MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> A Senior’s Request/คำขอของรุ่นพี่ (5)
“สุดยอด! เล่นได้ดีมากเจน!”
จาเร็ดลี ผู้ทวงคืนพลังวิเศษจากระยะไกล ทรุดลงกับพื้นพร้อมกับส่งเสียงสะอื้น
นอกจากจาเร็ดลี ลูกทีมฝ่ายดูแลไฟและเสียง ต่างก็ร้องไห้อย่างเปิดเผยหรือไม่ก็ใช้มือปิดปาก
อ้างอิงจากในเกมและข้อมูลที่สืบได้จากโลกนี้ งานหลักของลูกทีมทะเลสาบนิรันดร์ คือการห้ามปรามมิให้ควอนเจอินออกนอกลู่นอกทาง
แต่คงเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของเธอ—ควอนเลนา
ดูเหมือนพวกเขาจะหลุดโลกกันเป็นหมู่คณะ
“เจน…”
“ฉันก็อยากร้องไห้เหมือนกัน แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้… ทุกคนหยุดเถอะ”
“ฮึก… อึก… ก…ก่อนที่เด็กๆ จะได้ยิน… เราต้อง… กลั้นเอาไว้”
ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยครับ
ทุกคนได้ยินกันหมดแล้ว
เด็กห้อง 1/0 พลันกระอักกระอ่วนเมื่อได้เห็นสภาพของทีมทะเลสาบนิรันดร์
“เอ่อ… คอนเสิร์ต… ดีมากเลยเนอะ”
“พวกเขาน่าจะร้องไห้เพราะดีใจที่มันออกมาสมบูรณ์แบบ”
“ฮะฮะฮะ! ทีมทะเลสาบนิรันดร์มีปฏิกิริยารุนแรงชะมัด… ก็สมแล้วล่ะนะ ได้ยินว่าทีมระดับท็อปจะมีบรรยากาศเป็นเอกลักษณ์แบบนี้!”
บรรยากาศเป็นเอกลักษณ์
กับทีมอื่นไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นทีมสิงโตแดงที่โอ๋ย็อมจุนยอลราวกับไข่ในหิน ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน
“หืม… กลิ่นอายรอบตัวพวกเขาเปลี่ยนไปจากคราวก่อนนิดหน่อย นั่นคงเป็นสาเหตุ”
วังจีโฮกะพริบตาขณะสำรวจทุกคน
“พวกเขาคงมีความอ่อนไหวทางดนตรีสูงสินะ! สมแล้วที่เป็นลูกทีมของควอนเจอิน”
ระหว่างนั้น ควอนเลนาเกิดความซาบซึ้งจนน้ำตานองหน้า
เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของแฟนคลับควอนเจอิน
ขณะพวกเราส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ควอนเจอินเดินข้ามทะเลสาบเข้ามาหา
“การแสดงของฉันเป็นยังไงบ้าง”
ควอนเจอินถามกับฮันอี ซึ่งยืนอยู่ข้างควอนเลนา
เธอคงอายที่จะถามหลานตัวเองตรงๆ
ทว่า
‘แย่ล่ะสิ’
ฮันอีไม่ได้ยินเสียง
ดูเหมือนทีมทะเลสาบนิรันดร์จะไม่ได้สืบข้อมูลฮันอีมาล่วงหน้า อาจเพราะเธอไม่ได้ปรากฏตัวที่หอพยัคฆ์สำแดง
“รุ่นพี่คะ ให้ฉันเล่าความประทับใจก่อนได้ไหมคะ”
คิมยูรีที่เป็นห่วง ถามแทรกขึ้นมา แต่ระหว่างรอคำตอบ ฮันอีเริ่มบรรยายความรู้สึกของตน
“ทุกสิ่งดีงามไปหมด… ทั้งการสั่นของอากาศตามการขยับคันชักของรุ่นพี่ หรืออนุภาคแสงที่ตอบสนองต่อพลังวิเศษ รวมถึงสีหน้าของเพื่อนร่วมห้องที่ยืนฟังการแสดง”
ควอนเจอินผู้ตั้งใจฟังคำตอบของฮันอี
เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอเพิ่งตระหนักว่าฮันอีเป็นผู้พิการทางโสตประสาท จึงเบิกตากว้าง
“แค่ได้มายืนในจุดนี้ก็มีความสุขมากแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับการแสดงดีๆ”
ฮันอียิ้มอย่างอ่อนโยน
เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยาก ซึ่งจะเผยเฉพาะตอนอยู่กับครูกงชองวอนเท่านั้น
เมื่อเด็กทุกคนในห้อง รวมถึงวังจีโฮ ได้เห็นสีหน้าดังกล่าว พวกเขาพากันปิดปากด้วยความตะลึง
“ถ้าไม่รังเกียจ คราวหน้าก็หาโอกาสมาฟังคอนเสิร์ตให้ได้นะ”
“ค่ะ!”
หลังจากได้ฟังความเห็นที่น่าอัศจรรย์จากฮันอี
ควอนเจอินนำทางพวกเราไปยังตึกทีม
ระหว่างเดินไปที่ตึก ฉันสังเกตเห็นว่าเธอตั้งใจฟังความรู้สึกอันยืดยาวของควอนเลนาเป็นพิเศษ
‘สีหน้าดูดีขึ้นมากเลย’
ฉันโล่งใจเมื่อพบว่าสีหน้าของเธอดูดีกว่าคราวก่อนมาก
หลังจากผ่านบาเรียหน้าประตูหลักเข้ามา เด็กๆ ระเบิดคำอุทานไม่ขาดปาก
“ทั้งหมดทำจากโลหะต่างโลก!”
“การตกแต่งภายในก็สุดยอดไม่แพ้กัน! ต้องใช้โลหะต่างโลกมากแค่ไหนเนี่ย”
ขณะเดินผ่านล็อบบี้ของตึก และพอร์ทัลตรวจสอบความปลอดภัยสองจุด
วังจีโฮสำรวจภายในอาคารด้วยดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็พึมพำ
“มีกลิ่นอายของเผ่าแท้ที่น่ารำคาญอยู่เต็มไปหมด คงมาที่นี่บ่อยสินะ”
หมายถึงเด็กเจ้าเล่ห์ ผู้นำเผ่าหนู?
คำนึงจากท่าทีของวังจีโฮ เด็กเจ้าเล่ห์คงมาที่นี่บ่อย แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่อยู่
ซู่ว—!
หลังจากผ่านพอร์ทัลตรวจความปลอดภัยที่สาม
ควอนเจอินเปิดประตูที่สลักเครื่องหมายกุญแจซอล
“เข้ามาสิ”
เมื่อประตูเปิดออก ด้านหลังคือห้องรับแขก
ขนาดไม่ใหญ่มาก คงเพราะเป็นห้องรับแขกที่ต้องผ่านพอร์ทัลความปลอดภัยสามแห่ง
‘เอาไว้รับรองแขกที่สนิทมากๆ สินะ’
ในห้องมีโซฟาผ้ายัดขนนก สีเดียวกับวอลล์เปเปอร์สีน้ำเงิน
ด้านในสุดของห้องรับแขกมีเวทีเล็กๆ
บนเวทีมีขาตั้งโน้ตเพลง อุปกรณ์ดนตรี และอุปกรณ์ฉายภาพสามมิติ
ดูเหมือนที่จะใช้จัดคอนเสิร์ตเล็กๆ ได้ด้วย
“นั่งลงสิ”
เมื่อเรานั่งลงตามคำแนะนำ หญิงสาวเดินแจกกระดาษให้เท่ากับจำนวนคน
เนื้อหาบนกระดาษคือเมนูอาหาร
ได้เห็นบลูไวโอลินิสต์ต้อนรับแขกด้วยตัวเอง เป็นใครคงก็รู้สึกไม่ชิน
“พ่อครัวประจำทีมเรารอสแตนด์บายอยู่แล้ว หรือจะสั่งนอกเมนูก็ได้นะ วัตถุดิบหาซื้อเอาได้”
ดูเหมือนควอนเจอินกับทีมทะเลสาบนิรันดร์ จะเตรียมปรนเปรอเด็กห้อง 1/0 อย่างสุดฝีมือ
พวกเราไม่อยากปฏิเสธน้ำใจ แต่ละคนจึงสั่งเมนูของหวาน
เนื่องจากวันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ส่วนใหญ่จึงเลือกไอศกรีม น้ำแข็งไส หรือไม่ก็พาร์เฟ่ต์
หลังจากเด็กทุกคนเลือกเมนูเสร็จ
“เลนา ถ้าจะให้ก็ต้องตอนนี้แหละ”
“จริงด้วย… ได้ยินว่าพ่อครัวประจำทีมทะเลสาบนิรันดร์ทำขนมเก่งมาก รีบให้ก่อนที่จะถูกเปรียบเทียบดีกว่า”
ได้ยินคิมยูรีกับควอนเลนากระซิบกระซาบเสียงแผ่ว
ควอนเจอินเอียงคอฉงน
“เอ่อ… อาจไม่ได้มากมายอะไร แต่พวกเราเตรียมของขวัญมาให้ค่ะ”
ก่อนเมนูจะถูกยกมาเสิร์ฟ ควอนเลนาหยิบโหลดองสองโหลออกจากย่าม
มันคือบลูเบอร์รีและบลูเลม่อนไซรัปที่ดองร่วมกับเพื่อนในห้อง
ควอนเจอินก้มมองโหลทั้งสองใบ แล้วนิ่งไปเป็นเวลานาน
จนกระทั่งได้สติและเริ่มถาม
“ให้ฉัน…?”
“ค่ะ!”
“ทำเองหรือ”
“ค่ะ…!”
ขณะควอนเลนาเริ่มกังวลกับปฏิกิริยาแปลกๆ ของควอนเจอิน
“จาเร็ด… ฉันอยากเก็บรักษาโหลพวกนี้ไว้ตลอดไป ช่วยติดต่อเพลเยอร์ที่มีสกิลหรือแสงประทานที่เกี่ยวข้องด้วย”
“จะรีบหาให้เดี๋ยวนี้!”
อยู่ดีๆ จาเร็ดลีก็โผล่เข้ามาในห้อง
แม้จะร้องไห้หนักจนใบหน้าบิดเบี้ยว แต่เสียงยังคงกระจ่างใส
“ขอบใจนะ ฉันจะเก็บไว้อย่างดีเลย ตราบนานเท่านาน”
“คะ…?!”
ควอนเจอินพูดคำที่ยิ่งใหญ่ ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
ควอนเลนาตอบขณะดวงตาค่อยๆ เบิกกว้าง
“ด…เดี๋ยวจะทำมาให้อีกค่ะ เพราะฉะนั้นกินมันเถอะค่ะ!”
“จะทำมาให้อีก?”
“ถ…ถ้ารุ่นพี่ต้องการ…”
ได้ยินคำตอบ ควอนเจอินอมยิ้มอย่างร่าเริง
“ขอบใจนะ เลนาเป็นเด็กน่ารักจริงๆ”
“จำชื่อฉันได้ด้วย…”
“แน่นอน… ไวโอลินที่ให้ไป ได้เล่นบ้างไหม”
“ค่ะ! ฉันยังหาคันชักที่เข้ากับไวโอลินวิเศษไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยฝึกแต่พิซซิคาโต้แทนอาร์โค ในท่อนพิซซิคาโต้ช่วงเริ่มเพลง ‘กลับบ้านเกิด’ ที่รุ่นพี่เล่น…”
ใบหน้าควอนเจอินพลันแข็งกระด้าง
ควอนเลนาซึ่งกังวลว่าตนอาจพูดอะไรผิด รีบชะงักคำกลางคัน
หลังจากความเงียบดำเนินไปได้สักพัก ควอนเจอินเปิดปาก
“ดันลืมหาคันชักให้เลนาซะได้… ขอโทษจริงๆ”
ยากที่จะมีใครเข้าใจความคิดควอนเจอิน
หญิงสาวกล่าวขอโทษ พร้อมกับฉายโฮโลแกรมเพื่อแสดงภาพคันชักวิเศษจำนวนหนึ่งโนiวลกูดอทคอม
“เลือกอันที่ชอบได้เลย”
“พ…พวกนี้คือ… คันชักที่รุ่นพี่ควอนเจอินใช้ในการแสดงไม่ใช่หรือคะ…?”
ควอนเลนาตกใจจนตอบสนองไม่ถูก
“ไม่อยากได้อันที่ฉันเคยใช้?”
“ไม่ใช่ค่ะ… ครั้งนี้รับไว้แค่น้ำใจได้ไหมคะ”
“แต่ฉันอยากให้รับสิ่งของไว้ด้วย… ถ้าไม่ชอบหนึ่งในนี้ ฉันซื้อให้ใหม่ได้นะ”
“รุ่นพี่…”
ลงเอยด้วย คันชักอันหนึ่งตกเป็นของควอนเลนา
มือของเธอสั่นเทาขณะรับการ์ด
“สุดยอดเลย…”
“ในตอนที่ฉันไม่อยู่ พวกเขาเคยให้ไวโอลินวิเศษกันหรือ…”
“ฮะฮะฮะ! คราวก่อนมีอะไรแบบนี้ด้วยสินะ ดันพลาดฉากเด็ดไปซะได้”
ขณะเม็งเฮียวทง ซาวอลเซอึม และวังจีโฮซุบซิบคุยกัน ความเงียบกำลังครอบงำกลุ่มเด็กผู้หญิง
คิมยูรีทำหน้าโล่งใจหลังจากนึกถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต
ฮันอีตกตะลึงเมื่อได้เห็นการ์ดคันชักวิเศษ พลางกังขาในสิ่งที่เธออ่านปากได้
ควอนเลนาสติหลุดไปสักพักนับตั้งแต่ได้การ์ด
พ่อครัวเริ่มเสิร์ฟของหวานก็แล้ว แต่บรรยากาศในห้องยังคงอึมครึม
“รุ่นพี่ครับ เริ่มสัมภาษณ์กันเลยไหม”
เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและทำหน้าที่สมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์ ฉันเปิดประเด็น
“ตกลง… ทุกคนรออยู่ที่นี่ก่อนนะ ถ้าอยากได้อะไรให้บอกจาเร็ด”
ขณะฉันกับควอนเจอินลุกจากโซฟา
มีอีกหนึ่งคนในห้องลุกขึ้นตามมา
“ฉันก็เป็นสมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์นะ”
วังจีโฮทำตาเป็นประกาย
…มาไม้นี้สินะ
‘ก็พอเดาได้อยู่หรอก ว่าวังจีโฮคงลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่ไม่คิดว่าจะกล้าเปิดเผยตัวจริง’
ควอนเจอินจ้องหน้าวังจีโฮอยู่สักพักก่อนจะเบิกตากว้าง
ในวันที่จัดคอนเสิร์ตในหอพยัคฆ์สำแดง เธอเคยเจอกับเสือเหลืองในร่างวัยสามสิบมาแล้ว จึงไม่ยากที่จะระบุตัวจริงของวังจีโฮ
ฉันรีบชิงตัดบท ก่อนที่การสนทนาจะดำเนินไปในทิศทางแปลกๆ
“ไปกันเถอะ”
* * *
เดินผ่านพอร์ทัลตรวจความปลอดภัยที่สี่ ฉันเห็นประตูสลักภาพไวโอลินสีน้ำเงิน
เป็นห้องส่วนตัวของควอนเจอินที่เคยมาเมื่อคราวก่อน
เมื่อหย่อนก้นลงบนโซฟา วังจีโฮเข้าเรื่องทันที
“เธอรู้สึกสนใจโชอึยชินมาตั้งแต่ที่ทะเลสาบซอกชน จึงติดต่อกับทางชมรมเพื่อให้ขอเขาเป็นผู้สัมภาษณ์?”
“ท่านพูดถูกแล้ว ผู้นำเผ่าเสือ”
“อย่างที่คิด เพลเยอร์ระดับนี้ดูออกทันทีเลยสินะ ถึงข้าจะไม่พยายามปกปิดก็เถอะ”
ควอนเจอินมองสลับไปมาระหว่างฉันกับวังจีโฮด้วยสายตาสับสน
คงจะทำตัวไม่ถูกเมื่อได้รับรู้ว่า ผู้นำเผ่าเสือปลอมตัวมาเรียนห้องเดียวกับหลานสาวตัวเอง
“ตึกทีมเต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้นำเผ่าหนู เจ้ารู้เรื่องนี้ไหม”
“พวกเราติดหนี้บุญคุณท่านเด็กเจ้าเล่ห์มากมาย จึงอนุญาตให้เข้าออกตึกได้ตามใจชอบ”
“เป็นพวกเขาใช่ไหม ที่ช่วยสอบปากคำเผ่าหมี”
“ค่ะ”
วังจีโฮทำตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำตอบ
สมมติฐานที่เคยคลุมเครือหนึ่งเรื่อง ถูกเปลี่ยนให้เป็นข้อเท็จจริง
‘ผู้นำเผ่าหนูเองก็สนิทกับฮงกยูบิน บุคคลสำคัญในสมาคมเพลเยอร์… ดังนั้น…’
ควอนเจอินได้ขัดขวางหนึ่งในแผนการของ ‘ท่านผู้นั้น’ โดยการเคลียร์รอยแยกแมนเชสเตอร์
ถัดมา ผู้นำเผ่าหนูเสนอตัวช่วยสอบปากคำเผ่าหมีเป็นเวลาเป็นนาน จนกระทั่งได้ข้อมูลสำคัญ
‘ผู้ต้องสงสัยของเผ่าหางยาวลดลงไปอีกหนึ่ง’
เด็กเจ้าเล่ห์—ผู้นำเผ่าหนู หรือ ‘ผู้ฝักใฝ่มนุษย์อย่างสุดโต่ง’ ที่ฮงกยูบินเคยกล่าวถึง
ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า เผ่าหนูไม่ใช่คนทรยศ
ปัจจุบันจึงเหลือผู้ต้องสงสัยสี่คน
เผ่าวัว เผ่างู เผ่าม้า เผ่าลิง
“ขอถามได้ไหม… เหตุใดท่านถึงเคลื่อนไหวร่วมกับอึยชิน”
คำถามของควอนเจอินดึงสติฉันกลับมา
วังจีโฮตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดนาน
“โชอึยชินคือผู้มีพระคุณของเผ่าเสือ เขาช่วยเรา ดังนั้นเราจึงช่วยเขา”
คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าวังจีโฮจะตอบแบบนี้
“…แค่ได้จับตามองก็น่าสนุกแล้ว”
ถ้าไม่มีคำพูดสุดท้าย คงจะน่าซาบซึ้งใจกว่านี้มาก
“อึยชินเป็นมนุษย์แน่ใช่ไหม… เพิ่งจะอายุสิบเจ็ด แต่กลับมีบุญคุณต่อเผ่าเสือ…”
“ฮะฮะฮะ! เขาเป็นมนุษย์ และอายุสิบเจ็ดแน่นอน ข้าตามสืบหลายต่อหลายครั้งจนมั่นใจ”
ยิ่งวังจีโฮพูด สายตาของบลูไวโอลินิสต์ที่มองมาก็ยิ่งทำให้ฉันอึดอัด
คงต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“สัมภาษณ์กันก่อนเถอะครับ”
ฉันพูดพร้อมกับฉายโฮโลแกรมข้อมูลที่มุนแซรอนกับคนของชมรมหนังสือพิมพ์เตรียมไว้ให้
วังจีโฮแอบขำ แต่ฉันทำเมิน
โชคยังดี ควอนเจอินหันมาสนใจข้อมูลและการสัมภาษณ์ทันที
หลังจากจบทุกคำถามที่เตรียมไว้
“ข้อสุดท้าย คำถามส่วนตัวครับ”
“ถามได้ทุกเรื่อง”
เป็นคำถามที่ฉันคาใจนับตั้งแต่ได้เจอกับควอนเจอินครั้งแรก
“ผมอยากฟังเกี่ยวกับช่างฝีมือที่สร้างไวโอลินวิเศษให้รุ่นพี่”
“ในแง่มุมไหน”
ก็เยอะเลยนะ
คิดอยู่สักพักว่าควรถามถึงตรงไหนก่อนดี แต่ฉันได้ข้อสรุปว่า ไปคุยกับเจ้าตัวเลยดีกว่า
…ลองหยั่งเชิงขอช่องทางติดต่อดูก่อน
“รุ่นพี่ยังติดต่อช่างฝีมือคนนั้นได้ไหมครับ”
“ไม่ได้แล้ว… เขาเพิ่งเสียไปไม่นาน”
อยู่ดีๆ ก็พูดไม่ออก
ยังไม่ทันจะได้แสดงความเสียใจ ควอนเจอินเสริม
“อายุขัยของเขาสิ้นสุดไปนานแล้ว แต่เบื้องบนบางพระองค์ที่ชื่นชอบในพรสวรรค์ ช่วยยืดอายุมาอีกสักระยะ… ได้ยินว่าก่อนจะตาย เขาฝากฝังทุกสิ่งไว้กับลูกศิษย์หมดแล้ว”
“มีลูกศิษย์ด้วย…?”
“ใช่ ฉันเคยเจอครั้งหนึ่ง ตอนนั้นช่างฝีมือพูดว่า ศิษย์คนนี้จะกำลังจะได้เป็นรุ่นน้องโรงเรียนฉัน”
รุ่นน้องโรงเรียนของควอนเจอิน?
ควอนเจอินเป็นโปรเพลเยอร์ทันทีที่เรียนจบมัธยม
ถึงจะได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยหลายแห่งก็เถอะ
‘ควอนเจอินหมายถึงโรงเรียนไหน…’
ขณะฉันนึกถึงความเป็นไปได้ในทุกแง่มุม
หญิงสาวกล่าวในสิ่งที่เหนือความคาดหมายอีกครั้ง
“ถ้าเด็กคนนั้นสอบติด… ตอนนี้ก็คงเรียนอยู่ชั้นปีหนึ่งของโรงเรียนแสงเงิน”
—
MasterGU.edited = อันอี->ฮันอี