MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> A Senior’s Request/คำขอของรุ่นพี่ (4)
โรงเรียนแสงเงินนั้นรวบรวมเหล่าพรสวรรค์ไว้มากที่สุดในเกาหลี
ที่นี่จึงเต็มไปด้วยนักเรียนและคณาจารย์ที่เก่งกาจ ซึ่งบางคนก็มีพลังวิเศษอันเป็นเอกลักษณ์
อาจเพราะด้วยเหตุนั้น โรงเรียนมัธยมปลายอันทรงเกียรติแห่งเกาหลีใต้ จึงเต็มไปด้วยตำนานสยองขวัญ
‘มีหลายเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภูตผีเลย… เช่นอสนีสีชาดของเสือแดง หรือการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักเรียนบางคน’
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีตำนานลี้ลับของจริงปะปนอยู่
‘ถ้าแหล่งข่าวระดับมุนแซรอนเข้าไปสืบหาความจริง บางที ปริศนาลี้ลับคงถูกไขกระจ่างได้ไม่ยาก’
ทว่า มุนแซรอนผู้กระหายการทำข่าว ดันเป็นโรคกลัวผี และในโรงเรียนก็ไม่มีใครบ้าบิ่นพอจะขุดคุ้ยหาความจริงโดยไม่ได้รับผลตอบแทน
บทความของชมรมหนังสือพิมพ์ที่ฉันเขียน มีเนื้อหาเป็นการบรรยายว่า ปัจจุบันมีตำนานสยองขวัญเรื่องใดบ้างที่ยังแพร่หลายอยู่ในโรงเรียน
“ในตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับตำนานสยองขวัญอยู่ไม่น้อยเช่นกัน… แต่จากบรรดาทั้งหมด มีบางเรื่องสะกิดใจฉันเป็นพิเศษ และมันดันยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้”
ซองกุกอุนฉายโฮโลแกรมจากดีไวซ์
บนโฮโลแกรมคือบทความข่าวตำนานสยองขวัญที่ฉันเขียน
บทความที่รวมตำนานภูตผีไว้หลายเรื่อง
ในบรรดาทั้งหมด ประโยคที่ถูกไฮไลท์ดูเด่นสะดุดตาขึ้นมา
[สภานักเรียนและกรรมการรักษาระเบียบแอบก่อตั้งสมาคมลับ เพื่อประกอบพิธีบูชายัญโดยใช้สัตว์ป่าเป็นเครื่องเซ่น]
[ในคืนไร้แสงจันทร์ ถนนขึ้นเขาปีกสวรรค์ทุกเส้นจะนำไปสู่ประตูปรภพ]
‘สองเรื่องนี้พิเศษยังไง…?’
ซองซีวานที่นั่งข้างฉัน มองโฮโลแกรมแล้วพูดขึ้น
“ผมก็เคยได้ยินสองเรื่องนี้เหมือนกัน! ที่จริงพี่ให้ผมช่วยสืบก็ได้ ไม่เห็นต้องรบกวนอึยชินเลย…”
“ฮะฮะฮะ! อ้าวเหรอ ถ้าอย่างนั้นซีวานก็ช่วยอึยชินอีกแรงไปเลยสิ”
คำพูดของซองกุกอุนทำให้ฉันยิ่งงงงวย
‘หมายความว่ายังไง… ตำนานสองเรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดสักหน่อย มันมีอยู่นานแล้ว ทำไมเพิ่งมาขอร้องให้เราตรวจสอบ?’
ซองกุกอุนไหว้วานเรื่องแปลกๆ กับนักเรียนมัธยมปลายอย่างฉัน
และนั่นไม่ใช่อย่างเดียวที่แปลก
จอนมูยองผู้นั่งข้างๆ ซองกุกอุน เอาแต่มองมาทางเราด้วยสีหน้าเรียบเฉย
จริงอยู่ มันคงไม่แปลกอะไร หากเขาซึ่งไม่ได้อยู่ในวงสนทนาจะปิดปากเงียบ
ทว่า
‘ทำไมจอนมูยองไม่ห้าม…?’
ทั้งซองกุกอุนและจอนมูยอง ต่างก็เป็นตัวละครที่ควบคุมได้
ฉันย่อมเข้าใจอุปนิสัยพวกเขาในระดับหนึ่ง
จอนมูยองมักจะคอยแย้งในยามที่ซองกุกอุนทำตัวเหลวไหล
มันจึงดูแปลกในสายตาฉัน เมื่อจอนมูยองไม่ขัดขวางหลังจากเห็นซองกุกอุนไหว้วานรุ่นน้องด้วยคำสั่งสุดพิลึก
‘เขาเห็นด้วยกับเรื่องที่ว่า เราและซองซีวานควรช่วยกันตรวจสอบตำนานสยองขวัญ?’
ฉันสรุปได้แบบนั้น
ตำนานผีสองเรื่องมันยังไงกันแน่
‘พวกเขาไม่เคยทำตัวเหลวไหลแม้แต่ครั้งเดียวในเกม… ดังนั้นเราไม่ควรโต้แย้งหรือตั้งขอสงสัย’
การยอมร่วมมือแต่โดยดี คือทางออกที่ฉลาดกว่า
ระหว่างการสืบสวน อาจได้ทราบเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาก็ได้
“ได้ครับ ผมจะไปสืบให้”
“ผมด้วย ไม่รู้มาก่อนว่าพี่ก็สนใจตำนานสยองขวัญ”
ถัดจากฉัน เมื่อได้ยินซองซีวานรับปากว่าจะช่วยอีกแรง ซองกุกอุนมองเราด้วยสีหน้าพึงพอใจ
จากนั้นก็เสริม
“แต่ว่า ฉันมีเงื่อนไข”
“เงื่อนไข?”
“จะหยิบยืมพลังของลูกหลานหรือเผ่าแท้ก็ไม่ว่า… แต่อย่าทำให้พวกเขาหันมาสนใจเรื่องนี้”
อนุญาตให้ใช้เผ่าแท้หรือลูกหลานช่วยสืบข่าวได้สินะ
ฉันจับประเด็นจากคำพูดของเขา
“อย่างนี้นี่เอง… ในสภานักเรียนมีลูกหลานมังกรอยู่ด้วยสินะ… ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าเราลากจุนยอลเข้าไปพัวพันกับเรื่องแย่ๆ คงไม่วายถูกครูยงกับราชันเพลิงสีชาดตามฆ่าแน่ ฮะฮะฮะ!”
ซองซีวานผู้มีจิตใจงดงาม ดูจะไม่กังขาในคำพูดของลูกพี่ลูกน้องแม้แต่น้อย
‘ซองกุกอุนไม่เชื่อใจลูกหลานหรือพวกเผ่าแท้โดยสิ้นเชิง…’
คราวก่อนก็พยายามตรวจสอบว่าฉันเป็นเผ่าแท้หรือลูกหลานหรือไม่
เขาคงฝังใจด้วยเหตุผลบางอย่าง
คงจะดีไม่น้อย ถ้าภารกิจขุดคุ้ยตำนานสยองขวัญในคราวนี้ ช่วยให้ฉันได้ทราบสาเหตุดังกล่าว
* * *
ห้องพักของฉัน, หลังเสร็จมื้อค่ำ
ตอนนี้ได้รับภารกิจใหม่เป็นการสืบสวนตำนานสยองขวัญ แต่ก่อนหน้านั้นมีเรื่องที่ต้องสะสางให้เรียบร้อย
‘ถึงจะเอาไปแบ่งให้เพื่อนในห้องแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกเพียบอยู่ดี’
กล่องขนมต็อกกระต่ายจันทร์ยังคงกองสุมอยู่ในห้องนั่งเล่น
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันต้องกินมันตลอดสามมื้อไปอีกหลายวัน
‘กินคนเดียวไม่ไหวแน่…’
ก่อนอื่น ฉันแยกขนมต็อกรส ‘ซูรีจวี*’ ที่อ๊กโทยอนชอบไว้ต่างหาก (*ผักประเภทหนึ่งของเกาหลี)
ซูรีจวีต็อก, ซูรีจวีม้วนใส่ไส้, ซูรีจวีคลุกถั่ว และอีกมาก
คงใช้เวลานานกว่าจะกินหมด เพราะผลิตภัณฑ์ต็อกรสซูรีจวีมีเยอะกว่าที่คิด
‘ในเมื่อเป็นรสที่อ๊กโทยอนชอบ อย่างน้อยก็ควรกินแล้วแสดงความคิดเห็น ถึงจะกินไม่หมด แต่ก็ต้องแสดงความจริงใจ’
ส่วนขนมต็อกที่เหลือ ฉันจะนำไปแจกเป็นของขวัญ
‘คนแรกก็…’
แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าบ่วง
เมื่อเห็นขนมต็อกสีขาวลายกลีบซากุระ ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเจ้าบ่วง
ถึงมันจะยังไม่ให้อภัย แต่ทางนี้ก็อยากส่งของขวัญให้
‘…ถ้าให้แล้วไม่รับล่ะ? ถ้าไม่ชอบขนมต็อกล่ะ? ถ้ามันโกรธยิ่งกว่าเดิมล่ะ… จะทำยังไงดี’
ฉันค่อนข้างกังวล แต่หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ก็ได้ข้อสรุปว่าควรมอบให้เป็นของขวัญ
ฉันเลือกกล่องที่ห่อสวยที่สุดแล้วแยกออกมาไว้ต่างหาก
ถัดไปเป็นของแบคโฮกุน
‘เราควรขอบคุณเขา’
แบคโฮกุน ผู้มอบคำแนะนำเกี่ยวกับคราดซ่างเป่าซินจิน ภายในหอฝึกสีเงิน
ไม่เพียงจะช่วยชี้แนะ แต่ยังคอยเป็นครูฝึกการต่อสู้เพื่อเพิ่มค่าความชำนาญ
‘ถึงจะน่าหงุดหงิดที่ถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวในการดวลก็เถอะ… แถมยังไม่ได้เล่นหมากรุกด้วยกัน ด้วยข้ออ้างว่าเราคงเหนื่อย’
หลังจากตัดสินใจมอบของขวัญให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์กับเสือขาว หลายชื่อทยอยผุดขึ้นตามมา
คนถัดไปคืออูซังฮี ผู้ช่วยชีวิตเสือแดงไว้
หากเป็นในเกม อูซังฮีจะชอบผลไม้
‘หลังจากอูซังฮุนตาย เธอก็แทบไม่กินอะไร… โดวอนอูต้องคอยเอากระเช้าผลไม้มาวางในห้องสภานักเรียน’
ฉันแยกกล่องขนมต๊อกรสผลไม้ซึ่งเธอน่าจะชอบออกมา
‘ต่อไปเป็นใครดี…’
จูซูย็อกที่ช่วยแนะนำส่วนต่างๆ ของคีโมโพลียา
จางนัมอุก ผู้หงุดหงิดตัวเองที่ไม่สามารถเฉิดฉายได้ในปาร์ตี้บนเรือ
โดซีฮูซึ่งเผชิญกับโรคเมาเรือและปัญหาทางบ้าน
พัคซึงยอน ผู้มิอาจทะลุเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศในทัวร์นาเมนต์หมากรุก
กลุ่มนักเรียนชั้นปี 2/0 ที่มาช่วยเชียร์ในการแข่งหมากรุก
ซองซีวานซึ่งคอยแบ่งของกินให้ฉัน ทุกครั้งที่สมาคมปีกธรณีได้รับแจก
กล่องขนมต็อกกระต่ายจันทร์ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว หลังจากเลือกได้ว่าจะแจกจ่ายให้ใคร
‘ที่เหลือแบ่งกันคนละครึ่ง ระหว่างชมรมหนังสือพิมพ์กับเพื่อนในห้อง’
หลังจากหนึ่งวันจบลง ฉันเตรียมเข้านอนเร็วกว่าปกติ
ปิ๊งป่อง!
ข้อความถูกส่งเข้ามายังดีไวซ์
ผู้ส่งคือคิมยูรี
[คิมยูรี] (รูปภาพ)
[คิมยูรี] รูปที่ถ่ายในวันนี้ล่ะ! ฉันเพิ่งแต่งรูปเสร็จ ^▽^!
รูปหมู่ที่มีฉันกับมินกือรินอยู่ด้วย
รูปคลาสเรียนทำอาหาร หลังจากเราสองคนปลีกตัวกลับมาก่อน
รูปหมู่ก่อนกินมื้อค่ำ
ข้อความจากคิมยูรี เต็มไปด้วยรูปของเด็กปี 1/0
นอกจากนั้นยังมีรูปวังจีโฮกำลังเล่นสนุก
‘หมอนั่นคิดอะไรอยู่…’
รูปของผู้เข้าคลาสเรียนแต่ละคน ที่ถ่ายคู่กับอาหารฝีมือตัวเอง
ท่ามกลางจานลาซานญ่า สปาเก็ตตี้ และมีตบอล วังจีโฮถือเนื้อตุ๋นหม้อไฟ
‘แต่ดูเหมือนจะถูกปากเด็กๆ’ nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
คำนึงจากรูปถัดไป เนื้อตุ๋นหม้อไฟหมดก่อนใครเพื่อน
โดยเฉพาะฮันอีที่กินอย่างเอร็ดอร่อย พลางทำหน้าเครียดขณะวิเคราะห์ส่วนผสม
แม้วังจีโฮจะไม่ได้อยู่ในเฟรม แต่แค่ดูจากรูป ฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะ ‘ฮะฮะฮะ!’ จากที่ใดสักแห่งในบ้าน
[คิมยูรี] ครั้งหน้าต้องอยู่กินให้ได้นะ!
[คิมยูรี] พรุ่งนี้เช้ารอกินมาคารงได้เลย! ไว้เจอกัน >▽<
ในส่วนท้ายข้อความ คิมยูรีได้แนบรูปถ่ายมาคารงที่เพิ่งอบเสร็จ
ฉันไม่ได้รู้สึกแปลกๆ กับข้อความที่เปี่ยมไปด้วยมิตรภาพนี้
สัมผัสได้เพียงมุมดีๆ ของหัวหน้าห้อง ผู้ทำตัวร่าเริงและเป็นห่วงทุกคนเหมือนทุกครั้ง
‘…มันคงจะอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก’
หัวใจของฉันเริ่มหนักอึ้ง เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่า คิมยูรีต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นตามลำพัง
* * *
หลังจากสิ้นสุดวันธรรมดา
ก็ถึงวันเสาร์ที่พวกเรามีนัดแวะไปสัมภาษณ์ทีมทะเลสาบนิรันดร์
ทะเลสาบโซลตะวันตก, ย่านซินวอล, เขตยังชอน, กรุงโซล
จากอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบกลาง ฉันมองเห็นตึกที่ปกคลุมด้วยโลหะต่างโลกสีน้ำเงิน
“สุดยอด… ทั้งทะเลสาบทั้งตึก… สวยชะมัด!”
“ถ่ายรูปดีกว่า!”
“นั่นคือตึกของทะเลสาบนิรันดร์ใช่ไหม”
“อยากไปถึงไวๆ จังเลย”
“เดี๋ยวนะ รอก่อน”
เมื่อคืน ควอนเจอินได้ฝากข้อความถึงฉันว่า พอถึงหน้าทะเลสาบกลางแล้วให้ส่งข้อความไปบอกก่อน
ฉันหยุดเด็กๆ พลางส่งข้อความไปหา
[ฉัน] มาถึงหน้าทะเลสาบกลางแล้ว ไว้ไปถึงหน้าตึกทีมจะส่งข้อความไปอีกครั้งนะครับ
ปิ๊งป่อง!
มีคำตอบกลับมาทันที
[ควอนเจอิน] อย่ามา!
อยู่ดีๆ เธอก็พูดจาแปลกๆ
อย่าเข้าไป?
หรือว่าเราต้องพาเด็กๆ กลับ?
‘ควอนเลนาต้องผิดหวังมากแน่’
ควอนเจอินไม่อยากเจอหน้าหลานสาวรึไง?
หรือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่พบหน้าหลานไม่ได้
อีกหนึ่งข้อความถูกส่งมาถึงฉัน ผู้กำลังสับสนเล็กๆ
[ควอนเจอิน] ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ
อะไรอีกล่ะเนี่ย
ควอนเจอินมีพรสวรรค์ในการทำให้คู่สนทนาสับสนด้วยอักษรไม่กี่ตัว
“หืม…”
ในตอนนั้นเอง วังจีโฮแหงนหน้ามองท้องฟ้าสลับกับทะเลสาบด้วยตาเป็นประกาย
ถือเป็นลางไม่ดี หากได้เห็นหมอนี่ทำตาเป็นประกาย
ซู่วววว—!
บรรยากาศมืดลงกะทันหัน
มองไปรอบตัว คลื่นพลังวิเศษเริ่มปกคลุมเหนือทะเลสาบ จนทิวทัศน์มืดฟ้ามัวดิน
“อ…เอ่อ…”
“คลื่นพลังวิเศษ!”
ณ ตำแหน่งต้นตอของคลื่นพลังวิเศษ มีจาเร็ดลียืนอยู่
เขาคลุมท้องฟ้าด้วยการแผ่พลังคลื่นวิเศษเป็นวงกว้าง
‘นี่สินะ พลังของจาเร็ดลี… ผู้ถูกทาบทามจาก ‘สัจจะสามอัศวิน’ ตั้งแต่ยังวัยรุ่น!’
เมื่อทะเลสาบโซลตะวันตกมืดสนิท สปอตไลท์สว่างขึ้นจากจุดหนึ่ง
เป็นกลุ่มลำแสงสีน้ำเงินอันเข้มข้นจากไฟพาร์ (Par LED) ซึ่งควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
ปลายทางของกลุ่มแสง คือใจกลางทะเลสาบกลาง
“ตรงนั้นมีคนอยู่!”
“รุ่นพี่ควอนเจอิน!”
“สุดยอด… กำลังยืนบนน้ำ!”
“กำลังใช้สกิล? หรือผลจากพรคุ้มครอง? หรือแสงประทาน?”
“นี่มันอะไร…”
ทะเลสาบกลางมีพื้นที่กว้างขวางถึง 18,000 ตารางเมตร และยังมีน้ำพุดิจิทัลติดตั้งไว้ทั้งสิ้น 41 จุด
เหนือทะเลสาบซึ่งพื้นหลังและแสงไฟ ถูกเปลี่ยนให้เหมือนอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต
ใจกลางทะเลสาบมีควอนเจอิน ผู้แต่งกายด้วยเดรสทรงเมอร์เมด (Mermaid-Line Dress)
หญิงสาวหลับตาสงบนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะเริ่มกระชากคันชักไวโอลินลงบนสาย
ซว่าา—!
เมโลดีสาดกระจายไปทั่วสวนสาธารณะตามการบรรเลงของเธอ
เพื่อสอดรับกับเมโลดี น้ำพุดิจิทัลรอบๆ เริ่มตอบสนองพร้อมกัน
เด็กๆ ที่คุยกันจนถึงเมื่อครู่ ปิดปากเงียบสนิทด้วยความรู้สึกเอ่อล้น
‘ยิ่งกว่าที่เคยได้ยินมาอีก!’
เมื่อผ่านไปครึ่งเพลง ควอนเจอินเริ่มก้าวเท้าไปบนผิวทะเลสาบ
ขณะย่างกราย กระแสของคลื่นพลังวิเศษ รวมถึงสปอตไลท์คอมพิวเตอร์ค่อยๆ แผ่เป็นวงกว้าง
‘แสงประทาน’
แสงประทานของควอนเจอิน— ‘เพลงขับกล่อม’
แสงประทานซึ่งเคยสร้างทะเลสาบ พร้อมกับให้กำเนิดปาฏิหาริย์ ณ รอยแยกแมนเชสเตอร์
เป็นพลังเชิงนามธรรมสุดโกง ที่จะช่วยบรรเลงบทเพลงขับกล่อม ตามความสามารถทางดนตรีของเธอ
แสงประทานสุดโกงนั่น กำลังถูกใช้อย่างเสียของต่อหน้าเด็กม.ปลาย
‘ลงทุนทำถึงขนาดนี้ เพียงเพราะหลานและเพื่อนๆ จะมาหา…’
และยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นแสงประทานอันยิ่งใหญ่ของจาเร็ดลีด้วยตาตัวเอง
…ถูกนำมาใช้เสียของไม่ต่างกันเลย
‘เล่นใหญ่ขนาดนี้ คนในทีมไม่คิดจะห้ามเลยหรือ’
ตรงกันข้าม ลูกทีมที่ต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการจัดคอนเสิร์ต ดูเหมือนจะคอยให้ท้ายควอนเจอินสุดตัว
ไม่นานหลังจากการแสดงจบลง กลางคืนเลือนหายไป แสงสว่างกลับมายังผืนทะเลสาบ
ราวกับทุกคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ความฝัน
‘เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่เล่นเบอร์ใหญ่ไปหน่อยไหม… พวกเด็กๆ ต้องเอะใจแน่’
กับวังจีโฮไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร
แต่ถ้าเด็กคนอื่น รวมทั้งควอนเลนามองว่าไม่ปกติล่ะ?
ทว่า ความกังวลของฉันกลายเป็นหมัน
“สุดยอด… เท่ชะมัด! รู้งี้น่าจะถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูป! สมแล้วที่เป็นรุ่นพี่ควอนเจอิน…”
เด็กๆ ยังคงซาบซ่าน แม้การแสดงจะจบไปได้สักพักแล้ว
ระหว่างนั้น ควอนเลนากล่าวชื่นชมด้วยเสียงตื้นตันใจ
ในสายตาของแฟนคลับควอนเจอิน เมื่อครู่คงเป็นแค่การแสดงเท่ๆ และแปลกตาตามสไตล์บลูไวโอลินิสต์สินะ
—
MasterGU.edited = เสียงของ->เสียของ, เท่ชะม้ด->เท่ชะมัด