[…แดซอกเอาหมอนไปด้วยไหม? ถ้าเปลี่ยนหมอนเขาจะนอนไม่หลับ…]
“อื้อ! ฉันเห็นตอนไปเที่ยวเต็นท์ของพวกผู้ชาย กระเป๋าแดซอกใบใหญ่กว่าใครเพื่อนเพราะยัดหมอนมาด้วย”
ควอนเลนาในท่านั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง หัวเราะคิกคักขณะนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้
มินกือรินเองก็หัวเราะขณะฟังเรื่องราวของควอนเลนาผ่านวิดีโอคอล
“…จากนั้น จีโฮเอาแต่หัวเราะเหมือนทุกที และแดซอกก็ดูจะสนุกสุดเหวี่ยงเลยล่ะ”
[แดซอกน่ะหรือ?]
ใบหน้าตกใจของมินกือรินแสดงอยู่บนจอโฮโลแกรม
ควอนเลนาทยอยส่งไฟล์ พลางอมยิ้มขณะมองใบหน้าของคู่สนทนา
“ฉันจะส่งคลิปกับรูปของแดซอกไปให้! เขาดูจะชอบโรยตัวด้วยเชือกมากเลยล่ะ แถมตอนสันทนาการก็ยังตบมือผิดจังหวะอยู่คนเดียว!”
[ส่งมาให้ฉัน!]
หลังจากคุยกันเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ สองสาววางสาย
ควอนเลนารู้สึกผิดเล็กน้อย ถึงขั้นที่พรุ่งนี้อยากถ่ายรูปกับวิดีโอของซงแดซอกให้มากขึ้น
‘…ถ้าฮันอีกับกือรินมาด้วยก็คงจะดี’
ฮันอียุ่งอยู่กับการเป็นอาสาสมัครให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เธอบอกว่า ‘ฉันดีใจที่มีเวลาได้พูดคุยกับครูกงชองวอนมากขึ้น แม้งานจะยุ่งก็ตาม’ และนั่นทำให้เธอมาเข้าค่ายยุวชนไม่ได้
‘อยากไปเที่ยวกับฮันอีและกือรินจัง… ลองปรึกษาอึยชินดูดีกว่า เขามักจะมีไอเดียดีๆ เสมอ…’
ขณะเธอกำลังคิดว่าควรเกริ่นกับรองหัวหน้าห้องจอมพิรุธคนนั้นอย่างไรดี
คิมยูรีเดินออกจากห้องอาบน้ำภายในห้อง
“อาบเสร็จแล้วใช่ไหม”
“อื้อ… ที่เธอยังไม่นอนเพราะรอฉัน? ขอโทษ~”
“เปล่า! ฉันคุยโทรศัพท์กับฮันอีและกือรินอยู่”
คิมยูรีที่บนเส้นผมไม่หลงเหลือความชื้นเลย คงเพราะใช้ไดร์เป่าผมแบบทั้งตัว กล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
ในสภาพสวมเสื้อแขนยาว หญิงสาววางศีรษะลงบนหมอนโดยไม่ได้ห่มผ้า
‘คงไม่เกี่ยวกับอากาศหนาว…’
คิมยูรียังคงยืนกรานที่จะสวมเสื้อแขนยาวแม้อากาศจะร้อน
คงทำไปด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ถ้าคิมยูรีไม่อยากพูด เธอก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ถาม
หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก ควอนเลนาที่สวมเสื้อไหมพรม ลดอุณหภูมิแอร์แล้วหลับตาสนิท
* * *
เช้าวันที่สองเริ่มต้นด้วยเสียงกริ่งปลุก ตามด้วยเพลงป๊อปย้อนยุค
หลังจากซงแดซอกคลานออกจากหมอนส่วนตัว กลุ่มเด็กชายห้อง 1/0 ตื่นนอนทันเวลา แล้วรีบย้ายไปกินอาหารเช้าด้วยกัน
เมนูอาหารเช้าประกอบด้วย ถั่วต้มกระป๋อง ไข่ต้ม ขนมปังปิ้ง กะหล่ำปลีราดมายองเนส และนมกล่อง
อาหารเช้าสุดจืดชืดทำเอาวังจีโฮห่อเหี่ยว ส่วนเด็กคนอื่นดูเหมือนจะยอมจำนนต่อโชคชะตา พวกเขาพูดคุยกันด้วยใบหน้าผ่อนคลายขณะกิน
“เมื่อวานฉันว่าจะอยู่คุยกับเพื่อนจนดึกแล้วค่อยนอน แต่ดันผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว!”
“ถ้าอยู่จนดึกจะตื่นมาเพลียๆ นะ”
“เขาพูดถูก”
“แต่ฉันเสียดายโอกาส… พวกเราอุตส่าห์มาเข้าค่ายกันทั้งที”
เมื่อได้ยินซาวอลเซอึมเสนอว่าคืนนี้ควรดูหนังด้วยกัน ซงแดซอกกับเม็งเฮียวทงที่ตอนแรกดูไม่เต็มใจ เริ่มเลือกภาพยนตร์ด้วยความตื่นเต้น
เกิดเสียงแตกเล็กน้อยระหว่างหนังแอคชั่นกับระทึกขวัญ แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าดูมันทั้งสองแนวนั่นแหละ
“นี่… ถ้าเราอยู่ดึก พวกครูฝึกจะไม่ดุเอาหรือ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง! เห็นเมื่อวานรุ่นพี่ห้องศูนย์ถูกพูดถึงบ่อยมาก ฉันก็เลยลองติดต่อไป… ผลลัพธ์ก็คือ รุ่นพี่กึมชานซอลกับวังชานซอลส่งไฟล์ ‘เคล็ดลับในการเข้าค่ายยุวชน’ มาให้! นายจะเอาด้วยไหม?”
ว่าไงนะ!
ซาวอลเซอึมติดเชื้อเกเรจากรุ่นพี่ห้องศูนย์แล้ว?
ไปสนิทกันตอนไหน?
“เคล็ดลับว่ายังไงบ้าง”
“พวกครูฝึกจะมองผ่านหน้าต่างเพื่อดูว่านักเรียนนอนหรือยัง ดังนั้น ตอนกลางคืนพวกรุ่นพี่จึงสร้างเงาด้วยคลื่นพลังวิเศษ…”
แม้จะเห็นภาพซ้อนของคู่หูนรกกึมชานวังชานอยู่หลังรอยยิ้มอันสดใสของซาวอลเซอึม แต่ฉันตัดสินใจปล่อยผ่าน
‘ก็นะ… เด็กดีอย่างซาวอลเซอึมไม่มีทางกลายเป็นเหมือนพวกรุ่นพี่ห้องศูนย์ได้ เขาเป็นแบบนี้เพราะความไร้เดียงสาที่อยากจะเล่นสนุกกับเพื่อนร่วมชั้น’
หลังจากเสร็จมื้อเช้า พวกเราเดินไปตามเส้นทางบนภูเขา อาบน้ำในป่า แล้วเริ่มกิจกรรมเฉพาะทางโดยแบ่งตามห้องเรียน
ห้องของเราเลือก ‘ซามุลโนรี*’ จากหลายตัวเลือก เช่น งานปั้นเซรามิก งานฝีมือกระดาษ การจัดดอกไม้ เทควอนโด โยคะ และระบำหน้ากาก
(*ซามุลโนรี <사물놀이> เป็นการแสดงพื้นบ้านของประเทศเกาหลี ประกอบไปด้วยเครื่องดนตรี 4 ชนิด: 1. ฉาบทองเหลือง <แกว็งวารี> 2.ฆ้อง <จิง> 3. กลองยาว <จิงกู> 4.กลองเล็ก <พุก>)
“ฮะฮะฮะฮะ!”
“ทั้งที่แทบไม่ได้กินข้าว เจ้านั่นไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน”
วังจีโฮกำลังมีความสุขขณะใช้ไม้กลองใหญ่ทุบฉาบทองเหลือง
“ฮะฮะฮะฮะ! บูซเว*! พวกนายตีเบาจังเลย!” (บูซเว – ตำแหน่งคนตีตาม)
พอวังจีโฮมีตำแหน่งเป็นซังซเว* เพื่อนก็แทบจะตีตามจังหวะของเขาไม่ทัน (ซังซเว – ตำแหน่งคนตีนำเพื่อกำหนดจังหวะ)
ขณะด่าเขาในใจว่าไอ้สารเลว ฉันไล่ตามจังหวะของซังซเวทันอย่างเต็มกลืน
แต่การแสดงของห้องเรายังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
คิมยูรีกับควอนเลนาที่คอยตีกลองยาว ไล่ตามจังหวะทันอย่างงดงาม แต่เม็งเฮียวทงที่เครียดเพราะตามจังหวะไม่ทัน เผลอตีกลองเล็กเต็มแรงจนหนังฉีก
นอกจากนั้นยังมีความวุ่นวายอื่นๆ เช่นซงแดซอกที่ขอสลับตำแหน่งกับควอนเลนา เพราะอยากลองตีกลองยาวช่วงกลางเพลง ได้ทุบหัวและท้ายกลองแรงเกินไปจนอุปกรณ์เกือบพัง การแสดงของพวกเราอลหม่านกันตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็สนุกมากเช่นกัน
กว่าจะเสร็จกิจกรรมเฉพาะทาง ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
หลังจากจบช่วงเวลาสันทนาการที่มีการให้คะแนนห้อง ซึ่งก็ไม่ค่อยสนุกเหมือนเดิม
“นี่ ขอไปดูเต็นท์พวกนายได้ไหม”
“ฉันไปด้วยสิ”
หลังจากมารวมตัวเพื่อส่งรายชื่อเพื่อนในห้อง อูซังฮุนกับจูซูย็อกพูดขึ้น
ในเมื่อฉันมีแผนจะรั้งตัวพวกเขาไว้อยู่แล้ว จึงตอบตกลงด้วยความยินดี
“กว้างกว่าที่คิดนะเนี่ย”
“เคยเห็นแค่ในรูปถ่าย ของจริงหน้าตาแบบนี้เองสินะ”
ขณะทั้งสองเดินเข้าไปข้างในหลังจากชมรอบนอกเสร็จ
เด็กผู้ชายห้องศูนย์กำลังฉายโฮโลแกรมขึ้นผนังเต็นท์เพื่อเตรียมดูหนัง
จูซูย็อกถามหลังจากเห็นชื่อหนัง
“ขอดูด้วยได้ไหม ฉันยังไม่เคยดูเรื่องนี้”
“เอาสิ!”
“นั่งตรงนี้เลย!”
“ฉันดูไปหารอบแล้ว”
อูซังฮุนนั่งลงแม้จะพูดแบบนั้น
เด็กห้องศูนย์คุ้นหน้าสองคนนี้ดี เพราะเคยร่วมวงกินขนมปังที่บังยุนซบซื้ออยู่หลายครั้ง จึงยอมแบ่งที่นั่งและขนมให้โดยไม่ลังเล
หนังที่เพื่อนๆ เลือกในคราวนี้ เป็นแนวแอคชั่นที่นำแสดงโดยสตาร์เพลเยอร์ผู้โด่งดังด้านฝีมือการเล่นบาสฯ ซึ่งอูซังฮุนเคยแนะนำฉันหลายครั้ง
ภาพยนตร์ที่มีความยาวค่อนข้างสั้น ดำเนินไปถึงบทสรุปอย่างรวดเร็ว
“อ๊า! ทำแบบนั้นไม่ได้นะ!”
“การพูดแบบนั้นกับคนที่ชอบในช่วงไคลแมกซ์ของหนัง เท่ากับเป็นการปักธงความตายไม่ใช่หรือไง…”
“ไม่รอดแหง”
ขณะเด็กๆ ที่ไม่เคยดูพากันถอนหายใจผิดหวัง จูซูย็อกผู้กำลังอินกับภาพยนตร์พึมพำเสียงค่อย
“คนที่ชอบ…”
คำพูดนั้นทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาทางเขา
“กำลังนึกถึงดาอินสินะ… ทรงผมของนางเอกก็คล้ายดาอินอยู่เหมือนกัน!”
ได้ฟังคำพูดซาวอลเซอึม จูซูย็อกเสียอาการอย่างเห็นได้ชัด
“น…นายรู้ได้ยังไง!”
“หมายถึงอันดาอิน หัวหน้าห้อง 1/1 ใช่ไหม? ยังมีเด็กปีหนึ่งคนไหนไม่รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ”
“นึกว่าคบกันแล้วนะเนี่ย”
“ฮะฮะฮะฮะ! ทุกคนยกเว้นอันดาอินคงจะรู้กันหมดแล้วล่ะ”
ไม่ใช่แค่ซาวอลเซอึมผู้หลงใหลข่าวลือ แต่กระทั่งเม็งเฮียวทง อูซังฮุน และวังจีโฮก็ยังพูดแบบเดียวกัน
จูซูย็อกทำได้เพียงพะงาบปากด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ใครคืออันดาอินหรือ”
แม้ซงแดซอกจะถามเช่นนั้น แต่พระเอกของเรายังคงช็อกจนไม่พยายามแก้ตัว
ทันใดนั้น ภาพยนตร์หยุดลงกะทันหัน
“เซิร์ฟเวอร์ขัดข้อง? อะไรเนี่ย… ใกล้จะจบอยู่แล้วแท้ๆ!”
“ฉันใช้แพคเกจแพงที่สุดเลยนะ… แปลกจัง”
แม้ซาวอลเซอึมจะกดรีเฟรชอยู่หลายหน แต่หน้าจอก็ยังไม่มีอะไรแสดงขึ้นมา
“เหมือนว่าจะเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ไม่ได้ด้วย… ลองทักตัวต่อตัวไปแล้ว แต่ข้อความไม่ถูกส่ง”
“เพราะพวกเราอยู่บนเกาะ?”
“…กระทั่งข้อมูลสดจากดาวเทียมก็ยังเรียกดูไม่ได้”
ตอนแรกสงสัยว่าคงเป็นแค่ปัญหาด้านการสื่อสาร แต่เมื่อทราบว่ารับสัญญาณจากดาวเทียมไม่ได้เช่นกัน ความกระวนกระวายเริ่มลุกลาม
โดยเฉพาะใบหน้าอูซังฮุนที่แข็งกระด้างในทันที
“มันเคยเกิดกับฉันครั้งหนึ่ง… ตอนสอบเข้าโรงเรียนแสงเงินในภาคปฏิบัติ”
“…ทีมสิบสาม?”
“ใช่”
ซงแดซอกที่เป็นเนิร์ดดาวเทียม เปลี่ยนสีหน้าทันที
เมื่อครั้งถูกเผ่าหมีโจมตี
โรงยิมที่ทีมสิบสามใช้สอบปฏิบัติ ถูกปิดตายและตัดขาดจากภายนอกอย่างสมบูรณ์
ในช่วงเวลาดังกล่าว ดาวเทียมของสมาคมมิได้แจ้งความผิดปกติใดเลย
‘เริ่มแล้วสินะ…’
ฉันหันไปมองจูซูย็อก
คลื่นพลังวิเศษกำลังรวมตัวรอบดวงตาเขา
สกิลตรวจจับเชิงลึกที่ชื่อ ‘ตาทิพย์’ ถูกเปิดใช้งาน
“…รอยแยกสองจุด… สามประเภท… ทางเหนือของเกาะซอกโม ใกล้กับเกาะกีจังหนึ่งประเภท และแถวภูเขาซังจูสองประเภท! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเกรด SR หรือสูงกว่า… มันน่าจะเปิดขึ้นมาสักพักแล้ว ฉันเห็นเอนามีจากรอยแยก!”
“เกรด SR หรือสูงกว่า? แต่ไม่มีลางบอกเหตุเลยนะ…”
“ถ้าเราไม่บังเอิญรู้ตัวว่าถูกตัดสัญญาณ เกาะนี้ไม่มีทางเตรียมตัวรับมือทันแน่! ต้องรีบแจ้งข่าวนี้… เดี๋ยวสิ… เขตที่พักอยู่ห่างกันมากเลยนี่ ห้องพักครู นักเรียนชาย นักเรียนหญิง… ยิ่งเป็นบ้านของพลเรือนยิ่งอยู่ไกลลิบ!”
แม้จะตื่นตระหนก ซงแดซอกยังคงทำหน้าขรึมพลางวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น
ฉันกล่าวขณะมองหน้าอูซังฮุนกับจูซูย็อก
“ก่อนอื่น ห้องพักของเด็กผู้ชายอยู่ใกล้กับที่นี่… พวกนายรีบพากลุ่มเด็กผู้ชายไปโจมตีรอยแยกทันที… เคยฝึกมาแล้วในคาบทีมเพลย์ใช่ไหม”
“ตกลง! ซังฮุน ฉันจะบอกพิกัดของรอยแยกให้ เปิดแผนที่ขึ้นมา!”
“อาฮะ”
เมื่อจูซูย็อกกับอูซังฮุนแบ่งปันแผนที่แล้วกำหนดตำแหน่งโจมตี เม็งเฮียวทงตะโกน
“รองหัวหน้าห้อง! พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
“ไม่ได้… เรามีงานอื่นต้องทำ ตอนนี้ต้องรีบปลุกเด็กผู้หญิงกับครู รวมถึงอพยพชาวเมืองให้เรียบร้อยก่อน… ทันทีที่จัดการเสร็จค่อยเข้าร่วมทีมจู่โจมรอยแยก”
“ยังมีโอกาสเกิดรอยแยกเพิ่ม ทุกคนระวังตัวด้วย”
ฉันฉายแผนที่โฮโลแกรมที่ดาวน์โหลดในโหมดออฟไลน์ จากนั้นก็ระบุตำแหน่งของจุดสำคัญต่างๆ ซึ่งสำรวจมาแล้วล่วงหน้า
“วังจีโฮ นายตรงไปที่พักของหัวหน้าครูฝึก แล้วก็…”
เม็งเฮียวทงต้องไปห้องพักของครู รวมถึงห้องของคิมยูรีและควอนเลนา
ซงแดซอกต้องไปห้องพักนักเรียนหญิงห้องหนึ่งและสอง
“สุดท้าย ฉันกับซาวอลเซอึมจะไปอพยพชาวเมือง”
“…นายรู้ใช่ไหมว่าเกาะซอกโมมีประชากรสองพันคน แล้วจะอพยพกันแค่สองคน?”
“ฉ…ฉันมีสกิลบิน ถ้าแบ่งงานกันดีๆ ล่ะก็…”
ซาวอลเซอึมกำหมัดแน่นขณะพูด แม้จะไม่มั่นใจนักก็ตาม
เพราะเขาทราบดี ตอนนี้ไม่มีกำลังคนเหลือแล้ว
“รีบไปกันเถอะ จำแผนที่ทั้งหมดได้แล้วใช่ไหม พลเรือนต้องถูกพาไปหลุมหลบภัย ส่วนเพลเยอร์มีสมาธิอยู่กับการบุกและตั้งรับรอยแยก”
ฉันบรรจงพรั่งพรูถ้อยคำที่ท่องจำมานับครั้งไม่ถ้วน
ยืนยันไอเท็มการ์ดของทุกคน แล้วกล่าวกับเด็กๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ทุกคน… รักษาตัวด้วยนะ”
* * *
ผู้ดูแลเกาะ คุณคิม
เพลเยอร์เพียงคนเดียวที่ประจำการบนเกาะซอกโม
เขาเกษียณตั้งแต่ก่อนอายุสี่สิบ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนเกาะซอกโม ด้วยการยอมรับข้อเสนอของสมาคมเพลเยอร์โuเวลกูดoทคอม
งานของคุณคิมคือการรับมือกับเอนามีที่แทบไม่เคยปรากฏตัว โดยครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นเอนามีบนเกาะอันสงบสุขแห่งนี้ ก็ต้องย้อนกลับไปนานถึงสองปีก่อน
‘เราก็เคยมีช่วงเวลาแบบนั้น…’
คุณคิมอมยิ้มขณะนึกถึงเพลเยอร์ม.ปลายที่มาเข้าค่ายฝึกอบรม
ความร่าเริงของคนหนุ่มสาว ช่วยให้เขารู้สึกเด็กลงเล็กน้อย
ด้วยเบียร์ราคาถูกในมือ คุณคิมเดินเข้าไปในประภาคารที่เขาอาศัย
ท่ามกลางเรดาร์รุ่นเก่าและแผงควบคุม วันนี้มีสัมภาระไม่คุ้นตาวางปะปนอยู่
[ระวัง]
[ห้ามเปิดจนกว่าจะมีคำสั่ง]
มีข้อความแปลกๆ เขียนไว้บนกล่องใบใหญ่
กล่องที่ใหญ่พอจะใส่คนได้จำนวนหนึ่ง
‘ของขวัญเซอร์ไพรซ์ที่โรงเรียนแสงเงินเตรียมให้นักเรียน? แต่ทำไมที่อยู่ผู้ส่งถึงไม่ใช่โรงเรียนแสงเงินล่ะ’
เป็นที่รู้กันดีว่า โรงเรียนแสงเงินเตรียมอีเวนต์พิเศษเอาไว้ทุกปี
บางที พวกเขาคงหลอกที่อยู่ผู้ส่ง เพื่อไม่ให้นักเรียนหัวดีเดาถูก
‘ช่างเถอะ ดูทีวีดีกว่า’
รายการวาไรตี้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของวันนี้คือ ‘มุมมองเพลเยอร์’ ที่มีแขกรับเชิญเป็น ‘กระจกเงาสองด้าน·ชเวจีนา’
คุณคิมเตรียมฉายโฮโลแกรมที่เชื่อมกับทีวีหน้าแผงควบคุม แต่ทันใดนั้นก็ต้องชะงัก
เรดาร์รุ่นเก่ากำลังฉาบไปด้วยสีแดง
เป็นสัญญาณที่ไม่ดีสักเท่าไร เขาเคยเห็นมาแล้วหลายครั้งสมัยยังโลดแล่นในวงการเมื่อสิบกว่าปีก่อน
‘เอนามี? จำนวนมากขนาดนี้… เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!’
หรือเรดาร์บุโรทั่งจะหมดอายุการใช้งานแล้ว?
แม้จะคิดแบบนั้น แต่เขาก็พยายามเชื่อมต่อช่องสัญญาณของสมาคมเพลเยอร์เพื่อแจ้งข่าว
ทว่า…
ไม่มีการตอบสนอง
ระบบส่งข้อความผ่านดีไวซ์ล่ม และแถวนี้ก็ไม่มีโทรศัพท์แบบมีสาย
“เกิดอะไรขึ้น!”
คุณคิมเตรียมหยิบไอเท็มการ์ดแล้วปรี่ออกไปนอกประภาคาร
ทว่า
ตุกตุกตุก!
ได้ยินเสียงประหลาด เขาหันกลับไปมอง
กล่องปริศนาสั่นอยู่สักพักก่อนจะระเบิดต่อหน้าคุณคิม
* * *
ซงแดซอกกำลังเร่งฝีเท้าไปยังพิกัดเป้าหมาย—เขตห้องพักนักเรียนหญิงห้องหนึ่งและสอง
มือของเขาสั่นเป็นเจ้าเข้าขณะวิ่งฝ่าความมืด
เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนชายคนอื่นๆ บ้าง? ทำภารกิจราบรื่นดีไหม?
เขาไม่ทราบเลย แต่ก็ไม่คิดจะหยุดวิ่ง
‘โชคดีที่หัวหน้าห้อง 1/1 ที่ชื่ออันดาอินตอบสนองอย่างใจเย็น… โล่งอกไปที’
หลังจากเขาเคาะประตูห้องพักหญิง 1/1 อันดาอินเปิดประตูออกมา
เธอฟังคำพูดซงแดซอก แล้วเริ่มลงมือทันที
หยิบไอเท็มการ์ดออกมาอย่างใจเย็น และพาเพื่อนๆ ตรงไปยังรอยแยกต่างโลก
เป็นภาพที่ดูน่าทึ่งสำหรับซงแดซอก
ปัญหาคือห้องสอง
‘เวรเอ้ย! ทำไมห้องพักถึงอยู่ห่างกันขนาดนี้!’
ห้องพักของนักเรียนหญิง 1/2อยู่ไกลที่สุด
ซงแดซอกฝึกวิ่งกับมินกือรินผู้มีฝีเท้าว่องไวอยู่เป็นประจำ
ถึงจะวิ่งไม่เร็วเท่ามินกือริน แต่เขามั่นใจในทักษะการวิ่งของตัวเอง
ทว่า สองขากลับหนักแปลกๆ ขณะกำลังวิ่งไปยังห้องพักหญิง 1/2ซึ่งอยู่แสนไกล
‘รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ… เหมือนกับตอนนั้นเลย!’
วันที่หามินกือรินไม่เจอ
กลุ่มเด็กที่อยากตีสนิทซงแดซอก พยายามเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการชวนคุยไร้สาระ
จากนั้น เด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมา ซึ่งยังไม่ได้รวมกลุ่มกับใคร บอกซงแดซอกว่าเขาเห็นมินกือรินถูกกลุ่มเด็กพาไปที่โรงงานร้าง
‘ทำไมถึงรู้สึกแบบเดียวกันเลย…!’
ปลายทางของซงแดซอกในคราวนี้ไม่ใช่มินกือริน แต่เป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักชื่อ และไม่เคยทักทายกันมาก่อน
แต่ซงแดซอกกำลังกระวนกระวายด้วยเกรงว่าอาจเกิดเหตุร้ายกับพวกเธอ
ในที่สุด จุดหมายปลายทางอยู่ในระยะสายตา
ซงแดซอกเร่งความเร็วเต็มฝีเท้าจนถึงหน้าประตู แล้วออกแรงเคาะพร้อมกับตะโกน
ปึงปึงปึง!
“ตื่น! มีรอยแยกต่างโลก! รอยแรกไร้ลางบอกเหตุ!”
แต่ไม่มีการตอบสนองจากอีกฟากของประตู
เริ่มอพยพไปแล้ว หรือว่าเริ่มโจมตีรอยแยกกันแล้ว?
เขาสงสัยแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แต่สักพักก็มั่นใจว่าไม่ใช่
‘กลุ่มของเราบังเอิญรู้ตัวเร็วว่าการสื่อสารถูกตัด… รอยแยกปรากฏขึ้นทางตอนเหนือของเกาะ โดยที่เขตหอพักของผู้หญิงอยู่เยื้องทางใต้มากกว่าผู้ชาย ถ้ามีความเคลื่อนไหวก็ต้องสวนทางกันแล้ว…’
คงจะเหนื่อยจนผล็อยหลับไป เพราะวันนี้กิจกรรมค่อนข้างหนัก
แต่มันแปลกเกินไปที่เพลเยอร์ระดับหัวกะทิยี่สิบกว่าคน จะไม่ตระหนักถึงการมาเยือนของซงแดซอกเลย
จับลูกบิดประตู ซงแดซอกตะโกนเสียงดัง
“เฮ้ย! ฉันจะเข้าไปแล้วนะ!”
แอ๊ด—!
บานพับเก่าๆ ส่งเสียงเสียดสี
และด้านหน้าประตูที่เปิดอ้า
เมื่อฉายแสงจากดีไวซ์ ซงแดซอกพบเด็กผู้หญิงนอนกระจัดกระจาย
‘หลับอยู่?’
ไม่มีร่องรอยการถูกโจมตี ไม่มีใครมีบาดแผล
ด้วยความโล่งใจ ซงแดซอกเขย่าไหล่ของเด็กผู้หญิงที่นอนใกล้กับประตู
“ตื่น! เฮ้ย! รีบไปรวมตัวกับห้องอื่นเพื่อจู่โจมต่างโลก…”
เปรี้ยะ!
ทันใดนั้น เขาสัมผัสถึงไฟฟ้าสถิตจากฝ่ามือ
และนั่นกระตุ้นให้สกิล ‘อ่านข้อมูล’ ของซงแดซอกทำงานอัตโนมัติ
‘สกิลนี้ไม่เคยทำงานเองมาก่อน…!’
สกิล ‘อ่านข้อมูล’ ของเขายังมีเลเวลต่ำ จึงวิเคราะห์เชิงลึกได้แค่ร่างกายของตัวเอง หากเป็นหน้าต่างสถานะของเพลเยอร์คนอื่นหรือเอนามี ถ้าไม่แสดงข้อมูลเลย ก็จะแสดงรายละเอียดแบบน้อยมาก
ซงแดซอกที่เกิดความสงสัย รีบตรวจสอบสถานะของตัวเอง
เมื่ออ่านข้อความที่ลอยอยู่ตรงหน้าจบ เขาเย็นวาบไปทั้งสันหลัง
‘เรี่ยวแรง’ และ ‘พลังใจ’ ของซงแดซอกกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
‘คำสาปหรือไม่ก็พิษ! พวกเธอถูกโจมตี!’
ท่ามกลางอากาศที่หนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก
นักเรียนหญิงยี่สิบคนนอนขยับตัวไม่ได้
และบางสิ่งที่กำลังกัดกินนักเรียนหญิง ก็ค่อยๆ บีบลมหายใจซงแดซอกด้วยเช่นกัน