MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> Tiger and Snow/เสือและหิมะ (4)
ในวันที่เด็กชมรมศิลปะคุกคามมินกือรินใกล้กับเขตอาคารเรียนปีหนึ่ง
ซงแดซอกได้ทราบสถานการณ์อย่างคร่าวผ่านเว็บบอร์ดของโรงเรียนแสงเงิน
ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกขัดแย้ง
‘การไปโรงเรียนของกือรินเป็นเรื่องที่น่ายินดีก็จริง แต่อีกใจหนึ่งเราก็ไม่อยาก… ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยโดนคอมเมนต์แย่ๆ จากคนในโรงเรียน แถมยังมีแฟนคลับหรืออะไรก็ไม่รู้มาคุกคามให้กลัวอีก แล้วทำไมเธอถึงยังกล้าไปโรงเรียนและเอาแต่พูดถึงเพื่อนๆ ด้วยสีหน้ามีความสุข? ทำหน้าแบบนั้นแล้วใครจะไปห้ามลง’
ในตอนที่ยังไม่ไปโรงเรียน มินกือรินจะพูดถึงแต่เรื่องศิลปะ
ทั้งรูปใหม่ที่วาดจากพลังวิเศษ แกลลอรีภาพวาดของจิตรกรฮงคยุงบ๊ก การบูรณะพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ รวมถึงภาพสไตล์ตะวันออกที่เธอวาดขึ้นเอง
‘แต่ระยะหลังกลับมีแค่หัวข้อเกี่ยวกับโรงเรียนแสงเงิน โดยเฉพาะห้อง 1/0’
รองหัวหน้าห้องโชอึยชินที่ซื้อแว่น AR ให้เป็นของขวัญ
เด็กๆ ที่สวมมาร์เกอร์สำหรับแว่น AR จนกลายเป็นตุ๊กตายัดนุ่นรูปหินหรือไก่
ของว่างที่เพื่อนร่วมชั้นทำขึ้นเอง
ครูฮัมกึนยองกับเพื่อนร่วมชั้นที่มาถึงโรงเรียนแต่เช้าเพื่อมินกือริน หลังจากเกิดเหตุการณ์เกรียนคีย์บอร์ดอาละวาด
รูปถ่ายที่ระลึกหลังจากหัดทำอาหารที่บ้านหัวหน้าห้อง รวมถึงการหัดทำคุกกี้รสอัลมอนด์ให้ซงแดซอก
มือกือรินเอาแต่ชื่นชมเพื่อนร่วมชั้น แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าซงแดซอกชักสีหน้าทุกครั้งที่ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับห้องศูนย์
‘แค่ดูจากสีหน้ากือรินก็รู้แล้วว่าทุกคนเป็นเพื่อนที่ดี… และเราก็เคยเห็นมากับตา’
ตอนนั้นซงแดซอกอาจไม่ทันสังเกตเพราะมัวเป็นห่วงมินกือริน แต่ตอนนี้เริ่มตระหนักได้
เขาทำตัวหยาบคายเกินไปในการพบกันครั้งแรก แม้ทุกคนจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้น เพื่อนๆ กลับทำเพียงยิ้มแล้วปล่อยผ่าน มิได้เก็บมาเป็นปัญหาหรือเรียกร้องให้มินกือรินรับผิดชอบ
‘นักเรียนห้อง 1/0 ไม่มีเหตุให้ต้องอิจฉาเราหรือกือริน พวกเขาจึงคอยดูแลกือรินอย่างดี…’
ภาพหนึ่งซึ่งถูกโพสต์ลงในบอร์ดทั่วไป
ภาพของชายถือไม้เท้าสีดำ กำลังใช้ตัวบังมินกือรินเพื่อเผชิญหน้ากับคนหมู่มากตามลำพัง
‘ดูจากการใช้เวทมนตร์ เขาคงเป็นโชอึยชิน รองหัวหน้าห้องผู้มีฉายาว่าจอมพิรุธ’
ทันใดนั้น ซงแดซอกพลันได้สติเมื่อได้ยินเสียงรองเท้าเพลเยอร์เสียดสีกับพื้น
ครืด!
“วันนี้ฉันกลับทัน! มากินมื้อเย็นกันเถอะ!”
มินกือรินที่เพิ่งกลับมาถึง ทำหน้าร่าเริงราวกับเมื่อเช้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ได้เห็นเธอแสดงสีหน้าแบบนั้น ซงแดซอกพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“พรุ่งนี้ไปโรงเรียนพร้อมกัน”
“หือ? จริงหรือ”
มินกือรินทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินว่าซงแดซอกจะไปโรงเรียน
“พวกแปลกๆ เหมือนเมื่อเช้าอาจจะมาคุกคามอีกก็ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะยื้อเวลาให้เธอวิ่งหนีเอง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง มีครูยงกับเพื่อนร่วมชั้นคอยช่วยอยู่แล้วน่ะ…”
“ไม่อยากให้ฉันไป?”
มินกือรินส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม
“ไปสิ! ไปโรงเรียนด้วยกันเถอะ!”
มินกือรินผู้มีความสุขเมื่อรู้ว่าซงแดซอกจะไปโรงเรียนด้วยกัน เอาแต่อมยิ้มอยู่นานจนกระทั่งแยกย้ายเข้านอน
* * *
มินกือรินทักทายเพื่อนร่วมห้องด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
ซงแดซอกด้านหลังเธอกำลังมองทุกคนด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด
คงเพราะมินกือรินค่อนข้างเตี้ย เขาจึงดูสูงราวกับยักษ์
“เด็กผู้ชายเมื่อตอนนั้นไง”
“ตายแล้ว… พวกเขาคบกันจริงๆ สินะ”
“เลนา เธอเสียงดังไปแล้ว… ถึงฉันจะคิดเหมือนกันก็เถอะ”
“ข…ขอโทษ!”
ขณะเพื่อนร่วมห้องทำตัวไม่ถูกเมื่อได้เจอกับซงแดซอกอย่างไม่คาดคิด คิมยูรี—หัวหน้าห้องผู้มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศก้าวออกไปแก้ไขสถานการณ์
“กือริน แดซอก! นับตั้งแต่วันนี้ไป พวกเธอจะเริ่มมาโรงเรียนด้วยกันแล้วใช่ไหม”
คิมยูรียิ้มขณะจินตนาการถึงอัตราการเข้าเรียนที่เพิ่มขึ้น
‘คงไม่ใช่หรอก… ซงแดซอกใส่ชุดลำลองอยู่’
ซงแดซอกดูเด่นสะดุดตาเพราะเขาเป็นคนเดียวในหมู่นักเรียนที่สวมชุดลำลอง
แต่มินกือรินที่สวมท่อนบนเป็นฮู้ดแขนสั้นก็ดูคลุมเครือไม่ต่างกัน
“เอ่อ… วันนี้แดซอกแค่…”
“เฮ้ย! ไอ้เด็กห้อง 1/0 คนนั้นน่ะ! ใส่ชุดลำลองมาเรียนได้ยังไง! นึกว่าห้องศูนย์ปีนี้จะเรียบร้อยกันทุกคน ที่แท้ก็มีพวกผ่าเหล่ากล้าแหกกฎโรงเรียนด้วยการใส่ชุดลำลองมาด้วยสินะ ห้องศูนย์ก็ยังเป็นห้องศูนย์วันยังค่ำ!”
มาจินซึง—กรรมการรักษาระเบียบชั้นปีที่สอง กำลังวิ่งมาจากด้านหลังไกลๆ
“ถึงว่าได้ยินเสียงใครโหวกเหวกมาสักพักแล้ว”
“แสบหูชะมัด ทำไมรุ่นพี่คนนั้นถึงต้องแหกปาก?”
ดูเหมือนมาจินซึงจะได้รับมอบหมายให้คุมประตูโรงเรียนฝั่งที่มินกือรินกับซงแดซอกผ่านเข้ามา
ทั้งสองคงวิ่งผ่านประตูเข้ามาเลย โดยมิได้สนใจมาจินซึงที่แหกปากตามหลัง
‘พวกเขาคงฝึกร่างกายกันอยู่ตลอด ไม่อยากเชื่อว่าอย่างมาจินซึงจะไล่ตามไม่ทัน’
สมแล้วที่เป็นตัวละครของฉัน ซงแดซอกซอยเท้าได้ค่อนข้างไว แม้จะวิ่งไม่เร็วเท่ามินกือรินก็ตาม
“ทีหลังเลือกใส่เครื่องแบบมาสักอย่างสิ! จะเสื้อหรือกางเกงก็ได้! หรือถ้าเป็นผู้นำแฟชั่นเหมือนรุ่นพี่ห้อง 3/0 ล่ะก็ อย่างน้อยนายก็ควรติดป้ายชื่อของโรงเรียนมาให้เรียบร้อย! ฉันจะหักคะแนนจิตพิสัย! บอกชื่อมาซะ!”
มาจินซึงพูดจากระโชกโฮกฮากขณะจ้องหน้าซงแดซอก แต่ฝ่ายหลังตอบสนองอย่างใจเย็น
“รุ่นพี่ไม่มีสิทธิ์ตัดคะแนนจิตพิสัยผม”
“หา?”
“คนคุมประตูโรงเรียนมีอำนาจบังคับใช้กฎกับนักเรียนที่เข้าเรียนเท่านั้น”
“ก็ใช่ไง! ดังนั้นคะแนนจิตพิสัยของนายต้อง…”
“แต่วันนี้ผมไม่ได้เข้าเรียน”
“…?”
ซงแดซอกกล่าวอย่างมั่นใจด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ผมแค่แวะมาโรงเรียนครู่เดียว ไม่ได้จะเข้าเรียน ดังนั้นผมไม่ใช่นักเรียน รุ่นพี่ไม่มีสิทธิ์หักคะแนนจิตพิสัย”
ประโยคล่าสุดทำเอามาจินซึงถึงกับพูดไม่ออก
กลับกัน ซงแดซอกเริ่มพรั่งพรูถ้อยคำประหนึ่งพายุบุแคม
“รุ่นพี่อุตส่าห์วิ่งตามผมมาถึงที่นี่แค่เพราะไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน? เลิกสนใจชุดนักเรียนแล้วหันมาสนใจความปลอดภัยของนักเรียนดีกว่าไหมครับ รุ่นพี่รู้ใช่ไหมว่าเมื่อวานช่วงเช้าเกิดอะไรขึ้นใกล้กับเขตอาคารเรียนปีหนึ่ง? ถ้ากือรินเป็นอะไรไป กรรมการรักษาระเบียบจะรับผิดชอบไหวหรือ? ถ้ากือรินเป็นอะไรไป ผมจะเขียนร้องเรียนในบอร์ดเสนอแนะ เพื่อเสนอยกเลิกระบบคนคุมประตูโรงเรียนที่ไม่ช่วยอุ้มชูความปลอดภัยของนักเรียนเลย โดยจะเปลี่ยนเป็นระบบ ‘ลาดตระเวนรอบโรงเรียน’ ภายใต้ความดูแลขององค์กรนักเรียนอื่นแทน”
ซงแดซอกผสมหลักความจริงและทฤษฎีเข้าด้วยกัน
ไม่ว่ากรรมการรักษาระเบียบจะทำงานหนักแค่ไหน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกับการคุกคามของชมรมศิลปะ
‘ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมินกือรินหรือดาวเทียม ซงแดซอกคือนักโต้วาทีที่หาตัวจับได้ยาก…’
มาจินซึงผู้เป็นห่วงนักเรียนจากใจจริง ถึงกับสะอึกจนต้องปิดปากเงียบ
แม้ภายนอกจะชอบโวยวายเสียงดัง แต่เขาไม่ถนัดการต่อปากต่อคำ
“หืม… ถ้าลองคิดตามดู แดซอกก็พูดถูกทั้งหมดเลยนะ”
“ใช่ ฟังแล้วคล้อยตามเลยล่ะ”
“ตรรกะแน่นดีจริงๆ”
“สุดยอด… ทั้งแดซอกกับกือริน… อย่างเจ๋งอ่ะ!”
“ฮะฮะฮะฮะ!”
เพื่อนร่วมชั้นของฉันยังคงทำตัวผ่อนคลาย แม้จะได้เห็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นกำลังทะเลาะกับกรรมการรักษาระเบียบ
ส่วนคิมยูรีทำหน้าราวกับกำลังไตร่ตรองว่า ‘ถ้าล้ำเส้นมากกว่านี้ฉันรีบจะห้ามเขาทันที!’
“เด็กปีหนึ่งพูดถูกนะ เขาไม่ได้มาเรียนสักหน่อย ไปกันเถอะจินซึง”
ชายแต่งตัวเนี้ยบผู้ติดเข็มกลัดกรรมการรักษาระเบียบ ปรากฏตัวจากด้านหลัง
ชอนดงฮา ‘เนตรรู้แจ้ง’ นักเรียนปีสองซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการรักษาระเบียบ
แชมป์หมากรุกเมื่อปีที่แล้ว เด็กอัจฉริยะที่เป็นคู่แข่งย็อมจุนยอลในการชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งของชั้นปี
“ฮึ่ย… น่าโมโหจริงๆ!”
“เรื่องแค่นี้จะโกรธทำไม เพราะชอบพูดแบบนี้ไง แฟนคลับของจุนยอลก็เลยไม่ชอบหน้านาย”
“แต่ว่า!”
“หุบปาก”
ชอนดงฮาใช้สันมือสับใส่ลูกกระเดือกมาจินซึงทันทีที่เขาพ่นคำว่า ‘แต่’ ออกมา
มาจินซึงผู้สำรอกเสียง ‘ค่อก’ จำใจต้องหุบปากอย่างไม่มีทางเลือก
“คราวหน้าที่เข้าเรียน อย่าลืมแต่งเครื่องแบบให้เรียบร้อยล่ะ”
ชอนดงฮาที่พูดแบบนั้น ชำเลืองมาทางฉันก่อนจะลากตัวมาจินซึงหายไป
อ้างอิงจากที่ย็อมจุนยอลเล่า ชอนดงฮาคงท้าฉันแข่งหมากรุกในเร็วๆ นี้
คงมีโอกาสได้เจอกันอีกแน่ nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
“ฉันจะมารับตอนเลิกเรียนนะ”
“ขอตัวเข้าห้องเรียนก่อนนะ… หือ? นายจะมารับฉัน?”
“ตั้งใจเรียนล่ะ”
ซงแดซอกลูบฮู้ดที่คลุมหัวมินกือรินแล้วหันหลังเดินหายไป
ก็ตามที่พูดไว้ เขาแค่มาส่งมินกือรินเข้าเรียนเท่านั้น
‘แต่อย่างน้อยซงแดซอกก็ได้มาโรงเรียน… ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องขึ้น แต่เขากลับกล้าฝากมินกือรินให้เพื่อนร่วมชั้นช่วยดูแล… คงเปิดใจพอสมควรแล้วสินะ’
แต่ถ้าจะหวังให้ซงแดซอกมาโรงเรียนตามปกติ ต้องมีจุดเปลี่ยนที่ใหญ่กว่านี้
หลังจากซงแดซอกและรุ่นพี่กรรมการรักษาระเบียบทั้งสองคนหายไป
เด็กห้อง 1/0 ที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มสลับกันพูดด้วยเสียงตื่นเต้น
“พวกเราเริ่มทำตัวเหมือนเด็กห้องศูนย์แล้วสินะ!”
“ใช่! เห็นด้วย”
“ฉันก็คิดเหมือนกัน!”
…คนที่เหมือนกับเด็กห้องศูนย์จริงๆ มีแค่ซงแดซอกต่างหาก
เด็กพวกนี้ทึกทักนับรวมเขาว่าเป็น ‘พวกเรา’ เสร็จสรรพ
“จริงๆ ถูกตัดคะแนนจิตพิสัยไปก็ไม่ส่งผลต่อคะแนนสอบเท่าไร… เราลองแต่งตัวแปลกๆ มาโรงเรียนบ้างดีไหม”
“อยากใส่ชุดแก๊งพร้อมกับครูฮัมกึนยองจัง!”
“แต่พวกเราเป็นเด็กหอ ถ้าจะเดินเข้าประตูหน้าก็ต้องออกไปข้างนอกก่อนแล้วค่อยวกกลับเข้ามา”
“ค้างคืนข้างนอกเลยเป็นไง?”
เจ้าพวกนี้ยังอิจฉาชุดแก๊งของห้อง 2/0 ที่ใส่พร้อมกับจูเก่อแจกอลเมื่อคราวนั้นอยู่อีกหรือ
ได้ฟังบทสนทนาของเพื่อนร่วมชั้น ฉันมีลางสังหรณ์ว่าในอนาคตคงได้ปะทะกับกรรมการรักษาระเบียบอีกเป็นแน่แท้
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้านั่นเป็นความต้องการของตัวละครของฉัน
* * *
กลางดึกสงัด, หลังจากเสร็จสิ้นการเรียน การฝึก และการจับกลุ่มติว
ลูกหลานเสือเงินทั้งสามส่งข้อความหาฉัน
[อึนซอโฮ] วันนี้เราได้เจอกับพี่โทยอนหลังจากไม่ได้เจอกันนานมาก!
อ๊กโทยอนแวะไปที่คฤหาสน์ของวังมยองโฮ?
พันธสัญญาห้ามเข้าเขตอึนกวางสิ้นสุดลงแล้วสินะ
‘เรียกผู้นำเผ่ากระต่ายว่าพี่โทยอน… คงสนิทกันพอตัว’
ต้องไม่ลืมว่าเด็กสามคนนี้เรียกวังจีโฮว่า ‘ท่านเสือเหลือง’
ฉันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อจินตนาการว่าวังจีโฮต้องเก็บซ่อนความหงุดหงิดที่มีต่ออ๊กโทยอนไว้โดยมิอาจระบายออกมา
[อึนแจโฮ] (รูปภาพ)
วันนี้น้องเล็กอึนแจโฮก็เอาแต่ส่งรูปโดยไม่พิมพ์อะไรเหมือนเคย
เป็นรูปของสินค้าที่ระลึกจากสวนสนุกชื่อดังในเมืองยงอิน ซึ่งช่วงหลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากเพราะคู่แข่งปิดตัวลงจากโศกนาฏกรรมทะเลสาบซอกชน
‘ซื้อสวนสนุกไม่ได้ ก็เลยซื้อของที่ระลึกมาแทน?’
ตัวต่อซึ่งมีแรงบันดาลใจจากสถานที่สำคัญในสวนสนุก
ตุ๊กตามาสคอตในเครื่องแต่งกายและขนาดที่ต่างกัน
สเปรย์ดับกลิ่นที่มีตัวมาสคอตติดอยู่บนกระป๋อง รวมถึงลูกบอลหิมะที่ขยับตามพลังวิเศษ
ในรูปเต็มไปด้วยของที่ระลึกทั้งใหญ่และเล็ก
[อึนซอโฮ] มีตุ๊กตารุ่นลิมิเต็ดที่ต้องไปต่อแถวซื้อด้วยตัวเองด้วย! เผ่ากระต่ายน่าทึ่งจริงๆ!
ในเมื่อสามพี่น้องมีความสุข ฉันก็มีความสุขขณะเลื่อนหน้าจอลงไปเรื่อยๆ
แต่ก็ต้องชะงักหลังจากได้เห็นรูปหนึ่ง
‘ใครเป็นต้นคิดไอเดียนี้กันนะ…! อัจฉริยะชัดๆ! นั่นสินะ เราคงได้รับอิทธิพลความฉลาดมาจากเจ้าบ่วง’
เจ้าบ่วงในรูปกำลังสวมหูจิ้งจอก
จริงๆ เจ้าบ่วงก็น่ารักด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่หูจิ้งจอกสีน้ำตาลมอบความน่ารักในรูปแบบใหม่
ทำไมถึงใส่อะไรก็ดูดีไปหมด?
[อึนอีโฮ] ตอนแรกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ดูจะไม่ชอบใส่ แต่พอข้าบอกว่าจะเอาไปอวดอึยชินอปป้า มันก็ยอมใส่ทันที!
สุดยอด… เจ้าบ่วงอดทนทำในสิ่งที่ไม่ชอบเพื่อฉัน!
ฉันปิดโฮโลแกรมด้วยหัวใจที่อิ่มเอม
‘เราเองก็ต้องพยายามให้หนักขึ้นเช่นกัน… ภูเขาปึกสวรรค์เคยเป็นบ้านที่เจ้าบ่วงอาศัย ต้องสำรวจให้ละเอียดทุกซอกมุมเพื่อเจ้าบ่วง!’
บนเขาปีกสวรรค์อันมืดมิด
ฉันลงทุนถ่อขึ้นมาในเวลาแบบนี้ก็เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับประตูปรภพ
หลังจากใช้ทางเบี่ยงที่อูกีฮวัน—หัวหน้าห้อง 3/0 แนะนำมา ฉันมาถึงใจกลางเขาปึกสวรรค์ได้เร็วกว่าปกติ
‘ในเครือข่ายเพลเยอร์แทบไม่มีเบาะแสของประตูปรภพเลย’
ประตูปรภพ หรือที่รู้จักกันในนามประตูเชื่อมโลกวิญญาณ คือสิ่งที่ภูตผีใช้สำหรับผ่านเข้าออกโลกมนุษย์
หลังจากปะทะกับต่างโลก โลกมนุษย์ก็เต็มไปด้วยงานวิจัยจากวัตถุดิบใหม่ๆ
ประตูปรภพซึ่งถูกมองเป็นเพียงตำนานเมืองดั้งเดิม ยิ่งเสื่อมคุณค่าลงไปตามกาลเวลา
‘ในเมื่อมีข้อมูลไม่มาก การค้นคว้าด้วยตัวเองจึงได้ผลดีกว่า’
ตอนนี้ฉันกำลังยืนบนยอดเขาเมฆขาว ที่มองเห็นทั่วทั้งเขาปีกสวรรค์ได้ในคราวเดียว
สำหรับคนทั่วไป บรรยากาศมืดแบบนี้คงยากที่จะมองเห็นอะไร แต่ฉันมีไอเท็มสนับสนุนที่เหมาะสม
〈ท่านใช้งาน ‘เลนส์ส่องประตูผี’ 〉
ปาซ!
เมื่อเปิดใช้งานไอเท็มที่ชิงมาจากงานประมูลมายา ฉันเริ่มเห็นแสงสว่างจากทั่วทั้งภูเขาปีกสวรรค์ผ่านเลนส์
‘พวกนี้คือประตูปรภพ…? ก่อนอื่นก็ต้องเปรียบเทียบตำแหน่ง…’
หลังจากเทียบตำแหน่งของประตูปรภพที่เห็นกับแผนที่โฮโลแกรม ฉันได้พบความจริงอันน่าตกตะลึง
…เรารู้จักตำแหน่งพวกนี้ดี
‘ทั้งหมดคือเส้นเลือดของเขาปีกสวรรค์ที่เผ่าหมูเคยพยายามทำลาย!’