมื่อเห็นสถานการณ์พาไป ฉันฉวยโอกาสถาม
“แล้ววังจีโฮจะเข้าชมรมอะไร”
“ฉันขี้เกียจคิดน่ะ ก็เลยว่าจะเข้าตามโชอึยชิน”
เข้าตามฉัน?
แม้ฉันจะทำหน้าบิดเบี้ยวอย่างเปิดเผย แต่ดูเหมือนวังจีโฮจะยิ่งชอบใจ
“ฝากตัวด้วยนะ สหายร่วมชมรม”
ฉิบหายแล้ว
ไม่ว่าฉันจะปกปิดได้แนบเนียนแค่ไหน แต่ด้วยอำนาจประธานใหญ่ เขาสามารถตรวจสอบใบสมัครชมรมของฉันได้ทุกเมื่อเท่าที่ต้องการ
ไม่ใช่แค่นั้น ต่อให้พ้นสัปดาห์นี้ไป นักเรียนก็ยังเข้าชมรมได้หากผ่านการอนุมัติจากครูที่ปรึกษาและประธานชมรม
ไม่ว่ายังไงฉันก็สลัดวังจีโฮไม่หลุด
“อ…อื้อ”
แต่ถ้าลองคิดดูใหม่ เราอาจจะใช้ประโยชน์จากเขาได้เหมือนกัน
วังจีโฮถามถึงชมรมของฉันด้วยตาเป็นประกาย
“แล้วโชอึยชินจะเข้าชมรมอะไร?”
ฉันได้รับคำเชิญจากสี่องค์กร ประกอบด้วยสภานักเรียน ชมรมบาสฯ กรรมการรักษาระเบียบ และสมาคมปีกธรณี
แต่ก็ปฏิเสธไปทั้งหมด
“ชมรมหนังสือพิมพ์”
ทั้งวังจีโฮและคิมยูรีต่างประหลาดใจกับคำตอบ
ใจจริงฉันก็ไม่อยากเข้าชมรมนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก
ขณะเดียวกัน เสียงกริ่งดังขึ้น
‘กริ่งคาบแรกคือเพลง Jeux d’eau ของราเวล… ชื่อเพลงแปลตรงตัวได้ว่า ‘บรรเลงวารี’ สินะ’
ท่วงทำนองฟังดูราวกับมีภูตน้ำกำลังเต้นระบำบนเปียโน
การฟังเพลงนี้ไปพร้อมกับนั่งมองสายฝนโปรยปรายนอกหน้าต่างทำให้ฉันรู้สึกสงบใจ
‘เพื่ออนาคต คงได้แต่ภาวนาให้ฝนหยุดตกโดยเร็ว’
นี่คือวันแรกที่มีฝนตกระหว่างคาบเรียน
ดูเหมือนชมรมกระจายเสียงจะเตรียมเพลงล่วงหน้าไว้สำหรับวันฝนตกโดยเฉพาะ
‘สงบสุขจังเลยนะ’
สายฝนยิ่งโหมกระหน่ำเมื่อเวลาผ่านไป
* * *
ห้าทุ่มตรง
ถึงเวลาที่นัดหมายกับเสือแดง
มีคำสั่งห้ามบินแอร์บอร์ดและแอร์ชัตเทิลในที่โล่ง กระทั่งโรงแรมลอยฟ้าก็ไม่อยากเสี่ยงกับพายุฝนและฟ้าผ่า จึงต้องร่อนลงจอดในเขตโรงแรม
‘มาตรงเวลาเป๊ะ’
เสือแดงปรากฏกายบนราวระเบียงห้องฉัน
แม้จะไม่ได้สวมเสื้อกันฝนหรือกางร่ม แต่อำนาจของหมอกสีแดงทำให้เสื้อผ้าของเขาไม่เปียก
“นักเรียนโชอึยชิน… จะตามไปจริงๆ ใช่ไหม”
เขายังดูลังเลแม้จะเห็นด้วยกับแผนการของฉัน
อีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงวันเกิดของชเวย็อนทึก และมันคือ X-Day สำหรับปฏิบัติการของพวกเรา
ฉันคิดจะใช้งานเลี้ยงวันเกิดคราวนี้ทำคะแนนกับเสือแดง
“ใช่แล้ว ของขวัญวันเกิดที่เหมาะกับหมอนั่น… เซอไพรส์วันเกิด”
นอกจากนั้นยังมี ‘ของแถม’ ที่ต้องไปหยิบติดมือกลับมา
—
MasterGU.edited = จะความ->จะขอความ, ซู่า->ซ่า, จูกัดแจกอล->จูเก่อแจกอล