เหนือก้อนเมฆที่กำลังขยับเข้าใกล้คีโมโพลียา
ตือหงอเหนงผู้ชักคราดกลับ หรี่ตาลงเพื่อสังเกตเรือสำราญ
เนื่องจากความเกียจคร้านในการฝึก ศาสตร์แห่งบาเรียของมันจึงยังอ่อนแอ แต่ก็อยู่ในระดับที่สามารถจำแนกว่า ตอนนี้บาเรียของเรือยังไม่หายไปไหน
‘เราใช้ซี่คราดไปแล้ว… แต่บาเรียยังไม่หายไป?’
ใบหน้าตือหงอเหนงบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
นี่ไม่มีทางเป็นความผิดของตน มันจึงโทษคราดซ่างเป่าซินจิน
‘บัดซบ! ไอ้คราดขยะนี่เจ๊งแล้วรึไงวะ!’
มือของมันออกแรงบีบเพิ่มตามความเคยชิน
‘ไม่ใช่เวลามัวเสียดายแล้ว เดี๋ยวหลังเที่ยงคืนจำนวนครั้งก็จะถูกรีเซตใหม่’
ในอ้อมแขนตือหงอเหนง มีไอเท็มการ์ดที่กำลังส่องแสงของลางร้าย
‘อีกทั้งข้าคนนี้ยังมีสิ่งได้จากการทำข้อตกลงกับเผ่าอสูรอย่าง ‘หายนะ’ … ของแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา!’
ตือหงอเหนงยกคราดซ่างเป่าซินจินแล้วเล็งมาทางคีโมโพลียา
* * *
บาเรียของวังจีโฮหายไปแล้ว ฉันต้องเผชิญกับคราดซี่ถัดไปด้วยตัวเอง
‘เท่าที่ตรวจสอบดู แถวนี้ไม่มีใครอยู่’
โชคเข้าข้าง วันนี้ท้องฟ้าปลอดเมฆ พระจันทร์จึงสว่างสุกใสเป็นพิเศษ
แสงประทานที่เหมาะแก่การอพยพมากที่สุดถูกเรียกใช้
〈ท่านใช้แสงประทาน, เส้นทางเพลเยอร์〉
〈ท่านใช้แสงประทานของเป้าหมาย, พระเวทโพธิสัตว์ใต้แสงจันทร์〉
ฉันเลือกแสงประทานของ ‘แสงวาบในรัตติกาลสีดำ—โอเยจี’
ในยามพระจันทร์เฉิดฉาย มันคือสุดยอดทักษะเคลื่อนที่
ฉึบ!
เพียงกระโดดแผ่วเบา ร่างของฉันล่องลอยไปไกล
ขณะออกห่างจากหัวเรือค่อนข้างมาก
คลื่นพลังวิเศษที่พุ่งมาจากด้านนอกบาเรีย เข้าปะทะกับคีโมโพลียา
บึ้มมมมม—!
ครืนนนน!
บาเรียถูกทำลายในทันที ผิวเรือส่วนหัวเรือที่ทำจากโลหะต่างโลก ยับยู่ยี่ราวกับกระดาษถูกขยำ
ดาดฟ้าหัวเรือพังยับเยินในสภาพคล้ายถูกเขี้ยวสัตว์ใหญ่ข่วน
ต้นเสาที่ฉันเคยซ่อนตัว ชำรุดหนักจนแทบจะหักโค่น
นี่มิใช่การโจมตีที่หวังผลทำลาย แต่เป็นแค่การสลายบาเรีย พร้อมกับแยกทีมรักษาความปลอดภัยออกจากเหยื่อ
‘เหลืออีกห้าซี่’
บี๊บ!
ดีไวซ์ของฉันได้รับแจ้งเตือนจากกัปตันเรือ เกี่ยวกับการปะทุอย่างต่อเนื่องของคลื่นพลังวิเศษ
‘ถึงตรงนี้ กัปตันและลูกเรือคงสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว’
หรือถ้ามีเพลเยอร์ในหมู่ลูกเรือ พวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวทันที
รายงานจะถูกส่งไปถึงผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป และทีมรักษาความปลอดภัยก็จะถูกส่งมายังจุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบ
‘มานั่นแล้ว…’
ทีมรักษาความปลอดภัยที่มีคิมชอล—เลขาส่วนตัวของจูซูย็อก มาถึงจุดเกิดเหตุ
คำนึงจากชุดสูทที่มีสองแบบ ดูเหมือนทีมบอดี้การ์ดของทั้งจูโอและ TC จะมารวมตัวกัน
“คลื่นพลังวิเศษตามธรรมชาติปะทุได้หนักหน่วงขนาดนี้เชียว…”
“ระดับสูงกว่า SR แน่นอน”
“ถ้ามันปะทุอีกรอบ พวกเราจะหยุดไว้ได้ไหม”
“ถ้าเราทุกคนปล่อยคลื่นพลังวิเศษออกมาพร้อมกัน มีโอกาสที่จะเบี่ยงเบนทิศทางสำเร็จ”
ระหว่างกำลังปรึกษาหารือ
มีสัญญาณของคลื่นพลังวิเศษระลอกถัดไป พุ่งเข้าหาจากระยะไกล
เพลเยอร์ผู้มีสกิลวิสัยทัศน์ซึ่งยืนหน้าสุดของกลุ่ม รีบร้องตะโกน
“คลื่นพลังวิเศษกำลังพุ่งมา! ความรุนแรงที่วัดได้คือ… SR+++ ไม่ใช่ SSR หรือสูงกว่า! จะเข้าปะทะคีโมโพลียาในอีกสามสิบวินาที!”
เสียงถอนหายใจดังระงมจากกลุ่มทีมรักษาความปลอดภัย
“เวรจริงๆ!”
“ถ้าของแบบนั้นกระแทกเข้ากับคีโมโพลียา…”
“ปล่อยคลื่นพลังวิเศษ! คิมชอลใช้ไอเท็มบาเรีย!”
“รับทราบ!”
“เล็งซัดใส่คลื่นพลังวิเศษในแนวเฉียงเพื่อเบี่ยงเบนทิศทาง!”
ภายใต้คำสั่งของหัวหน้าทีม หน่วยบอดี้การ์ดเริ่มปล่อยคลื่นพลังวิเศษหรือใช้ไอเท็ม
นับตั้งแต่ทำสงครามกับต่างโลก ธุรกิจบอดี้การ์ดจำเป็นต้องเสี่ยงตายมากขึ้น
‘แต่ถึงอย่างนั้น หลายคนคงยังไม่เคยรับมือกับคลื่นพลังวิเศษตามธรรมชาติ’
ทุกคนมีสายตามุ่งมั่น
บางคนกลัว แต่ก็ไม่คิดเผ่นหนี
‘ทั้งที่ไม่มั่นใจ แต่ก็ไม่มีใครหนีไปไหน’
น่านับถือหัวใจอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับบอดี้การ์ดห่วยๆ ในงานประมูลมายา
แน่นอน ยกเว้นบอดี้การ์ดหญิงผู้ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยซาวอลเซอึม
‘รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะมา… วางแผนง่ายขึ้นเยอะเลย’
ฉันเคยเห็นความเคลื่อนไหวของทีมบอดี้การ์ดในเกม
จึงเตรียมขั้นตอนถัดไปรอไว้แล้ว
〈ท่านใช้แสงประทานของตัวละคร, ‘มาร์ชยาตราทัพ’ 〉
แสงประทานที่เรียกใช้เป็นของพัคซึงยอน—ตัวละครควบคุมได้ที่ฉันช่วยไว้ในวันเอพริลฟูล
พัคซึงยอนมีแสงประทานสุดโกงซึ่งสามารถเพิ่มขีดจำกัดทางร่างกายให้เพลเยอร์ ช่วยให้เป้าหมายปล่อยคลื่นพลังวิเศษออกมาได้มากกว่าปกติ
‘ในกรณีที่เป้าหมายมีจำนวนมาก คงยากที่จะรักษามาร์ชยาตราทัพไว้ได้นาน… แต่ถ้าใช้แค่จังหวะที่เขาเตรียมยิงคลื่นพลังวิเศษออกไปพร้อมกัน…!’
เมื่อทีมรักษาความปลอดภัยสั่งสมคลื่นพลังวิเศษจนใกล้ปะทุ
ฉันจะเรียกใช้แสงประทานของพัคซึงยอนเพื่อมอบพลังให้ทุกคน
อ้างอิงจากคำอธิบายในเกม ขอแค่เสียงฮัมเพลงหรือเสียงผิวปากดังไปถึงหู เป้าหมายก็จะได้รับผลของแสงประทาน
เสียงคล้ายเสียงลมพัดเริ่มแผ่ออกจากใบหูทั้งสองของฉัน
วี้~
“เดี๋ยว… ได้ยินอะไรกันไหม”
“เสียงผิวปาก?”
“ไม่ใช่เวลามัวสนใจเรื่องนั้น!”
ฟ้าว!
คลื่นพลังวิเศษที่ตือหงอเหนงยิงมาโดยเลียนแบบคลื่นตามธรรมชาติ
กับคลื่นพลังวิเศษของทีมรักษาความปลอดภัย ซึ่งถูกเสริมแกร่งโดย ‘มาร์ชยาตราทัพ’ ของพัคซึงยอน
พลังงานสองขั้วปะทะกัน
เปรี้ยง—!
เป็นไปตามที่หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยคาดหวัง คลื่นพลังวิเศษของตือหงอเหนงถูกหักเหจนตกลงไปกลางทะเล
คลื่นทะเลขนาดมหึมาก่อตัวทันที แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้คีโมโพลียารอดพ้นจากการเสียหายหนัก
‘เยี่ยม! ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยน เราคงป้องกันคราดได้อีกสักซี่…’
ตอนนี้คราดเหลือสี่ซี่
ทางฉันมีแสงประทานของพัคซึงยอนที่คอยสนับสนุนทีมรักษาความปลอดภัย
นอกจากนั้นยังมี ‘เงินทอนของผู้ลบล้าง’ สำหรับขจัดศักยภาพ
รวมไปถึง…
ตุ้บ!
ขณะฉันกำลังใช้ความคิด
หนึ่งในทีมบอดี้การ์ดล้มลง
ทั้งร่างกายและคลื่นพลังวิเศษของเขาดูไม่ปกติ
คนอื่นๆ ทยอยล้มตามลงไป
‘อย่าบอกนะว่า…!’
ฉันรีบส่งข้อความหาอ๊กโทยอน
[ฉัน] เพิ่มระดับการตรวจจับของแผนผังวันจันทราจนถึงค่าสูงสุด!
[อ๊กโทยอน] …หือ ทำไมล่ะ?
[ฉัน] เร็วเข้า!
ช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาที กลับรู้สึกยาวนานนับชั่วโมง
ผู้ที่ตอบกลับมามิใช่อ๊กโทยอน แต่เป็นวังจีโฮ
[วังจีโฮ] นังกระต่ายจันทร์พูดไม่รู้เรื่องเพราะปวดหัว
[วังจีโฮ] เห็นว่าหัวเรือของคีโมโพลียาเต็มไปด้วยพิษวิเศษที่เหมือนกับในทะเลสาบซอกชน
[วังจีโฮ] ในไม่ช้าพิษวิเศษจะแพร่ไปถึงตำแหน่งของนาย
พิษวิเศษสามารถปนเปื้อนร่างกายที่มีพลังวิเศษ
ดูเหมือนตือหงอเหนงจะแพร่พิษวิเศษขึ้นมาบนเรือ
‘ในเกมไม่มีรอยแยกแช่แข็งใต้ทะเล เราเลยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้…!’
ดูเหมือนเผ่าอสูรจะประสบความสำเร็จในการแยกพิษวิเศษจากรอยแยกแช่แข็ง
และพิษนั่นได้ถูกเปลี่ยนเป็นการ์ด แล้วนำมาให้ตือหงอเหนงใช้งาน
[วังจีโฮ] ยังเหลือคราดอีกสี่ซี่ แถมตอนนี้พิษวิเศษกำลังแพร่กระจาย
นอกเหนือจากซี่ของคราด ตือหงอเหนงได้เตรียมปัจจัยภายนอกมาช่วยสนับสนุนแผนของมัน
ถึงเวลาที่ฉันต้องตัดสินใจ ว่าจะแก้หมากนี้อย่างไร
‘ร่างกายวิเศษของอันดาอินมีผลแค่รัศมีสิบเมตร… ไม่มีทางควบคุมพิษที่แพร่ไปทั่วดาดฟ้าเรือ’
ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าพิษวิเศษแพร่กระจายได้ไกลแค่ไหนโuเวลกูดoทคoม
อาจส่งผลไปถึงเพลเยอร์ที่รับมือกับรอยแยกด้านหลังคีโมโพลียา
‘พิษวิเศษไม่ทำให้ถึงตายก็จริง แต่ถ้าติดพิษระหว่างกำลังสู้กับเอนามี…’
โศกนาฏกรรมทะเลสาบซอกชนซึ่งทีมเพลเยอร์ที่ติดพิษ ถูกเอนามีกวาดล้างจนเกลี้ยง จะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง
ตอนนี้ตัวละครของฉัน เพื่อนและคนรู้จักของพวกเขา กำลังทุ่มสมาธิอยู่กับการรับมือรอยแยกต่างโลก
แค่ลองจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากพวกเขาได้รับพิษวิเศษ ฉันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง
[วังจีโฮ] ฉันคงต้องออกโรงแล้ว
ถ้าวังจีโฮออกหน้า ตือหงอเหนงจะถูกจัดการในพริบตา
แต่นั่นจะทำให้ความพยายามของเสือแดงสูญเปล่า และ ‘เผ่าหางยาว’ ที่เห็นเผ่าเสือออกหน้า จะยิ่งปกปิดตัวตนให้ชิดมิด จนกลายเป็นปัญหากับฝ่ายเราในระยะยาว
[ฉัน] อย่า
หลังจากส่งข้อความ ฉันตัดสินใจหนักแน่น
‘ห้ามลังเล เราไม่มีเวลาแล้ว!’
หลังเที่ยงคืน คราดซ่างเป่าซินจินจะกลับมาใช้ได้เต็มจำนวนอีกครั้ง
ฉันรีบควักไอเท็มการ์ดเกรด SSR+++ ‘เงินทอนของผู้ลบล้าง’ ซึ่งมีคุณสมบัติลบศักยภาพระดับต่ำกว่าเกรดที่กำหนด
‘ก่อนอื่นก็ต้องลบพิษวิเศษด้วยเงินทอน’
นั่นเท่ากับว่า ฉันสูญเสียไพ่เด็ดสำหรับลบ ‘ซี่’ ของคราดไปอีกหนึ่ง
ซ่า!
การ์ดเกรด SSR+++ เริ่มทำงานของมัน
เงาของชายผู้ห่อหุ้มร่างด้วยขนหมีสีขาวโพลน ปกคลุมทั่วลำเรือ
เมื่อเงาหายไป ฉันเห็นคนของทีมรักษาความปลอดภัยที่สลบไปเพราะพิษ ทยอยกลับมาหายใจคล่องอีกครั้ง
‘จบปัญหาไปหนึ่ง… แต่ก็มีปัญหาใหม่ตามมา’
มิใช่แค่เพราะฉันสูญเสียหนึ่งในมาตรการรับมือกับซี่คราด
“ไอ้เวรหน้ากากอีกา!”
การใช้ไอเท็มที่มีเกรดสูง
เป็นธรรมดาที่จะถูกอ่านกระแสพลัง
ตือหงอเหนงพบตำแหน่งของฉันแล้ว
มันกำลังเผชิญหน้ากับฉัน ผู้สวมหน้ากากอีกา
“นึกแล้วเชียว… แกคือคนที่คอยขัดขวางพลังของคราดสินะ!”
ตือหงอเหนงคำรามดังลั่น
ด้วยเสียงที่ชเวย็อนทึกเผลอเลียนแบบจนใกล้เคียง เนื่องจากใช้เวลาอยู่ด้วยค่อนข้างนาน
อีกฝ่ายย่อมทราบดีว่า บุคคลผู้ทำลายธุรกิจของชเวย็อนทึกจนป่นปี้คือหน้ากากอีกา
“ตายซะ”
คราดซี่ที่ห้าถูกเล็งมาทางฉัน
ขณะเปิดใช้หนึ่งในเส้นทางเพลเยอร์
ฉึก!
ซี่คราดทะลวงเข้าไปในท้องของฉัน
* * *
ดาดฟ้าท้ายเรือคีโมโพลียา
ด้านหน้ารอยแยกต่างโลกเกรด SR+++ ที่ปรากฏในรูปเกาะ
หน่วยบุกประกอบด้วยโดวอนอู โอเยจี จูซูกย็อม และอาจารย์กวัก
หน่วยป้องกันที่คอยยืนประจำการ มีจูซูย็อก เม็งเฮียวทง และเพื่อนของอาจารย์กวักที่สวมฮันบก
ตอนแรกโอเยจีกังวลความปลอดภัยของรุ่นน้องปีหนึ่ง จึงอาสาอยู่หน่วยป้องกัน แต่เพื่อนของอาจารย์กวักช่วยพูดให้สบายใจ
“ทุกคนสามารถใช้แสงประทานได้โดยไม่ต้องคิดมาก”
“โชคดีที่เริ่มก่อนเที่ยงคืน! ถึงจะใช้ไปตอนนี้ อีกเดี๋ยวก็รีเซตแล้ว”
จูซูย็อกเรียกใช้แสงประทานอย่างไม่เสียดาย พลางพุ่งจู่โจมเอนามีด้วยดาบคู่ประจำกาย—สองปีกจรัส
หากเอนามีโผล่ขึ้นสองตัวพร้อมกัน เม็งเฮียวทงจะคอยใช้แสงประทานตรึงเอาไว้หนึ่งตัว
ไม่มีช่องว่างให้เอนามีบุกขึ้นเรือได้เลย
“หืม…”
สหายอาจารย์กวักไม่มีอะไรให้ทำ เพราะนักเรียนทั้งสองต่อสู้ได้ดีเกินไป
ถึงจุดหนึ่ง เขาเริ่มสนใจการต่อสู้ของเม็งเฮียวทง
‘…น่าหงุดหงิดชะมัด’
เม็งเฮียวทงรู้สึกอึดอัด แต่ก็อดทนไว้เพราะปรมาจารย์ฮันบก คือสหายของอาจารย์ดาบจูซูย็อก
กลับกัน เพื่อสงบสติอารมณ์ เม็งเฮียวทงเปิดหัวข้อสนทนา
“ว่าแต่… ทำไมรองหัวหน้าห้องยังไม่มาอีก?”
“หือ… หรืออึยชินจะไม่ได้ยินสัญญาณเตือน หรือเขาก็เมาเรือเหมือนกัน?”
“ต้องแอบไปทำอะไรมีพิรุธแน่ๆ”
ครืงงงงง!
บทสนทนาดำเนินไปไม่ยาวนัก
เอนามีชุดใหม่บุกเข้ามาโจมตีคนทั้งสอง
อย่างไรก็ดี เพียงหมัดแย็บส่งๆ ของเม็งเฮียวทง ทำเอาเอนามีถึงกับกระเด็นไปไกล และสองปีกจรัสของจูซูย็อกได้ฟันใส่จุดอ่อนอย่างแม่นยำ
บุคคลที่เม็งเฮียวทงเรียกว่าปรมาจารย์ฮันบก มองการต่อสู้ด้วยตาลุกวาว
* * *
ในฐานะแม่ทัพสวรรค์เทียนเผิงผู้เคยผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วน รวมถึงในบทบาทของตือโป๊ยก่ายผู้เดินทางไปยังชมพูทวีปสำเร็จ
ประสบการณ์สอนให้มันรู้ว่า ควรรีบกำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นซาก
ตือหงอเหนงจึงใช้คราดโจมตีโดยไม่รอสืบข้อมูลให้แน่ใจ
มนุษย์สวมหน้ากากอีกาเริ่มซวนเซหลังจากถูกซี่คราดเสียบทะลุร่าง
หน้ากากอีกาพยายามยกมือที่สั่นเทาด้วยความเจ็บปวดขึ้น
‘ไอ้ระยำ! โดนคราดเข้าไปแล้วทำไมยังขยับได้อีก!’
หากถูกทะลวงร่างด้วยคราดซ่างเป่าซินจินที่กระตุ้นพลัง ภายในของเหยื่อจะฉีกขาดตามจำนวนซี่ที่เหลืออยู่ และคลื่นพลังวิเศษจะเริ่มปั่นป่วน
ในเมื่ออำนาจอันล้ำค่าของซี่คราดถูกใช้เพื่อทำลายคนคนเดียว มันย่อมรุนแรงถึงเพียงนั้น
แม้จะอานุภาพจะลดลงเพราะเหลือซี่คราดไม่มาก แต่ก็มิใช่ความเจ็บปวดที่มนุษย์จะทนไหว
‘ดูยังไงก็ไม่ใช่เผ่าแท้หรือลูกหลาน…’
ต้องเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถทางด้านป้องกัน หรือฟื้นฟูร่างกายสูงมาก
คำนึงจากร่างกายที่ถูกพลังของคราดกัดกร่อนได้ค่อนข้างช้า ดูเหมือนว่า ‘การกัดกร่อน’ และ ‘การฟื้นฟู’ จะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
‘แต่ถึงอย่างนั้น ความเจ็บปวดก็ยังไม่หายไปไหน!’
ไอ้เวรนี่คุ้นชินกับความเจ็บปวด?
ควรใช้ซี่คราดเพิ่มดีไหม… ขณะตือหงอเหนงเริ่มลังเล
หมับ!
ชายสวมหน้ากากอีกายื่นมือมาจับด้ามคราดที่เสียบร่างตัวเอง
‘…กำลังยิ้ม?’
บริเวณปากมิได้ถูกบดบังด้วยหน้ากากอีกา
ตือหงอเหนงจึงมองเห็นริมฝีปากที่กำลังยกโค้งอย่างมีพิรุธ
ขณะมันกำลังตกตะลึง
เสียงแจ้งเตือนที่ได้ยินเฉพาะชายสวมหน้ากากอีกา—โชอึยชิน ดังขึ้น
〈สกิล ‘สรรพภัณฑ์’ ถูกกระตุ้น〉
—
MasterGU.edited = แสงประธาน->แสงประทาน, สองแสง->ส่องแสง