📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 421

บทที่ 421 - เข้าพบหลินอัน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หวางเจินเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “เข้ามา!”

เขารู้ธรรมชาติพื้นฐานของลูกสาว ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ก็คงจะไม่มารบกวนที่นี่ในเวลานี้

ประตูห้องหนังสือถูกผลักเปิดออก หวางซือมู่ยืนอยู่ที่ประตูพลางแสดงความเคารพอย่างอ่อนโยนท่าทางถูกต้อง ดูกระมิดกระเมี้ยน

“ท่านพ่อ ใต้เท้าสวี่มีเรื่องด่วนต้องการขอพบเจ้าค่ะ”

คิดว่าที่หวางซือมู่พูดว่า ‘ใต้เท้าสวี่’ คือสวี่ชีอันของซุนซ่างชูและคนอื่นๆ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันใด และก็เริ่มให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าตัวสร้างปัญหานี้จะน่ารำคาญ แต่ความสามารถและวิธีการจัดการงานของเขาได้รับการยอมรับจากท้องพระโรงมาตั้งนานแล้ว

‘สวี่ชีอันมาเยี่ยมเยียนที่จวนสกุลหวางเวลานี้ มีเจตนาอะไร?’

หวางเจินเหวินก็รู้สึกจิตใจสั่นไหวเช่นกัน พลางกล่าว “เชิญเขาเข้ามา”

หวางซือมู่หันหน้าไปมองด้านข้าง หลังจากนั้นไม่กี่วินาที สวี่เอ้อร์หลางที่จมูกเขียวและใบหน้าบวมเป่งก็เดินออกมาจากประตู ก้าวข้ามธรณีประตูมา พลางน้อมคำนับพูด

“ข้าน้อยเคยได้พบกับใต้เท้าทุกท่านแล้ว”

‘ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง…’ เฉียนชิงซูและคนอื่นๆ ส่ายหัว

สวี่ฉือจิ้วเป็นพรสวรรค์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว ความรู้และความกล้าหาญของเขาโดดเด่น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพี่ใหญ่ของเขานั้นยังห่างกันอีกเยอะมากจริงๆ

ในสายตาของพวกเขา สวี่ฉือจิ้วเป็นเด็กรุ่นหลังที่มีศักยภาพโดดเด่นยอดเยี่ยม และในสายตาของพวกเขา สวี่ชีอันเป็นคู่ต่อสู้คนหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกได้เลยทีเดียว

แต่ความสำคัญก็ต่างกรรมต่างวาระกันเปรียบเทียบกันไม่ได้อยู่ดี

ความผิดปรากฏแวบหนึ่งขึ้นในดวงตาของหวางเจินเหวิน แต่ก็ฟื้นกลับคืนมาทันที พร้อมกับพยักหน้าแล้วพูด

“ใต้เท้าสวี่ มาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรหรือ?”

สวี่ซินเหนียนหยิบจดหมายลับปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา เร่งฝีเท้าเดินอย่างจริงจังมาที่ข้างสมุหราชเลขาธิการหวาง

“สิ่งเหล่านี้ คาดว่าจะต้องเป็นประโยชน์กับใต้เท้าสมุหราชเลขาธิการแน่”

สมุหราชเลขาธิการหวางเหลือบมอง หยิบมันขึ้นมาอย่างไม่สนใจ กวาดตามองรอบหนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็แข็งค้างทันที

เขากวาดตาอ่านจดหมายลับฉบับแรกอย่างรวดเร็ว และเปิดจดหมายฉบับที่สองและสามอย่างกระวนกระวายใจราวกับว่ากลัวจะอ่านไม่ทัน

หลังจากอ่านครบทั้งหมดแล้ว สมุหราชเลขาธิการหวางก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่ขยับเคลื่อนไหว ราวกับอยู่ในความงุนงงพร้อมกับกำลังครุ่นคิด

เจ้ากรมอาญาซุนซ่างชูและปราชญ์มหาสำนักเฉียนชิงซูกำลังจ้องมองกันและกัน ฝ่ายหลังเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยและลองพูดทดสอบหยั่งเชิง “ใต้เท้าสมุหราชเลขาธิการ?”

เจ้ากรมกรมปกครองและคนอื่นๆ ต่างชำเลืองมองกัน พวกเขารู้ได้เลยว่าจดหมายเหล่านี้ไม่ธรรมดาแน่

สมุหราชเลขาธิการหวางรวบรวมจดหมายลับสองสามฉบับและส่งให้ซุนซ่างชูที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเห็นเขาเอื้อมมือจะมาหยิบ ก็รีบเอ่ยเตือนทันที “ระวังหน่อย”

ซุนซ่างชูชะงักงันครู่หนึ่ง ดูเหมือนงุนงงเล็กน้อย พลางพยักหน้า จากนั้นก็จดจ่อมุ่งความสนใจไปที่จดหมายเหล่านั้นและเริ่มเปิดอ่าน

เมื่ออ่านๆ ไป เขาก็เพียงแต่นิ่งไปไร้การเคลื่อนไหวใดๆ และเบิกตาโตเพียงเล็กน้อย

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็รีบเปิดจดหมายฉบับอื่นๆ อ่านอย่างเร่งรีบในทันที ท่าทางดูบุ่มบ่ามหยาบคายและใจร้อน เห็นสมุหราชเลขาธิการเลิกคิ้วขึ้น กลัวมากว่าเขาจะทำให้จดหมายเสียหาย

การแสดงออกของซุนซ่างชูก็อยู่ภายใต้สายตาของเหล่าปราชญ์มหาสำนักและเจ้ากรม ทำให้พวกเขายิ่งประหลาดใจ พิศวงงงงวย และอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

อยากรู้จะแย่แล้วว่าจดหมายเหล่านั้นบันทึกอะไรไว้

“ดี ดีแล้ว!” มีสิ่งเหล่านี้แล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องยอมเสียผลประโยชน์ ก็สามารถผลึกดึงกองกำลังมาได้กลุ่มใหญ่

“ฝ่าบาทประสงค์จะสอบสวนมิใช่หรือ?”

“โอ้ แม้ว่าจะตรวจสอบจนถึงปีหน้า เขาก็คงจะตรวจสอบไม่พบอะไรเลย”

ซุนซ่างชูเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“แสดงให้ขุนนางดูหน่อย”

เจ้ากรมกรมปกครองคว้าจดหมายมาก่อนเป็นอันดับแรก พลางเปิดอ่าน ชั่วครู่ต่อมา เขาก็พูดซ้ำ ๆ อย่างตื่นเต้น “ยอดเยี่ยมๆๆ

“ข้าเคยคิดที่จะเก็บรวบรวมหลักฐานที่แสดงว่าหยวนสยงและคนอื่นๆ กระทำผิดเพื่อใช้ตอบโต้ แต่มีเวลาน้อยเกินไปฝ่ายตรงข้ามก็ได้จัดการเก็บหัวเก็บหางหมดแล้ว วิธีนี้จึงไม่ใช่ทางเดินที่สะดวกนัก นี่…นี่เหมือนกับว่ามีคนส่งหมอนมาให้ในยามที่กำลังต้องการจะนอนพอดี”

ในห้องหนังสือนี้ เหล่าใต้เท้าทั้งหลายค่อยๆ อ่านจดหมายจบไปทีละฉบับ เปลี่ยนความหนักหน่วงก่อนหน้านี้ เป็นรอยยิ้มที่ฮึกเหิมปรากฏออกมาแทน

หวางซือมู่ที่ยืนอยู่ที่ประตูยืนดูฉากนี้เงียบๆ บิดากับเหล่าลุงๆ ของนางที่ก่อนหน้านี้ดูสีหน้าเคร่งขรึม กลับหัวเราะอย่างฮึกเหิมกันใหญ่หลังจากได้อ่านจดหมายจบ นางเห็นทุกอย่างแล้ว

‘แม้ว่าจดหมายจะเป็นของสวี่ชีอันก็ตาม แต่น้ำใจของเอ้อร์หลางที่เป็นคนส่งจดหมายให้นั้น บิดาของนางจะมองข้ามสิ่งนี้ไปได้อย่างไร…’ นางถอนหายใจด้วยความกังวล ยิ่งมั่นใจมากขึ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของตนเอง

สมุหราชเลขาธิการหวางเก็บจดหมายกลับมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปที่สวี่เอ้อร์หลาง พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ใต้เท้าสวี่ จดหมายเหล่านี้ได้มาจากไหนหรือ?”

เจ้ากรมซุน เจ้ากรมสวี ตลอดจนเหล่าปราชญ์มหาสำนักหลายคนต่างพากันมองไปทางสวี่เอ้อร์หลาง

สวี่เอ้อร์หลางโค้งคำนับตอบ “จากพี่ใหญ่ขอรับ”

‘เป็นเขาจริงๆ ด้วย…’ ซุนซ่างชูอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อน ซับซ้อนจนตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว เขานั้นเกลียดสวี่ชีอันเข้าไส้

ความขัดแย้งก่อตัวขึ้นอยู่ภายใต้ซังผอ ไอ้เด็กสารเลวนั้นเป็นอริต่อต้านเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า และที่มากสุดคือครั้งหนึ่งที่เขียนบทกวีเพื่อด่าเขาและตอกย้ำตรึงให้เขาติดอยู่กับเรื่องอัปยศ

ใช่สิ ไม่ใช่แค่การลักพาตัวลูกชายของเขา แต่ยังเขียนบทกวีเพื่อด่าเขาอีกต่างหาก

ตามกฎข้อบังคับของชนชั้นข้าราชการ นี่คือการต่อสู้แบบถ้าไม่ตายกันไปข้างหนึ่งก็ไม่มีทางหยุด อันที่จริง…ซุนซ่างชูก็อยากที่จะฆ่าเขาเป็นอย่างมาก และยังคงพยายามไม่หยุดเพื่อสิ่งนี้

จนกระทั่งคดีสังหารหมู่ฉู่โจว นี่เป็นจุดเปลี่ยนหนึ่ง

บางคนก็เป็นเช่นนี้ คืออยากจะให้เขาตาย แต่ก็กลับหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเคารพเลื่อมใสเขาจากใจจริงเพราะเรื่องนี้

แต่ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่เป็นตายเท่ากันของพรรคหวาง สวี่ชีอันก็ได้ส่งสิ่งสำคัญเหล่านี้มาให้อย่างคาดไม่ถึง ต้องเข้าใจว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของพวกเขา ก็คงจะผ่านวิกฤตครั้งที่ค่อนข้างร้ายแรงนี้ไปได้โดยไม่เป็นอันตราย

น้ำใจส่วนนี้ยิ่งใหญ่มาก ซุนซ่างชูไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้

เฉียนชิงซูและคนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจ ไม่แปลกใจเลยที่จดหมายลับเหล่านี้ถูกทิ้งไว้โดยเฉากั๋วกง ทว่าเฉากั๋วกงตายด้วยน้ำมือของใคร?

เรื่องที่น่าแปลกใจคือ ไม่น่าเชื่อว่าสวี่ชีอันจะยอมช่วยพวกเขา

สมุหราชเลขาธิการหวางถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม “เขาต้องการอะไร?”

สวี่เอ้อร์หลางโค้งคำนับพูด “รอให้สะสางเรื่องท้องพระโรงคลี่คลาย พี่ใหญ่จะมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง”

สมุหราชเลขาธิการหวางครุ่นคิดสักครู่แล้วพยักหน้า “ได้”

ในเวลานี้ หวางซือมู่กล่าวเบา ๆ “ท่านพ่อ เพื่อที่จะได้รับจดหมายเหล่านี้ เอ้อร์หลางและพี่ใหญ่ของเขาเกือบขัดแย้งกันแล้ว บาดแผลบนใบหน้าของเขานั้นเกิดขึ้นเพราะถูกสวี่ชีอันต่อยมา แต่เอ้อร์หลางกลับไม่ได้รับความดีความชอบเลย”

สมุหราชเลขาธิการหวางตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง และมองไปที่สวี่เอ้อร์หลางอย่างละเอียดถี่ถ้วน แววตาของเขาค่อยๆ อ่อนลง

เฉียนชิงซูและคนอื่น ๆ ก็เหลือบมองสวี่เอ้อร์หลาง แล้วหันหน้าไปมองทางหวางซือมู่ สีหน้าท่าทางค่อนข้างแปลกประหลาด

ทั้งหมดล้วนเป็นข้าราชการที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะทั้งนั้น พลางรีบให้ข้อมูลข่าวคราวมากมายในทันที

‘ถ้าสวี่ชีอันไม่เต็มใจ สวี่ฉือจิ้วก็คงจะไม่สามารถรับมันไว้ได้แม้ว่าต้องสละชีวิตก็ตาม หลังจากที่เขาลาออกจากราชการแล้ว เขาก็รู้ว่าต้องหาแรงสนับสนุนจากบ้านสกุลสวี่…’ เมื่อเฉียนชิงซูคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจก็ร้อนขึ้นมา

ในความเห็นของเขา สวี่ชีอันยินดีที่ส่งสัญลักษณ์แห่งสันติภาพนี้มาให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าเขาจะเป็นคนสนิทของเว่ยเยวียน ถึงแม้ว่าเว่ยเยวียนและพรรคหวางจะไม่ลงรอยกัน แต่นอกเหนือจากที่นี่แล้ว หากพรรคหวางยังจำเป็นต้องใช้สวี่ชีอันโดยอาศัยความสัมพันธ์กับสวี่ซินเหนียน เขาคงไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันได้ในระดับหนึ่ง

สวี่ชีอันเป็นโอกาสหนึ่ง เป็นเครื่องมือที่ใช้ประโยชน์ได้ดี

หลังจากปีของการตรวจสอบข้าราชสำนัก เหล่ากงส่วนใหญ่ของท้องพระโรงมีแนวความคิดที่คล้ายคลึงกัน

ถ้าพรรคหวางเชี่ยวชาญและเข้าใจในเครื่องมือชิ้นนี้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต

การปะทะคารมอย่างดุเดือดของเด็กคนนี้ร้ายกาจมาก หากสามารถประคองเขาขึ้นไปได้ ในอนาคตเขาจะไร้คู่ต่อสู้ขวางกั้น ‘อืม…ดูเหมือนว่าเขากับหลานสาวซือมู่จะมีความอบอุ่นปิดบังไว้…สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยอมรับเครื่องมือของสวี่ฉือจิ้วและสวี่ชีอันชิ้นนี้ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเรา’ เจ้ากรมกรมปกครองสวีครุ่นคิด

ความคิดของคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน พลางชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของผลประโยชน์อย่างรวดเร็ว โดยคาดคะเนจากความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ซินเหนียนและหวางซือมู่

สมุหราชเลขาธิการหวางกระแอมไอ พลางพูด “เวลาก็ดึกแล้ว มาแบ่งจดหมายลับเป็นส่วน แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง”

เขาไม่ได้มองไปที่สวี่ซินเหนียนอีกเลย

หวางซือมู่รีบส่งสวี่ซินเหนียนออกจากเขตพระราชฐานไปก่อนพระอาทิตย์ตกดิน มอบยาดองและยาผงสำหรับรักษาแผลฟกช้ำให้กับสวี่เอ้อร์หลางจำนวนมาก หลังจากกลับมาที่จวน นางได้ยินพี่ใหญ่และพี่รอง อีกทั้งท่านแม่ของนางพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง

คุณชายรองหวางพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างผ่อนคลาย “ท่านพ่อกับท่านอาของพวกเราดูท่าจะมีแผนรับมือแล้ว ข้าเห็นตอนที่พวกเขาออกไป ฝีเท้าอ่อนช้อย และคิ้วก็ไม่เคร่งขรึมแล้ว ข้าไล่ตามออกไปถาม ท่านอาเฉียนบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง”

คุณชายใหญ่หวางยิ้มและพูด “ท่านพ่อยังบอกให้สาวใช้แจ้งครัวให้ปรุงเนื้อทอดเป็นมื้อค่ำอย่างสุดความสามารถอีกด้วย เพื่อบำรุงรักษาสุขภาพ เขาไม่ได้กินอาหารแบบนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว”

คุณชายรองหวางปรบมือ “นี่แสดงว่าเรื่องในใจของท่านพ่อหายไปหมดแล้ว และกำลังผ่อนคลายร่างกาย”

ฮูหยินหวางกำลังฟังอยู่ข้างๆ ก็เผยรอยยิ้มพลางหัวเราะออกมา “ซือมู่พูดถูก ท่านพ่อของพวกเจ้าน่ะ อุปสรรคมากมายอะไรไม่เคยได้พบเจอ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

เมื่อเห็นหวางซือมู่เข้ามา คุณชายรองหวางก็ยิ้มและพูด “น้องสาว ท่านพ่อเพิ่งออกจากจวนไป ข้ามีข่าวดีจะมาบอก ท่านอาเฉียนบอกว่าเขาพบวิธีแก้ปัญหาแล้ว”

หยุดไปชั่วครู่ เขาก็กลับมาพูดต่อทันที “แล้วเจ้าหนุ่มนั่นล่ะ? พี่รองคิดจะฉวยโอกาสนี้ทดสอบหยั่งเชิงเขาเพื่อดูว่าเขารับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้หรือไม่ เจ้าพาข้าไปตามหาเขา ข้าก็จะบอกว่าจวนสกุลหวางประสบกับภัยครั้งใหญ่ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไรต่อไป ดูกันว่าเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าด้วยท่าทางเช่นไร”

ขณะที่เขาพูดอย่างจริงจัง หวางซือมู่ก็พูดขัดจังหวะอย่างเย็นชา “เมื่อเทียบกับพี่รองที่ทำได้แค่เพียงคุยโวโอ้อวดอยู่ที่นี่ เขาแข็งแกร่งกว่ามากเลยล่ะ”

คุณชายรองหวางถลึงตาจ้องมอง “สาวน้อย เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?”

คุณชายใหญ่หวางอารมณ์ดี ตบบ่าน้องรองด้วยความยินดี พลางพูดด้วยรอยยิ้ม

“ปัญญาชนของสำนักอวิ๋นลู่ การอบรมทางด้านศีลธรรมนี้วางใจได้เลยจริงๆ แต่พี่รองของเจ้าก็มีความคิดที่ดีเช่นกัน เขาแค่อยากทดสอบ ก็ให้เขาลองทดสอบดูเสียหน่อยเถอะ”

หวางซือมู่เม้มริมฝีปาก พลางนั่งลงจิบชาแล้วพูดช้าๆ “วิธีที่ท่านพ่อและท่านอาจะใช้ทำลายเรื่องนี้ คือหลักฐานที่แสดงว่าเหล่าขุนนางพวกนั้นบิดเบือนกฎหมายและรับสินบน”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” คุณชายใหญ่หวางตกตะลึง

“เพราะว่านี่คือสิ่งที่สวี่เอ้อร์หลางนำมาให้ เขามอบสิ่งนี้ให้เพื่อเป็นของแลกเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่” หวางซือมู่ทั้งมีความสุขและเจ็บใจ

“สิ่งนั้นเป็นสวี่เอ้อร์หลางที่นำมาให้” คุณชายรองหวางพูดพึมพำ

“นี่…นี่เป็นแต้มต่ออย่างมาก เขากลับอุทิศให้แบบนี้หรือ?” คุณชายใหญ่หวางก็บ่นพึมพำเช่นกัน

ฮูหยินหวางมองสีหน้าบุตรชายทั้งสองคนและตระหนักถึงชายหนุ่มจากตระกูลสวี่ที่บุตรสาวพึงใจคนนั้น เห็นด้วยว่าเขามีบทบาทและเป็นตัวแปรสำคัญอย่างมากในการสนับสนุนเรื่องนี้

ในสามวันข้างหน้าต่อจากนี้ จะมีคลื่นลูกใหญ่เข้าซัดข้าราชการของเมืองหลวง สิ่งแรก…พวกที่มีความคิดเป็นกลางจะคอยมองพรรคหวางล่มสลายจากการถูกอำนาจของจักรพรรดิตัดแข้งขาอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเยือกเย็น มองดูความตื่นกลัวและไม่เป็นสุขของพรรคหวาง หยวนสยงและฉินหยวนเต้า ตัวแทนของ ‘พรรคหวงเฉวียน’ เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีแล้ว

แต่ด้วยการพัฒนาของสถานการณ์ ศาลต้าหลี่จึงเลือกที่จะเข้าร่วมหลบภัยกับพรรคหวางก่อน และร่วมมือกับกรมอาญาเพื่อล้างมลทินให้ขุนนางพรรคหวางที่ถูกจับเข้าคุก แล้วเริ่มต่อสู้กับฝ่ายตรวจการโuเวลกูดฺอทคอม

หลังจากนั้น ขุนนางใกล้ชิดของทั้งหกแผนกก็มีผู้คนกบฏย้ายข้างจำนวนไม่น้อย ยื่นมติไม่ไว้วางใจต่อหยวนสยงและฉินหยวนเต้าที่เล่นพรรคเล่นพวกทำลายผู้อื่น และใช้อำนาจในทางที่ผิด เปลวเพลิงแห่งสงครามแผดเผาที่ศีรษะของทั้งสอง

หลังจากนั้นทันที ในกลุ่มขุนนางตำแหน่งสูงที่มีอำนาจหลายคนก็เขียนหนังสือฟ้องร้องหยวนสยงและฉินหยวนเต้าเช่นกัน

ในช่วงเวลาสั้นๆ เหล่ากองกำลังต่างๆ ก็ได้กระโดดออกมาปกป้องพรรคหวาง ในขณะที่กรมอาญาและศาลต้าหลี่ยังคงกักตัว ‘ขุนนางนักโทษของพรรคหวาง’ ไว้อยู่ การพิจารณาคดียังไม่มีข้อสรุป และได้ขัดจังหวะแผนการใหม่ของหยวนสยงและคนอื่นๆ

การพิจารณาคดียังไม่มีผลสรุป และการยื่นฟ้องร้องของเหล่าขุนนางในท้องพระโรงก็หลั่งไหลมาราวกับห่าฝน ข่าวลือเรื่องที่จักรพรรดิหยวนจิ่งรอจังหวะคิดบัญชีแก้แค้นเริ่มแพร่กระจายไปทั่วในแวดวงข้าราชการ ตอนที่เขาถูกบีบคั้นให้ออกกฤษฎีกาต้องโทษ ทั้งหมดนั้นล้วนต้องคิดบัญชีชำระสะสาง

ชั่วขณะเดียวเสียงข่าวลือก็แพร่กระจายดังขึ้นทั่วทุกสารทิศ

นี่ยังไม่จบ ขุนนางใกล้ชิดกับทั้งหกแผนกและจางสิงอิงเป็นผู้นำของเหล่าฝ่ายตรวจการ ราวกับฉลามที่ดมกลิ่นคาวเลือดเจอ ได้เขียนหนังสือยื่นคำร้องด้วยความคึกคัก เขียนยื่นคำร้องแก้แค้นในเรื่องสายตาไม่กว้างไกลของจักรพรรดิหยวนจิ่ง ซึ่งทำลายเกียรติยศของราชวงศ์และความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิ

เรื่องที่ทำให้ขุนนางใกล้ชิดมีความสุขที่สุดก็คือได้เลือกความผิดของจักรพรรดิแล้วจากนั้นก็พ่นเขียนยื่นคำร้องให้เขา ซึ่งนี่หมายความว่าพวกเขาเป็นขุนนางข้าราชการที่ซื่อสัตย์ ในขณะเดียวกันก็สามารถมีชื่อเสียงได้อย่างรวดเร็วในวงการ และได้รับชื่อเสียงและเกียรติคุณดีเด่น

ในวันที่ห้า หลังจากที่จักรพรรดิหยวนจิ่งเกรี้ยวกราดในห้องบรรทมของเขา เพื่อหยุดเรื่องนี้ เขาก็ปล่อยตัวสมาชิกพรรคหวางที่ถูกจำคุกอยู่ออกมา

หยวนสยงถูกลดระดับให้เป็นรองหัวหน้าสำนักตรวจสอบฝ่ายขวา และให้หลิวหงซึ่งเป็นอดีตรองหัวหน้าสำนักตรวจสอบฝ่ายขวามารับช่วงต่อ

รองเจ้ากรมกรมทหารฉินหยวนเต้าก็โกรธจนล้มป่วยติดเตียงไป

ในวันหยุดพักนี้ องค์รัชทายาทที่กำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในราชสำนักกำลังชื่นชมดอกไม้ อดใจรอแทบจะไม่ไหวที่จะเรียกเจ้ากรมสวีแห่งกรมปกครองให้เข้าพบ

ณ ตำหนักบูรพา ในสวนดอกไม้

องค์รัชทายาทนั่งอยู่ในศาลา พลางจิบเหล้า แล้วเอ่ยถาม “การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานั้นทำให้ผู้คนตกใจกลัวจนพูดไม่ออก เชิญเจ้ากรมสวีคลายข้อสงสัยให้กับข้าด้วย”

เจ้ากรมกรมปกครองสวีแม้จะอยู่พรรคหวาง แต่ก็เป็นทั้งผู้สนับสนุนขององค์รัชทายาท ดังนั้นเรียกเขาเข้ามาก็เหมาะสมที่สุด

เจ้ากรมสวีสวมชุดปกติของเขา ลมเย็นๆ ในสวนดอกไม้พัดกลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้มาด้วย เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่สบายใจ

“เรื่องนี้ไม่มีความลึกลับใดๆ ช่วงเมื่อไม่นานมานี้ สวี่ซินเหนียนซึ่งเป็นซู่จี๋ซื่อแห่งสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน ได้ส่งจดหมายลับหลายฉบับมา ซึ่งเป็นจดหมายที่เฉากั๋วกงทิ้งไว้”

ในเวลานั้น เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบให้กับองค์รัชทายาทฟัง

องค์รัชทายาทหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย แล้วถามตามมา “จดหมายลับนั้นอยู่ที่ไหน? ยังมีอีกอยู่อีกหรือไม่? ต้องมีอีกแน่นอน เฉากั๋วกงอยู่ในอำนาจทางการเมืองมาตั้งหลายปี เป็นไปไม่ได้ที่จะมีจดหมายเพียงไม่กี่ฉบับ”

ถ้าหากว่าเขาได้รับจดหมายลับเหล่านั้น พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และตำแหน่งองค์รัชทายาทจะมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

“ข้าน้อยเองก็คิดเช่นนี้เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่สวี่ชีอันเป็นคนของเว่ยเยวียน…” เจ้ากรมสวียิ้มหัวเราะและไม่พูดอะไรต่อ

ความคิดขององค์รัชทายาทก็คึกคักร่าเริงขึ้นมาในคราวต่อมา พรรคหวางคว้ามาไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะคว้ามันมาไม่ได้นี่นา

‘ตอนนี้คิดออกแล้ว ในตอนแรก หลินอันได้รับผลกระทบจากจดหมายฉบับนั้น ไม่เช่นนั้น ทำไมสวี่ชีอันถึงต้องยืมมือของญาติผู้น้องของเขาเพื่อส่งจดหมายลับนี้ให้สมุหราชเลขาธิการหวางด้วย?’

‘สวี่ชีอันไม่ตอบจดหมาย เพราะเขาหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย ถึงอย่างไรตัวตนของเขาก็ค่อนข้างอ่อนไหว’

‘ข้าต้องไปที่ตำหนักเส้าอินสักครั้ง แล้วให้หลินอันคิดหาวิธีติดต่อกับสวี่ชีอัน เพื่อสำรวจความคิดให้แน่ใจ บางทีข้าอาจจะได้รับจดหมายลับเพิ่มเติมจากเขามากกว่าก็เป็นได้…’ องค์รัชทายาทเริ่มรู้สึกว่าเหล้านั้นจืดชืดเกินไป ก้นของเขานั่งไม่ติดราวกับกำลังนั่งอยู่บนเข็ม

เขาพูดคุยกับเจ้ากรมสวีต่อไปอย่างอดทน และจัดส่งคนออกจากวังไป

ก่อนจะรีบเปลี่ยนเส้นทางอ้อมไปยังตำหนักเส้าอินทันที

ณ ตำหนักเส้าอิน

หลังทานอาหารกลางวัน หลินอันก็งีบหลับไป นางสวมเสื้อบางชั้นเดียวพร้อมกับยืดตัวขึ้น บิดเอวอย่างเกียจคร้าน

อากาศร้อนระอุในฤดูร้อน สวมเสื้อผ้าบางๆ ขาดวิ่น และถึงแม้ว่าจะพูดไม่ได้ว่ารูปร่างอกนางนั้นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วขนาดก็ไม่ได้นับว่าเล็ก เพียงแต่เมื่อเปรียบเทียบกับฮว๋ายชิ่งแล้ว มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอยู่เหมือนกัน

เมื่อนางยืดเอว ก็เผยให้เห็นส่วนเล็กๆ ของเอวบางที่ราวกับมีหิมะปกคลุม

ส่วนโค้งมนของเอวนั้นช่างสวยงาม และส่วนเว้าทั้งสองข้างก็ดูเย้ายวนและน่ารัก

นางกำนัลที่คอยรับใช้ในวังนั้นสวมกระโปรงที่ดูซับซ้อนและงดงามสวยหรู หลังจากบ้วนปาก และล้างหน้าด้วยน้ำชา หลินอันก็แกว่งพัด พลางนั่งอยู่ในศาลาด้วยความงงงวย

นางกำนัลแนบกายซึ่งเคยถูกสวี่ชีอันตบที่ก้น กำลังถือบทละครพร้อมกับอ่านออกเสียง ถือโอกาสใช้เวลาว่างนี้พักหายใจ นางแอบเหลือบสังเกตมองไปที่องค์หญิงรอง

เมื่อเทียบกับความหดหู่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ในช่วงนี้พระองค์ได้ทรงฟื้นตัวกลับมาอย่างมาก แต่ก็ยังคงหลงเหลือความหดหู่อยู่เล็กน้อย

“เจ้าว่า หากคุณหนูในหนังสือไม่ใช่ผู้หญิงจากครอบครัวใหญ่ที่ร่ำรวย เช่นนั้นปัญญาชนยากจนยังจะชอบนางอยู่หรือไม่?” หลินอันส่ายพัดเบาๆ พลางมองไปที่ระยะไกลอย่างใจลอย แล้วเอ่ยถามโดยพลัน

นางกำนัลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูด “ชอบสิเพคะ เพราะในที่สุดปัญญาชนก็พานางหนีตามกันไป”

หลินอันส่ายหัว พลางพูดเบาๆ “แต่มีคนบอกข้าว่าปัญญาชนจงใจพาลูกสาวตระกูลเศรษฐีหลบหนีไปกับเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องจ่ายสินสอดมากมาย ก็สามารถได้แต่งงานกับภรรยาที่ทั้งสาวและสวยได้แล้ว ชายที่มีความรับผิดชอบอย่างแท้จริงไม่ควรทำเช่นนี้”

นางกำนัลก็เอ่ยถาม “แล้วควรจะเป็นเช่นไรเล่าเพคะ?”

หลินอันเงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างเศร้าเล็กน้อย “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อก่อนข้าเคยคิดว่าตนเองเป็นเช่นเดียวกันกับนาง…”

ในเวลานี้ ทหารรักษาพระองค์จากข้างนอกก็เข้ามา หยุดอยู่ไม่ไกล ประสานมือคารวะแล้วพูด

“องค์หญิง สวี่ซินเหนียน ซู่จี๋ซื่อแห่งสำนักบัณฑิตฮั่นหลินต้องการขอพบ”

หลินอันตกตะลึงครู่หนึ่ง และใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็จำได้ว่าสวี่ซินเหนียนผู้นี้เป็นญาติผู้น้องของบุคคลนั้น นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘ตัวนางเองและซู่จี๋ซื่อท่านนั้นไม่เคยเกี่ยวข้องกัน เขาจะมาขอเข้าพบด้วยเรื่องอะไร?’

หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่ไม่นานก็พูดว่า “เจ้าไปรับเขาเข้ามาในวัง”

ครึ่งชั่วก้านธูปต่อมา สวี่ชีอันที่แต่งกายด้วยเสื้อแพรสีดำแดง รองเท้าบูต และสวมหมวกทองคาดศีรษะไว้ สวมรอยประหนึ่งเป็นเหมือนน้องชายของตนเอง เดินตามหลังทหารรักษาพระองค์ของตำหนักเส้าอินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

ยายตัวร้ายนั่งอยู่หลังโต๊ะ ยืดเอวเล็กตัวตรงขึ้นราวกับเสา ท่าทางดูจริงจัง พลางสั่งให้นางกำนัลเอาชามาเสิร์ฟ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ใต้เท้าสวี่ มาพบข้าด้วยเรื่องอะไรหรือ?”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset