MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Voice of Weapons/เสียงของอาวุธ (3)
ความทุกข์ระทมสารพัดชนิด ถาโถมใส่ฉันหลังจากดื่มยาวิเศษของเผ่ากวางเข้าไป
การได้ลิ้มรสชาติของนรกทำให้ฉันรู้สึกหดหู่
‘เมื่อไรจะชินสักที!’
วันนี้ก็ยังต้องกระเดือกรสชาติที่ราวกับนรกไร้ก้นบึ้งลงคอเหมือนเดิม
ยิ่งกินก็ยิ่งไม่รู้สึกว่าเป็นยา
‘มีวิธีทำให้ลิ้นเป็นอัมพาตชั่วคราวไหมนะ…’
หรือไม่ก็ไอเท็ม หรือสกิลที่ทำให้อวัยวะชาเฉพาะจุด
ปิ๊งป่อง!
เสียงเตือนดังจากอุปกรณ์ แจ้งว่ามีข้อความเข้า
ใครมันส่งมาตั้งแต่เช้าตรู่
ฉันตัดสินใจอ่านข้อความตัวอย่างก่อน แล้วค่อยตอบกลับไปในช่วงพักกลางวัน
แต่เมื่อกดเข้าไปดูตัวอย่างแชต
[อึนอีโฮ] อึยชินอปป้า… สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซึมมากเลย…
ฉันกดเปิดห้องแชตทันที
[อึนซอโฮ] ไม่ยอมกินข้าวเลย… ไม่ตอบรับคำชวนเดินเล่นของเสือขาวด้วย!
อย่าบอกนะว่า เจ้าบ่วงของฉันป่วย?
ไอ้เวรวังจีโฮ ถ้านายหายาให้ฉันได้ ทำไมถึงไม่หาให้เจ้าบ่วงด้วย
ยาวิเศษสูตรปรับปรุงรสชาติ
‘เดี๋ยวนะ… ถ้าสูตรของฉันมีไว้สำหรับมนุษย์ ก็ต้องมีสูตรสำหรับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยสิ… วันนี้ไปโรงเรียนแล้วขอให้วังจีโฮช่วยถามซื้อยาจากเผ่ากวางดีกว่า ถ้าหมอนั่นไม่ยอมทำให้ ค่อยฝากเสือแดงหรือเสือขาวแทน…’
ความคิดของฉันถูกข้อความถัดไปขัดจังหวะ
[อึนอีโฮ] ท่านเสือเหลืองบอกพวกเราว่า ‘เป็นเพราะโชอึยชินน่ะ’
เป็นเพราะฉัน?
…จริงสิ เจ้าบ่วงโกรธและเศร้าเพราะเรา
ขณะฉันกำลังรู้สึกผิด ดวงตาพลันเบิกกว้าง
[อึนอีโฮ] มันต้องคิดถึงอึยชินอปป้าแน่ๆ!
[อึนซอโฮ] มาเล่นกันเถอะพี่ชาย!
ที่ลูกหลานเสือเงินพูดแบบนี้ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าบ่วงกำลังโกรธฉัน
ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน มันหันหน้าเมินอย่างสิ้นเชิง
ในวันนั้น ฉันไม่ได้เห็นความน่ารักจากเจ้าบ่วง และไม่ได้ลูบหัวแม้แต่ครั้งเดียว
‘ไว้เจอกันอีกทีตอนกินยาวิเศษหมดแล้วดีกว่า’
แม้ใจจริงจะอยากโดดเรียนไปหาเดี๋ยวนี้เลย แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้
[อึนแจโฮ] (รูปภาพ)
รูปถ่ายจำนวนหนึ่งถูกส่งมาจากน้องเล็กอึนแจโฮ
เมื่อเปิดดูรูป ฉันเห็นเจ้าบ่วงนอนขดอยู่ในบ้านสัตว์เลี้ยงที่ฉันซื้อไปฝากเมื่อคราวก่อน
ตำแหน่งของภาพเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สื่อว่ามันเปลี่ยนที่ซ่อนตัวไปเรื่อยๆ
ได้เห็นเจ้าบ่วงใช้ของที่ฉันซื้อ คงเป็นอย่างที่แบคโฮกุนว่า คราวหน้ามันคงอารมณ์ดีขึ้น
‘ต้องตั้งใจกินยาให้หมด’
ฉันตอบสามพี่น้องเสือเงินไปอย่างคลุมเครือว่า ไว้ว่างแล้วจะไปหา
บันทึกรูปทั้งหมดเสร็จก็มุ่งหน้าไปโรงเรียนทันที
* * *
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ทิวทัศน์ระหว่างทางไปโรงเรียนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ถนนที่เต็มไปด้วยดอกไม้และความเขียวชอุ่ม
เริ่มพบเห็นนักเรียนในเครื่องแบบฤดูร้อนประปราย
‘เด็กๆ เริ่มใส่เครื่องแบบฤดูร้อนมากขึ้นแล้ว’
โรงเรียนแสงเงินไม่เคร่งระเบียบการแต่งกาย จึงไม่มีใครคอยตำหนินักเรียนผู้สวมเครื่องแบบฤดูร้อนตั้งแต่เดือนเมษายน
ไม่สำคัญว่าจะสวมชุดฤดูร้อนหรือชุดพละตลอดทั้งปี
หรือต่อให้ใส่ชุดของปีก่อนก็ไม่มีใครว่า
‘นักเรียนจะได้รับแจกชุดเก่าก็ต่อเมื่อลงทะเบียนไว้’
ชุดนักเรียนเก่ามีสีพื้นเป็นขาวล้วน
ตรงกันข้าม ชุดนักเรียนใหม่เป็นเสื้อเชิ้ตสีดำ และแจ็กเกตสีเทาเข้ม
มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยใส่ผสมระหว่างชุดเก่ากับใหม่
‘มันร้อนเกินกว่าจะใส่เสื้อสีดำในฤดูร้อน และกางเกงสีอ่อนก็เป็นภาระ’
ในฤดูร้อน มีนักเรียนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สวมเครื่องแบบเก่าไว้ท่อนบน และชุดนักเรียนใหม่ไว้ท่อนล่าง
ถ้าคนนอกมาเห็นเข้าคงเชื่อว่า การจับคู่แบบนี้คือเครื่องแบบทางการของโรงเรียนแสงเงิน
ทันใดนั้น ฉันเห็นนักเรียนคนหนึ่งซึ่งแต่งกายผสมเก่าใหม่ เดินเข้ามาหาจากระยะไกล
จูซูย็อก
“สวัสดีอึยชิน!”
จูซูย็อกทำหน้าสดชื่นตั้งแต่เช้า ดูท่าคงเพิ่งได้เจอกับเรื่องดีๆ
“อา… สวัสดี เริ่มใส่เครื่องแบบฤดูร้อนแล้วสินะ”
“ใช่ ฉันเริ่มตั้งแต่วันนี้”
“พรุ่งนี้ฉันใส่มาบ้างดีไหม…”
ขณะมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนพร้อมกับจูซูย็อก
ฉันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
‘จูซูย็อกไม่ใช่เด็กหอใน… ถ้านั่งลงมาลงประตูหน้า ก็ไม่ควรจะผ่านเส้นนี้’
ที่สำคัญ มีกลิ่นไหม้จางๆ ลอยมาจากตัวจูซูย็อก
เขาคงมาโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อลงมือทำบางอย่าง
“ทำไมฉันได้กลิ่นไหม้”
“อ้อ… กลิ่นยังไม่หมดสินะ ฉันน่าจะเตรียมน้ำยาดับกลิ่นผ้ามาด้วย… ที่จริงพี่เยจีก็เตรียมมา แต่ฉันไม่อยากยืมเพราะจะทำให้เสื้อผ้าของเรามีกลิ่นเดียวกัน”
“สรุปว่านายมาทำอะไรตั้งแต่เช้า”
จูซูย็อกอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
เรื่องที่เขาถูกบังคับให้สวมเสื้อผ้าเข้าคู่กับโอเยจี
ระหว่างคิดหาวิธีรับมือ โอเยจีหวนนึกถึงทักซิโด้สีแซนด์พิงก์ของจูซูย็อก จึงลองเสนอแนะ
‘เมื่อวันก่อน อาศัยตู้จดหมายอัตโนมัติ จูซูย็อกส่งชุดทักซิโด้ไปที่ห้องกรรมการรักษาระเบียบ… ทั้งคู่เป็นกรรมการรักษาระเบียบ โอเยจีก็เลยเห็นเสื้อตัวนั้น’
หลังจากปรึกษากัน พวกเขาตัดสินใจเผาเสื้อผ้าทุกตัวทิ้ง
ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ ทั้งสองใช้ไอเท็มการ์ดเพื่อเดินเครื่องเตาเผาในเขตหวงห้าม
“ฉันเผาแค่เสื้อผ้าที่เข้าคู่ แต่พี่เยจีเผาทั้งชุดคู่ เดรสสีแซนด์พิงก์ทุกตัว และเดรสทรงทีเลนจ์ทั้งหมดในบ้าน… ฮะฮะฮะ!”
จูซูย็อกเล่าด้วยสีหน้าสดชื่น ดูไม่เหมือนผู้ชายที่เพิ่งเผาทักซิโด้สีแซนด์พิงก์ในตอนเช้า
“ได้ยินว่าเดรสของพี่เยจีสร้างปัญหาระหว่างโจมตีรอยแยก พี่ซูกย็อมจึงช่วยหยุดเอนามีจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ… พี่เยจีก็เลยเกลียดเดรสทรงทีเลนจ์นับแต่นั้นเป็นต้นมา”
เหมือนกับที่เคยเดาไว้ไม่มีผิด
“ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นปลอดภัยใช่ไหม”
“ใช่ หายห่วงได้เลย ร่างกายไม่แสดงผลข้างเคียงหลังจากใช้ไอเท็มฟื้นฟู… แต่ดูเหมือนลึกแล้วๆ พี่เยจีจะยังเป็นกังวล”
จูซูกย็อมมิใช่เพลเยอร์ที่จะถูกฉุดรั้งด้วยอาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้
ตัวละครของห่วงใยเกินพอดีไป
“เดินช้าๆ ให้กลิ่นจางลงดีไหม”
“ตกลง!”
ระหว่างกำลังเดินพลางพูดคุยกับจูซูย็อก
พระเอกของเราชะงักฝีเท้าแล้วหันหลังกลับไปมอง
เมื่อฉันลองหันตาม
‘อันดาอิน…!’
ด้านหลังจูซูย็อกถัดไปไม่กี่ก้าว
อันดาอินในเครื่องแบบฤดูร้อน
ราวกับนัดกันมา เธอสวมท่อนบนด้วยชุดนักเรียนเก่า และท่อนล่างด้วยชุดนักเรียนใหม่
‘นี่สินะ คู่พระนาง’
มีนักเรียนหลายคนยังแต่งกายด้วยเครื่องแบบฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง ร่วมถึงฉัน
แต่คนทั้งสองกลับยืนเผชิญหน้ากันในชุดฤดูร้อนแบบมิกซ์แอนด์แมตช์
ยังกับฉากการพานพบครั้งแรก ระหว่างพระเอกกับนางเอกในการ์ตูนโรแมนติก
“โย่ว! หัวหน้าห้องจู! จอมพิรุธโชอึยชิน! สวัสดี!”
มุนแซรอนที่ยืนข้างๆ อันดาอิน โพล่งทักทายเราสองคน
พวกเธอคงมาโรงเรียนด้วยกัน
“…ส…สวัสดี”
จูซูย็อกตะกุกตะกัก ส่วนฉันตอบเรียบๆ
มุนแซรอนมองสลับระหว่างจูซูย็อกกับอันดาอินหนึ่งครั้ง แล้วหันมาขยิบตาให้ฉัน
‘กำลังจะบอกว่า อย่าอยู่เป็นกขค.สินะ’
มุนแซรอนทราบดีว่า ทั้งสองมีความรักที่ไร้เดียงสาราวกับเด็กอนุบาล จึงพยายามผลักดันสุดแรงเกิด
ฉันอาศัยจุดร่วมที่พวกเราเป็นคนของชมรมหนังสือพิมพ์
“พอดีเลย… ฉันมีคำถามเกี่ยวกับเอกสารเตรียมสัมภาษณ์ที่เธอส่งให้มาคราวก่อน”
“โอ้ส! ฉันก็เหมือนกัน! ดาอิน เธอไปห้องเรียนกับหัวหน้าห้องจูก่อนเลยนะ ไว้ฉันคุยกับอึยชินเสร็จแล้วจะตามไป”
“…ไว้เจอกัน” пᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ
มุนแซรอนกับฉันพยายามปลีกตัวด้วยข้ออ้างด้นสด
จูซูย็อกยืนเหม่ออยู่สักพักก่อนจะได้สติ
“ด…เดี๋ยวก่อน…!”
โดยไม่ปล่อยให้จูซูย็อกพูดอะไรโง่ๆ อย่าง ‘ฉันจะรอจนกว่าอึยชินคุยธุระเสร็จ’ มุนแซรอนรีบลากฉันออกจากจุดเกิดเหตุ
เดินมาถึงถนนอีกเส้นของเขตอาคารเรียนปีหนึ่ง มุนแซรอนกับฉันทำไฮไฟว์กันเงียบๆ
มองกลับไปเป็นครั้งสุดท้าย
จูซูย็อกกับอันดาอินในเครื่องแบบฤดูร้อนผสม กำลังเดินเคียงข้างกันไปทางตึกเรียนปีหนึ่ง
เมื่อตระหนักว่าเพิ่งทำสิ่งดีๆ ลงไป ฉันกับมุนแซรอนทำหน้าอิ่มเอมใจ
ถ้าคราวหน้ามีเรื่องแบบนี้อีก ฉันสัญญาว่าจะใช้ไหวพริบทำตัวเป็นกามเทพอย่างชาญฉลาด
“โชอึยชิน… ไอ้เอนามี!”
หน้าห้องเรียนปี 1/0
บังยุนซบกำลังยืนรอฉันด้วยอาการหงุดหงิด
“เป็นอะไรไป”
“เพราะนายนั่นแหละ! ไอ้เวรเอ้ย! ไอ้เมนูผักซีคอฟเต้ อาหารเช้าตุรกีแบบลิมิเต็ดอะไรนั้น มันขายแค่ถึงเช้ามืด ต้องแหกตาตื่นมาต่อคิว! สันดาน!”
ถ้าส่งข้อความมาบอกดีๆ ฉันคงจะยอมให้ยกเลิกบางเมนู
แต่ถ้าพูดออกไปตอนนี้ บังยุนซบคงโกรธหนักกว่าเดิม ก็เลยเงียบไว้ดีกว่า
“เยี่ยมมาก… รับไว้สักอันไหม”
“ไม่กินโว้ย!”
บังยุนซบส่งเสียงโหวกเหวกพร้อมกับยืนถุงที่เต็มไปด้วยขนมปังมาให้ จากนั้นก็หายตัวไป
ไม่อยากกินขนมปังฟรี?
โกรธกันขนาดนั้นเลย?
ระหว่างกำลังครุ่นคิด เม็งเฮียวทงผู้ยืนดื่มนมกล้วยบนทางเดิน โพล่งขึ้นกับฉัน
“เจ้านั่นซื้อเผื่อตัวเองมาแล้ว ฉันเห็นเขาถือถุงขนมปังแยกระหว่างเดินมา”
บังยุนซบใช้เงินตัวเองซื้อขนมปังต่างหาก?
ฉันเลือกขนมปังที่ดูน่าอร่อยแล้วสั่งไป ดูเหมือนทางนั้นคงเห็นแล้วน้ำลายสอ
ปี 1/0 จัดงานเลี้ยงน้ำชาด้วยของว่างที่หลากหลายตั้งแต่เช้า
ถือโอกาสดังกล่าว ฉันผู้รับผิดชอบการสัมภาษณ์ควอนเจอิน แจ้งกับทุกคนว่า ทางทะเลสาบนิรันดร์อนุญาตให้พาเพื่อนร่วมห้องไปด้วยได้
“…หมายถึงสำนักงานทีมทะเลสาบนิรันดร์ ใกล้กับสวนทะเลสาบกรุงโซล? ที่นั่นไม่ได้เปิดสาธารณะสักหน่อย…”
อย่างที่คิด ควอนเลนาเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าทางนั้นไม่ว่าอะไร ฉันอยากไป!”
“ฉันด้วย!”
“ฉันก็อยากไปเหมือนกัน!”
เด็กทุกคนซึ่งเคยทำงานหลังเวทีในคอนเสิร์ตที่หอพยัคฆ์สำแดง ต่างยกมือขึ้น
คราวนี้ฮันอีกับเม็งเฮียวทงก็ยืนยันว่าไปด้วยได้ แต่มินกือรินส่ายหน้า
“จะไปกันช่วงสุดสัปดาห์ใช่ไหม… ฉันว่าคนน่าจะเยอะ แล้วก็เสาร์อาทิตย์ก็มีนัดแล้ว”
คงเป็นนัดกับซงแดซอก
ดูจากสีหน้า เธออยากไปอยู่พอสมควร
“แล้วครูล่ะครับ ไปได้ไหม”
ทีมทะเลสาบนิรันดร์คงอยากรู้จักครูประจำชั้นของควอนเลนาเหมือนกัน
ครูฮัมกึนยองส่ายหน้า
“ครูติดธุระต้องเดินทางไกลในช่วงสุดสัปดาห์”
“ครูจะไปไหน?”
“ถ้าบินไปต่างประเทศ อย่าลืมซื้อของฝากติดมือมาด้วยนะคะ!”
“พอดีถูกเรียกตัวไปอำเภอฮงชอนน่ะ แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ยังติดต่อครูได้เหมือนเดิม”
ลงเอยด้วย ห้อง 1/0 เกือบทุกคนได้ไป ยกเว้นฮัมกึนยองกับมินกือริน
“อยากเห็นด้านในของตึกสำนักงานทีมทะเลสาบนิรันดร์มานานแล้ว…”
วังจีโฮทำตาเป็นประกาย
เขาต้องตรวจพบแน่ ถ้ามีเผ่าหนูอยู่ในตึกทะเลสาบนิรันดร์จริง
ขณะฉันกำลังมีความสุข พลางขบคิดเกี่ยวกับคาบเรียนแรกของวัน
ทันใดนั้น สิ่งที่เคยอยากถามวังจีโฮ ย้อนกลับมาผุดขึ้นในหัว
‘เกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย!’
เนื่องจากตอนเช้ามีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น
นั่นคือข้ออ้างที่ฉันหาให้ตัวเอง
“มีคำถาม”
“ว่ามา”
วังจีโฮหรี่เสียงเหมือนกับฉัน
ได้ยินแบบนั้น ฉันเข้าประเด็นทันที
“พอดีอยากรู้ว่า… เผ่ากวางมีสูตรปรุงยาวิเศษสำหรับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไหม”
“โชอึยชิน เดี๋ยวนี้สติปัญญาของนายถดถอยโดยไม่ต้องมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ใกล้ๆ แล้วสินะ”
แม้จะทำหน้าเบื่อหน่าย แต่วังจีโฮก็สัญญาว่าจะช่วยถามให้
ไอ้เวรนี่ก็นิสัยดีเหมือนกัน
* * *
หลังเลิกเรียน
ห้องซิมูเลเตอร์ของตึกสมาคมปีกธรณี
ปกติแล้วฉันจะไม่ดึงมูลี่ลง แต่วันนี้ต่างออกไป
‘การดึงมูลี่ลงอาจดูน่าสงสัย… แต่เราคงให้ใครเห็นคราดซ่างเป่าซินจินไม่ได้’
เมื่อเสกคราดจากการ์ดเป็นวัตถุ เสียงจากระบบดังขึ้นทันที
〈สกิล ‘สรรพภัณฑ์’ ทำงาน〉
ฉันเหวี่ยงคราดแผ่วเบาใส่เอนามีเสมือน แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงพูดจากอาวุธ
〈ท่านใช้แสงประทาน ‘เส้นทางเพลเยอร์’ 〉
เมื่อแสงประทานเปลี่ยนให้ฉันเป็นตัวละครที่มีค่าสถานะโดยรวมและเลเวลสูง แต่คราดก็เงียบเช่นเคย
ลองใช้ ‘ซี่’ คราดดูก็แล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ
‘บนเรือตอนนั้น ขนาดเราใช้คราดไปสามซี่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงสักคำ’
ถึงจะครุ่นคิดเป็นเวลานาน แต่ฉันหาคำตอบไม่ได้
‘อย่างน้อยก็อยากจัดการเรื่องคราดให้เสร็จก่อนปิดเทอมฤดูร้อน’
ฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่เพื่อนร่วมห้องต้องเผชิญในช่วงปิดภาคเรียน
จนกว่าจะถึงตอนนั้น ยังไงก็ต้องเพิ่มหมากบนมือให้ได้มากที่สุด
นี่คือเควสต์ลับจากไท่ซ่างเหล่าจวิน ผ่านการกระตุ้นของพลังโชคชะตา
ควรเคลียร์และรับรางวัลให้เสร็จสรรพ
‘ขอความช่วยเหลือดีกว่า’
ใครสักคนที่ฉันเล่าเรื่องคราดซ่างเป่าซินจินให้ฟังได้
บุคคลที่อาจได้ยินเสียงของอาวุธ
เมื่อค่อยๆ กรองด้วยเงื่อนไข ไม่นานคนที่ผ่านเกณฑ์ก็เหลือเพียงหนึ่ง
‘ไว้ค่อยติดต่อทางนั้นหลังฝึกเสร็จก็แล้วกัน’
ขณะครุ่นคิดพลางเดินออกจากห้องซิมูเลเตอร์
ใครบางคนที่ยืนรออยู่หน้าประตู ทักทายฉันทันที
“สวัสดี อึยชิน”
เผ่ามังกรผู้รักสนุก
ถือกำเนิดจากลูกแก้ววิเศษ อีกทั้งยังเป็นคนโปรดของราชันเทพมังกร
ปัจจุบันเป็นครูประหลาดอยู่ที่โรงเรียนแสงเงิน
ไม่ใช่ใครนอกจากยงเจกอน
—
MasterGU.edited = เสาอาทิตย์->เสาร์อาทิตย์