📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ตัวประกอบแรงค์ EX – ตอนที่ 190

บทที่ 190
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

บังยุนซบไม่มีความปรารถนาหรือเป้าหมายใดเป็นพิเศษ

ขณะใช้ชีวิตไปวันๆ พลังวิเศษของเขาบังเอิญตื่นขึ้น

นับแต่วินาทีนั้น เป้าหมายของบังยุนซบคือการสอบให้ติดโรงเรียนเพลเยอร์ที่ทรงเกียรติที่สุดในเกาหลี

—เข้าโรงเรียนแสงเงินแล้วไปหาเพื่อนดีๆ คบสิ

—เข้าโรงเรียนแสงเงินแล้วไปทำอะไรสนุกๆ สิ

พ่อแม่ของบังยุนซบที่อยากให้ลูกได้รับการศึกษาระดับสูงสุด พยายามเป่าหูและหล่อหลอมเขาเรื่อยมา

ต้องขอบคุณการสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง บังยุนซบมีโอกาสได้เรียนกวดวิชาในสถาบันระดับท็อปของเกาหลี เขามุมานะเรียนหนังสือจนสมองระบม และสุดท้ายก็สอบเข้าโรงเรียนแสงเงินได้อย่างหวุดหวิด

แต่ปัญหาเริ่มขึ้นหลังจากสอบติด

สำหรับบังยุนซบ ชีวิตของเขาไม่มีเป้าหมาย ‘ถัดไป’ อีกแล้ว

ก็แค่เปลี่ยนจากเด็กม.ต้นที่เรียนไปวันๆ กลายเป็นเด็กม.ปลายที่เรียนไปวันๆ

จนกระทั่งในวันพิธีจบการศึกษาของโรงเรียนมัธยมต้น บังยุนซบถูกเด็กม.ต้นรุมกลั่นแกล้งจนไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปเก็บความทรงจำเหมือนคนอื่น เผ่าแท้ที่เห็นเหตุการณ์จึงพูดกับเขาว่า

—หน้าตาดูอมทุกข์จังนะ แต่นั่นยิ่งทำให้เจ้าดูมีเสน่ห์

—ข้าจะมอบพรคุ้มครองให้ พร้อมกับช่วยจัดการพวกเด็กนิสัยไม่ดีนั่นทีละคน

ได้เห็นเผ่าแท้แสยะยิ้มราวกับงู บังยุนซบรีบพยักหน้ารับหลายครั้งติดต่อกัน

และตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญา เผ่าแท้ใช้พลังวิเศษจัดการกับพวกเด็กม.ต้นเรียงคน

ทำแม้กระทั่งร่ายคำสาปใส่เด็กที่ตะโกนด่าทอตนว่า ‘สายตาชั่วร้ายยังกับงู!’

นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้บังยุนซบได้รับพรคุ้มครองของเผ่างู

—ข้าอยากมอบพรคุ้มครองให้เด็กโรงเรียนแสงเงินมานานแล้ว! เอาล่ะ ทีนี้เจ้าลองเดินเที่ยวชมโรงเรียนหน่อยสิ!

—อ…เอ๋… ดูเหมือนว่าภาชนะของเจ้าจะเล็กเกินไป ข้าจึงมอบพรคุ้มครองที่ยิ่งใหญ่ให้ไม่ได้… แค่จะใช้การมองเห็นร่วมกันยังทำไม่ได้เลยหรือเนี่ย… ข้าคงอดเที่ยวชมโรงเรียนแล้วสินะ…

—หืม… ถ้าอย่างนั้นข้าทำอะไรได้บ้างล่ะ… ดูเหมือนจะช่วยได้แค่เตือนสติตอนที่เจ้าพยายามทำอะไรที่เกินเยียวยา… หรือถ้าภาวนาอย่างแรงกล้าเราอาจจะได้คุยกันอีก

กล่าวจบ เผ่าแท้คนนั้นหายตัวไปทันที

หลังจากเหตุการณ์นั้น บังยุนซบพยายามเรียกเผ่างูอยู่หลายหน

แต่ไม่แน่ใจว่าคำภาวนาไม่แรงกล้าพอหรืออย่างไร เผ่างูมิได้ตอบสนองเขาอีกเลย

พรคุ้มครองของเผ่างูที่บังยุนซบเคยคิดว่าเป็นวาสนา กลับไร้ค่าจนเขาหาวิธีใช้ประโยชน์ไม่ได้

“ยุนซบ แม่ปอกเมล่อนเสร็จแล้ว! ออกมากินได้!”

บังยุนซบที่กำลังนั่งเหม่อตรงมุมห้อง ลุกพรวดขึ้นทันที

เมื่อเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น เขาเห็นเมล่อนสีขาวกับส้อมคันเล็กวางอยู่บนโต๊ะ

โฮโลแกรมบนผนังห้องกำลังฉายข่าวของค่ายยุวชน

“ช่วงนี้มีแต่ข่าวนี้… แม้แต่คนข้างบ้านก็ยังเอาแต่พูดถึงโรงเรียนแสงเงิน! ทุกคนดูตกใจมากพอรู้ว่าลูกชายของเราได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมจัดการรอยแยก”

ขณะกล่าว แม่บังยุนซบยื่นเมล่อนให้หนึ่งชิ้น

บนหน้าจอกำลังรายงานความสำเร็จของอันดาอินและจูซูย็อก

‘ตอนนั้นเราทำอะไรบ้างน่ะหรือ’

ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีไปกว่าบังยุนซบ

…ไม่ได้ทำอะไรเลย

เขาถลำลึกเกินไปจนเกือบทำให้เพื่อนเดือดร้อนไปด้วย และหลังจากจูซูย็อกแยกตัวไปเข้าหน่วยบุก บังยุนซบก็พลาดท่าจนตัวเองต้องบาดเจ็บ

บังยุนซบคิดว่าหลังจากเข้าโรงเรียนแสงเงิน เขาจะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ความจริงแล้วยังห่วยแตกแทบไม่ต่างจากเดิม

พยายามลองเลียนแบบพวกนักเลงที่ชอบกลั่นแกล้งตนตอนม.ต้นก็แล้ว แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยน

ความพยายามที่จะกลมกลืนไปกับเหล่าอัจฉริยะของโรงเรียน กลับมอบคำสาปที่อาจถอดเล็บเขาทั้งสิบนิ้ว รวมถึงชื่อเล่นที่ไม่น่าอภิรมย์อย่าง ‘เบ๊ขนมปัง’ และ ‘รายการร้านขนมปังอร่อยในเขตปริมณฑล’

ขณะความอึดอัดเริ่มก่อตัว เสียงหนึ่งดังสะท้อนอยู่ในหัว

—ช่างไม่มีพรสวรรค์เอาเสียเลย

ทักกอซันพูดคำนั้นพลางส่ายหน้า

—แต่ถ้าแก้ไขนิสัยอันบิดเบี้ยวนั่นได้ เธอก็สามารถทำประโยชน์ได้เหมือนกับคนปกติ

เป็นคำที่ทักกอซันพูดหลังจากบังยุนซบพ่ายแพ้เม็งเฮียวทงด้วยคะแนน 1 ต่อ 2 ยก

ความทรงจำเมื่อครั้งที่ทักกอซันแตะบ่าตนขณะเดินลงจากเวที ระลึกย้อนกลับมาอีกครั้ง

“ทำไมเราถึง…”

“ยุนซบ?”

ตอนที่ทักกอซันใจดีเสนอตัวเป็นอาจารย์ให้ต่อ บังยุนซบกลับโมโหและพยายามผลักไสอีกฝ่าย

พอเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ต่อให้ตนอยากแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ก็คงไม่มีหน้ากลับไปหาเขาแล้ว

ท่ามกลางห้วงความคิด บังยุนซบระลึกถึงคำพูดของโชอึยชิน ชายผู้มอบสมญานาม ‘เบ๊ขนมปัง’ ให้กับตน

—ไว้ใจเย็นลงแล้ว ลองไตร่ตรองดูใหม่นะ ถ้านายเปลี่ยนใจก็อย่าได้ลังเลที่จะไปหาเขา

บังยุนซบลุกพรวดจากที่นั่ง

“เดี๋ยวผมกลับมา”

“ข้างนอกอากาศร้อนมากเลยนะ! ถ้าจะออกไปก็ทาครีมกันแดดก่อนสิ!”

“ไว้คราวหน้า!”

โดยไม่แยแสคำแนะนำของแม่ บังยุนซบรีบร้อนวิ่งออกจากบ้าน

‘เวรเอ้ย… เขาอาจจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ได้…’

แม้จะคิดแบบนั้น แต่พอรู้ตัวอีกที บังยุนซบก็มาถึงโรงเรียนแสงเงินแล้ว

หลังจากวิ่งเข้าเขตอาคารเรียนปีหนึ่งในสภาพเหงื่อแตกพลั่ก

เขาเห็นใครบางคนในลานอเนกประสงค์สำหรับเด็กปีหนึ่ง

“เอาใหม่! เร็วกว่านี้!”

เป็นเสียงของทักกอซัน

ด้านหน้าทักกอซันคือเม็งเฮียวทงที่ชุ่มเหงื่อ กำลังตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก

บังยุนซบถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นเม็งเฮียวทงปล่อยคลื่นพลังวิเศษตามที่ทักกอซันบอก ไปพร้อมกับการชกหมัดความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง

‘…ไอ้เตี้ยนั่นเปลี่ยนใจมาเป็นศิษย์แล้วสินะ’

เดินกลับดีไหม

ยิ่งเขาครุ่นคิด คำพูดของรองหัวหน้าห้อง 1/0 ก็ยิ่งวนเวียนอยู่ในหัว

—ไม่ว่าจะเป็นโอกาสแบบไหน แต่ถ้ามันมาอยู่ตรงหน้า นายก็ควรคว้าไว้ไม่ใช่หรือไง

เพลเยอร์ระดับทักกอซันนั้นไม่ธรรมดา

และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีใครอยากรับตนเป็นศิษย์

นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต

‘ปู่เป็นคนบอกเองว่าจะรับเราเป็นศิษย์… จะมีศิษย์เพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรหรอกน่า!’

ในท่ากำหมัดแน่น บังยุนซบก้าวเท้าออกไปหาสองศิษย์อาจารย์อัจฉริยะ

* * *

‘เธอชื่อเยจองสินะ’

เมื่อได้ยินชื่อเยจอง เรื่องราวของบุคคลหนึ่งผุดขึ้นในหัวฉันทันที

โอเยจอง—พี่สาวแท้ๆ ของโอเยจี หัวหน้ากรรมการรักษาระเบียบชั้นปีที่สามและตัวละครควบคุมได้

สองพี่น้องต่างก็เป็นเพลเยอร์ทั้งคู่ แต่ไม่เหมือนกับโอเยจีที่สร้างชื่อบ่อยครั้งในทีมบุกรอยแยกต่างมิติ คนพี่อย่างโอเยจองแทบไม่เคยออกสื่อและไม่เป็นที่รู้จักของสาธารณชน

สถานะปัจจุบันของเธอคือบุคคลสูญหาย โดยมีจูโอกรุปแอบสืบหาตัวอย่างลับๆ

ย้อนกลับไปในตอนที่เธอถูกจับหมั้นกับจูซูกย็อมเพื่อแก้ปัญหา ‘วิกฤติจูโอ’ หญิงสาวตัดสินใจหนีไปจากห้องพักเจ้าสาวพร้อมกับทิ้งข้อความไว้ว่า ‘อย่ามาประสาทแดกกับกู’

นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดของโอเยจองในเกม โดยหลังจากนั้นเธอก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย

‘แต่เรายังไม่อยากฟันธง… ชื่อเยจองถือว่าค่อนข้างโหลในเกาหลี’

ตราบใดที่ยังไม่ทราบนามสกุลของสตรีตรงหน้าซาวอลเซมิน ฉันยังไม่ควรด่วนสรุป

“คุณเยจอง… ถ้าพูดแบบนั้น ผมก็ยิ่งปล่อยมือจากคุณได้ยากขึ้นอีก”

“งั้นก็อย่าปล่อยสิคะ”

“ทำไมคุณถึงอยากอยู่ในสถานที่อันน่าอึดอัดแบบนี้ต่อไปล่ะ”

“เพราะสถานที่อันน่าอึดอัดมีคุณเซมินอยู่…”

ยิ่งได้ฟัง ความทรงจำเก่าก็ยิ่งหวนกลับมา

เสียงของฝ่ายหญิงฟังดูคล้ายเสียงรปภ.ของศูนย์ประชุมในยออึยโด ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลมายาโuเวลกูดอฺทคอม

‘ดูยังไงก็ชอบพอกันอยู่ชัดๆ’

ถ้าฟังแค่เนื้อหาการสนทนา มันอาจดูเหมือน ‘คุณเยจอง’ รักเค้าข้างเดียว แต่ถ้าได้เห็นสายตาห่วงหาอาทรของฝ่ายชายด้วยก็จะเข้าใจว่าไม่ใช่

ซาวอลเซมินพูดกับโอเยจองด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“คุณเยจอง ผมแอบสืบประวัติคุณมาแล้ว”

“ฉันพักอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลซาวอลนานขนาดนี้ จะถูกสืบประวัติแล้วมันแปลกตรงไหน”

“ทั้งประธานและกรรมการบริหารส่วนใหญ่ของบริษัทการเงินในเครือจูโอ ล้วนมีนามสกุลเดียวกับคุณ”

“แล้วยังไงต่อ”

“คุณเยจองเป็นคนจากตระกูลใหญ่ เมื่อเทียบกับคุณจูซูกย็อม อดีตคู่หมั้นของคุณที่เป็นถึงกรรมการฝ่ายบริหาร ผมมันก็แค่…”

เมื่อได้ยินชื่อจูซูกย็อมจากจูโอกรุป ฉันกระจ่างทันที

เธอคือโอเยจองเดียวกับที่ฉันรู้จัก

ตอนที่พบกันครั้งแรกอาจดูไม่ออกเพราะเธอบาดเจ็บที่ใบหน้า แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาโอเยจีขึ้นมาหลายส่วน

“สืบมาถึงขนาดนั้นเลยสินะ แล้วยังไงต่อคะ”

“คงมีคนที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าผม”

“แล้วมันใครกันล่ะ”

โอเยจองก้าวเท้าเข้าไปหาซาวอลเซมิน

ฝ่ายหลังสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ถอยหนี เพียงจ้องเข้าไปในดวงตาหญิงสาวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“คิดจะส่งฉันกลับไปหาจูซูกย็อม ไอ้ผึ้งงานที่ไม่มีเลือดไม่มีน้ำตาคนนั้นน่ะหรือ… ช่วงเวลาเดียวที่เขาดูเหมือนคนขึ้นมาหน่อย คือตอนที่เขาช่วยฉันหลบหนีและพังงานหมั้นจนตระกูลต้องอับอายขายขี้หน้า”

“นอกจากเขา จะต้องมีคนที่เหมาะสมกับคุณโอเยจองมากกว่าผมแน่…”

“ใครกันล่ะ? ตระกูลบ้านแตกสาแหรกขาดอย่าง TC น่ะหรือ? ในบรรดาผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน พวกที่สติยังดีอยู่มีแค่เด็กๆ เท่านั้นแหละ… หรือจะให้แต่งกับวังมยองกรุปที่อาจจะไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ? หรือว่าฉันต้องไปขุดประวัติทะเบียนราษฎร์ของผู้ชายตระกูลนัมกุงที่กระจัดกระจาย แล้วเลือกคนดีๆ สักคนมาแต่งงานด้วย?”

โอเยจองที่สามารถแดกดันสี่ตระกูลใหญ่ได้ภายในลมหายใจเดียว ขยับเข้าใกล้ซาวอลเซมินอีกหนึ่งก้าว

เป็นระยะทางที่ใกล้จนฝ่ายหญิงสามารถซบไหล่ฝ่ายชาย

“คุณเยจอง…”

ซาวอลเซมินสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับยกมือ

มือของเขาเอาแต่ลอยไปมาในอากาศ ดูเหมือนจะทำตัวไม่ถูกว่าควรผลักหรือกอดเธอดี

แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย กระทั่งคำพูดก็ยังตะกุกตะกัก

“…ไม่จำเป็นต้องเป็นตระกูลแชโบลก็ได้ ผมแค่อยากให้คุณไปเจอคนดีที่กว่าผมและใช้ชีวิตอย่างอิสระ”

“คนที่ดีกว่าคุณเซมิน? คนแบบนั้นอยู่ที่ไหนมิทราบ! ฉันไม่เคยเจอใครอ่อนโยน เท่ รักความยุติธรรม และน่ารักได้เท่าคุณเซมินอีกแล้ว”

“อ…เอ่อ…”

โอเยจองผู้ชีวิตต้องพบเจอแต่เรื่องขื่นขม รู้สึกอบอุ่นขึ้นเมื่อได้อยู่ใกล้ซาวอลเซมิน

ได้ยินคำพูดหญิงสาว ฝ่ายชายเริ่มทำตัวไม่ถูก

บทสนทนาสุดหวานแหววทำเอาซาวอลเซอึมเริ่มตัวลอยด้วยใบหน้าแดงก่ำ เดือดร้อนฉันต้องดึงลงมาก่อนที่เขาจะลอยหลุดขอบกำแพงขึ้นไป

“ฉันขออนุญาตจากผู้อาวุโสฝั่งตระกูลซาวอลมาแล้ว ส่วนทางตระกูลฉันไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ามีใครกล้าหือ ฉันจะไล่จัดการเรียงตัวเลยให้ดู! พวกตาแก่ที่ฉลาดการคำนวณนั่น ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหุบปากให้สนิท เพราะพวกเขารู้ดีว่าคนอย่างฉันจะเปิดโปงทุกสิ่งแม้ต้องแลกด้วยชีวิต! ถ้าฉันได้พูดออกไป แผนการเกษียณของพวกเขาจะพังไม่เป็นท่าจนต้องทุกข์ทรมานไปหลายสิบปี!”

“ต้องแลกด้วยชีวิต…?”

สิ่งที่ซาวอลเซมินเป็นกังวลมากที่สุดในคำพูดรัวเป็นชุดนั่น คือความเป็นความตายของโอเยจอง

เธอคงเพิ่งรู้สึกตัว จึงรีบเปลี่ยนประเด็นด้วยใบหน้าเขินอาย

“…สำหรับแขกในงาน ฝั่งฉันเชิญแค่น้องคนเดียวก็พอแล้ว ดังนั้น ถ้าคุณเซมินตกลงก็ช่วยพยักหน้าด้วยค่ะ…”

“ก…กำลังพูดถึงเรื่องอะไรครับเนี่ย!”

“งานแต่งของเราไงคะ”

ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘งานแต่ง’ ซาวอลเซมินซวนเซอย่างออกอาการ

หากไม่มีต้นไม้ด้านหลังช่วยรับไว้ ป่านนี้คงล้มหงายไปเรียบร้อยแล้ว

“ง…งานแต่ง”

“ฉันชอบครอบครัวนี้มาก แม้ความเชื่อของลัทธิขงจื๊อจะหยั่งรากลึกไปหน่อยก็ตาม ในตอนที่ไปปรึกษากับผู้ใหญ่เรื่องคุณเซมิน พวกท่านเล่าว่ารุ่นเขาก็แต่งงานกันเลยโดยไม่ได้คบกันก่อน พอลองมาคิดตาม แบบนั้นก็ไม่เลวเหมือนกันนะ… ฉันลองศึกษาชุดแต่งงานแบบเก่ามาหมดแล้ว พวกมันทั้งมีชีวิตชีวาและน่ารักมาก แต่ยังไงฉันก็อยากโยนช่อดอกไม้ และอยากเห็นคุณเซมินสวมทักซิโด้สักครั้ง… ไว้แต่งงานกันครบหนึ่งปีเมื่อไร เรามาแต่งซ้ำในสไตล์ตะวันตกกันอีกรอบนะคะ”

“คุณเยจอง… จะล้อเล่นก็ให้มีขอบเขตบ้างสิครับ!”

“ฉันดูเหมือนคนที่พูดล้อเล่นกับเรื่องแต่งงานนักหรือไง… ฝ่ายที่ควรถูกตำหนิเรื่องพูดล้อเล่น คือคนที่ไล่ฉันไปแต่งงานกับไอ้พวกกุ๊ยไม่มีกระดูกสันหลังต่างหาก!”

โอเยจองเลื่อนมือขึ้นไปที่แก้มซาวอลเซมินแล้วดึงเขาเข้ามาใกล้

แทบไม่มีการต่อต้านจากฝ่ายชาย

“ฉันรู้ว่าคุณยังกังวลและไม่มั่นใจ แต่ได้โปรดเชื่อฉัน”

“คุณเยจอง…”

โอเยจองเพิ่มแรงดึงที่มือ

แม้มันจะสายไปแล้ว แต่ฉันเพิ่งรู้สึกตัวว่า หากเรายังแอบดูและฟังต่อไป นั่นจะยิ่งเป็นการเสียมารยาทอย่างไม่น่าให้อภัย

ขณะฉันกับซาวอลเซอึมเตรียมหนี

โป๊ก!

“อ๊า!”

ซาวอลเซอึมที่กำลังลนลาน เผลอเอาหัวโขกเข้ากับกำแพง

ฉันรีบเข้าไปประคองเพื่อไม่ให้เขาล้ม แต่นั่นทำให้เราสองคนถูกพบตัว

“น้องสามีมาถึงแล้วหรือ ข้างๆ คือเพื่อนคนที่ว่าสินะ”

“สวัสดีครับคุณอาสะใภ้”

“สวัสดีจ่ะ”

โอเยจองยังคงพูดจาฉะฉานแม้มือของเธอจะกำลังโอบท้ายทอยซาวอลเซมินอยู่

ใบหน้าของฝ่ายหลังซีดเผือดเมื่อทราบว่าหลานของตนแอบดูอยู่ และไม่นานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“น…น้องสามี… อาสะใภ้…!”

“เซอึมเป็นหลานคุณเซมิน ตามหลักแล้วควรจะเรียกชื่อเฉยๆ หรือไม่ก็หลานสามีสินะคะ… แต่ฉันได้ยินว่าเซอึมรักคุณเซมินเหมือนพี่ชายแท้ๆ ก็เลยตัดสินใจเรียกว่าน้องสามีแทน”

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น…”

“แล้วตรงไหน”

ซาวอลเซมินหมดคำจะกล่าว

สัมผัสถึงความกระอักกระอ่วนของสถานการณ์ ซาวอลเซอึมรีบหยิบถุงชอปปิ้งขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย

“จริงสิครับ คุณอา… ผมซื้อเครื่องชุดเครื่องสำอางมาให้แล้ว ร้านที่คุณอาฝากซื้อเป็นของขวัญให้คุณอาสะใภ้…”

“เซอึม! พูดอะไรออกมาตอนนี้!”

“คุณเซมิน… นี่คุณใช้ให้น้องสามีซื้อของขวัญมาฝากฉัน?”

ดูเหมือนจะได้ผลตรงกันข้าม

บรรยากาศพังทลายทันที และซาวอลเซอึมโดนซาวอลเซมินเทศนาไปหนึ่งชุดใหญ่

เนื้อหาหลักๆ เกี่ยวกับ ‘ห้ามเรียกเยจองว่าอาสะใภ้!’

“นายคือคนที่ปลอมตัวเป็นย็อมจุนยอลเมื่อตอนนั้นสินะ… ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

ขณะซาวอลเซอึมกับซาวอลเซมินยืนค่อนข้างห่าง โอเยจองดึงแขนฉันเข้าไปหาแล้วพูด

“เกี่ยวกับพรคุ้มครองของเซอึมน่ะ”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ตัวประกอบแรงค์ EX

ตัวประกอบแรงค์ EX

EX Rank, Ex Rank Supporting Role’s Replay in a Prestigious School, EX Rank Side Character's School Replay, 명급리, 명문고 EX급 조연의 리플레이
Score 9.1
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
หลังจากเคลียร์บทสุดท้ายของเกมกากแห่งชาติสำเร็จ เขากลายเป็นตัวประกอบไร้นามในเกมที่ตัวเองเคยเล่น ตัวประกอบแรงค์ EX ที่เหนือธรรมดาและยากจะหยั่งถึง ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset