บทที่ทีมงานมืออาชีพเขียนนั้นละเอียดมาก ระบุทั้งแบรนด์ของอุปกรณ์การเรียน ช่องทางการซื้อ รายงานการทดสอบจากห้องแล็บระดับมืออาชีพ และข้อมูลอื่นๆ ซึ่งครบถ้วนสมบูรณ์สุดๆ
ช่วงแรกของไลฟ์สตรีมเป็นบทสรุปสั้นๆ
แต่ถัดจากนั้นเป็นการแนะนำของแต่ละชิ้นอย่างละเอียด โดยเน้นเรื่องสารพิษและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพ
ในบรรดาของต่างๆ ที่นำมารีวิว บางชิ้นไม่มีชื่อแบรนด์ที่ชัดเจน แต่มีช่องทางการขาย บางชิ้นมีแบรนด์ ซึ่งหม่าหยางก็พูดชื่อแบรนด์ออกมาตรงๆ โดยไม่ปิดบังอะไร
ไม่นานทิศทางคอมเมนต์วิ่งผ่านหน้าจอก็เปลี่ยนไป
ตอนแรกทุกคนแค่ดูกันขำๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่คอมเมนต์วิ่งผ่านหน้าจอก็ค่อยๆ จริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“ก็คือบอสหม่าไม่ได้โฆษณาแบรนด์พวกนี้ แต่กำลังเปิดโปงความปลอมเปลือกและไร้คุณภาพหรอกเหรอ”
“?? ลูกฉันใช้ยางลบแบบนี้เลย!”
“มีของแบรนด์ดังด้วย สินค้าแบรนด์นี้ขายดีมากบนช่องทางออนไลน์และตามร้านเครื่องเขียนใกล้โรงเรียน แต่ของดันไม่ได้คุณภาพเนี่ยนะ”
“สารพวกนี้เป็นสารก่อมะเร็งรุนแรงสำหรับเด็กทั้งนั้น! ไอ้พวกที่ผลิตของแบบนี้ออกมาขายนี่มีจิตสำนึกบ้างมั้ย”
“บอสหม่าดูเตรียมตัวมาดีสุดๆ ขอบคุณบอสหม่ามากที่ช่วยเปิดโปงสินค้าขยะ!”
ผู้ชมที่พิมพ์คอมเมนต์วิ่งผ่านหน้าจอไม่ได้สนใจไลฟ์สตรีมของบอสหม่าเลยในตอนแรก
ใครจะอยากดูคนมานั่งโฆษณาดินสอกับยางลบกัน ในห้องไลฟ์สตรีมก็ไม่มีเด็กประถมเลยสักคน
แถมคนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าของแบบดินสอ ยางลบ ปกหนังสือ และกาวแท่งนั้น ถึงจะมีความแตกต่างด้านราคากับคุณภาพ แต่ก็คงไม่ได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น
ต่อให้มีคนออกมาโฆษณาก็คงไม่มีใครตามไปซื้อบนช่องทางออนไลน์
แต่ผู้ชมไม่คิดว่าบอสหม่าจะมาเปิดโปง ไม่ได้มาโฆษณา!
แถมเขายังซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา และเปิดโปงหมดไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดสินค้าเครื่องเขียนในจีนสูง!
ถ้าเป็นการโฆษณาสินค้าก็คงไม่น่าสนใจ แต่พอเป็นการเปิดโปงสินค้าก็ดูน่าสนใจขึ้นมาทันที!
ในห้องไลฟ์สตรีมมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีลูกซึ่งต้องใช้อุปกรณ์เครื่องเขียนในโรงเรียน พอได้ยินว่าเครื่องเขียนเหล่านี้มีสารพิษในปริมาณมากและเป็นอันตราย พวกเขาก็กังวลใจขึ้นมาทันที ถึงคนส่วนใหญ่จะไม่ได้สนใจเรื่องนี้โดยตรง แต่เรื่องเครื่องเขียนที่เป็นพิษก็สร้างความขุ่นเคืองใจให้ทุกคนได้ง่ายเหมือนกัน
ถ้าแพงแต่คุณภาพต่ำก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าพยายามลดต้นทุนแค่ไม่กี่หยวนเพื่อแลกกับการทำอันตรายต่อเด็กก็เป็นอีกเรื่อง
มนุษย์สมควรทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ
“ฉันสนับสนุนบอสหม่า!”
“มีใครอัดไว้มั้ย อัปลงอินเทอร์เน็ตเลย! เปิดโปงไอ้พวกไร้ยางอายใจอำมหิต!”
“บทสรุปของบอสหม่าเชื่อถือได้มั้ย ไม่คิดเหรอว่าเขาพูดเว่อร์ให้เรากลัว ต้องจ่ายเงินเพิ่มตั้งเยอะเพื่อซื้อของแบรนด์พวกนี้ แต่คุณภาพกลับไม่ต่างจากของไม่ได้คุณภาพเนี่ยนะ บ้าไปหน่อยรึเปล่า…”
“บอสหม่ามีรายงานการทดสอบ แสดงว่าต้องผ่านการทดสอบมาอย่างจริงจัง!”
“ฉันขอสมัครเป็นแฟนบอสหม่า!”
“ฉันเคยคิดว่าบอสหม่าแค่ผลาญเงินทิ้งบนเว่ยป๋อ ตอนนี้ดูเหมือนว่าบอสหม่าไม่ใช่แค่นักลงทุนที่ลงทุนตามความสนใจกับผู้เติมเต็มฝันคนทั่วไป แต่ยังเป็นศัตรูของสินค้าไร้มาตรฐานด้วย! ต่อไปนี้ฉันจะไม่พลาดไลฟ์สตรีมของบอสหม่าเลย!”
“บอสหม่าเข้มมาก นี่สิคนจริง!”
ระหว่างที่บอสหม่ากำลังไลฟ์สตรีมอยู่ คอมเมนต์วิ่งผ่านหน้าจอก็ปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เผยเชียนอ่านคอมเมนต์วิ่งผ่านหน้าจอของไลฟ์สตรีมหม่าหยางบนหน้าจอมือถือแล้วรู้สึกอึ้งไปพักใหญ่
เชี่ยไรเนี่ย…
สถานการณ์ไปไกลเกินกว่าที่เผยเชียนคาดไว้ ตอนแรกเขาคิดว่าหม่าหยางแค่มาแฉอุปกรณ์การเรียนคุณภาพแย่ ใครกันจะมาสนใจเนื้อหาแบบนี้
เขาไม่คิดเลยว่าเนื้อหาของไลฟ์สตรีมจะได้กระแสตอบรับดีขนาดนี้
พอคิดดูอีกที ก็เป็นเพราะเขาพลาดเอง
เหมือนกันกับผู้ชมหลายๆ คน เผยเชียนเองก็คิดว่าถึงคุณภาพดินสอ ยางลบ ปกพลาสติก และกาวแท่งจะไม่ดีเท่าไหร่ ก็คงไม่ห่วยแตกขนาดนั้น
แต่ผลการทดสอบออกมาว่า ความคิดของเขานั้นตามมาตรฐานทางจริยธรรมของบริษัทพวกนี้ไม่ได้เลย
ด้วยความที่ของพวกนี้ดูไร้ค่าและธรรมดาเกินไปในชีวิตประจำวัน พอเปิดเผยให้เห็นปัญหาที่ร้ายแรงเรื่องคุณภาพและสุขภาพของเด็กๆ ที่ตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้คนจึงรู้สึกขุ่นเคืองใจกัน!!
เผยเชียนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ไลฟ์สตรีมของไอ้หม่าต้องประสบความสำเร็จแน่!
“หรือไอ้หม่าจะเป็นเน็ตไอดอลได้จริงๆ
“แบบนั้นมันน่าเหลือเชื่อเกินไปรึเปล่า
“ไม่สิ ใจเย็นๆ เรื่องยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น”
หลังจากคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน เผยเชียนก็ตัดสินใจรอดูไปก่อน
เพราะนี่เพิ่งจะเริ่มต้น พอผ่านไปเรื่อยๆ แรงต้านและปัญหาก็จะยิ่งทวีคูณขึ้น
นี่แค่การไลฟ์สตรีมครั้งแรก บริษัทที่ถูกหม่าหยางเอามาแฉยังไม่ทันได้เตรียมตัว
พอหม่าหยางเปิดโปงบริษัทที่มีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต้องรวมหัวกันคิดวิธีแก้แค้นและหาทางเล่นสกปรกแน่
อีกอย่างคนเราโกรธง่ายหายไว
สำหรับคนทั่วไป ความอยากใช้จ่ายเงินนั้นไม่มีที่สิ้นสุด สตรีมเมอร์จริงๆ ที่โฆษณาสินค้ามีแฟนคลับที่เหนียวแน่นมากๆ ผู้ชมจะเข้าไปดูไลฟ์สตรีมเสมอไม่ว่าจะว่างหรือไม่ว่าง และพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาแม้จะไม่ได้อยากซื้อก็ตาม
และคนส่วนใหญ่ก็ไม่ดูคลิปแฉสินค้าทุกวันด้วย พวกเขาจะให้ความสนใจแค่ตอนที่อยากได้สินค้าชิ้นนั้นจริงๆ
ถึงหม่าหยางจะเริ่มต้นได้สวย แต่ความสำเร็จของเขาอาจจะไม่ยั่งยืน ถ้าผ่านไปสักเดือนสองเดือนแล้วคนเลิกดูไลฟ์สตรีมล่ะ
มีโอกาสเป็นไปได้สูง!
เพราะผู้คนเบื่อเนื้อหาของหม่าหยางได้ง่าย ตอนเห็นแรกๆ อาจจะรู้สึกสดใหม่ แต่พอดูไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งรู้สึกเบื่อมากขึ้น
แถมหม่าหยางยังทำสิ่งที่ถูกต้องด้วย
เผยเชียนเกลียดสิ่งที่เป็นพิษและเป็นอันตรายแบบห้องหมกสารก่อมะเร็งเข้าไส้ ในเมื่อสิ่งที่ไอ้หม่ากำลังทำตอนนี้ช่วยปกป้องผลประโยชน์และสุขภาพของลูกค้าทั่วไปได้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความหมายโuเวลกูดoทคอม
ถึงจะทำเงินได้บ้าง เผยเชียนก็ยังพอทนไหว
นอกจากนั้น โอกาสทำเงินจากไลฟ์ขายของในตอนนี้ก็ไม่ได้สูงมาก
เผยเชียนย้ำกับทีมงานไว้แล้วว่าห้ามรับเงินจากบริษัทต่างๆ
ไม่ว่าบริษัทจะจ่ายเงินให้เพื่อพูดชม พูดด่า หรือไม่พูดอะไรเกี่ยวกับสินค้าเลย พวกเขาก็ห้ามรับเงิน
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ไลฟ์สตรีมของหม่าหยางมีกระแสและจำนวนผู้ชมในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นโอกาสทำกำไร
เพราะงั้นถึง ‘ไลฟ์ด่าของ’ ของหม่าหยางจะเริ่มต้นได้ดี เผยเชียนก็ไม่คิดจะหยุด แต่ตัดสินใจปล่อยหม่าหยางไปสักพักแล้วรอดูสถานการณ์ก่อน
ไม่นานไลฟ์สตรีมก็จบ
หม่าหยางอ่านบทจนจบ รอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าใหญ่ยาว “โอเคครับ ไลฟ์สตรีมวันนี้พอแค่นี้ เจอกันใหม่คราวหน้าครับ!”
หลังไลฟ์สตรีมจบ หม่าหยางก็รับน้ำจากเฉินยู่เฟิง เขายกน้ำขึ้นจิบสองจิบ ก่อนจะถามออกมาด้วยความทนไม่ไหว “เป็นไงบ้างพี่เชียน ผมทำได้ไม่เลวเลยใช่มั้ย”
เผยเชียนพยักหน้า “ใช่ พยายามเต็มที่ต่อไปนะ!”
…
ขณะเดียวกัน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองจิงโจว
ครึ่งปีผ่านไปไวเหมือนกะพริบตา ตอนนี้ถึงฤดูสอบรับพนักงานใหม่ของเถิงต๋าอีกครั้ง
อู๋ปินกับเพื่อนๆ ในแผนก HR ช่วยดูแลความเรียบร้อยในสนามสอบ
ความรู้สึกที่อู๋ปินสัมผัสได้เด่นชัดที่สุดคือ มีคนสมัครสอบเข้าเถิงต๋าเยอะขึ้นเรื่อยๆ!
พอมีคนสมัครเยอะขึ้น ก็ต้องจัดสถานที่สำหรับสอบเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายสำหรับการสอบรับพนักงานเข้าก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
การสอบคัดเลือกพนักงานใหม่เถิงต๋าซึ่งจัดขึ้นปีละสองครั้งกลายเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดของแผนก HR และแผนกธุรการ พวกเขาต้องเริ่มเตรียมการล่วงหน้าหนึ่งถึงสองเดือน
รอบนี้เถิงต๋าเช่าห้องประชุมขนาดใหญ่กว่าสิบแห่งในจิงโจวไว้เป็นสถานที่สำหรับจัดสอบ อู๋ปินรับผิดชอบดูแลความเรียบร้อยของหนึ่งในสถานที่จัดสอบ
ตอนเที่ยง ผู้สมัครสอบจากต่างเมืองกลับห้องไปพักผ่อน แต่ยังมีผู้สมัครบางส่วนอยู่อ่านหนังสือทวนโจทย์อย่างจริงจังต่อ
พนักงานหนุ่มจากโมหยูเดลิเวอรี่หลายคนเข้ามาส่งอาหารเที่ยงให้ผู้สมัครที่สั่งอาหารไป
ผู้สมัครจากต่างเมืองหลายคนใช้โอกาสนี้ลองชิมอาหารของโมหยูเดลิเวอรี่ซึ่งเป็นที่เลื่องลือ
ระหว่างเดินเตร่ไปรอบๆ ห้องประชุม อู๋ปินก็สังเกตเห็นหนังสือสองสามเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะของผู้สมัครสอบ
‘ข้อสอบคัดเลือกพนักงานเถิงต๋าและคำตอบโดยละเอียด’
‘สารานุกรมการสอบคัดเลือกพนักงานเถิงต๋า’
‘เก็งข้อสอบความรู้ทางวิชาชีพในการสอบคัดเลือกพนักงานเถิงต๋า’
อู๋ปินผงะไป
“คู่มือแนะนำแนวทางการสอบคัดเลือกพนักงานเถิงต๋าเหรอ”