📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 102

บทที่ 102 - ยากเห็นผู้พิพากษานึกสนุก
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นเก็บพู่กันพิพากษาในมือเข้าไปในแขนเสื้อ หันไปกล่าวกับผู้พิพากษาฝ่ายบู๊ที่อยู่ด้านข้างประโยคหนึ่ง

“ภายในศาลเจ้าบนโลกมนุษย์มีผู้ฝึกปราณเชิญข้าไปพบ ข้าขอตัวครู่หนึ่ง!”

ผู้พิพากษาฝ่ายบู๊หยุดพู่กันเงี่ยหูฟังครู่หนึ่ง ไม่ได้ยินเสียงอะไร จากนั้นจึงวาดพู่กันพิพากษาไปข้างหน้า เบื้องหน้ารอยคลื่นแถบหนึ่งไหวเคลื่อนเป็นระลอก เผยภาพเหตุการณ์ในเรือนข้างศาลเจ้า

มีชายสวมชุดคลุมเขียวแขนกว้างคนหนึ่ง วางของเซ่นไหว้รินสุราพร้อมสรรพ คารวะมาทางรูปปั้นเทพของผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋น

เมื่อผู้พิพากษาฝ่ายบู๊ถือพู่กันร่างภาพ อีกฝ่ายเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้ามองรูปปั้นเทพของผู้พิพากษาอีกองค์ที่อยู่ข้างผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋น คล้ายสบตาสองผู้พิพากษาบุ๋นบู๊แห่งศาลมืดผ่านหยินหยาง ทำให้ผู้พิพากษาสองคนต่างผงะในใจ

“ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นไปเถอะ ข้าจะคอยดูสถานการณ์ภายในศาลอยู่ที่นี่!”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นได้ยินแล้วลุกขึ้นยืน ไม่พูดอะไรมากอีก ประสานมือให้ผู้พิพากษาฝ่ายบู๊ก่อนก้าวออกจากกรมสอบสวน

ภายในเรือนข้างศาลหลักเมือง เมื่อจี้หยวนเพิ่งเหลือบมองรูปปั้นเทพผู้พิพากษาฝ่ายบู๊เหมือนรับรู้ได้ ท่ามกลางความรางเลือนเขาสัมผัสได้ถึงสายตาบางอย่าง ในใจคิดว่าศาลมืดน่าจะสังเกตเห็นตนแล้ว

จริงดังคาด ไม่นานรูปจำลองผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก้าวออกมาจากรูปปั้นเทพ โรยตัวลงข้างกายจี้หยวน ชุดขุนนางหมวกขุนนางทั้งตัวเป็นสีหมึก เคราดำจอนดำแต่เปี่ยมประสบการณ์

จี้หยวนรีบหันหน้าประสานมือคารวะผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋น

“ข้าน้อยจี้หยวน มีเรื่องรบกวนผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋น หวังว่าผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นจะเข้าใจพร้อมเจียดเวลามาพูดคุยกับข้า!”

เห็นของเซ่นไหว้กับสุรารวมถึงท่าทางถ่อมตัวมีมารยาทของอีกฝ่าย แน่นอนว่าท่าทีผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นย่อมอ่อนโยนเช่นกัน กอปรกับมองความตื้นลึกของอีกฝ่ายไม่ชัด ย่อมประสานมือคารวะตอบเป็นธรรมดา

“ท่านกล่าวหนักเกินไปแล้ว มีอะไรขอแค่กล่าวมาก็พอ”

จี้หยวนแย้มยิ้ม รู้สึกว่าผู้พิพากษาคนนี้น่าจะพูดด้วยง่าย ผายมือซ้ายไปทางโต๊ะบูชา

“ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นเชิญ พวกเรามาพูดไปกินไป!”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นเองเป็นคนสบายๆ ได้ยินแล้วยกจอกสุราขึ้นมาดม อ้าปากกระดกดื่มรวดเดียวหมด แต่เมื่อวางจอกลงจี้หยวนเห็นชัดว่าภายในจอกยังมีสุรา แต่กลับไม่มีกลิ่นสุราแม้แต่น้อย

จี้หยวนยิ้มสะบัดมือลวกๆ สุราที่เหลืออยู่ในจอกสุราของผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นหายไป เขารินสุราให้อีกฝ่ายพลางเริ่มบอกจุดประสงค์การมาของตน

“คาดว่าผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นยังจำตระกูลจั่วซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังแห่งจังหวัดจวินเทียนได้กระมัง”

“อืม แน่นอนว่ามีภาพจำอยู่ ภายในยุทธภพปุถุชนถือว่าผงาดเหนือยุทธภพ เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง”

“เช่นนั้นตระกูลจั่วเคยมีคนโฉดสันดานชั่วจนทำให้ศาลมืดไม่พอใจหรือไม่”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นกินขนมโก๋ชิ้นหนึ่งก่อนกล่าวตอบ

“ไม่เคยมีเรื่องเช่นนั้น”

จี้หยวนโล่งใจขึ้นแล้ว คนรุ่นก่อนไม่ทำผิดมหันต์แน่นอนว่ายิ่งเหมาะสม

“ว่าไปแล้วตระกูลจั่วมีความเกี่ยวข้องกับข้าคนแซ่จี้อยู่บ้าง การมาครั้งนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัว…”

จี้หยวนกล่าวเนิบช้า สิ่งที่พูดล้วนเป็นเรื่องจริง แต่กลับพูดไม่หมด พยายามเล่าว่ารับน้ำใจผู้ฝึกเซียนตระกูลจั่วมาจึงอยากช่วยเหลือ

หนึ่งหยินหนึ่งหยาง หนึ่งคนหนึ่งเทพผี พูดคุยตรงเรือนข้างศาลหลักเมืองภายในวันฝนตกอยู่ครู่ใหญ่ ระหว่างนั้นไม่มีผู้กราบไหว้คนอื่นเข้ามา

รอจนด้านนอกฝนหยุดตก การพูดคุยของทั้งสองฝ่ายย่อมสิ้นสุดตามธรรมชาติ

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นฟังพลางพยักหน้าไม่หยุด ไม่เพียงแต่ฟังจี้หยวนเล่าเรื่องตระกูลจั่ว เขายังพูดคุยเรื่องอื่นเป็นครั้งคราว แม้ว่าไม่รู้ความเป็นมาของจี้หยวน แต่สังเกตได้จากการพูดคุยก็รู้ว่าคนผู้นี้เป็นพวกมีความรู้มากลึกซึ้งใจกว้าง ต้องเป็นผู้แจ้งมรรคน่าเกรงขามแน่

ผู้มาเยือนพูดเรื่องพวกนี้สำหรับผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นย่อมเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร กอปรกับประทับใจจี้หยวนยามพูดคุยมาก เมื่อจบการพูดคุยจึงตกปากรับคำ

“ท่านจี้วางใจเถอะ ศาลมืดจังหวัดจวินเทียนย่อมปกป้องดูแลตระกูลจั่ว ในบรรดาผู้ล่วงลับของตระกูลจั่วมีผู้ครองคุณธรรม ย่อมพิจารณารับเข้าศาลมืดเป็นอันดับแรก คืนนี้ข้าจะไปเยือนครอบครัวตระกูลจั่วในปัจจุบันด้วยตัวเองว่าเป็นอย่างไร บันทึกเข้าตำรารวมตามสมควร!”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นรับปากด้วยตัวเอง จี้หยวนเป่าปากโล่งอกเฮือกใหญ่เช่นกัน สิ่งสำคัญคือไม่ต้องไปเจอเทพหลักเมืองแล้ว เขารีบประสานมืออีกครั้ง

“รบกวนผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นแล้ว เช่นนั้นข้าคนแซ่จี้ขอลา!”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นกับจี้หยวนคุยนานขนาดนี้แต่อารมณ์ไม่เลวนัก ถึงขั้นระหว่างนั้นเรื่องจุกจิกยุ่งยากที่ศาลมืดตัดสินบางส่วนยังถูกจี้หยวนเผยจุดสำคัญด้วยถ้อยคำเลิศล้ำ ครานี้จึงประสานมือคารวะตอบ

“ย่อมทำเต็มกำลัง!”

มองส่งจี้หยวนจากไป ผู้มากราบไหว้ซึ่งเห็นว่าฝนหยุดแล้วทยอยเพิ่มขึ้นมากพอดี ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นกวาดมองโต๊ะบูชา หยิบขนมกองหนึ่งกับสุราครึ่งกาที่เหลือติดมือกลับศาลมืด

เมื่อออกจากศาลหลักเมือง จี้หยวนผ่อนลมหายใจยาว สูดอากาศสดชื่นหลังฝน ทั้งตัวผ่อนคลายลง

‘ในที่สุดก็จัดการธุระเรียบร้อยแล้ว ยากมาเยือนจังหวัดจวินเทียน ไปเติมเต็มท้องหน่อยดีกว่า!’

คืนนั้นยามจื่อ[1] ริมแม่น้ำปฐมนอกเมืองจังหวัดจวินเทียน เขตเรือนพักตระกูลเหยียนทุกบ้านดับตะเกียง ผู้คนนอนหลับกันนานแล้ว

สองผู้พิพากษาบุ๋นบู๊แห่งกรมสอบสวนศาลหลักเมืองจังหวัดจวินเทียนมาถึงที่นี่พร้อมกัน

ตอนยังไม่เข้าใกล้บริเวณนี้ ผู้พิพากษาบุ๋นบู๊สังเกตเห็นความอัศจรรย์บางอย่างแล้ว

อาณาเขตซึ่งเทพผีปฐพีอย่างพวกเขาอยู่มองของพิเศษบางอย่างออก ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้เมื่อมองไปทางตระกูลเหยียน รู้สึกว่าทั่วบริเวณเด่นชัดยามรัตติกาล

ไม่มีสิ่งใดส่องประกาย แต่กลับทำให้ผู้พิพากษาสองคนรู้สึกสว่างไสว เดิมสองผู้พิพากษามาดูตระกูลจั่ว แค่สงสัยความสัมพันธ์ของคนตระกูลจั่วกับจี้หยวน ตอนนี้กลับยิ่งสงสัยว่าข้างในมีอะไรกันแน่

“ไป เสาะหาข้อเท็จจริงกัน!”

ผู้พิพากษาสองคนมุ่งหน้าต่อไปพร้อมกัน ครู่หนึ่งก็เข้าใกล้นอกร้านตระกูลเหยียน แต่เมื่อมาถึงตรงนี้ รอยคลื่นไร้รูปสายหนึ่งที่แม้แต่ผู้พิพากษาก็เห็นไม่ชัดตลบอบอวล ทว่ายังทำให้กายพรตของทั้งสองสัมผัสได้

เมื่อเดินมาถึงในเรือนผู้นำตระกูลจั่ว ผ่านประตูกำแพงเข้าสู่โถงใหญ่ เทียบอักษรที่ยังไม่ทันเข้าเมืองไปใส่กรอบวางอยู่บนโต๊ะแปดเซียน ในสายตาผู้พิพากษามันบรรจุปราณหนาทึบ มองเห็นผ่านรัตติกาลมืดมิด หม่นแสงแต่ส่องสว่าง

กวาดสายตาเห็นตัวอักษร ‘สงบสุขแข็งแรง มารทั้งหลายไม่มาผจญ ฉลาดและห้าวหาญ ความเหนื่อยยากไม่มาเยือน! มอบโชคชะตานี้ให้คนรุ่นหลังตระกูลจั่ว!’

“ประกาศิต!”

“ประกาศิต!”

ผู้พิพากษาบุ๋นบู๊ตกตะลึงพูดเป็นเสียงเดียวกัน น้ำเสียงออกจะเสียอาการอยู่บ้าง

ผู้พิพากษาฝ่ายบู๊มองผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นพลางกล่าว

“ตอนกลางวันผู้ดื่มสุราคุยกับเจ้าเป็นอริยเทพแห่งใดกันแน่ สังเกตเห็นความล้ำลึกของพลังเขาหรือไม่”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นรำลึกพลางกล่าวตอบ

“ไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย หากไม่ใช่ว่าเขาเชิญเทพคุมวารีรินสุราก็เหมือน…”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นพูดถึงตรงนี้แล้วเว้นช่วงไป มองมาทางผู้พิพากษาฝ่ายบู๊

“เหมือนคนธรรมดา!”

“เฮือก…”

ต่อให้ผู้พิพากษาฝ่ายบู๊ไม่จำเป็นต้องหายใจก็ยังสูดหายใจเฮือกหนึ่ง หวนนึกถึงการเหลือบมองผ่านหยินหยางเมื่อกลางวันเช่นกันโuเวลกูดoทคoม

สองผู้พิพากษามองหน้ากันเลิ่กลั่กครู่ใหญ่ ผู้พิพากษาฝ่ายบู๊เหมือนนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้กะทันหัน

“เมื่อวันก่อนมีผู้ลาดตระเวนราตรีมารายงานเรื่องแปลก บอกว่าบัณฑิตเจ้าของร้านอักษรแห่งหนึ่งในเมืองได้รับเทียบอักษรอัศจรรย์ กลางคืนยมทูตดำต่างไม่อาจจ้องมอง หรือว่าเป็นประกาศิตที่คุณชายแซ่จี้คนนั้นเหลือไว้เช่นกัน”

“คิดว่าใช่แล้ว!”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นชื่นชมเทียบอักษรบนโต๊ะโดยละเอียด ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้

“อักษรดี… ตระกูลจั่วนี้ร้ายกาจนัก!”

“หึ ผู้สูงส่งมอบประกาศิตยังกล่าวถึงโชคชะตา อ่านอักษรสื่อความหมาย วันหน้าถ้าตระกูลจั่วมีลูกหลานเนรคุณไม่รู้จักดีชั่วจริง ฝ่าฝืนเจตจำนงประกาศิต…”

“นั่นเป็นเรื่องเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว!”

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นยิ้มกล่าวพลางลูบเคราทอดถอนใจ ต่อจากนั้นค่อยหยิบตำราพิเศษเล่มหนึ่งออกมา ใช้พู่กันพิพากษาเขียนอักษรลงบนนั้น ‘ตระกูลจั่วจังหวัดจวินเทียน…’

ภายในเรือนเดิมสองสามีภรรยาจั่วป๋อหรันหลับแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยามนี้จั่วป๋อหรันกลับตื่นขึ้นมา ทั้งรู้สึกว่าได้กลิ่นธูปเลือนราง คล้ายกลิ่นจันทน์หอมภายในศาลเจ้า

การมีอยู่ของประกาศิตทำให้ปุถุชนคนธรรมดาอย่างจั่วป๋อหรันได้กลิ่นกำยานมรรคเซียน

จั่วป๋อหรันรู้สึกแปลกอยู่บ้าง สวมเสื้อผ้าคิดออกไปลองดู แค่เลิกผ้าม่านมาถึงโถงนอกซึ่งกั้นด้วยกำแพง ไม่มีสิ่งใดผิดปกติไม่ว่ากลิ่นจันทน์หอมนี้ยังแรงขึ้นด้วย

“แปลกจริง ภายในบ้านไม่ได้จุดธูป…”

สองผู้พิพากษาเห็นชายชราอย่างจั่วป๋อหรันทำท่าขยับจมูกจึงสบตากันอีกครั้ง

“หรือว่าคนผู้นี้จะได้กลิ่น”

“ย่อมเป็นผลจากประกาศิต!”

ผู้พิพากษาฝ่ายบู๊พลันยิ้มน้อยๆ กระซิบบอกผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นประโยคหนึ่ง ทำเอาฝ่ายหลังแย้มยิ้ม

“ทำงานร่วมกันมาหลายปี ยากเห็นผู้พิพากษาฝ่ายบู๊นึกสนุกเช่นนี้ ได้ ตกลงตามนั้น!”

ยามสิ้นเสียงผู้พิพากษาบุ๋นบู๊ถึงกับเผยรูปจำลองด้วยตัวเอง

ผู้สวมชุดขุนนางหมวกขุนนางสีดำสองคน หนึ่งเคราแดงหนึ่งเคราดำ ทั้งถือตำราพู่กันปรากฏตัวตรงหน้ากะทันหัน ทำเอาจั่วป๋อหรันตกใจแทบแย่

“เฮ้ย…! พะ พวกเจ้า…”

จั่วป๋อหรันหกคะเมนหงายหลัง ยื่นมือสั่นเทาพูดจาไม่ชัดเจน

โดยเฉพาะสองคนตรงหน้าเหมือนปกคลุมด้วยเงามืด น่ากลัวหาใดเปรียบโดยแท้ ต่อให้จั่วป๋อหรันมีวิชายุทธ์ติดตัวก็ยังถูกทำให้ตระหนกจนพูดไม่ออก

“ฮ่าๆๆๆๆ… ท่านจั่วไม่ต้องกลัว พวกเราคือผู้พิพากษาบุ๋นบู๊ บริวารของเทพหลักเมืองจังหวัดจวินเทียน ได้รับการไหว้วานจากผู้สูงส่ง มาที่นี่เพื่อบันทึกประวัติตระกูลจั่วโดยเฉพาะ”

“ตาแก่ ตาแก่เจ้าเป็นอะไร”

มีเสียงดังมาจากห้องด้านใน

ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นยิ้มพลางประสานมือไปทางจั่วป๋อหรันเล็กน้อย

“จบเรื่องแล้ว พวกเราขอลา!”

พูดจบสองผู้พิพากษาบุ๋นบู๊หันหลังกลับ เดินผ่านประตูหายลับไป เหลือเพียงจั่วป๋อหรันที่เหงื่อซึมหน้าหอบหายใจทรุดอยู่บนพื้นสงบจิตใจ

………………….

[1] ยามจื่อ หมายถึง ช่วงเวลา 23:00 – 01:00 น.

Facebook Twitter Telegram Pinterest
เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

ChronoGo, Lan Ke Qi Yuan, Lạn Kha Kỳ Duyên, Special Destiny Of Rotten Ke, The Board of Lanke, Kismet of the Lanke Piece, Lanke Chess Edge, The Board Of Lanke, 烂柯棋缘, 난가기연
Score 9.1
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ต้นฉบับ: 1021 Chapters (จบแล้ว)
จี้หยวน พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งไปร่วมกิจกรรมค่ายพักกลางแจ้ง ระหว่างเดินชมต้นไม้ไปเรื่อยๆ เขาพบกระดานหมากบนตอไม้กลางป่า พอจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกลับปลดล็อกหน้าจอไม่ได้ คิดว่าแบตหมดแล้วจึงรีบกลับไปหาแบตสำรองที่ค่าย แต่พอกลับไปถึงที่ตั้งค่าย กลับไม่มีคนในบริษัทอยู่สักคน แม้แต่เต็นท์ก็หายไปหมด.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset