42. ราคาสำหรับเติมเต็มความปรารถนา (5)
* * *
เมื่อคู่พระนางของเกมเพลเยอร์·เมอิสเตอร์·โกเกียว—อันดาอินและจูซูย็อกเริ่มเรียนภาคเรียนที่สองของปีหนึ่ง
ในวันแรกของการเปิดภาคเรียน นักเรียนห้อง 1/0 มีแค่ฮันอีกับด๊กโกมีโร
แม้คิมยูรีจะปฏิเสธการเข้าเรียน จนทำให้ไม่เหลือ ‘ตัวละคร’ ที่เป็นนักเรียนของห้อง 1/0 แต่ห้องเรียนนี้ก็ยังถูกเอ่ยถึงอยู่บ้างเพราะครูประจำชั้น—ฮัมกึนยอง—เป็นตัวละครที่ควบคุมได้
ทุกครั้งก่อนจะเริ่มเควสต์ด้วยตัวละครฮัมกึนยอง หากเลือกคำสั่ง ‘ดูห้องเรียน’ ก็จะพบเห็นฮันอีกับด๊กโกมีโรเสมอ
บนหน้าจอ ฮันอีแทบไม่พูด และด๊กโกมีโรเอาแต่นอนหมอบอย่างเฉื่อยชา
ด้วยเหตุนี้ ข่าวลือมากมายจึงแพร่กระจายอยู่ในกลุ่มผู้เล่นเพลเมโกที่เหลืออยู่ไม่มาก
[ลองดูคำอธิบายของ NPC ตัวใหม่ดิ มีเขียนไว้ว่า ‘ราชาท้ายซอย’ กับ ‘หัวโจกคุมซอยในวันวาน’ ด้วยว่ะ เป็นตัวละครสองบุคลิกหรือไง?]
[อาจจะเคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้วไง]
ขณะแฟนเกมกำลังถกเถียง ด๊กโกมีโรก็เลิกมาโรงเรียนหลังจากกงชองวอนและฮันอีหายหน้าหายตาไป
หากคำนึงจากนิสัยบ้าบิ่น แสงประทาน และชุดสกิลของด๊กโกมีโร มีหลายคดีหลังจากนั้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของเธอ
แต่ก็ไม่เคยปรากฏตัวบนเส้นเรื่องหลักอีกเลย
ตรงข้ามกับข้อมูลในเกม ด๊กโกมีโรในโลกนี้ดูท่าใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง
“ทำลายสถานีตำรวจ?”
“ใช่ ฝีมือดีมาก แทบไม่ทิ้งหลักฐานไว้เลย ไม่ได้ใช้สกิลของตัวเอง แต่กำราบตำรวจด้วยพลังดิบ ไม่ได้ทำครั้งแรกแน่ๆ”
วังจีโฮฉายโฮโลแกรมรูปถ่ายที่ลูกน้องเผ่าเสือส่งมาให้
ฉากของสถานีตำรวจกวางอิลที่พังยับเยิน และแผ่นหลังของด๊กโกมีโรที่จากไปพร้อมกับไม้เบสบอล มอบความรู้สึกน่าอัศจรรย์เหนือคำบรรยาย
‘หรือว่า ‘นังบ้าเจ้าถิ่น’ ที่ซาวอลเซอึมพูดถึง จะหมายถึงด๊กโกมีโร…’
ตอนนี้ยังไม่มีอะไรยืนยัน
แต่ถึงแม้ย่านกวางอิลจะป่าเถื่อนไร้ขื่อแปแค่ไหน ก็ไม่น่าจะมีเด็กสาวถือไม้เบสบอลตอกตะปูถึงสองคน
“งานของฉันลดลงไปหนึ่งอย่าง”
“ความพินาศของสถานีตำรวจ คือหนึ่งในเป้าหมายของนาย?”
“ใช่ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับบริษัทนัมกุงก่อสร้างและนัมกุงอุตสาหกรรมหนัก พวกมันสนิทสนมกับตำรวจ”
ข้อสันนิษฐานอันคลุมเครือที่ฉันผุดขึ้นหลังจากฟังเรื่องเล่าของซาวอลเซอึม เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลที่กรุปยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ลงทุนส่งบริษัทรับจ้างมาทำลายสถานรับเลี้ยงเด็กธรรมดาๆ
“พื้นที่รอบสถานรับเลี้ยงเด็กประกายแสงเงิน กำลังจะเข้าโครงการพัฒนาใหม่สินะ”
วังจีโฮพยักหน้ารับข้อสันนิษฐานของฉัน
“ใช่ แต่นั่นเป็นแค่หนึ่งในเหตุผล ยังมีมากกว่านั้น”
คนใหญ่คนโตที่แอบล่วงรู้โครงการพัฒนาใหม่ล่วงหน้า คงอยากขับไล่สถานรับเลี้ยงเด็กเพื่อทำกำไร
สถานรับเลี้ยงเด็กประกายแสงเงิน ซึ่งถูกก่อสร้างในเขตอึนกวางตั้งแต่สมัยยังมีแค่ทุ่งนากับภูเขา มีอาณาเขตกว้างขวางกินพื้นที่หลายแปลง หากโครงการพัฒนาใหม่เริ่มขึ้น พื้นที่ตรงนั้นจะกลายเป็นทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล
‘แต่ว่า นัมกุงกรุปจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยหรือ… ถึงจะฟันกำไรได้มาก แต่เทียบไม่ได้เลยกับทรัพย์สินของหนึ่งใน ‘สี่กรุปใหญ่’ ของประเทศ… มองไม่เห็นเหตุผลที่ต้องเจาะจงเล่นงานสถานรับเลี้ยงเด็กเพื่อเศษเงิน’
ทีแรกฉันก็คาดการณ์ว่า คงมีกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาเอี่ยว แต่ก็ไม่คิดว่าจะใหญ่ระดับนัมกุงกรุป—หนึ่งในสี่แชโบล
“จากเท่าที่ดู โครงการพัฒนาใหม่คราวนี้คงมีของแถม”
“ของแถม?”
จะมีปัจจัยใดนอกเหนือจากโครงการพัฒนาใหม่อีก?
“เกาหลีมีพลังงานใต้ดินหนาแน่นที่สุดในโลก และใจกลางของพลังนั้นคือเขตอึนกวาง”
“พลังใต้ดินเกี่ยวอะไรกับคดีนี้”
“เกี่ยวสิ มีเพียงเผ่าแท้ที่สามารถนำพลังใต้ดินมาใช้ได้ และเป็นเพราะพลังใต้ดินนี้เอง เผ่าแท้มากมายถึงได้มากระจุกอยู่บนคาบสมุทรเกาหลี แม้มนุษย์จะได้ประโยชน์จากพลังใต้ดินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าเผ่าแท้”
เหตุใดวังจีโฮถึงหยิบเรื่องพลังใต้ดินขึ้นมาพูด?
ฉันผุดความคิดหนึ่งทันทีหลังจากได้ยินคำว่าพลังใต้ดิน
‘เทอร์มินัล (Terminal) พลังใต้ดิน!’
หนึ่งในอภิมหาโปรเจกต์ ที่สี่กรุปใหญ่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบในเกม
ฉันพูดชื่อออกมาตอนนี้ไม่ได้ จึงตะล่อมทางอ้อม
“หรือว่า… สิ่งปลูกสร้างที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพลังใต้ดิน จะถูกสร้างพร้อมกับโครงการพัฒนาใหม่ของย่านกวางอิล?”
“ใช่ พวกมันคิดจะสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘เทอร์มินัลพลังใต้ดิน’ ขึ้นในย่านกวางอิล’”
ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรก่อนที่จะเกิดศึกแย่งชิงอำนาจในหมู่สี่กรุปใหญ่
ฉากหน้าอาจดูเหมือนสี่แชโบลที่เป็นหน้าเป็นตาของเกาหลี ไม่มีแนวโน้มที่จะก่อสงครามระหว่างกัน แต่ความจริงแล้วทุกฝ่ายแอบหยั่งรากลึกไว้ล่วงหน้านานมาก
“อาศัยข้อมูลที่ได้จากพลังของผู้พิทักษ์ ฉันเริ่มตั้งสมมติฐานนี้ขึ้น แต่ระหว่างออกคำสั่งกับเลขา คำว่า ‘เทอร์มินัลพลังใต้ดิน’ ก็ผุดขึ้นมาในหัว”
“นายรู้จักเทอร์มินัลพลังใต้ดินมานานแล้ว?”
“ใช่ เทอร์มินัลพลังใต้ดินถูกพูดถึงมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นในย่านกวางอิล… เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่จะพาอุตสาหกรรมต่างโลกของคาบสมุทรเกาหลีเข้าสู่เฟสใหม่ งบประมาณเทียบได้กับโครงการดาต้าเซนเตอร์ในเมืองเซจง และโครงการสถานีฐาน ของระบบให้บริการเครือข่ายผ่านคลื่นพลังวิเศษ 1GGG (1 Gifted Generation)”
อธิบายเสร็จ วังจีโฮมองหน้าฉันแล้วพูดต่อ
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสัมปทานของวังมยองกรุปและปัญหาความมั่นคงภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นฉันจะเป็นคนออกหน้าเอง อย่าลืมปรึกษากันก่อนจะทำอะไร”
ฉันค่อนข้างใจชื้นที่เขาออกปากช่วยเหลือ แต่การพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นเด็ก มันฟังดูน่าหงุดหงิดพิกล
เห็นฉันพยักหน้ารับ วังจีโฮกล่าวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
“โชอึยชิน ตอนแรกวางแผนไว้ยังไงหรือ ทำไมถึงต้องรีบร้อนกลับโรงเรียนแสงเงิน? จากเท่าที่ดู นายยังไม่เข้าใจภาพรวมของเหตุการณ์ดีพอ”
มาถามเอาป่านนี้
ในสายตาวังจีโฮ ฉันคงดูเหมือนเด็กร้อนใจจะกลับประเทศ
วินาทีที่มาถึงสนามบิน ฉันยืนกรานหนักแน่นว่าจะกลับโรงเรียนแสงเงินเป็นที่แรก
เหตุผลไม่ซับซ้อน
“พวกมันจ้องจะเล่นงานฮันอี แปลว่าต้องหาโอกาสติดต่อกลับมาแน่ ฉันจึงอยากกลับมาเฝ้าเธอ เพื่อไม่ให้เผลอทำเรื่องงี่เง่าลงไป”
วังจีโฮขมวดคิ้ว
“เท่าที่ฉันสังเกต เธอไม่ใช่คนใจร้อนแบบนั้น”
ถ้าเป็นฮันอีตามปกติล่ะก็ใช่
แต่ฮันอีผู้เยือกเย็นและเก่งรอบด้านก็มีจุดอ่อน
“เรื่องราวจะต่างออกไป ถ้าพวกมันข่มขู่ครูกงชองวอนกับสถานรับเลี้ยงเด็กประกายแสงเงิน”
“…ให้ฉันส่งลูกน้องไปเฝ้าไหม”
“อย่าเพิ่ง ตอนนี้ยังไม่จำเป็น”
ฉันเปิดประวัติข้อความให้เขาอ่าน
“ฉันเตรียมการไว้แล้ว”
* * *
ย่านหอพักโรงเรียนแสงเงิน, ตึกหอพักนักเรียนปีหนึ่ง
ปัจจุบันฮันอีกำลังกึ่งๆ ถูกเพื่อนร่วมชั้นขังไว้ในหอพัก
—อย่าคิดฟุ้งซ่านสิ!
—ใช่! อย่าไปเชียวนะ!
หลังจากเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์เมื่อวาน ซาวอลเซอึมกับควอนเลนาบอกว่าจะเดินมาส่งเธอกลับหอ
พวกเขาปล่อยให้ฮันอีได้พักผ่อนตามลำพัง แต่ด้วยสกิลตรวจจับของเธอ ฮันอีทราบว่าทั้งสองยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวห้อง เพราะกลัวว่าเธอจะแอบหนีไปคนเดียว
หลังจากนอนไม่หลับมาทั้งคืน ฮันอีผล็อยหลับไปในช่วงรุ่งสางโนฺเวลกูดอทคอมฺ
แม้จะนอนค่อนข้างนาน แต่เธอในฝันยังคงเห็น ‘บุคคลสวมผ้าคาดตา’ จึงไม่สดชื่นเท่าไรหลังจากตื่น
หงืด หงืด…
ดีไวซ์สายรัดข้อมือสั่นอย่างต่อเนื่อง สื่อถึงข้อความขาเข้า
ฮันอีเปิดอ่านข้อความจากหน้าต่างที่โผล่ขึ้นมาอัตโนมัติ
[เลนา] ไปหาอะไรกินกัน! >_< [เลนา] ฮันอี หลับอยู่หรือ [เลนา] ไม่หิวหรือ? ㅠ_ㅠ;; [เลนา] ฉันแวะไปที่หน้าห้องแล้ว แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่ตื่น ก็เลยวางขนมที่ไปซื้อมากับเซอึมไว้หน้าห้องนะ [เลนา] เอ่อ… ถ้าเลนาไม่ว่าอะไร ฉันขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ควอนเจอินได้นะ… [เลนา] ในทีมทะเลสาบนิรันดร์ก็มีเพลเยอร์ที่มีใบอนุญาตทนายความอยู่ พวกเขาบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นให้รีบติดต่อไปทันที! [เลนา] ถ้าได้อ่านข้อความแล้ว อย่าลืมตอบกลับมานะ ฉันรออยู่! >_<♡ ยังมีข้อความจากซาวอลเซอึม ผู้น่าจะแวะ MITRON พร้อมกับควอนเลนา [ซาวอลเซอึม] (รูปภาพ) [ซาวอลเซอึม] (รูปภาพ) [ซาวอลเซอึม] ฉันว่าจะซื้อหนึ่งในพวกมันเป็นของว่างสำหรับพรุ่งนี้ เอาอันไหนดี? [ซาวอลเซอึม] เอ… หรือว่าซื้อทั้งคู่ไปเลย? [ซาวอลเซอึม] อึยชินกำลังกลับมานะ ไม่ต้องห่วง! …โชอึยชินกลับมาทำไม? ฮันอีไม่เข้าใจ แต่ก็ก้มหน้าอ่านข้อความถัดไป ส่งมาจากมินกือริน [กือริน] ฉันขอโทษ [กือริน] เป็นเพราะฉันเอง [กือริน] ถ้าฉันไม่แพนิก ก็คงไม่ต้องเป็นภาระของเลนากับเซอึม [กือริน] ฉันขอโทษจริงๆ แม้กลุ่มชายฉกรรจ์จากบริษัทรับจ้างจะกลับไปแล้ว แต่มินกือรินก็ยังนั่งตัวสั่นอยู่อีกพักใหญ่ เธอดูหวาดกลัวมาก โชคยังดีได้ควอนเลนากับซาวอลเซอึมช่วยกันพยุงไปถึงถนนใหญ่ จนกระทั่งครอบครัวของเธอมารับเพราะฮงคยุงบ๊กโทรไปบอก ‘กือรินอุตส่าห์ถอดแว่น AR ได้แล้วทั้งที…!’ ใบหน้าของกลุ่มผู้ชายที่หัวเราะชอบใจในตอนที่มินกือรินสั่นกลัว ยังคงสลักลึกอยู่ในความทรงจำของฮันอี ขณะเธอเตรียมจะพิมพ์ตอบมินกือรินกลับไปว่า อย่าโทษตัวเองเลยนะ หงืด! กำไลข้อมือสั่นอีกครั้ง ใบหน้าฮันอีพลันแข็งกระด้างเมื่อได้อ่านเนื้อหาของข้อความใหม่ ในหน้าต่างแชตมีไฟล์แนบอยู่หลายอัน ไฟล์แรกเป็นวิดีโอขณะที่เธอทำร้ายคนจากบริษัทรับจ้าง ไฟล์ที่สองเป็นรูปของผู้ชายที่ติดปลาสเตอร์ไว้ที่แขน รวมถึงสำเนาผลการวินิจฉัยทางการแพทย์ ฮันอีกับถึงอึ้งเมื่ออ่านผลวินิจฉัย ‘ใช้แขนไม่ได้สี่สัปดาห์เนื่องจากกระดูกร้าว? เราไม่ได้ทำรุนแรงขนาดนั้น…!’ เธอเริ่มเข้าใจความเป็นไป พวกมันจงใจส่งคนธรรมดาที่ไม่ใช่เพลเยอร์มาเป็นกระสอบทราย และดักถ่ายวิดีโอให้ติดภาพที่ฮันอีลงมือทำร้าย ข้อความถัดมาคือประวัติของกงชองวอน และลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์สถานรับเลี้ยงเด็กประกายแสงเงิน สำหรับฮันอี กงชองวอนกับสถานรับเลี้ยงเด็กเปรียบได้กับครอบครัว ดังนั้นหากเพลเยอร์ในครอบครัวดังกล่าว ถูกเปิดโปงว่าใช้กำลังทำร้ายคนธรรมดา ชื่อเสียงของคนที่เหลือจะเสื่อมเสียแค่ไหน? ‘สถานรับเลี้ยงเด็กเพิ่งถูกรัฐบาลตัดงบสนับสนุน… ส่วนครูกงชองวอนเพิ่งได้บรรจุ…’ ขณะฮันอีกำลังตื่นตระหนก ‘ที่อยู่’ ถูกส่งเข้ามาพร้อมกับข้อความใหม่ [ (นิรนาม) ] วันนี้สองทุ่มตรง ไม่มีข้อความนอกเหนือจากนั้น แต่ฮันอีทราบดีว่านี่คือการข่มขู่ ถ้าเธอไม่ไป จะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับกงชองวอนและสถานรับเลี้ยงเด็ก ‘เพื่อนๆ ดักอยู่ข้างนอก…’ ฮันอีจึงแอบย่องไปทางระเบียงแทนประตู ห้องของเธออยู่ชั้นเจ็ด แม้จะถือว่าค่อนข้างสูง แต่ด้วยศักยภาพร่างกายและสกิล ระยะทางแค่นี้ถือว่าสบายมาก ‘ขอโทษนะ’ ฮันอีขอโทษในใจ เธอขอโทษเพื่อนๆ ที่อุตส่าห์เป็นห่วง แต่นี่เป็นปัญหาของตนคนเดียว มันเกี่ยวกับพันกงชองวอนและสถานรับเลี้ยงเด็กที่เปรียบดังครอบครัวสำหรับเธอ ดังนั้นจะให้เพื่อนมาร่วมเสี่ยงอันตรายด้วยไม่ได้ ฮันอีแอบเปิดประตูระเบียง แล้วกระโดดด้วยสกิล กึก! ฟ้าว! ร่างของเธอทิ้งดิ่งคู่ขนานไปกับตึก เด็กสาวแหวกอากาศอย่างชำนิชำนาญ พลางกะจังหวะเหยียบระเบียงห้องด้านล่างเพื่อกระโจนต่อ ชั้นห้า ชั้นสาม ชั้นหนึ่ง เมื่อฮันอีกระโดดลงมาถึงพื้น ละเตรียมใช้กระโจนอีกครั้งเพื่อออกจากโรงเรียน ใครบางคนขวางทางเธอไว้ “กฎของหอพักระบุไว้ว่า ห้ามนักเรียนออกจากห้องพักทางระเบียบ… แม้พวกเด็กห้องศูนย์จะไม่ค่อยรักษากฎ แต่นี่คือครั้งแรกที่เด็กห้อง 1/0 แหกกฎนี้” ฮันอีเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่าย บุคคลที่อยู่ในหัวเธอเคียงคู่กับสถานรับเลี้ยงเด็กมาจนถึงเมื่อครู่ “ครูกงชองวอน…!” ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อ กงชองวอนตอบสนองด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย ที่ครูเห็นนักเรียนฮันอีทำผิดกฎของโรงเรียนหรือหอพัก” กงชองวอนพูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรเหมือนกับทุกที “ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม” * * * ในเวลาเดียวกัน, ย่านอาคารวิจัยของโรงเรียนแสงเงิน, ตึกวิจัยแสงประทาน 4—ตึกเงาเงิน หลังจากวันนี้เสร็จงานเอกสารเร็วกว่าปกติ คิมชินรกตรงมายังตึกเงาเงินทันที ‘สลัดเสือขาวกับจอมลอกเลียนออกจากความคิดไม่ได้เลย’ เมื่อวานเสือขาวห้ามมิให้คิมชินรกทรมานจอมลอกเลียน ถึงจะได้รับอนุญาตให้สังเกตและบันทึก แต่ก็มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง ‘ในเมื่อเสือขาวบอกว่าวันนี้จะไม่มา… บันทึกรายงานก็ต้องมีแค่การสอบปากคำสั้นๆ น่ะสิ…’ ความคิดของคิมชินรกถูกรบกวนโดยตัวตนที่คาดไม่ถึง เขาเห็นเสือขาวที่จำแลงร่างมนุษย์ เดินออกจากตึกเงาเงิน “ท่านเสือขาว? ไหนบอกว่าวันนี้จะไม่มา…” “…” เสือขาวปิดปากเงียบ เพียงจ้องคิมชินรกโดยไม่พูด ฝ่ายหลังรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างไม่มีเหตุผล “เสือเหลืองกลับมาเร็วกว่ากำหนด… ข้าไม่มีเวลาโน้มน้าวเจ้าแล้ว” เสือขาวพูดในสิ่งที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ ขณะคิมชินรกเตรียมถามความหมาย รวมถึงวันเวลาที่เสือเหลืองจะกลับมา “ขอโทษนะ” วาบ! ดวงตาเสือขาวเคลือบไปด้วยคลื่นพลังวิเศษ คิมชินรกที่ถูกเนตรส่องจับจ้อง ตัวแข็งทื่อในบันดล เขาเองก็เป็นลูกหลานเผ่าเสือ ย่อมขัดขืนเสือขาวไม่ได้ หรือต่อให้ทำได้ แต่ก็ไม่มีทางลงมือกับอาจารย์ตัวเอง “ท่านเสือขาว ทำไม…” คิมชินรกเตรียมเปิดปาก แต่ความเจ็บปวดฉับพลันที่แล่นจากลำคอทำให้เขาหลับกลางอากาศ หลังจากเสือขาวย้ายร่างคิมชินรกไปไว้ในตึกเงาเงิน และเดินกลับออกมาอีกครั้ง ด้านข้างเสือขาว คือจอมลอกเลียนที่แขนขาครบถ้วนสมบูรณ์