มินกือรินกำลังกระวนกระวายท่ามกลางโฮโลแกรมที่ฉายอยู่กลางอากาศ
บนโฮโลแกรมแสดงโฟลเดอร์ ‘เพื่อนร่วมชั้น’ จากบัญชีผู้ติดต่อ
มินกือรินติดต่อใครไม่ได้เลยยกเว้นฮันอีที่ไม่ได้เข้าค่ายยุวชน
‘แปลกมาก ของทุกคนขึ้นว่า ‘ปลายทางอยู่ในสถานที่ปลอดสัญญาณ’ กันหมดเลย’
มินกือรินไม่ได้คิดอะไรมากในตอนที่วิดีโอคอลกับควอนเลนาหยุดไปกะทันหัน
การเชื่อมต่อสามารถหลุดกันได้ และเธอคิดว่าอีกเดี๋ยวควอนเลนาก็คงโทรกลับ
แต่ผ่านไปหลายนาที ไม่มีการโทรหรือส่งข้อความกลับจากอีกฝ่าย เป็นธรรมดาที่มินกือรินจะกระวนกระวาย
และไม่ใช่แค่ควอนเลนา แต่ยังรวมถึงคิมยูรี พวกเด็กผู้ชาย ซงแดซอก หรือแม้กระทั่งครูประจำชั้นฮัมกึนยอง
เธอพยายามติดต่อกับศูนย์ฝึกอบรมบนเกาะซอกโม หรือแม้แต่ประภาคารเพลเยอร์ที่เจอช่องทางติดต่อมาจากอินเทอร์เน็ต แต่ก็ส่งข้อความหาใครไม่ได้เลย
‘เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนๆ … และครู!’
มินกือรินรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ไม่กล้าแจ้งความกับตำรวจหรือสมาคม
อ้างอิงจากประสบการณ์เมื่อครั้งถูกกลั่นแกล้งในวัยเด็ก เธอพอจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับการแจ้งความของนักเรียนอย่างไร
‘พวกเขาเคลื่อนไหวไม่ได้หากไม่ใช่เหตุฉุกเฉินที่ชัดเจน อย่างมากก็คงบอกว่าจะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ แล้ววันหลังจะโทรกลับมารายงานผล… แต่ถึงตอนนั้นก็คงสายไปแล้ว’
เหนือสิ่งอื่นใด มินกือรินไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะยอมเคลื่อนไหวกลางดึกเพียงเพราะ ‘นักเรียนคนอื่นติดต่อกับเพื่อนปลายสายไม่ได้’
จริงอยู่ อาจมีคนใหญ่คนโตที่เชื่อฟังคำพูดมินกือรินโดยไม่รอหลักฐาน แต่การติดต่อคนเหล่านั้นสุ่มสี่สุ่มห้ากลางดึกโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ ถือเป็นเรื่องที่เสียมารยาทอย่างมาก
‘อาจารย์กับคุณปู่ซงต้องเผชิญปัญหามากมายเพราะเรา ถึงพวกเขาบอกว่ายังรักเรา และอนุญาตให้ติดต่อไปหาได้ทุกเมื่อหากเกิดปัญหา แต่นี่มันกลางดึก แล้วเหตุผลของเราก็ยังขาดน้ำหนัก’
อย่างไรก็ดี มินกือรินยังไม่ยอมแพ้
‘เราต้องหาข้ออ้างที่ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหว!’
สิ่งแรกที่มินกือรินนึกถึงคือดาวเทียมเพลเยอร์
‘อาจจะมีข้อมูลสำคัญบันทึกอยู่ในดาวเทียม’
เข้าเว็บไซต์ของสมาคม มินกือรินตรวจสอบดาวเทียมบนเกาะซอกโมและบริเวณข้างเคียง
แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ
มีความไม่ปกติอยู่บ้าง แต่ก็เป็นความคลาดเคลื่อนในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
‘แบบนี้ใช้ไม่ได้…’
ความกังวลท่วมท้นหัวสมองเมื่อจินตนาการว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับครูฮัมกึนยอง ซงแดซอก และเพื่อนร่วมชั้น
ที่เธอเป็นห่วงกว่าใครคือซงแดซอก
‘แดซอกดูเหมือนไม่ค่อยอยากไป แต่เราบังคับเขา…!’
ทันใดนั้น คำพูดในอดีตของซงแดซอกเริ่มหวนกลับมา
—มีบางสิ่งกวนใจฉันมาสักพักแล้ว
—กวนใจ?
—ความไม่ชอบมาพากลที่เคยเกิดขึ้นใกล้ทะเลสาบซอกชน ไม่นานมานี้มันเกิดกับเรือคีโมโพลียา
ขณะเล่า ซงแดซอกฉายภาพข้อมูลดาวเทียม
กวาดสายตามองข้อมูลนับร้อยบรรทัด มินกือรินตอบกลับไป
—ตัวเลขพวกนี้เบี่ยงเบนออกจากค่ามาตรฐานก็จริง แต่ทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้…
ครุ่นคิดสักพักว่าควรทำอย่างไรให้มินกือรินเข้าใจง่ายขึ้น ซงแดซอกตอบ
—ถ้าดูตัวเลขแต่ละตัวก็คงเป็นแบบนั้น ทุกค่าคลาดเคลื่อนจากมาตรฐานในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ก็จริง แต่ลักษณะการคลาดเคลื่อนมันแปลก…
—แปลกยังไง?
—ถ้าจะให้เปรียบก็… เวลาโยนเหรียญ โอกาสออกหัวหรือก้อยคือ 50% เท่ากันใช่ไหม จะออกหน้าไหนก็ไม่แปลก
—เรื่องนั้นใครๆ ก็รู้
—แล้วถ้าฉันโยนเหรียญพันครั้ง แล้วมันออกหัวทั้งหมดล่ะ
มินกือรินที่เข้าใจว่าซงแดซอกถามเกี่ยวกับวิชาสถิติความน่าจะเป็น ตอบกลับไปโดยไม่คิดอะไรมาก
— (1/2) ^1000… ความน่าจะเป็นใกล้เคียงกับศูนย์
—ถูกต้อง คราวนี้ลองสมมติว่าโยนเหรียญหนึ่งหมื่นครั้ง โดยออกหัวและก้อยอย่างละห้าพันครั้งเท่ากันพอดี แต่ห้าพันครั้งแรกออกหัวทั้งหมด… ความน่าจะเป็นคือเท่าไร
—คงตอบตัวเลขที่แน่ชัดไม่ได้ถ้าไม่กดเครื่องคิดเลข แต่มันใกล้กับศูนย์มากกว่าโจทย์ข้อแรกแน่นอน น้อยจนแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
—ถูกต้อง ค่าตัวเลขในดาวเทียมมันก็แปลกแบบนั้นแหละ!
ซงแดซอกพูดพลางฉายโฮโลแกรมเพิ่มอีกนับสิบจอ
—ลำพังการดูข้อมูลจากดาวเทียมสมาคมเพลเยอร์คงเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนพอ ต้องเพิ่มดาวเทียมของกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันวิทยาศาสตร์การประมงแห่งชาติ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์เกาหลี และสำนักวิจัยทางทะเลแห่งชาติเข้าไปด้วย… จริงสิ ยังมีของเอกชนอย่างดาวเทียมประจำสถาบันวิจัยเอกชน หอดูดาวดาราศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ… หากนำข้อมูลทั้งหมดมาผนวกเข้าด้วยกันก็จะได้ข้อสรุป
—ข้อสรุปว่าอะไร
—ก็เหมือนกับการโยนเหรียญที่เพิ่งถามไปไง มันมี ‘จุดผิดปกติ’ ที่ถูกใครบางคนสร้างขึ้น!
ซงแดซอกผู้หมกมุ่นอยู่กับดาวเทียม สามารถเข้าถึงดาวเทียมทั้งหมดนั่น ดึงข้อมูลออกมา แล้วตั้งใจวิเคราะห์ราวกับต้องมนตร์ เพื่อให้ตัวเองเข้าใจดาวเทียมได้มากขึ้น
สำหรับมินกือริน ตัวเลขพวกนี้ดูเหมือนๆ กันหมดก็จริง แต่ถ้ามีใครมาบอกว่ารูปวาดของเธอมันก็แค่ส่วนผสมของเส้นและสี มินกือรินก็คงไม่พอใจเช่นกัน เธอจึงพยายามทำความเข้าใจงานอดิเรกของซงแดซอก
ซงแดซอกก็เข้าใจความยากลำบากของอีกฝ่าย จึงพยายามย่อยให้ง่ายที่สุดแล้ว
‘นี่ไง…!’
ไล่อ่านประวัติการสนทนาจากดีไวซ์ มินกือรินพบลิงก์ไปยังเว็บแอปฯ หนึ่งที่ซงแดซอกพัฒนาขึ้น
เป็นเว็บแอปฯ ที่ออกแบบโดยใช้อัลกอริทึมที่เขาคิดขึ้นเอง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมสาธารณะทั่วโลกเพื่อนำมาตรวจหา ‘จุดผิดปกติ’
หลังจากกำหนดกรอบเวลาในช่วงที่การสื่อสารถูกตัดขาด รวมถึงกำหนดขอบเขตให้เป็นเกาะซอกโม แอปฯ เริ่มทำการวิเคราะห์ข้อมูล
และผลลัพธ์ก็คือ
จุดสีแดงหนึ่งจุดปรากฏขึ้นบนเกาะซอกโม
‘…ตำแหน่งตรงกับศูนย์ฝึกอบรมบนเกาะ!’
ไม่มีความจำเป็นต้องลังเลอีกแล้ว
ยืนยันผลลัพธ์จนแน่ใจ มินกือรินรีบวิ่งออกจากห้อง
เป้าหมายคือบ้านหลังข้างๆ ซึ่งเป็นของมหาบุรุษซงมันซอก
ระหว่างนั้นก็ส่งข้อความไปหาอาจารย์ของตน—จิตรกรฮงคยุงบ๊ก
ลืมแม้กระทั่งแว่น AR หญิงสาววิ่งโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
* * *
[ฉัน] ฉันเพิ่งได้อ่าน
[ฉัน] มีอะไรหรือ?
ฉันส่งคำตอบกลับไปหามินกือริน แต่ก็ไม่มีการตอบสนอง
‘สงสัยหลับอยู่’
ฉันลังเลสักพักควรโทรไปหาดีไหม เพราะมันอาจเป็นเรื่องเร่งด่วน
แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมาะแก่การโทรสักเท่าไร
“…นี่คือปลอดภัยแล้ว?”
ไม่นานหลังจากมาถึงจุดเกิดเหตุที่มีเสือแดง คิมชินรก และยงเจกอนรออยู่
วังจีโฮหัวเสียอย่างเปิดเผยหลังจากเห็นสภาพอันน่าสังเวช
“ปลอดภัยดี”
เสือแดงตอบอย่างหน้าไม่อาย
สภาพในปัจจุบันของเขา ผู้ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากแรงระเบิดที่หมีจอมว้าวุ่นก่อขึ้น ห่างไกลจากคำว่า ‘ปลอดภัยดี’ ค่อนข้างมาก
เลือดที่แยกไม่ออกว่าเป็นของใคร
เสื้อผ้าขาดวิ่นหลายจุด
รอยไหม้ตามผิวหนัง เช่นหลังมือและใบหน้า
ดูยังไงก็ไม่ปกติ
ที่แย่ไปกว่านั้น เขาใช้ไอเท็มฟื้นฟูไม่ได้เนื่องจากติดดีบัฟ ‘เห็นนรกล่วงหน้า’
“แค่มีชีวิตรอดก็ถือว่า ‘ปลอดภัยดี’ แล้วหรือไง… ไม่อยากเชื่อว่าหมีจอมว้าวุ่นจะยอมสังเวยลิ่วล้อมากขนาดนี้ ไม่ได้อายุยืนอย่างสูญเปล่าเหมือนกับจอมลอกเลียนสินะ ถึงทำให้เจ้าบาดเจ็บหนักขนาดนี้ได้”
“ถ้าแค่นี้ล่ะก็ ข้าฟื้นฟูตัวเองได้โดยไม่มีปัญหา”
“ไม่มีปัญหา? ดูสภาพของพวกเจ้าสิ…”
‘พวกเจ้า’ คงหมายถึงเสือแดงกับยงเจกอน
เสื้อผ้าของยงเจกอนมีรอยไหม้เกรียมรุนแรง แต่บาดแผลฟื้นฟูเร็วกว่าเสือแดง คงเพราะใช้ไอเท็มฟื้นฟูไปแล้วโนเวลกูดอทคoม
“…โชอึยชิน อย่าทำเหมือนไม่เกี่ยวสิ นายก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก”
วังจีโฮเคยพูดว่าฉันกับเสือแดงมีนิสัยคล้ายกัน ยังคิดแบบนั้นอยู่สินะ
ฉันตัดสินใจทำเมินราวกับไม่ใช่เรื่องตัวเอง
โชคยังดี ก่อนที่วังจีโฮจะเทศนา เสือแดงชิงพูดก่อน
“เป้าหมายที่ต้องคุ้มกันปลอดภัยดี ข้าจึงรายงานกับท่านว่าปลอดภัยดี”
เขาพูดไม่ผิด คิมชินรกปลอดภัยจริงๆ
เสื้อผ้าไม่มีแม้แต่คราบเขม่า เท่ากับว่าเขาแทบไม่ได้รับอิทธิพลจากแรงระเบิดของเผ่าหมี
ได้เห็นเสือแดงกับยงเจกอนบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เดาได้ไม่ยากว่าพวกเขาเสียสละตัวเองปกป้องคิมชินรก
“…อย่างนี้นี่เอง เป็นคำสั่งของท่านเสือเหลืองสินะ”
คิมชินรกที่ไม่บาดเจ็บแต่ยืนหน้าซีดราวกับผี ในที่สุดก็เปิดปาก
“ทำไมท่านถึงสั่งแบบนั้นล่ะ… เสือแดงกับเจ้ามังกรนี่ก็เลยบาดเจ็บเพราะข้า…”
“ชินรก”
ยงเจกอนรีบตัดบทคิมชินรก
“ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าภายในเผ่าเสือเกิดอะไรขึ้น แต่คิดว่าคนอย่างข้าจะรับคำสั่งจากเสือเหลือง? คำสั่งของท่านประธานมีผลแค่ในรั้วโรงเรียนเท่านั้น”
บี๊บบี๊บ!
ท่ามกลางบรรยากาศอันตึงเครียด
ดีไวซ์ทยอยส่งเสียงเตือนอย่างอลหม่าน
อุปกรณ์ที่เริ่มได้รับสัญญาณจากดาวเทียม เริ่มส่งข้อความแจ้งเตือนรอยแยกและผลการจู่โจม
รอยแยกทั้งสองแห่งบนเขาซังจูถูกเคลียร์แล้ว ส่วนรอยแยกบนเกาะกีจังกำลังอยู่ระหว่างจู่โจม
“เสือแดง ยงเจกอน ลบร่องรอยของเผ่าหมีแล้วย้ายไปที่เทียนจื่อ… คอยจับตาดูจอมลอกเลียนเอาไว้… ส่วนคิมชินรกมากับข้า”
“อยากอยู่กับพวกเจ้าให้นานกว่านี้จัง แต่คงช่วยไม่ได้สินะ ไว้เจอกันนะชินรก… อึยชินด้วย”
เนื่องจากมัวประวิงเวลาไม่ได้ ทุกคนจึงรีบแยกย้ายทันที
จนแล้วจนรอดเสือแดงกับคิมชินรกก็ยังไม่สบตากัน
* * *
เมื่อการสื่อสารกลับเป็นปกติ สถานการณ์ก็เริ่มอยู่ในความควบคุม
ครูและนักเรียนที่เหลือช่วยกันปราบปรามเอนามีและจู่โจมรอยแยก
เมื่อกำลังเสริมจากสมาคมมาถึง สัญญาณของเอนามีได้หายไปจากเกาะซอกโมอย่างสิ้นเชิง
“อึยชิน! โล่งอกไปทีที่นายปลอดภัย!”
“เอ๋! ทำไมซาวอลเซอึมถึงหมดสติล่ะ? ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”
บนเรือเทียนจื่อกับเพื่อนร่วมชั้น
หากไม่นับครูฮัมกึนยองที่เป็นตัวแทนโรงเรียน และครูกิตติมศักดิ์ทั้งสองที่มาเข้าร่วมกลางคัน ครูกับนักเรียนที่เหลือต่างได้รับอนุญาตให้ขึ้นเรือกลับก่อน
ฉันวางซาวอลเซอึมลงบนเตียงที่จัดไว้สำหรับห้องศูนย์ ตามด้วยกล่าว
“เขาแค่หลับไป แล้วคนอื่นล่ะ”
“ยูรีหลับอยู่ในห้องพยาบาล ไม่มีบาดแผลภายนอก แต่พวกเขาบอกว่าจำเป็นต้องตรวจสอบคลื่นพลังวิเศษของเธออย่างละเอียด… ส่วนแดซอก…”
เสียงควอนเลนาเบาลงเรื่อยๆ
เขาได้รับพิษวิเศษเข้าไป อาการจึงไม่สู้ดีเท่าไร
พิษวิเศษไม่ทำให้ถึงแก่ความตายก็จริง แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มียาถอนพิษ วิธีรักษาเดียวคือแสงประทานของอูซังฮี
‘สุดท้ายก็ควบคุมตัวแปรทั้งหมดไม่ได้…’
ไม่มีใครตาย แต่มีคนเจ็บเพียบ
นักเรียนที่บาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างการจู่โจมรอยแยก
คิมยูรีที่อ่อนเพลียเพราะแสงประทานอาวะลาด หลังจากนาบีรยองตัดพรคุ้มครอง
นักเรียนหญิงห้องสอง รวมถึงโนยองมีและซงแดซอกที่ตกเป็นเหยื่อของพิษวิเศษ
ชื่อเหล่านี้ดังวนเวียนในหัวฉันซ้ำไปมา
‘รอยแยกที่จอมบงการอัญเชิญมีระดับสูงกว่าในเกมมาก ทีมของจูซูย็อกจึงรับมือได้ลำบากกว่าที่คิด และวังจีโฮไปถึงจุดนัดหมายล่าช้าเพราะพฤติกรรมไม่คาดฝันของครูฝึก’
แม้จะมีข้อแก้ตัวที่ฟังขึ้น แต่ฉันก็เจ็บปวดใจทุกครั้งเมื่อนึกถึงคนเจ็บ
วิธีนี้ดีที่สุดแล้วจริงหรือ?
เราไม่มีหนทางปกป้องพวกเขาแล้วใช่ไหม?
พอหมกมุ่นอยู่กับเรื่องพวกนี้ ปลายนิ้วของฉันพลันเย็นเฉียบราวกับกำลังเล่นหมากรุก
“โชคดีจริงๆ ที่พวกเราได้กลับพร้อมหน้ากัน…! พูดตามตรง มีแวบหนึ่งที่ฉันคิดว่าพวกเราจะ…”
“ใช่ คงเกิดเรื่องใหญ่แน่ถ้าตอนนั้นรองหัวหน้าห้องไม่ออกคำสั่งอย่างสุขุม”
“อื้อ! ขอบคุณที่มาเรียกเรานะเฮียวทง”
ฉันนั่งฟังบทสนทนาระหว่างควอนเลนากับเม็งเฮียวทง ที่นั่งใกล้กับเตียงของซาวอลเซอึมผู้หลับสนิท
“นี่…”
วังจีโฮที่ยืนข้างฉันพูดขึ้น
“รู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของนาย… ถ้าจะถามถึงเหตุผลที่มีคนเจ็บมากมาย คนผิดคือฉันเอง ถ้าฉันไปที่หอพักหญิงเร็วกว่านี้ จำนวนผู้บาดเจ็บก็คงลดลงไปมาก”
ตาแก่อวดดีคนนั้นกำลังโทษตัวเอง?
ขณะฉันตกใจเพราะได้ยินสิ่งที่คาดไม่ถึง ซาวอลเซอึมคอยๆ ลืมตา
“หือ…? ที่นี่คือ…? อึยชิน… อึยชินอยู่ไหน!”
“อยู่ทางนี้”
ฉันรีบขานรับก่อนที่ซาวอลเซอึมในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นจะหลุดปากพูดอะไรออกมา
เมื่อสังเกตเห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าฉัน ซาวอลเซอึมตระหนักได้ว่าฉันบาดเจ็บ
เขาร้องไห้อย่างหนักจนทุกคนต้องช่วยกันปลอบ
ถ้าไม่ได้ควอนเลนาคอยชวนคุย เกรงว่าซาวอลเซอึมคงได้ร้องไห้ไปจนถึงเขตอึนกวาง
แม้เม็งเฮียวทงจะชวนเพื่อนคุยเป็นครั้งคราว แต่เขาดูเหม่อลอยบ่อยกว่าปกติชัดเจน
“ทุกคนจะตรงกลับหอพักเลยใช่ไหม”
“ของฉันคุณอามารับ”
หลังจากเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลของมูลนิธิวังมยอง พวกเราได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน
ยกเว้นคิมยูรีกับซงแดซอก
“…คงเยี่ยมคนป่วยไม่ได้ไปอีกสักระยะใช่ไหม”
“นักข่าวมามุงกันเยอะแบบนี้คงไม่ได้แหง… อาจต้องรอสักสองสามวัน”
“กือรินยังติดต่อไม่ได้ ส่วนฮันอีบอกว่าจะรีบมาทันที ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากเยี่ยมไข้คนป่วย”
ดูเหมือนเด็กๆ ในห้องจะสนิทกันถึงขนาดยอมทิ้งงานมาเยี่ยมไข้กันแล้ว
คงต้องหาทางทำให้ทุกคนได้เยี่ยมไข้บ่อยๆ
แม้จะต้องกดดันวังจีโฮบ้างก็ตาม
“เดี๋ยวฉันลองหาวิธีดู ถ้าได้เมื่อไรจะนัดทุกคนอีกที”
“อื้อ!”
“ตกลง”
พูดจบ ฉันเตรียมเดินกลับหอพร้อมกับควอนเลนาและเม็งเฮียวทง
ขณะกำลังจะผ่านประตูทางเข้าโรงเรียนแสงเงิน วังจีโฮเรียกฉัน
“โชอึยชิน แวะที่บ้านฉันก่อนสิ”
ตอนนี้เลย?
มีหลายเรื่องต้องคุยก็จริง แต่ฉันแทบไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว อีกทั้งยังเหนื่อยมากจากการใช้แสงประทาน
ขณะเตรียมบ่ายเบี่ยงว่าจะไปพรุ่งนี้แทน
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์มีอะไรจะแสดงให้ดูด้วย”
“ก็ได้”
ฉันเปลี่ยนใจทันที