MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Deal Unseen/ข้อตกลงที่มองไม่เห็น (9)
จูโอกรุป หนึ่งในสี่กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของเกาหลี
หัวเรือของจูโอกรุปคือ ‘จู’ แต่ลูกหลานของผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง ‘โอ’ ก็ได้นั่งตำแหน่งประธานของบริษัทสำคัญในเครือ
โอเยจีคือหลานสาวของ ‘ประธานโอ’ หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของตระกูลโอ
เธอกำลังหลบหนี
‘ลงทุนเตรียมชุดที่เข้าคู่กับซูย็อกไว้ถึงสองชุด… เหลวไหลสิ้นดี!’
เธอเคยโล่งใจเมื่อได้ยินว่า จูซูย็อกทำลายทักซิโด้ทิ้งไปแล้วก่อนขึ้นเรือ
แม้จูซูย็อกจะไม่ได้สวมทักซิโด้ แต่ชุดเดรสกระโปรงบานทรงทีเลนจ์ก็ไม่ใช่รสนิยมของโอเยจี
เธอจึงหาข้ออ้างดีๆ เพื่อเปลี่ยนเดรสก่อนที่ปาร์ตี้ชมจันทร์จะเริ่ม
ทว่า ชุดสำรองที่เลขาเตรียมไว้ให้ กลับยังคงเป็นเดรสสีแซนด์พิงก์เหมือนเดิม
‘สีแซนด์พิงก์… ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบหรือเกลียด แต่ตอนนี้เกลียดแล้ว’
เมื่อโอเยจีเห็นสีดังกล่าว เธอรีบวิ่งไปทางหน้าต่างแล้วกระโดดออกมา
ภายใต้แสงจันทร์ หญิงสาวเรียกใช้แสงประทาน ‘พระเวทโพธิสัตว์ใต้แสงจันทร์’ ซึ่งเพิ่มแรงกระโดดและความเร็วใต้แสงจันทร์
หากแสงประทานของโอเยจีถูกเรียกใช้ด้วยเงื่อนไขที่เหมาะสม จะไม่มีใครในทีมรักษาความปลอดภัยของจูโอไล่เธอทัน
และตอนนี้
โอเยจีกำลังกระโจนไปตามราวเหล็กบนผนังด้านนอกตัวเรือ
‘ทำถึงต้องแก้ไขความบาดหมางในอดีตด้วยการคลุมถุงชนรุ่นเรา? พวกตาแก่น่ารังเกียจชะมัด… จูซูย็อกมีคนที่ชอบอยู่แล้วแท้ๆ’
จูซูย็อกกำลังมีรักแรก—รักที่ไม่หวังผลตอบแทน
แม้แต่คนที่ไม่รู้จักจูซูย็อกเลย ก็คงสังเกตเห็นได้ไม่ยากหากลองจับตาดูเขาสักสองสามวัน
‘…เด็กผู้หญิงในสภานักเรียน’
อันดาอิน เด็กปีหนึ่งอัจฉริยะที่แบ่งปันคะแนนท็อปร่วมกับจูซูย็อก
จูซูย็อกมักทำหน้าตาซื่อบื้อทุกครั้งที่เห็นอันดาอินอยู่ในระยะสายตา
แม้แต่ยอดมนุษย์ผู้สมบูรณ์แบบอย่างจูซูย็อก ซึ่งมักพบได้ในซีรีส์หรือภาพยนตร์ ก็ยังเป็นแค่เด็กม.ปลายธรรมดาเมื่ออยู่ต่อหน้าอันดาอิน
โอเยจีชอบเคมีของทั้งคู่ จึงแอบให้กำลังใจอยู่ห่างๆ
‘อันดาอินเองก็คงไม่ได้เกลียดจูซูย็อก… พวกเขาน่าจะชอบพอกัน’
โอเยจียิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อนึกถึงรุ่นน้องที่น่ารักทั้งสอง
‘เห็นทีคงต้องตั้งใจหนี… เพราะอีกเดี๋ยวทักซิโด้ตัวใหม่คงถูกส่งไปถึงซูย็อก!’
หลังจากกลับถึงบ้าน เธอสาบานว่าจะโยนเสื้อผ้าสีแซนด์พิงก์ทิ้งทั้งหมด
หญิงสาวกระโดดเข้าไปในหน้าต่างทางเดินซึ่งดูค่อนข้างเปลี่ยว
โอเยจีร่อนลงบนพรมทางเดินอย่างเงียบเชียบ
‘มีคนอยู่…!’
เธอเห็นคนใส่สูทเต็มยศยืนอยู่ไกลๆ
จึงเปิดประตูบานใกล้ที่สุดเพื่อเข้าไปซ่อนตัว
‘หืม…’
เมื่อปิดประตูสนิท กลิ่นบุหรี่ผสมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยโชยเตะจมูก
ห้องส่วนใหญ่อาจเป็นเขตห้ามสูบบุหรี่ แต่ก็มีบางจุดที่อนุญาตให้สูบได้
‘เลานจ์สูบบุหรี่? ดวงคนเรา…’
โอเยจีพยายามกระโดดออกจากหน้าต่างก่อนที่กลิ่นบุหรี่จะสัมผัสตัวเธอ
ขณะหญิงสาวขยับเข้าใกล้หน้าต่าง
“แถวนี้เป็นเขตหวงห้าม เธอเข้ามาได้ยังไง”
เสียงใครบางคนดังขึ้น
เมื่อโอเยจีหันไปมองตามทิศทางของเสียง เธอได้พบชายคนหนึ่งในชุดทักซิโด้
บุคคลดังกล่าวปลดเนกไทหลวม พลางคีบบุหรี่ที่มีควันโชย
โอเยจีรู้จักอีกฝ่าย
‘…พี่ซูกย็อม!’
ลูกพี่ลูกน้องของจูซูย็อก—จูซูกย็อม—หนุ่มบ้างานแห่งจูโอ ซึ่งเกือบได้เป็นคู่หมั้นกับพี่สาวของเธอ—โอเยจอง
สมัยโอเยจียังเด็กมาก เธอเคยเล่นกับจูซูกย็อมอยู่บ่อยๆ
จูซูกย็อมในความทรงจำ คือพี่ชายที่แสนดีสำหรับโอเยจี
‘ความขัดแย้งระหว่างจูกับโอยิ่งซับซ้อน เมื่อพิธีหมั้นของพี่ล่มไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน’
แตกต่างจากจูซูย็อกซึ่งเรียนที่เดียวกับเธอมาตั้งแต่ชั้นประถม โอเยจีแทบไม่มีโอกาสได้พบหน้าจูซูกย็อม ผู้แก่กว่าตนเกินสิบปี
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองจึงมิได้สนิทสนมกันเหมือนในอดีต
ยังไม่ทันที่โอเยจีจะกล่าวทักทาย
วี้!
จูซูกย็อมกดปุ่มโดยการบี้ก้นบุหรี่เข้ากับถาดเขี่ยบุหรี่สเตนเลส
หน้าต่างทุกบานเปิดออกทันที ลมทะเลพัดโชยเข้ามา แล้วหอบควันบุหรี่ลอยออกไป
‘พี่ซูกย็อมสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไร… ไม่สิ… เขาขยำบุหรี่ทิ้งเพราะเรา’
โอเยจีลังเลว่าเธอควรขอโทษ ขอบคุณที่เป็นห่วง หรือจากไปอย่างเงียบๆ ดี
จูซูกย็อมเอนหลังพิงกรอบหน้าต่างที่เปิดอ้า พลางจ้องหน้าโอเยจีที่ยังคงทำตัวไม่ถูก
ขณะโอเยจีเตรียมกล่าวบางสิ่ง
คูงงง—!
ลำเรือสั่นสะเทือนพร้อมกับส่งเสียงคำราม
โอเยจีรีบคว้ากรอบหน้าต่างไว้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
‘คีโมโพลียาที่มีระวางขับห้าหมื่นตัน สั่นขนาดนี้ได้ยังไง…’
ไม่กี่วินาทีถัดมา ข้อความแจ้งเตือนทยอยถูกส่งเข้าดีไวซ์
เนื้อหาแจ้งว่า ด้านหน้าเรือสำราญเกิดการปะทุของคลื่นพลังวิเศษตามธรรมชาติ จนเรือต้องทอดสมอสักระยะ
‘ปาร์ตี้ชมจันทร์คงต้องเลือนออกไป… โชคดีที่ไม่ร้ายแรงจนถึงกับต้องแล่นกลับฝั่ง’
หลังจากโลกเริ่มปะทะกับต่างโลก แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ก็มีกรณีที่คลื่นพลังวิเศษปะทุขึ้นจากดินหรือก้นทะเลจนเกิดอุบัติเหตุ
ขณะโอเยจีจมอยู่กับความคิด พลางตรวจสอบแผนผังแสดงจุดที่เกิดคลื่นพลังวิเศษตามธรรมชาติ ซึ่งแนบมากับข้อความแจ้งเตือน
“หยิบการ์ดอุปกรณ์ออกมา”
“คะ…?”
จูซูกย็อมหยิบการ์ดอุปกรณ์ของตน พลางมองไปยังอีกฟากหนึ่งของทะเล
* * *
การลอบสังหารผู้นำรุ่นถัดไปของจุโอกรุปและ TC กรุป
ไม่ว่าผู้นำเผ่าแท้จะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะฆ่ามนุษย์ซึ่งมีสถานะทางสังคมสูงระดับนั้น
เหนือสิ่งอื่นใด ‘ลอบสังหาร’ หมายถึงการฆ่าคนอย่างเงียบเชียบ
ลำพังการฆ่าก็ว่ายากแล้ว แต่ยากยิ่งกว่าเมื่อต้องกระทำโดยไม่ให้ถูกล่วงรู้ตัวจริง
อีกทั้งตือหงอเหนงยังโจมตีได้จำนวนครั้งจำกัด
‘ก่อนอื่นก็ต้องสืบหาว่าเมื่อไร, ที่ไหน และอย่างไร…’
ประการแรก ‘เมื่อไร’
‘ตือหงอเหนงต้องลงมือก่อนเที่ยงคืนแน่’
คราดซ่างเป่าซินจินถูกจำกัดจำนวนการใช้ต่อวัน
คำนึงจากการที่ตือหงอเหนงเคยลังเลที่จะใช้คราด แม้จะเป็นคำขอร้องจาก ‘ท่านผู้นั้น’ โดยตรง ฉันค่อนข้างมั่นใจเวลาที่มันเลือกลงมือ
‘ถ้าใช้ซี่ของคราดซ่างเป่าซินจินก่อนเที่ยงคืน จำนวนครั้งที่ใช้ได้จะรีเซตใหม่หลังเที่ยงคืน ส่งผลให้โอกาสล้มเหลวต่ำกว่า… ถ้าเราเป็นตือหงอเหนง คงเลือกลงมือก่อนเที่ยงคืนแน่นอน’
ประการที่สอง ‘ที่ไหน’
‘สถานที่ปลอดคน ถ้าเป็นไปได้ก็ในห้องพักของเหยื่อ’
อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยตารางงานที่แน่นขนัดไปจนถึงหลังเที่ยงคืน คงเป็นเรื่องยากที่ผู้นำรุ่นถัดไปทั้งสองจะมีจังหวะพักผ่อนในห้อง
และสุดท้าย ‘อย่างไร’ คือส่วนสำคัญที่สุดในแผนลอบสังหาร
‘ตือหงอเหนงต้องหาทางยกเลิกปาร์ตี้ชมจันทร์แน่…’
ปาร์ตี้ค็อกเทลชมจันทร์มีกำหนดจะเริ่มขึ้นภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจบกาล่าดินเนอร์ ลากยาวไปจนถึงช่วงส่ายของวันพรุ่งนี้
เมื่อปาร์ตี้ค็อกเทลชมจันทร์เริ่ม คงเป็นเรื่องยากที่จะติดตามความเคลื่อนไหวของเหยื่อระหว่างงานเลี้ยง
ดังนั้น ตือหงอเหนงต้องหาทางยกเลิกปาร์ตี้ค็อกเทลชมจันทร์แน่นอน
‘เราพอจะเดารูปแบบการลงมือของจอมบงการได้จากข้อมูลในเกม…’
กลยุทธ์หลักที่จอมบงการชอบใช้ก็คือ ‘หลอกตีตะวันออก’ และ ‘บุกจริงตะวันตก’
หรือที่เรียกกันในตำราพิชัยยุทธ์เรียกว่า ‘ล่อบูรพา ฆ่าประจิม’
เป็นกลยุทธ์ที่เล็งโจมตีตะวันตก โดยทำทีเป็นบุกตะวันออก
‘ในกรณีของเหตุร้ายที่สนามเบสบอลจัมชิล สองรอยแยกแรกมีไว้เพื่อหลอกล่อทีมรักษาความปลอดภัย จากนั้นค่อยเล่นงานด้วยรอยแยกที่สาม นี่คือรูปแบบที่จอมบงการชอบหยิบมาใช้’
ก้าวแรกคือการหยุดเรือ เพื่อหยุดปาร์ตี้
ก้าวที่สองคือการจับแยกเพลเยอร์บนเรือ
ก้าวที่สามคือการปั่นหัวทีมรักษาความปลอดภัย
และก้าวสุดท้าย ลงมือสังหารผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป
‘การสั่นลำเรือคือก้าวแรกของตือหงอเหนง…’
คลื่นทะเลที่เกิดจากอิทธิพลของคลื่นพลังวิเศษ ซึ่งกระเพื่อมมาจากก้นทะเล สามารถสั่นสะเทือนคีโมโพลียาในระดับที่น่าหวาดเสียว
จากข้อความที่กัปตันแจ้งถึงผู้โดยสาร เนื้อหาระบุว่ามีการปะทุของคลื่นพลังวิเศษตามธรรมชาติจากด้านหน้าเรือ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
ฉันมีหลักฐาน
ปิ๊งป่อง
[อ๊กโทยอน] ผู้มีพระคุณ! นี่เป็นฝีมือตือหงอเหนง!
[อ๊กโทยอน] ถึงจะสวมรอยเป็นคลื่นพลังวิเศษตามธรรมชาติ แต่ตบตาแผนผังวังจันทราไม่ได้หรอกนะ! ไอ้หมูตอนนั่นใช้ ‘ซี่’ ของคราดซ่างเป่าซินจิน!
คราดซ่างเป่าซินจินของตือหงอเหนงมีทั้งสิ้นเก้าซี่
สามารถทำการโจมตีระดับปาฏิหาริย์ได้เก้าครั้งต่อวัน
ยิ่งใช้ซี่ไปมาก ความรุนแรงก็ยิ่งถดถอย
และดูเหมือนตอนนี้จะใช้ซี่สุดท้ายไม่ได้ด้วย ฟังจากที่ตือหงอเหนงเคยตัดพ้อ
‘โชคยังเข้าข้าง… ได้ยินว่าซี่สุดท้ายนั้นทรงพลังที่สุด แม้ว่าการใช้แต่ละซี่จะทำให้อานุภาพลดลงเรื่อยๆ’
ปัจจุบันเหลือเจ็ดซี่
แต่นอกจากเจ็ดซี่ของคราด ตือหงอเหนงยังมีไพ่ใบอื่นในมือ
บี๊บบี๊บ! пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ
แผนที่พร้อมด้วยข้อความแจ้งคู่พิกัด ถูกส่งเข้าดีไวซ์ท่ามกลางเสียงแจ้งเตือน
[แจ้งเตือนฉุกเฉิน – ตรวจพบการเกิดรอยแยกระดับ SR++ ที่ไม่มีลางบอกเหตุ]
อย่างที่คิด ก้าวที่สองของตือหงอเหนงมาแล้ว
การสนับสนุนจากจอมบงการ – ‘สกิลอัญเชิญรอยแยก’
ตือหงอเหนงมิได้หยุดคีโมโพลียาเพียงเพราะต้องการยกเลิกงานปาร์ตี้
‘หลังจากนี้เพลเยอร์บนเรือจะต้องเคลื่อนไหว ยกเว้นทีมรักษาความปลอดภัย’
รอยแยกต่างโลกปรากฏขึ้นด้านหลังคีโมโพลียา
ตรงข้ามกับฝั่งหัวเรือซึ่งเต็มไปด้วยห้องพักระดับสูง
* * *
ห้องสูทวิวทะเล
หลังจากเรือหยุดแล่นกะทันหัน
จางนัมอุกเริ่มสาธยายยืดยาวตามเนื้อหาคู่มือการอพยพ พลางบ่นจุกจิกเกี่ยวกับเสื้อชูชีพ และเรือกู้ชีพที่ผู้โดยสารแต่ละคนถูกกำหนดให้ขึ้น
อย่างไรก็ดี บรรยากาศเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อคำเตือนที่สองถูกส่งมาถึง
“รอยแยก SR++ อีกแล้ว? แถมยังไม่มีลางบอกเหตุ”
จางนัมอุกเริ่มแตกตื่นเล็กๆ
ส่วนจูซูย็อกรีบควักการ์ดอุปกรณ์แล้วเตรียมออกจากห้อง
โดซีฮูพยายามตามไป
“ซีฮู นายพักเถอะ”
“ฮะฮะ! ไม่เป็นไรหรอกน่า เรือหยุดแล่นแล้ว ฉันอาจดีขึ้นถ้าได้เชือดไอ้พวกเอนามีในรอยแยก”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียวจากการอ้วกหลายครั้งติดต่อกัน
จูซูย็อกที่เห็นสีหน้าของโดซีฮู เริ่มกล่าวในสิ่งที่โหดร้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ถ้านายยังดึงดันที่จะไป ฉันจะซัดนายให้หมดสติ… อยากจะรอแบบมีสติหรือไม่รู้ตัวล่ะ”
เดิมทีจูซูย็อกก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าสู้กันในสภาพนี้ โดซีฮูยิ่งพ่ายแพ้ย่อยยับ
ในเมื่อผลลัพธ์มีแต่จะทำให้จูซูย็อกเสียพลังงานโดยใช่เหตุ โดซีฮูจึงยอมจำนนอย่างรวดเร็ว
“ระวังตัวด้วยนะ”
จูซูย็อกพยักหน้ารับ พลางกล่าวกับจางนัมอุกที่ยืนตัวแข็ง
“นัมอุก ช่วยดูแลซีฮูด้วยนะ”
“ม…ไม่! ฉันสู้ไหว! ถึงคราวที่แล้วจะ…”
จางนัมอุกชะงักคำพูด
เพราะเขายังไม่ลืมความน่าสะพรึงของเอนามี และสภาพอันน่าสมเพชของตัวเองระหว่างเหตุร้ายในสนามเบสบอลจัมชิล
จางนัมอุกพยายามข่มสติเพื่อพูดว่า ‘ฉันคอยช่วยสนับสนุนให้ได้!’ แต่จูซูย็อกชิงพูดตัดหน้า
“นี่แค่รอยแยกระดับ SR++ เอง พวกเรามีกำลังรบมากพอแล้ว บนเรือมีทั้งอึยชิน เฮียวทง พี่วอนอู พี่เยจี ไหนจะพวกลูกพี่ลูกน้องกับอาจารย์ของฉันอีก… แต่เรายังขาดคนดูแลซีฮูนะ”
แม้จะเห็นด้วยกับคำพูดจูซูย็อก แต่จางนัมอุกยังคงอ้ำอึ้ง
จูซูย็อกเปิดประตูพลางทิ้งท้ายด้วยเสียงร่าเริง
“เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา!”
ในห้องที่จูซูย็อกวิ่งออกไป
เหลือเพียงสองบุคคล คือโดซีฮูผู้นอนแผ่อยู่บนโซฟา และจางนัมอุกผู้ยืนแข็งเป็นรูปปั้น
โดซีฮูโพล่งขึ้น
“นัมอุก เล่นต่อคำกันไหม”
“ไม่”
โดซีฮูผู้ถูกปฏิเสธทันควัน เผยสีหน้าอมทุกข์
* * *
บนเรือตอนนี้เต็มไปด้วยเพลเยอร์มากฝีมือ
ตัวละครควบคุมได้เอย ตัวละคร NPC เอย
ไม่มีใครในหมู่พวกเขาเคยล้มเหลวกับรอยแยกเกรด SR++
‘เพลเยอร์บนเรือทุกคนคงออกไปจู่โจมรอยแยก’
ยกเว้นทีมรักษาความปลอดภัย
พวกเขายังคงอยู่ผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป
‘แต่หากสถานการณ์เริ่มวิกฤติ ผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปจะส่งทีมบอดี้การ์ดเข้าสู่สนามรบ’
เหมือนกับเหตุการณ์สนามเบสบอลจัมชิลในเกม
ในระหว่างนี้ ข้อความแจ้งเตือนยังคงเด้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนการจู่โจมรอยแยกท้ายเรือจะเริ่มขึ้นแล้ว
เสียงแจ้งเตือนของดีไวซ์ฉันดังปะปนกับเสียงเตือนจากเพลเยอร์ SAT-K
ปิ๊งป่อง
[อ๊กโทยอน] มีเผ่าแท้กำลังเข้ามาใกล้กลุ่มเพลเยอร์จากบนเมฆ! เจ้านั่นใช้วิชาพรางตัว แต่ไม่มีทางเล็ดลอดสายตาข้าไปได้! วิชาบาเรียกับวิชาพรางตัวของมันอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล!
เฉกเช่นที่มีการบรรยายไว้ในตำนานไซอิ๋ว ตือโป๊ยก่ายจะขี่เมฆที่เชื่องช้า ไม่เหมือนกับเมฆวิเศษที่ว่องไวของเห้งเจีย
เผ่าแท้ที่กำลังเข้ามาใกล้ ไม่ใช่ใครนอกจากตือหงอเหนง
มันกำลังมุ่งตรงมายังคีโมโพลียา
‘เราเองก็เริ่มเห็นจากมินิแม็ปแล้ว!’
เมื่อลองตรวจสอบแผนที่ละแวกใกล้เคียงในเมนูพิเศษ ฉันเห็นจุดหนึ่งกำลังขยับเข้ามาใกล้
[อ๊กโทยอน] ข้าเดาว่าตือหงอเหนงคิดจะใช้ ‘ซี่’ …! เจ้านั่นคิดจะทำลายบาเรียของคีโมโพลียา โดยทำทีว่าเป็นฝีมือของคลื่นพลังวิเศษตามธรรมชาติ!
บึ้มมมมมม!
บรรยากาศของคลื่นพลังวิเศษเริ่มแปรเปลี่ยน
หนึ่งในซี่ของคราดซ่างเป่าซินจิน คำรามฤทธิ์เดชตามเจตจำนงของเจ้านายอย่างตือหงอเหนง
‘เหมือนกับสนามเบสบอลจัมชิล เดิมที บาเรียของเรือจะมีระดับแค่ R+++ ซึ่งตือหงอเหนงทำลายได้ง่ายมาก’
ฟ้าว—!
คลื่นพลังวิเศษปริมาณเข้มข้นพุ่งเข้าใส่คีโมโพลียา
แรงกดดันของพวกมัน แหวกผ่านท้องฟ้ายามราตรีใต้ดวงจันทร์
ด้วยพลังงานระดับนี้ บาเรียระดับ R+++ จะถูกป่นในพริบตา และฉันที่ยืนบนดาดฟ้าเรือก็จะไม่ปลอดภัย
ทว่า ฉันยังคงยืนดูอย่างใจเย็น
ซ่า—!
มวลพลังงานซึ่งเกิดจากอานุภาพของหนึ่งในซี่คราดซ่างเป่าซินจิน ถูกป้องกันไว้ด้วยม่านแสงก่อนจะสลายไป
ม่านแสงสว่างวาบครู่หนึ่งแล้วก็หายไปเช่นกัน
นี่คือพลังของวังจีโฮ
ปิ๊งป่อง
ข้อความถูกส่งมาจากวังจีโฮ ผู้จับตามองสถานการณ์ผ่านแผนผังวังจันทราข้างๆ อ๊กโทยอน
[วังจีโฮ] บาเรียที่ข้าฝังไว้กับคีโมโพลียาถูกทำลายแล้ว
ตือหงอเหนงเชื่อว่าบาเรียของเรือ ไม่มีทางป้องกันซี่จากคราดซ่างเป่าซินจินได้
เพื่อย้อนเกล็ดกรอบความคิดดังกล่าว วังจีโฮผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง ได้ทำการเสริมแกร่งบาเรียไว้ล่วงหน้า
‘เยี่ยม… อาศัยพลังของวังจีโฮ คราดของมันสูญเปล่าไปอีกหนึ่งซี่ อีกทั้งยังมิได้เผยตัวว่าเผ่าเสือมีส่วนพัวพัน’
ตอนนี้เหลืออีกหกซี่
[วังจีโฮ] พยายามเข้าล่ะ
งานของวังจีโฮจบลงแล้ว
หากฉันทำได้ไม่ดี วังจีโฮจำใจต้องเข้ามาแทรกแซง
ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากทำมันออกมาให้ดี
—
MasterGU.edited = ไม่ใช้รส->ไม่ใช่รส