วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน
เผยเชียนกินข้าวเช้าที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเสร็จแล้วเดินไปออฟฟิศ
ไลฟ์สตรีมของหม่าหยางเมื่อวานถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ
ถึงจะไม่ได้เป็นกระแสยกใหญ่ แต่ผลตอบรับก็ดีมากทีเดียว แถมยังมีคนเอาคลิปไลฟ์สตรีมไปอัปโหลดลงเว็บอ้ายลี่เต่าและแพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ ด้วย
แบรนด์เครื่องเขียนสารพิษโดนเปิดโปงหมดเปลือกชั่วข้ามคืน บางบริษัทที่ดังหน่อยถึงขั้นออกประกาศฉุกเฉินแจ้งว่าจะตรวจสอบข้อกล่าวหาโดยละเอียด
ส่วนไลฟ์สตรีมของหม่าหยางก็มีกระแสได้แค่นั้น
ไลฟ์สตรีมของหม่าหยางทำให้เกิดกระแสพูดคุยในกลุ่มเล็กๆ ไม่ได้เป็นกระแสฮือฮาใหญ่โต มีชื่อเสียงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำกำไรหรือสร้างกระแสมากนัก
เผยเชียนมองว่ายังถือว่ารับได้
ปล่อยให้ไอ้หม่าสร้างความขุ่นเคืองใจและเปิดโปงบริษัทมากขึ้น จะได้ดูว่าโมเดลนี้ขาดทุนได้จริงๆ รึเปล่า
ตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจว่าจะกลับไปออฟฟิศ แต่ช่วงเที่ยงเขาได้รับข้อความจากห่าวหยุนบอกว่ามีเรื่องจะรายงาน และเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสอบคัดเลือกพนักงานเถิงต๋า
เนื่องจากไม่มีอะไรทำ เขาเลยแวะไปที่ออฟฟิศเพื่อฟังรายงานจากห่าวหยุน
หลังมาถึงได้ไม่นาน ห่าวหยุนก็มาเคาะประตู
“บอสเผยคะ แผนกของเราพบภัยแอบแฝงระหว่างการสอบคัดเลือกพนักงานครั้งนี้ค่ะ เขาไม่รู้ว่าควรจะจัดการดีไหมและจะจัดการยังไงดี ก็เลยมารายงานให้บอสทราบค่ะ”
เผยเชียนเอื้อมไปหยิบกระดาษรายงาน เขาไล่สายตาอ่านคร่าวๆ ระหว่างฟังห่าวหยุนอธิบาย
ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ
เกิดห่วงโซ่ธุรกิจขึ้นจากคู่มือการสอบวัดจิตวิญญาณเถิงต๋าได้ด้วย?
สถาบันฝึกอบรมวิชาชีพนั่นคิดจะหากำไรจากการสอบวัดจิตวิญญาณเถิงต๋าจริงๆ เหรอ
ดูเหมือนว่าเถิงต๋าจะกลายเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลมากจริงๆ มีคนอยากเข้ามาเป็นพนักงานเถิงต๋ามากขึ้นจนเกิดธุรกิจใหม่ขึ้นมา
เผยเชียนอดขมวดคิ้วด้วยความกังวลไม่ได้
พวกที่ซื้อคู่มือกับไปเข้าอบรมน่าจะได้คะแนนสอบข้อเขียนสูง เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย
งั้นก็หมายความว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่ผู้สมัครที่เถิงต๋ารับเข้ามาจะเป็นคนเก่งและขยันสิ
แต่เผยเชียนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะชื่อเสียงของเถิงต๋ากระจายไปไกลแล้ว หลายคนพยายามเต็มที่เพื่อจะได้เข้ามาทำงาน
พวกเขาเปลี่ยนเนื้อหาการสอบและกฎการคัดเลือกได้ตามใจชอบ ถึงสุดท้ายจะไม่ได้หัวกะทิ แต่ก็อาจจะได้พวกเก่งรอบด้านที่ไม่ได้แย่ที่สุดมาแทน
ปัญหานี้แก้ยากมาก
อีกอย่างเผยเชียนเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพ โดยพื้นฐานแล้ว นี่ก็เหมือนกับเหตุการณ์ ‘Super High School[1]’ หลายๆ กรณีที่เกิดขึ้น
โควตามีจำกัด แต่บางคนก็เริ่ม ‘ขนอาวุธมาสู้’ ทำให้คนอื่นๆ ต้องทำตาม เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ที่ทุกคนเหนื่อย แต่ไม่มีใครได้ประโยชน์
ถึงจะไม่wfhขัดขวางเผยเชียนจากการขาดทุน แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ
พอเห็นเผยเชียนยังคงเงียบอยู่ สีหน้าของห่าวหยุนก็จริงจังขึ้นมา “บอสเผยเองก็สังเกตเห็นเหมือนกันใช่มั้ยคะ”
เผยเชียน “?”
ฉันสังเกตเห็นอะไรล่ะนั่น
ห่าวหยุนพูดต่อ “บอสเผยคะ ดิฉันคิดว่าการชำระล้างบรรยากาศภายในและสร้างแรงต้านทานการล่อลวงจากภายนอกเป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ!
“เมื่อวานนี้มีสถาบันหนึ่งติดต่ออู๋ปินมา บอกว่าจะให้เงินก้อนโตแลกกับข้อสอบวัดจิตวิญญาณเถิงต๋า โชคดีที่อู๋ปินหักห้ามใจตัวเองและปฏิเสธอีกฝ่ายได้
“แต่นี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ๆ ค่ะ พนักงานที่รับผิดชอบตำแหน่งสำคัญๆ ในเถิงต๋าอาจจะทนต่อแรงยั่วยุไม่ได้ เราต้องหาทางป้องกันความเสี่ยงนี้!”
เผยเชียนกะพริบตา
อ๋อ เรื่องนี้เองหรอกเหรอ…
เขาไม่ได้สังเกตเห็นเรื่องนี้มาก่อน แต่พอมาคิดดู ก็เหมือนจะเป็นปัญหาจริงๆ
“คุณคิดว่าเราควรทำยังไง” เผยเชียนถาม
ชัดเจนว่าห่าวหยุนคิดถึงคำถามนี้ไว้ก่อนหน้าแล้ว จึงตอบกลับทันที “บอสเผยคะ ดิฉันคิดว่ามีหลักๆ อยู่สองทาง
“ทางแรก เพิ่มอำนาจให้แผนก HR กับแผนกธุรการในการกำกับดูแลกิจการต่างๆ ของเถิงต๋าและพนักงานในตำแหน่งสำคัญ ทำแบบนี้จะป้องกันไม่ให้พนักงานขายผลประโยชน์บริษัทหรือใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวได้
“ทางที่สอง จัดอบรมเชิงอุดมการณ์ให้พนักงาน เพื่อให้พวกเขาตระหนักถึงความจริงจังของเรื่องนี้ และระบุผลลัพธ์ที่ตามมาและมาตรการลงโทษ
“ส่วนเรื่องแนวทางการลงโทษ ดิฉันแนะนำให้วางมาตรการลงโทษตามความผิดแต่ละแบบ การลงโทษสถานเบาสุดคือหักเงิน และสถานหนักสุดคือไล่ออก โดยต้องจำแนกระดับการลงโทษเมื่อมีการละเมิดกฎให้ชัดเจน ต้องรายงานการละเมิดกฎทันทีทุกกรณีและไม่ควรผ่อนปรนเด็ดขาด”
เผยเชียนตกสู่ภวังค์ความคิดอีกครั้ง
เขาต้องลงโทษคนที่ทำผิดกฎหมายหรือผิดระเบียบให้หนักๆ เพราะระบบระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามมีกรณีแบบนี้
ส่วนพนักงานที่ใช้ตำแหน่งหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองจะจัดการยังไงดี
ดูอย่างเรื่องเมื่อวานเป็นตัวอย่าง คนนอกจากสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพติดต่อหาอู๋ปินเพื่อให้ช่วยทำคู่มือสำหรับการสอบวัดจิตวิญญาณเถิงต๋า ถ้าอู๋ปินตอบตกลง เผยเชียนจะจัดการยังไง อู๋ปินควรโดนลงโทษยังไง
เผยเชียนคิดเรื่องนี้ไม่ตก
เพิ่มอำนาจในการกำกับดูแลให้แผนกธุรการไม่ได้แน่นอน
ถ้าพวกอู้งานเลิกอู้ขึ้นมาจะทำยังไง
แต่จะให้เพิกเฉยปัญหานี้ไปเลยก็ไม่ถูก
เผยเชียนกระแอมกระไอ “เอางี้เป็นไง จากที่ผมมอง เราไม่จำเป็นต้องวางมาตรการลงโทษที่แตกต่างกัน เมื่อไหร่ที่พบเห็นใครใช้อำนาจหน้าที่เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าจะได้รับเงินมาเยอะเท่าไหร่และเป็นปัญหาเล็กใหญ่แค่ไหน คนคนนั้นจะโดนไล่ออกทันที เราจะไม่รับคนแบบนี้เข้ามาทำงานด้วยอีก!
“แน่นอนว่า ถ้าไล่ออกเราก็ต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย เพราะพนักงานทุกคนต่างก็ทำเพื่อเถิงต๋ามาไม่มากก็น้อย
“ส่วนเรื่องการอบรมเชิงอุดมการณ์ ก็จัดการตามที่คุณเห็นสมควร ถ้าอยากทำก็ทำได้เลย แต่ไม่จำเป็นต้องจริงจังมากเกินไป”
เผยเชียนคิดว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ ก็แค่ไล่คนที่ทำผิดออก!
เพราะยังไง คนที่ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวได้ก็เป็นพวกที่มีตำแหน่งสำคัญๆ ในบริษัท ถ้าคนแบบนั้นอยู่ในตำแหน่งได้นาน ก็แสดงว่าน่าจะเป็นคนเก่ง เขาใช้โอกาสนี้ไล่คนเก่งออกได้ เพื่อที่จะได้ไม่มาขัดขวางการผลาญเงินของเขา
อีกอย่างถ้าเสียค่าชดเชยหลังไล่พนักงานออก เขาก็จะใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
เขาต้องผลาญเงินให้ได้มากที่สุด
ไม่รู้ทำไม ห่าวหยุนรู้สึกตื้นตันใจมาก เธอพยักหน้า “รับทราบค่ะบอสเผย!”
ถึงบอสเผยจะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ห่าวหยุนก็สัมผัสได้ว่าคำพูดของบอสมีความหมายแฝงอยู่
บอสเผยปฏิเสธคำแนะนำในการ ‘เพิ่มอำนาจการกำกับดูแล’ ซึ่งหมายความว่า ในมุมมองของบอสเผย ถึงการเพิ่มอำนาจการกำกับดูแลภายในและป้องกันไม่ให้หากำไรส่วนตัวจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีอิสระในบริษัทเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
ทำไมถึงไม่จำเป็นต้องวางมาตรการลงโทษหลายแบบ
เห็นได้ชัดว่าในสายตาบอสเผย ไม่ว่าจะทำผิดเล็กน้อยแค่ไหน คนกระทำผิดก็ต้องได้รับการลงโทษอย่างหนัก!
บริษัทอื่นอาจจะหาทางปกป้องพนักงานที่มีความสามารถโดดเด่นแต่กระทำผิดทางจริยธรรม พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงเรื่องมนุษยธรรม แต่แค่อยากปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท
เพราะยังไงถ้าต้องหาคนมาแทนตำแหน่งสำคัญๆ คนที่มาแทนก็อาจทำงานไม่เก่ง และถ้าต้องทำแบบนั้น ก็อาจส่งผลกระทบกับการทำงานประจำวันได้
แต่การปล่อยให้พวกเขาอยู่ในบริษัทต่ออาจส่งผลแง่ลบกับบรรยากาศภายในบริษัท เพราะถือว่าไม่ยุติธรรมและเลือกที่รักมักที่ชัง
จุดนี้แหละที่ทำให้บอสเผยแตกต่างจากบอสคนอื่นๆ
ส่วนหนึ่งก็เพราะบอสเป็นคนเคร่งขรึม เสียสละ และไม่สนใจความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ถ้ามีใครใช้อำนาจหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว คนคนนั้นจะโดนไล่ออกทันทีไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนและเคยมีความสัมพันธ์อะไรกับบอสเผยมาก่อน
อีกส่วนหนึ่งก็เพราะถ้าเป็นแค่ความผิดพลาดเรื่องงาน พนักงานจะไม่โดนลงโทษ ถึงจะโดนไล่ออก คนที่โดนไล่ออกก็จะได้รับเงินชดเชยเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและความมีน้ำใจที่บอสเผยมีให้ในฐานะเพื่อนร่วมงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบอสดูแลพนักงานดีขนาดไหนโนเวลกูดอทคoม
พอมาคิดดูแล้ว วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่เหมาะที่สุดในการจัดการปัญหาตามแบบฉบับของจิตวิญญาณเถิงต๋า
พอเห็นสีหน้าสลับซับซ้อนของห่าวหยุน เผยเชียนก็รู้สึกว่าตัวเองโดนเข้าใจผิดอีกแล้ว
แต่ก็ไม่เป็นไร ชินแล้ว…
ห่าวหยุนถามขึ้นอีก “ถ้างั้นเรายังต้องจัดการเรื่องที่สถาบันฝึกอบรมวิชาชีพพยายามหากำไรจากการสอบคัดเลือกพนักงานของเราไหมคะบอสเผย”
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “ตอนนี้ผลกระทบยังไม่รุนแรงมาก ไม่ต้องห่วง ไว้เดี๋ยวผมค่อยคิดเรื่องนี้ที่หลัง”
พฤติกรรมของสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพสร้างความวุ่นวายในหมู่ผู้สมัครสอบเข้าเถิงต๋า แถมการหาผลประโยชน์จากผู้สมัครสอบก็ทำให้เผยเชียนรู้สึกรังเกียจ
แต่ผลกระทบในตอนนี้ยังถือว่าไม่ใหญ่เท่าไหร่ เผยเชียนเองก็ยังคิดทางออกดีๆ ไม่ได้ จึงได้แต่ทดเอาไว้ก่อน รอให้คิดหาไอเดียดีๆ ได้ก่อนค่อยว่ากัน
ห่าวหยุนหันหลังกลับ
“เดี๋ยว”
เผยเชียนนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบหยุดอีกฝ่ายไว้ “ช่วงนี้การสอบวัดจิตวิญญาณเถิงต๋ามีอัตราการผ่าน 100% คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้”
เผยเชียนสงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว
แต่ก็คิดหาคำอธิบายดีๆ ไม่ได้
ว่ากันตามหลักการแล้ว การสอบวัดจิตวิญญาณเถิงต๋าถูกทำออกมาให้ยาก จะมีอัตราการผ่าน 100% ได้ยังไง
แต่ความเป็นจริงคือพนักงานใหม่ส่วนใหญ่สอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรก คนที่แย่ที่สุดสอบผ่านได้ภายในหนึ่งเดือน ไม่มีใครโดนคัดออกเลย
แปลกมาก
ห่าวหยุนผงะไป ก่อนจะรีบพูดขึ้น “อาจจะเพราะ… ทุกคนมีความเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณเถิงต๋าที่ลึกซึ้งมากขึ้นรึเปล่าคะ เพราะบรรยากาศภายในบริษัทก็มีอิทธิพลต่อพนักงานใหม่เหมือนกันนะคะ”
เผยเชียนพยักหน้าเบาๆ
ก็มีความเป็นไปได้
“โอเค ไม่มีอะไรแล้ว” เผยเชียนบอก
ห่าวหยุนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ก่อนจะกลับออกไป
เผยเชียนเข้าไปดูแพลตฟอร์มการสอบวัดจิตวิญญาณเถิงต๋าอีกครั้ง แล้วตรวจดูคำถามที่เปลี่ยนมาหลายครั้งอย่างละเอียด
จริงๆ แล้วเผยเชียนเข้ามาเปลี่ยนคำถามบ่อยๆ บางครั้งก็เปลี่ยนคีย์เวิร์ดในคำถาม ทำให้ต้องเปลี่ยนคำตอบ บางครั้งก็คิดคำถามขึ้นมาใหม่เลย
แต่ไม่ว่าจะทำยังไง พนักงานใหม่ก็สอบผ่านอยู่ดี
เผยเชียนแอบเช็กพนักงานที่รับผิดชอบแพลตฟอร์มอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่พบความเป็นไปได้ที่ข้อสอบจะหลุดออกไป
เพราะงั้นจึงเป็นไปได้ว่าพนักงานพวกนี้เข้าใจจิตวิญญาณเถิงต๋าอย่างแท้จริง และสอบผ่านได้ด้วยความสามารถของตัวเอง
ในเมื่อพนักงานเข้าใจจิตวิญญาณเถิงต๋าและอู้งานได้อย่างภาคภูมิใจ แล้วทำไมเขาถึงยังทำเงินได้อยู่ล่ะ
เผยเชียนคิดไม่ออกว่าเรื่องราวเป็นยังไงกันแน่
“ไม่ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่!
“เรื่องนี้ปล่อยไปไม่ได้!”
ยิ่งคิดเผยเชียนก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
จิตวิญญาณเถิงต๋าอาจจะโดนตีความไปผิดๆ
คนพวกนี้อาจบังเอิญตีความไปอีกแบบ และดันได้คำตอบที่ตรงกันพอดี
มีโอกาสเป็นได้เหมือนกัน!
คิดได้แบบนั้นเผยเชียนก็เริ่มวางแผน
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็ส่งข้อความหาพนักงานที่รับผิดชอบเว็บ TPDb
“ปรับแก้ข้อสอบจิตวิญญาณเถิงต๋า ทำให้เสร็จก่อนพนักงานใหม่เข้า
“ลดจำนวนคำถามลงแล้วเพิ่มเวลาทำข้อสอบแต่ละข้อ ทุกข้อให้เพิ่มช่องให้ผู้เข้าสอบเขียนอธิบายคำตอบอย่างละเอียดด้วยว่าทำไมถึงเลือกตอบข้อนี้!”
……………..
[1] หมายถึงปรากฏการณ์ดึงตัวนักเรียนหัวกะทิเข้ามาเรียนในโรงเรียน เพื่อเพิ่มอัตราการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ โดยมีเป้าหมายเป็นการเก็บค่าเล่าเรียนที่แพงขึ้น