ควอนเจอิน เพลเยอร์ชาวอังกฤษเชื้อสายเกาหลี
นักไวโอลินชื่อก้องโลกและหัวหน้าทีมทะเลสาบนิรันดร์ – หนึ่งในสิบกิลด์ใหญ่ของโลก และสี่กิลด์ใหญ่แห่งสหราชอาณาจักร
(มีการใช้คำว่า ‘กิลด์’ เป็นครั้งแรกในเรื่อง น่าจะหมายถึงทีม)
ศิลปินผู้ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากโลกดนตรี
ต่อให้ควอนเจอินจะพูดจาแปลกๆ แต่คนก็จะมองว่า ‘นี่ล่ะ บูลไวโอลินิสต์!’ หรือไม่ก็ ‘ควอนเจอินแตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ!’
ดังนั้น ในวันที่ควอนเจอินแสดงคอนเสิร์ต ณ หอพยัคฆ์สำแดง
เพื่อนร่วมห้องของฉันจึงทำได้แค่ประหลาดใจ แต่ไม่มีใครกล้าตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมและคำพูดของควอนเจอิน
นั่นคือจุดบอด
วิ้ว—!
เมื่อแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ส่งเสียงดังกว่าลมพัดเล็กน้อย ฉันเห็นแอร์ลีมูซีนกำลังร่อนลง
จาเร็ดลีเดินออกจากลีมูซีนที่จอดโดยปราศจากเสียงเครื่องยนต์
“สวัสดีอึยชิน ขึ้นมาสิ”
“สวัสดีครับ”
จาเร็ดลีพูดภาษาเกาหลีได้คล่องแคล่วแบบราวกับกำลังดูการพากย์ทับเสียง
สีหน้าของเขาดูอิดโรยกว่าตอนที่เจอกันริมทะเลสาบซอกชน
ความเงางามหายไปจากเรือนผมสีทอง โหนกแก้มซูบตอบ
“ขอโทษที่ต้องเรียกนักเรียนออกมาดึกๆ แบบนี้ เจนอยากมาด้วยตัวเองนะ แต่ร่างกายเธอไม่ไหวจริงๆ …”
จาเร็ดลีพูดด้วยสีหน้าเจือความกังวล
เดิมที ควอนเจอินบอกว่าจะมาหาฉันที่โรงเรียนด้วยตัวเอง
แต่ระหว่างยืนรออยู่หน้าทางเข้าหลัก ฉันได้รับสายอีกครั้ง และควอนเจอินในสายพูดว่า
[พอดีเพื่อนร่วมทีมของฉันห้ามไว้… ขอโทษนะอึยชิน ช่วยมาหาหน่อยได้ไหม จะส่งคนไปรับน่ะ]
ฉันตอบไปว่าเข้าใจแล้ว เพราะพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ก็ไม่คิดว่าคนที่มารับจะเป็นถึงรองหัวหน้าทีม
“หมอในทีมและเพื่อนร่วมทีมพยายามห้ามเธอ แต่เจนยังยืนกรานว่าจะมาโรงเรียนให้ได้… พวกเรากระวนกระวายกันมาก จนฉันต้องรับปากว่าจะมารับอึยชินด้วยตัวเอง เจนถึงได้ยอม”
ในรถที่มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายอย่างเงียบเชียบ
ฉันได้ยินเสียงพึมพำอย่างอ่อนแรงของจาเร็ดลี
“ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง…”
* * *
ทะเลสาบโซลตะวันออก, ย่านซินวอล, เขตยังชอน, กรุงโซล
อาคารของทีมทะเลสาบนิรันดร์ตั้งอยู่ในละแวกนี้
ตึกสำนักงานของทีมทะเลสาบนิรันดร์ ภายในตกแต่งด้วยไม้ ด้านนอกหุ้มด้วยโลหะต่างโลก ดูราวกับป้อมปราการที่มั่นคง
‘ก็เข้าใจได้ ถ้าคำนึงจากสิ่งที่ทะเลสาบนิรันดร์เคยเผชิญ’
พวกเขาเคยเห็นความพังพินาศของสมาคมเพลเยอร์อังกฤษที่ถูกเผ่าแท้จู่โจม แถมสมาชิกส่วนใหญ่ยังเสียชีวิตในเหตุการณ์รอยแยกแมนเชสเตอร์
เป็นธรรมดาที่จะอ่อนไหวกับความปลอดภัย
เมื่อฉันผ่านด่านความปลอดภัยมาได้สามชั้น จาเร็ดลีที่มัวแต่ส่งข้อความหาใครสักคนผ่านดีไวซ์ พูดกับฉันโดยไม่มองหน้า
“อึยชิน… ฉันมีเรื่องอยากขอร้อง”
“ว่ามาเลยครับ”
“ช่วยโน้มน้าวให้เจนกินอะไรหน่อยได้ไหม พักหลังเธอกินน้อยมาก ที่ยังทนไหวเพราะเป็นเพลเยอร์ระดับสูง แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะหมดสติไปตอนไหน ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากใช้ไอเท็มฟื้นฟู…”
ดูท่าอาการของควอนเจอินจะแย่กว่าที่คิด
“ครับ ผมจะลองดู”
“ขอบคุณมาก โชอึยชิน”
จาเร็ดลีเริ่มพิมพ์ข้อความด้วยสีหน้ามีความสุข
ราวกับเขากำลังแชตทำนองว่า ‘เอาอาหารมาให้เยอะที่สุด!’
เมื่อเดินผ่านด่านตรวจที่สี่ภายใต้การนำของจาเร็ดลี ฉันเห็นบานประตูแกะสลักภาพไวโอลินสีน้ำเงิน
ด้านหน้าประตูที่สร้างจากโลหะต่างโลก สมาชิกทีมทะเลสาบนิรันดร์จำนวนหนึ่งกำลังยืนกระสับกระส่าย
“คนนี้น่ะหรือ นักเรียนโชอึยชิน”
“พ่อหนุ่มทีมงานพาร์ตไทม์นี่นา ไม่ได้เจอกันเสียนาน”
“ช่วยโน้มน้าวให้เจนกินอะไรทีนะ ได้โปรด!”
บางส่วนเป็นทีมงานหลังเวทีของคอนเสิร์ต ณ หอพยัคฆ์สำแดง
บุคคลที่ใกล้กับประตูที่สุด เปิดมันออกพร้อมกับยิ้มตาหยี
“ฝากดูแลควอนเจอินด้วยนะ”
สมาชิกทีมทะเลสาบนิรันดร์ไม่ได้เดินตามเข้ามา ราวกับถูกสั่งห้ามเอาไว้
‘นี่น่ะหรือ ห้องของบลูไวโอลินิสต์’
ด้านหลังประตูที่ทำจากโลหะต่างโลกสีน้ำเงิน โปสเตอร์การแสดงที่ผ่านมาของควอนเจอินถูกติดไว้เรียงราย
ผนังฝั่งหนึ่งเป็นโปสเตอร์ปรินต์กระดาษ ส่วนอีกฝั่งเป็นโฮโลแกรมฉายวิดีโอการแสดงในอดีตของควอนเจอิน
ชั้นวางใต้โปสเตอร์และโฮโลแกรมเหล่านี้ เต็มไปด้วยถ้วยรางวัลกับใบประกาศนียบัตร
‘คงซ้อมและแต่งเพลงในนี้ด้วย’
ในห้องยังมีขาตั้งพร้อมกับโน้ตเพลงอีกนับสิบ บางอันมีปากกาขนนกวางอยู่
บนโต๊ะที่สูงระดับเอวมีขวดหมึกและกระดาษเปล่าวางซ้อนกัน
แต่สิ่งที่ไม่เข้าพวกก็คือ ในห้องของยอดนักไวโอลินแห่งนี้ กลับมีเสียงพิสดารดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กี๊อี๊—อี๊ด!
เป็นที่เสียงดังและห่วยราวกับมีจุดประสงค์เพื่อทำลายแก้วหู
เสียงสุดสยองขวัญซึ่งฟังดูไม่ต่างจากเอนามีกำลังโหยหวนก่อนตาย แว่วมาจากส่วนลึกสุดของห้อง
‘ควอนเจอินเป็นคนทำเสียงนี้?’
เมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้ ควอนเจอินที่ไม่แน่ใจว่ากำลังเล่นไวโอลินหรือพยายามทำลายมัน หยุดพฤติกรรมแล้วหันกลับมามอง
“สวัสดี อึยชิน”
เธอดูหน้าซีด
เสียงที่คุยผ่านโทรศัพท์อาจฟังดูสุขุม แต่ถ้าคำนึงจากสีหน้าในตอนนี้ เสียงเมื่อตอนนั้นคงเกิดจากการดัด
“ขอโทษที่ต้องให้เดินทางมาไกลนะ นั่งลงสิ”
เมื่อหย่อนก้นลงบนโซฟาผ้ายัดขนนก ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารถูกวางกองสุมจนขาโต๊ะแทบหัก
พุดดิ้ง เยลลี โจ๊ก ซุป…
ทั้งหมดเป็นอาหารกินง่าย บรรจุถ้วยขนาดเท่าแก้วกระดาษใช้แล้วทิ้ง
เนื่องจากบนโต๊ะไม่เหลือที่ว่าง พวกเครื่องดื่มปลอดคาเฟอีนจึงถูกวางอยู่ในรถเข็นข้างๆ
“ผมกินได้ไหม”
“เอาเลย”
“รุ่นพี่ก็กินด้วยนะ”
ฉันพูดพลางหยิบพุดดิ้งมิกซ์เบอร์รีขึ้นมาอ่านฉลาก
“ฉันไม่หิว”
“กินคนเดียวมันเหงานะครับ”
ฉันพูดออกไปโดยคำนึงถึงความกังวลของจาเร็ดลีและสมาชิกทีมทะเลสาบนิรันดร์ด้านนอกประตู
ควอนเจอินลังเลเล็กน้อยก่อนจะเลือกเยลลีบลูเบอร์รี
แต่เธอไม่ได้หยิบช้อน
ดูท่าแล้ว ลำพังฉันคนเดียวคงแก้ปัญหาปากท้องของควอนเจอินไม่ได้
“มีอะไรจะพูดใช่ไหมล่ะ ว่ามาสิ”
“พอดีผมอยากจะถามเรื่องของอีเลนา*กับรุ่นพี่” (เปลี่ยนจาก อีเรนา เป็น อีเลนา เหตุผลอยู่ท้ายตอน)
แกร่ก
ถ้วยเยลลีในมือควอนเจอินตกกระแทกพื้น
พรมสีน้ำเงินช่วยให้ถ้วยไม่แตก แต่ควอนเจอินทำได้แค่ก้มมองสองมือที่ไร้เรี่ยวแรง
“ผมพูดต่อได้ไหม”
ฉันตัดสินใจขออนุญาตจากควอนเจอินก่อน
เพราะถ้าว่ากันตามตรง ฉันคือคนนอกในเรื่องนี้
“ต่อเลย… เธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของเด็กคนนั้น แถมยังเคยช่วยชีวิตไว้ครั้งหนึ่ง”
ควอนเจอินใช้ม่านตาสีน้ำเงินจ้องหน้าฉัน
ดูเหมือนเธอจะรู้อยู่แล้วว่า ฉันเคยช่วยให้อีเลนาฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ
ในเมื่ออีกฝ่ายอนุญาต ฉันเล่าต่อทันที
“ในตอนที่ได้เจอกันในหอพยัคฆ์สำแดง ทั้งรุ่นพี่ควอนเจอินและสมาชิกทีมทะเลสาบนิรันดร์ล้วนทำตัวแปลกๆ”
“แปลก? ตรงไหน”
“เรื่องแรกที่ผมสัมผัสได้ก็คือ… ชื่อ”
วันจัดคอนเสิร์ต
เพื่อนร่วมห้องทั้งสี่คนที่ทำงานพาร์ตไทม์หลังเวที ห้อยป้ายชื่อทีมงานที่เขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่
“ชื่อ ‘เลนา’ ถือว่าหาได้ยากในเกาหลี ถ้าลองตรวจสอบทะเบียนราษฎร์อิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันมีไม่ถึงสามร้อยคนที่ใช้ชื่อเลนา”
“แล้วมันยังไง”
“เลนาคือชื่อของแม่รุ่นพี่ควอนเจอิน แถมยังเป็นชื่อของเพลงที่กำลังจะถูกเล่นอังกอร์อย่าง ‘for LENA’ … ดังนั้น ถ้าได้เห็นชื่อหายากนั่นบนป้ายห้อยคอของนักเรียนม.ปลายที่มาทำงานพาร์ตไทม์ คนรอบข้างควรตกใจหรือพูดถึงมันอย่างน้อยสักครั้ง แต่นี่กลับไม่มีใครเอ่ยถึงเลย ราวกับถูกกำชับเอาไว้ล่วงหน้า”
วันนั้นคนของทีมทะเลสาบนิรันดร์ใจดีกับพวกเรามาก แถมยังชวนคุยนั่นนี่
ถึงขั้นชวนไปปาร์ตี้หลังคอนเสิร์ตจบ
แต่กลับไม่มีใครหยิบชื่อของอีเลนามาเป็นประเด็นพูดคุย
แตกต่างจากศิษย์ของเสือครามที่ได้เจอกับฉันในวันเดียวกัน และออกอาการทันทีเมื่อเห็นป้ายชื่อ ‘โชอึยชิน’ ที่ฉันห้อยคอ
“ผมคิดว่ารุ่นพี่คงตกใจเรื่องที่อีเลนาเป็นทีมงานหลังเวทีมากกว่าชื่อของเธอ บางที… รุ่นพี่คงได้ยินว่าเธออยู่ที่นั่น แต่ไม่รู้ว่ามาในฐานะไหน”
ควอนเจอินเอาแต่มองหน้าฉันโดยไม่โต้แย้ง
“เรื่องที่สองที่ผมคาใจก็คือ… ไวโอลินวิเศษ”
“ให้ไวโอลินวิเศษเป็นของขวัญกับรุ่นน้องมันผิดยังไง ฉันมีไวโอลินวิเศษเกือบร้อยตัว จะแบ่งไปให้สักตัวก็ไม่เห็นจะแปลก”
“ใช่ครับ เรื่องที่รุ่นพี่ควอนเจอินมีไวโอลินวิเศษเกือบร้อยตัว ก็เป็นหนึ่งในเบาะแสเช่นกัน”
“หมายความว่ายังไง”
ฉันไล่มองโปสเตอร์และวิดีโอบนกำแพงรอบๆ ขณะพูดต่อ
“เพราะไวโอลินวิเศษทุกตัวของรุ่นพี่มีสีน้ำเงิน… เป็นที่รู้กันดีว่ารุ่นพี่จะเล่นแต่ไวโอลินวิเศษสีน้ำเงิน”
“อา…”
“ไวโอลินที่รุ่นพี่มอบให้อีเลนา… เป็นสีทองคำขาวไม่ใช่หรือครับ รุ่นพี่คงเตรียมมันไว้ล่วงหน้า ถ้าเห็นว่าเธอสนใจไวโอลินก็จะยกให้ทันที ไม่อย่างนั้นคงอธิบายไม่ได้ว่า เหตุใดรุ่นพี่ถึงพกไวโอลินทองคำขาวติดตัวก่อนขึ้นแสดง”
เอกสารหนึ่งพันหน้าที่มุนแซรอนเตรียมมา
ฉันไล่อ่านข้อมูลไวโอลินวิเศษของควอนเจอินครบทุกตัวแล้ว ไม่มีตัวใดที่ไม่ใช่สีน้ำเงิน
เทรมงต์บลู. รอยัลบูล, ควีนบลู, บิงบลู, โอเรนทัลบลู เป็นต้น
อาจมีไวโอลินวิเศษสีน้ำเงินหลายเฉด แต่ไม่มีตัวไหนเป็นสีทองคำขาว
ควอนเจอินหลงใหลไวโอลินสีน้ำเงินมากจนได้ฉายาว่า ‘บลูไวโอลินิสต์’ และความดื้อรั้นดังกล่าวไม่เคยเสื่อมคลาย
ควอนเจอินไม่โต้แย้ง
“เรื่องที่สาม จาเร็ดลี”
“จาเร็ด?”
“ไม่ปกตินักที่รองหัวหน้าทีมอย่างจาเร็ดลี จะลงมาสั่งการนักเรียนม.ปลายที่เป็นแค่ทีมงานพาร์ตไทม์โดยตรง”
“อาจเพราะพวกเธอเป็นรุ่นน้องของฉันก็ได้นี่”
“ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง แต่เรื่องแปลกก็ยังไม่หมด”
ฉันฉายโฮโลแกรมรายชื่อของทีมงานหลังเวที ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารที่มุนแซรอนรวบรวมมาได้
หน้าสุดท้ายของรายชื่อมีการเอ่ยถึงฉัน ซาวอลเซอึม อีเลนา และคิมยูรี โดยเขียนกำกับไว้ว่า ‘สังกัด: โรงเรียนแสงเงิน’
“นี่เป็นเอกสารฉบับเดียวกับที่ส่งให้คนของทะเลสาบนิรันดร์”
“อันนี้ก็เกี่ยว?”
“ใช่ครับ”
“ยังไง”
“คุณจาเร็ดลีรู้อายุของพวกเรา ทั้งที่ไม่ได้มีเขียนไว้ตรงไหนเลย”
จริงอยู่ สาธารณชนอาจทราบว่าซูเปอร์โนว่าไร้นามคือนักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียนแสงเงิน และจาเร็ดมีสิทธิ์เดาอายุของฉันได้จากตรงนั้น
แต่ในรายชื่อพนักงานไม่มี ‘ฉายา’ เขียนกำกับไว้
คนที่จะรู้ว่าโชอึยชินคือซูเปอร์โนว่าไร้นาม ถ้าไม่มีใครบอกล่วงหน้า ก็ต้องเป็นคนที่สืบข้อมูลเกี่ยวกับตัวฉัน
‘แต่ทะเลสาบนิรันดร์ต้องจัดคอนเสิร์ตอย่างกระชั้นชิด คงไม่มีเวลาสืบแน่’
วันนั้นจาเร็ดลีพูดไว้ว่า
— นอกจากนั้น เธอยังเด็กอยู่เลย แค่สิบเจ็ดเอง —
“ผมเคยคิดว่าคุณจาเร็ดลีอาจจะสืบข้อมูลจากชื่อล่วงหน้า แต่ดูจากกรอบเวลาแล้วไม่น่าเป็นไปได้… คุณจาเร็ดลีคงพูดแบบนั้นเพราะรู้อายุของอีเลนาอยู่ก่อนแล้ว”
รายชื่อทีมงานพาร์ตไทม์หลังเวที ประกาศก่อนคอนเสิร์ตเริ่มแค่หนึ่งวัน
เป็นสถานการณ์ที่ช่วยไม่ได้ เพราะวังจีโฮต้องใช้ ‘กำลังภายใน’ แทรกแซงโควตาทีมงาน
“ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงคิดว่าทีมทะเลสาบนิรันดร์ โดยเฉพาะรุ่นพี่ควอนเจอิน ต้องรู้จักอีเลนามาก่อน”
“ใช่ ฉันรู้จักอีเลนา”
ถัดจากนี้เป็นเพียงการคาดเดา
“และเมื่อไม่นานมานี้ คุณจาเร็ดลีเผชิญปัญหาเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า เขาทำการโอนเงินมากกว่าสามหมื่นล้านวอนตลอดสิบปีให้กับญาติที่ถูกสมาคมเพลเยอร์เกาหลีขับไล่เป็นการถาวร เนื่องจากมีส่วนพัวพันกับมายาเกต”
ใบหน้าควอนเจอินซีดลงจากเดิม
“ต้นต่อของเงินเหล่านั้น… คือทรัพย์สินส่วนตัวของรุ่นพี่เอง แต่รุ่นพี่ไม่เคยติดต่อกับเพลเยอร์คนดังกล่าว และไม่เคยได้ผลประโยชน์จากมายาเกต”
บางที ควอนเจอินคงอยากช่วยใครสักคนผ่านจาเร็ดลี
“ผมจึงเริ่มคิดว่า… รุ่นพี่กำลังช่วยใครบางคนด้วยความบริสุทธิ์ใจ”
สามหมื่นล้านวอนไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ
คนที่จาเร็ดลีคอยจุนเจือด้วยเงินมากขนาดนั้น จะต้องเป็นครอบครัว หรือไม่ก็สำคัญเทียบเท่ากับครอบครัว
‘ควอนเจอินบอกว่าเธอสูญเสียแม่และพี่ชายในการจู่โจมรอยแยกแมนเชสเตอร์ แต่ไม่แน่ว่า… อาจยังมีสายเลือดเดียวกับเธอหลงเหลืออยู่’
ควอนเจอินเป็นชาวอังกฤษเชื้อสายเกาหลี
ฝ่ายพ่อเป็นชาวเกาหลีที่ใช้นามสกุล ‘ควอน’
ฝ่ายแม่เป็นชาวอังกฤษที่ชื่อ ‘เลนา’
อาจไม่ใช่กรณีที่พบเห็นได้บ่อยนักในประเทศอังกฤษยุคใหม่ แต่ก็ไม่ได้แปลกเสียทีเดียวที่หลานสาวจะมีชื่อเดียวกับยาย
เจ้าหญิงที่เกิดในราชวงศ์อังกฤษในรอบยี่สิบห้าปี ก็ยังใช้ชื่อตามย่าทวด และยายของเธอ
(เกร็ดความรู้ – เจ้าหญิงเอลิซาเบธ·ชาร์ล็อตต์·ไดอาน่า ลูกสาวของเจ้าชายวิลเลียมส์ สืบทอดชื่อมาจากยาย ‘เจ้าหญิงไดอาน่า’ และย่าทวด ‘ควีนเอลิซาเบธ’)
ชื่อของนักเรียนม.ปลายที่ควอนเจอินมอบไวโอลินวิเศษสีทองคำขาวให้เป็นของขวัญคือ ‘อีเลนา’
นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ?
‘เหนือสิ่งอื่นใด เฉกเช่นเป้าหมายที่จาเร็ดลีส่งเงินไปให้ พ่อแม่ของอีเลนาเองก็พัวพันกับมายาเกตจนถูกขับไล่จากสมาคม… ไม่ใช่ว่าเป็นคนเดียวกันหรอกหรือ’
เด็กผู้หญิงที่มีนามสกุล ‘อี’ ซึ่งออกเสียงคล้ายกับจาเร็ด ‘ลี’
เด็กผู้หญิงที่ใช้ชื่อ ‘เลนา’ เหมือนกับแม่ของควอนเจอิน
แม้ส่วนใหญ่จะยังเป็นแค่การคาดเดา แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
“หรือว่าชื่อจริงของอีเลนา… จะเป็น ‘ควอนเลนา’ กันนะ…”
ควอนเจอินจ้องหน้าฉันอยู่นานโดยไม่พูดไม่จา
“ใช่แล้วล่ะ เลนาเป็นครอบครัวคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่”
ของเหลวสีใสไหลจากนัยน์ตาสีน้ำเงินของควอนเจอิน
“เลนาเป็นลูกสาวของพี่ชายที่ตายไป… หลานสาวของฉัน”
………………….
(บ่นท้ายตอน – เกี่ยวกับจาเร็ดลี ผมยังไม่แน่ใจนะว่าจาเร็ด ‘ลี’ เชื่อมโยงกับตระกูล ‘อี’ ได้ยังไง เพราะใช้อักษรเกาหลีเขียนต่างกัน ของอีเรนาจะใช้ ‘이’ ที่มีเสียง ‘อ.’ เป็นพยัญชนะ ส่วนลีของจาเร็ดเขียนด้วย ‘리’ ที่มีเสียง ‘ร,ล’ เป็นพยัญชนะ แต่ขอเดาว่า พอไปอยู่ต่างประเทศต้องเปลี่ยนนามสกุลให้ดูเป็นสากลมากขึ้น พูดเกาหลีคล่องขนาดนั้น เผลอๆ คงโตในเกาหลีนี่แหละ; แตกประเด็นเรื่องเปลี่ยนชื่อ อีเรนา เป็น อีเลนา, ตามที่ผมเรียนมา ส่วนใหญ่พยัญชนะตัว ㄹ จะออกเสียง ร.เรือ (รีอึล) แต่กรณีของอีเลนานี่มันพิเศษตรงผู้แต่งเค้ากำกับมาให้เลยว่าชื่อ LENA ในเมื่อระบุชัดเจนว่าเป็นการ ‘ตั้งชื่อตามยาย’ ผมก็รู้สึกว่าควรออกเสียง ล.ลิง ตามไปเลย ในอนาคตจะได้ไม่ต้องมัวพะอกอีก เพราะทุกวันนี้โดน for LENA ตามหลอนมาตลอดว่าตกลงแล้วมัน ร หรือ ล กันแน่นะ)
—
MasterGU.edited = เพื่อร่วมห้อง->เพื่อนร่วมห้อง, (ในโน๊ตผู้แปล: แม่(LENA)ของพ่อของอีเลนาน่าจะเป็นย่า-ตั้งชื่อตามย่า, พะอก น่าจะเป็น พะวง, จะแก้ อีเรนา->อีเลนา ย้อนหลังดีไหม หรือปล่อยเป็นกิมมิคล่ะกัน)