📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 535

บทที่ 535 - ปราณดาบอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

บรรยากาศของชุมนุมมวลพฤกษาหดหู่และมึนตึง

ทว่าน้อยคนนักจะรู้สึกเห็นใจหวนเฉ่าโหยว

ในทางกลับกัน เมื่อเห็นหวนเฉ่าโหยวถูกซูอี้บดขยี้ คนมากมายกลับรู้สึกสะใจมีความสุข

ความโหดเหี้ยมที่ทายาทตระกูลหวนเผ่ามารแสดงในชุมนุมมวลพฤกษาทุกวันนี้โหดร้ายเกินไป

ไม่ว่าผู้ใดที่ประลองกับเขาต่างสูญเสียอย่างเจ็บแสบ

มีผู้ฝึกตนมากมายที่ถูกทำลายพื้นฐานมหาวิถี!

ขอเพียงได้เห็นผู้ฝึกตนคนอื่นต่อสู้กับหวนเฉ่าโหยวมาก่อน ก็ยากจะรู้สึกเห็นใจหวนเฉ่าโหยวได้

และในเวลาเดียวกันกลับมีความรู้สึกเชิง ‘หวนเฉ่าโหยวก็มีวันนี้เช่นกัน’ ขึ้นมา

สนามต่อสู้

เมื่อเห็นว่าตนไม่อาจยอมแพ้ หวนเฉ่าโหยวดูจะตัดสินใจสู้ยิบตา ใบหน้าเปรอะโลหิตของเขาแย้มยิ้มบ้าคลั่ง

ดวงเนตรห้อเลือดดูราวอยากกล่าวว่า ตราบใดที่ข้าไม่ตาย ข้าจะกลับมาล้างแค้น!

ในอดีตชาติ ซูอี้ได้พานพบศัตรูที่มีแววตาเฉกเช่นนี้มากมาย เขาจะไม่เข้าใจความหมายได้เยี่ยงไร?

ชายหนุ่มเอื้อมมือคว้าหวนเฉ่าโหยวขึ้นจากพื้นอีกครั้ง ยกขึ้นสูง จากนั้นจึงกล่าวอย่างเฉยเมย

“กาลก่อน มีมารเฒ่าผู้หนึ่งซึ่งมี ‘เคล็ดทรมาน’ ลือนามทั่วโลก กล่าวไว้ว่าความตายคือสิ่งที่ง่ายที่สุดในโลก ส่วนสิ่งที่โหดร้ายที่สุดในโลกคือการ ‘แม้ปรารถนาแต่มิอาจตาย’!”

กล่าวถึงตรงนี้ ซูอี้ก็ยิ้มน้อย ๆ “และบังเอิญว่าข้าสำเร็จเคล็ดวิชาที่ทำให้ผู้คนไม่อาจร้องขอความตายได้ ซึ่งมีนามว่าหมื่นมดเร้าวิญญาณ ผู้ที่ถูกวิชานี้จะรู้สึกราววิญญาณถูกมดนับหมื่นกัดกินจนทนไม่ได้ แต่ไม่ถึงตาย”

“สิ่งลึกลับที่สุดคือ แม้จะหมดสติก็ยังทำไม่ได้ อยากลองหรือไม่?”

สีหน้าของหวนเฉ่าโหยวเปลี่ยนแปร หอบหายใจถี่รัว ดวงตาเหลือกถลน ทั้งร่างตะเกียกตะกายสุดชีวิต ทว่าท้ายที่สุดก็เสียแรงเปล่า

เขาพูดไม่ได้

ทว่าสีหน้าและการกระทำแสดงให้เห็นว่าในใจเขากลัวและโกรธเคืองเพียงใด

“พอแล้ว!” เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังออกมาจากในหมู่ที่นั่งผู้ชมไกลออกไป

หญิงงามในชุดคลุมยืนขึ้น ดวงเนตรของนางน่าสะพรึงกลัว “ที่นี่คือชุมนุมมวลพฤกษา หาใช่ที่ที่ผู้ใดจะทำตามอำเภอใจ อย่าทำเรื่องมากเกินไปนัก หากไม่ เจ้าจะล่วงเกินตระกูลหวนเผ่ามารของข้า ถึงยามนั้น จะไม่มีผู้ใดใต้ฟ้าดินนี้ช่วยเจ้าได้!”

วาจาเหล่านี้ทำให้เหล่าผู้ชมฮือฮา

คนมากมายตะลึงในใจ ซูอี้อาจเก่งกล้าสามารถจริง แต่นั่นยังหมายความว่าเขาล่วงเกินตระกูลหวนเผ่ามารแล้ว!

นี่คือตระกูลอันดับหนึ่งในเผ่ามารแห่งมหาทวีปคังชิงตลอดสามหมื่นปี พื้นหลังของมันน่ากลัวยิ่ง

เมื่อหวนเฉ่าโหยวมาเยือนถึงนครหลวงจิ๋วติ่งเมื่อสองสามวันก่อน เขากระทั่งกล้าฝ่าฝืนเข้ามาในน่านนภาเหนือนครหลวงจิ๋วติ่ง!

สุดท้าย แม้หวนเฉ่าโหยวจะถูกไล่กลับ ทว่าราชวงศ์เซี่ยก็ไม่กล้าสืบเรื่องราวต่อ

ไม่ว่าใครก็เดาเหตุผลได้ นั่นคือราชวงศ์เซี่ยเองก็เกรงกลัวในอำนาจของตระกูลหวนเผ่ามาร ไม่กล้าฉีกหน้าพวกเขาเช่นกัน!

ฮั่วหมิงเยวี่ยนมีรอยยิ้มประดับหน้า ลอบคิดในใจว่าครานี้ ซูอี้ล่วงเกินตระกูลหวนเผ่ามารอย่างเต็มตัวแล้ว!

บนสนามต่อสู้

ซูอี้ทำเป็นหูทวนลม มือซ้ายของเขาแตะที่หว่างคิ้วหวนเฉ่าโหยวเบา ๆ

ภายใต้สายตาตื่นตะลึงทุกคู่ ร่างของหวนเฉ่าโหยวในคราแรกนิ่งไป จากนั้นจึงกระตุกอย่างรุนแรงราวอยู่บนตะแกรงร่อน

ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างแสนเจ็บปวด ทว่ากลับไร้เสียงจากปาก

ทว่าไม่ว่าผู้ใดก็เห็น ว่าหวนเฉ่าโหยวกำลังเจ็บปวดจนยากบรรยาย!

ภาพที่เห็นทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก

“ซูอี้! เจ้ากำลังรนหาที่ตายหรือไร!!”

สตรีในชุดลวดลายนกหงส์หยกห่างออกไปเดือดดาล ใบหน้างดงามของนางซีดขาว

ซูอี้ไม่สนใจนาง เคล็ดหมื่นมดเร้าวิญญาณแบ่งย่อยออกได้สามขั้น และนี่เป็นเพียงขั้นแรกเริ่ม

เขายกมือซ้ายขึ้นกดที่หว่างคิ้วของหวนเฉ่าโหยวอีกครั้ง

ทว่ายามนี้เอง…

จี้หยกซึ่งห้อยอยู่ที่คอของหวนเฉ่าโหยวพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำดั่งโลหิต จากนั้นจึงสั่นไหวรุนแรง

ตู้ม!

จี้หยกปลดปล่อยคลื่นพลังในวิถีวิญญาณอันร้ายกาจ บีบอัดจนกลายเป็นดาบคมสีเลือดฟาดฟันลงมา

ซูอี้ใช้มือหนึ่งยกหวนเฉ่าโหยวขึ้น ก่อนจะ…

เมื่อเหตุการณ์พลิกผันฉับไวเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนคนอื่นคงผงะไป หรือกระทั่งตั้งตัวไม่ทันจนถูกฆ่าคาที่ไปก็เป็นได้

ทว่าซูอี้กลับส่งเสียงขำราวคาดเดาไว้ก่อนแล้ว

เคร้ง!

ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ วูบไหวในอากาศว่างเปล่า

เกิดเสียงระเบิดสนั่นปฐพี ปราณดาบสีแดงสดถูกผ่าออกเป็นสอง

พลังของเขาที่ยังหลงเหลือในคมดาบนิลกาฬกลืนฟ้ายังคงไม่เสื่อมถอย มันแทงเข้าใส่จี้หยกที่อกของหวนเฉ่าโหยว

ความว่องไวนั้นสูงส่ง อย่าว่าแต่ผู้อื่นในสนาม ตัวหวนเฉ่าโหยวเองยังไร้โอกาสไหวตัว ทำได้เพียงมองคมดาบแทงทะลุจี้หยกอย่างดุร้าย

ตู้ม!!!

จี้หยกระเบิดออก

ท่ามกลางความชุลมุน ภาพฉายสีแดงเลือดพุ่งออกมา

เกิดเสียงฮือฮาโกลาหลขึ้น ทุกผู้ต่างตะลึงในความเปลี่ยนแปลงนี้

ผู้มีอำนาจบางคนรับรู้ได้ในแวบเดียวว่าภาพฉายสีเลือดนี้คือจิตดั้งเดิมผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแบกเรือล่องล้อเมฆามารนับพันบนบ่า ฝ่าเข้ามายังน่านฟ้าเหนือนครหลวงจิ๋วติ่ง!

ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือไพ่ตายก้นหีบ ตัวช่วยชีวิตของหวนเฉ่าโหยว

ทุกผู้ที่เห็นสิ่งนี้ต่างหลั่งเหงื่อกาฬ

เมื่อถามตนเองว่ามีผู้ใดเผชิญความเปลี่ยนผันนี้ได้หรือไม่ เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่เป็นสุข

ทว่าจากความขัดแย้งเมื่อครู่ ซูอี้ดูจะเตรียมการมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว

“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าคนแซ่ซูจะมีความอดทนมาทรมานมดปลวกแสลงตา? แท้จริงผู้ที่ข้ารออยู่คือเจ้า!”

ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย ดวงเนตรลึกล้ำเปี่ยมจิตสังหาร

ยามกล่าว ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือวูบไหวบนเวหา ฟาดฟันออกไป

ฉับ!

ปราณดาบไร้สีกวาดผ่านนภาราวภาพฝัน ดูราวคลื่นวารีจากธารแห่งสรวงสวรรค์ ฟาดฟันลงมาอย่างแข็งกร้าวอหังการโuเวลกูดoทคoม

ปราณดาบอันน่าหวาดหวั่นเหนือล้ำกว่าปราณดาบสามฉื่อที่ซูอี้เคยสำแดงไกลโข

มันยังทำให้ผู้คนตระหนักได้ว่ายามซูอี้ชักดาบ เผยความสามารถที่แท้จริงออกมานั้น ตัวเขาร้ายกาจเพียงใด!

“รนหาที่ตาย!” ภาพฉายสีเลือดคำรามลั่น ฟาดฝ่ามือเข้าใส่ซูอี้

ตู้ม!

ลานต่อสู้สั่นไหวโคลงคลอน ประกายสีโลหิตสาดสู่นภา

พลังในขอบเขตสยายวิญญาณจากฝ่ามือนั้นทำให้ทุกคนหนังหัวชาวาบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกตะลึง

สิ่งที่ทำให้ผู้คนอึ้งยิ่งกว่านั้นคือ ฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลับถูกดาบของซูอี้สะบั้นราวตัดต้นไผ่

เกิดเสียงครืนคราง ปราณดาบฟาดฟัน กรีดกรายเข้าใส่ภาพหลอนสีเลือด!

“นี่มัน…” เหล่าผู้ชมต่างตะลึงงันโดยถ้วนทั่ว

นั่นคือจิตดั้งเดิมในขอบเขตสยายวิญญาณนะ!!

ไม่กี่วันก่อน เขาฝ่าเข้ามาในน่านฟ้าเหนือนครหลวงจิ๋วติ่ง และยามที่พ่ายลงในที่สุด เขายังทำลายการโจมตีจากค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนได้!

ทว่ายามนี้ ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวกลับถูกดาบกรีดใส่เต็มไปด้วยบาดแผล!

“ว่าแล้วเชียว พวกเฒ่าอย่างพวกเจ้ามีชีวิตรอดได้แค่ในจี้หยกจนกระทั่งบุกรุกเข้ามาในนครหลวงจิ๋วติ่งเมื่อสองสามวันก่อน เจ้าน่าจะบาดเจ็บสาหัสอยู่ และยามนี้…”

ซูอี้หัวเราะ

เสียงยังไม่ทันเลือนหาย เขาก็ก้าวมาเบื้องหน้า ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือของเขาฟาดฟันอีกครา

ภาพอันทำให้ทุกผู้กรามค้างอุบัติ ภาพเงาสีเลือดเดือดดาลครุ่นแค้น ทว่าเมื่อเผชิญดาบนี้ อีกฝ่ายกลับเลือกหลบโดยไม่รู้ตัว!

น่าเสียดาย ซูอี้ไม่ได้คิดจะให้อีกฝ่ายมีโอกาสใช้ชีวิตต่อแต่อย่างใด

ในขณะที่ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าพลิ้วฟัน ดาบเล็กสีเขียวครามยาวสามชุ่นก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้ว

ดาบน้อยสังหารเทพ!

ควบแน่นขึ้นจากเคล็ดวิชาหนึ่งลมปราณผนึกจิต สร้างขึ้นเพื่อสังหารวิญญาณโดยเฉพาะ!

ฟิ้ว!

ดาบน้อยสีครามทะยานเวหาลาลับ

ภายใต้สายตาผู้เข้าร่วมชุมนุมมวลพฤกษาทุกคู่ เงาสีเลือดสั่นไหวรุนแรง ก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาอย่างแสนสาหัส

“บ้าเอ๊ย! ตระกูลหวนเผ่ามารของข้าจะล้างตระกูลเจ้า—!!”

เสียงคำรามสะเทือนฟ้าสะท้านแดนดินยังคงกังวาน แล้วภาพฉายสีเลือดก็ถูกชำแหละผ่ากลางแยกเป็นสองเสี่ยง

จากนั้น จิตดั้งเดิมในขอบเขตสยายวิญญาณของยอดคนแห่งตระกูลหวนเผ่ามารก็พลันสลายสู่ความว่างเปล่า

เคร้ง!

ซูอี้เก็บดาบนิลกาฬกลืนฟ้า และในที่สุดก็รู้สึกเบาใจ

แม้ว่าจากกฎกติกา หวนเฉ่าโหยวจะไม่อาจถูกฆ่าได้ก็ตามที แต่อย่างน้อยก็ฆ่าเจ้าเฒ่าที่อยู่กับเขาได้

รอบสนามประลองเงียบกริบ

เหล่าคนใหญ่คนโตบนแท่นหยกต่างตกตะลึงพรึงเพริด

นี่คือวันชุมนุมมวลพฤกษาวันสุดท้าย และศึกระหว่างซูอี้และหวนเฉ่าโหยวก็คืออุบัติเหตุซึ่งไม่มีผู้ใดคาดคะเน

สิ่งที่ยิ่งเกินคาดคือ ซูอี้ผู้อยู่เพียงในขอบเขตเปิดทวารสามารถสยบหวนเฉ่าโหยว ทำให้เขาเต้นเร่าบนฝ่ามือได้อย่างง่ายดาย!

ภาพเหล่านี้ได้ล้มล้างทุกความคิดฝันของคนมากมาย ก่อให้เกิดกระแสปั่นป่วนโกลาหล!

…เมื่อเห็นหวนเฉ่าโหยว ผู้เก่งกาจโดดเด่นที่สุดในหมู่ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณยังไม่อาจหนีพ้นเงื้อมมือของซูอี้ได้

ยามนั้นเอง ผู้คนจึงตระหนักว่าพื้นหลังและวิถีเต๋าของชายหนุ่มนามซูอี้ผู้นี้ร้ายกาจเพียงใด!

ทว่า…

ใครเล่าจะคิดว่าชายหนุ่มในขอบเขตเปิดทวารเช่นซูอี้จะแข็งแกร่งจนสังหารวิญญาณสีเลือดนั่นได้ด้วยดาบเดียว?

กระทั่งจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย ณ ที่นั่งประธานยังส่ายหน้า ดวงตาเบิกกว้าง ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

ในขณะเดียวกัน เวิงจิ่วซึ่งอยู่ใกล้สนามประลองที่สุดก็ยังจ้องแน่วนิ่ง

เมื่อเห็นภาพเงาสีเลือดพุ่งออกมา เขาเตรียมจะหยุดมันอย่างสุดกำลังโดยไม่รู้ตัว

ทว่าไม่คาดเลยว่าในพริบตา ซูอี้จะสามารถสังหารภาพหลอนนั้นได้ทันที!!

บรรยากาศอึมครึม เงียบดั่งป่าช้า

กู่ชางหนิง เฉิงผู ฉือเจี่ยนซู่ หลี่หานเติง เฉินลวี่ และผู้อื่นต่างตะลึงงัน ยากจะสงบใจได้

พวกเขาต่างตระหนักถึงหนึ่งสิ่ง

ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกประลองกับตัวตนร้ายกาจจากยุคโบราณ หรือผู้เก่งกล้ายุคปัจจุบันคนใดในชุมนุมมวลพฤกษานี้ ในด้านพลังและเกียรติยศ พวกเขาก็คงไม่อาจก้าวข้ามและถูกซูอี้กลบรัศมีจดมิดเป็นแน่แท้!

นัยน์ตาคู่งามของเหวินซินจ้าวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนชื่นชม

นางรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าตนโชคดีเพียงใดที่สัญญาจะติดตามซูอี้ไปฝึกฝนวิถีดาบ

เยว่ซือฉานผ่อนคลายตน ผ่อนลมหายใจโล่งอกยาวเหยียด

คราก่อนเมื่อภาพฉายสีเลือดทะยานออกมา นางถึงกับหลั่งเหงื่อแทนซูอี้ เมื่อเห็นว่ายามนี้ซูอี้ปลอดภัย นางก็อดรู้สึกปรีดาในใจไม่ได้

บนแท่นหยก

หลูเต้าถิง เซียนโม่หยาง อวี้จิ่วเจิน เจ้าอาวาสจิ้นหยวน และเหล่าบุคคลสำคัญที่รับชมอยู่ต่างเงียบเสียง

อารมณ์ของแต่ละผู้กระเพื่อมขึ้นลง สีหน้าที่แสดงออกแตกต่างกัน

มีทั้งประหลาดใจ ตกตะลึง เคลือบแคลง และเหม่อลอย…

ยามนี้ บนสนามต่อสู้

หวนเฉ่าโหยวเป็นอัมพาตอยู่ที่พื้น ดูไร้วิญญาณดั่งไว้ทุกข์แก่สนมรัก

ซูอี้หยิบน้ำเต้าสุราออกมา เงยหน้ากระดกดื่ม จากนั้นก็เดินออกไปนอกสนามต่อสู้

สายตาผู้ชมต่างจับจ้องไปที่ชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ราวเฝ้ามองตำนาน

วันที่ยี่สิบเก้าเดือนเก้า

ฤดูใบไม้ร่วง

ณ งานชุมนุมมวลพฤกษา นครหลวงแห่งต้าเซี่ย ซูอี้กำราบหวนเฉ่าโหยว หนึ่งดาบผ่าร่างจิตดั้งเดิมในขอบเขตสยายวิญญาณ

ผู้คนล้วนตะลึงอึ้งทั่วทั้งสถาน

ณ ยามนั้นซูอี้ วาฬผู้กลืนกินสมุทร ได้ชักดาบออกจากฝัก เผยประกายคมกริบกรีดผ่านนภาในสารทฤดู

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset