“เรื่องนี้จริงๆ สามารถเข้าใจได้
“เพราะวันพรุ่งนี้ที่สดใสเป็นหนัง ส่วนดิ้นรนเป็นเกม บอสเผยสร้างทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เพื่อที่ผู้ชมทุกคนและผู้เล่นทุกคนที่เข้ามาสัมผัสจะได้รับข้อความบางอย่างกลับไปบ้าง
“แต่ชีวิตจริงของทุกคนแตกต่างกัน บทเรียนที่ทุกคนได้จากชีวิตจริงเองก็แตกต่างกัน
“บางคนเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองได้ด้วยความพยายาม แต่บางคนไม่เป็นแบบนั้น บางคนได้เห็นด้านที่อบอุ่นของโลก แต่บางคนเห็นแค่ด้านที่เย็นชา
“ดังนั้นจึงเป็นปกติที่มุมของพวกเขาต่อโลกความเป็นจริงจะแตกต่างกัน
“ผมอยากย้ำว่าบอสเผยได้สื่อสารมุมมองต่อโลกความเป็นจริงของบอสออกไปแล้ว แค่คนส่วนใหญ่ไม่ทันสังเกตเห็น
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ ดูชื่อคลิปสิครับ ผู้สื่อสารไร้เสียง
“บอสสื่อสารมุมมองตัวเองเงียบๆ แทนที่จะสื่อสารออกไปให้ยิ่งใหญ่ชัดเจน บอสเลือกที่จะบังคับให้ทุกคนวิเคราะห์ตีความด้วยตัวเอง
“โอเคครับ ต่อไป ช่วยคลิกลิงก์ที่สองใต้คลิปด้วย ช่วยอ่านดูว่าบอสบอกอะไรกับนักศึกษายากไร้ในมหาวิทยาลัยตัวเอง
“สาม สอง หนึ่ง
“ครับ ทุกคนน่าจะเข้าใจแล้ว บอสเผยบริจาคเงินสิบห้าล้านหยวนให้กับนักศึกษายากไร้และจัดบรรยายเพื่อบอกให้พวกเขานำเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์
“ใช่ครับ บอสเผยไม่ได้บอกให้พวกเขาตระหนี่ แต่บอกให้มีสมาธิ
“จริงๆ แล้วก็ตรงกับมุมมองเรื่องความมั่งคั่งของบอสเผย บอสไม่เห็นด้วยกับวัฒนธรรมบริโภคนิยม แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการมองการตระหนี่เป็นเรื่องดี
“พอเป็นประเด็นเรื่องความมั่งคั่ง หลายคนก็ตกอยู่ในหลุมพรางความสุดโต่งไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง
“แบบแรกคือมองว่าความพึงพอใจเดี๋ยวนั้นเป็นเรื่องสำคัญ พวกเขาจะใช้เงินเดือนทันทีที่ได้มา รูดบัตรจนเต็มวงเงิน และซื้อของแพงเกินตัว
“แบบที่สองคือมองว่าการเก็บเงินเป็นเรื่องสำคัญ พวกเขาคอยคิดแต่จะหาวิธีการต่างๆ มากอบโกยกำไรแม้เพียงเล็กน้อย พวกเขามีเงิน แต่ใช้ชีวิตเหมือนขอทานจนพลาดโอกาสหลายๆ อย่างไป
“ชัดเจนว่า ทั้งสองแนวคิดนี้ผิด
“บทบรรยายของบอสเผยบอกเราว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนมีไม่ใช่เงิน แต่เป็นสมาธิ!
“ขอแค่เราใช้สมาธิเราให้ดี เราก็จะหาเงินเพิ่มได้มากมาย กลับกัน ถ้าเรามัวแต่ไล่ตามกำไรเล็กน้อยและเสียสมาธิไป เราจะยิ่งสูญเสียมากขึ้น
“ตอนนี้บางคนอาจตั้งคำถามว่า แล้วบทบรรยายนี้เกี่ยวอะไรกับเกมดิ้นรนที่เป็นตีมของคลิปนี้
“แน่นอนว่าเกี่ยวข้องทุกด้าน
“เนื้อหาของการบรรยายและกิจการทั้งหมดของบอสเผยเติมเต็มสิ่งที่ไม่ได้สื่อสารในเกมดิ้นรน เป็นตัวบอกให้เรารู้ว่าการดิ้นรนเป็นยังไงในชีวิตจริง
“เมื่อพูดถึงการดิ้นรน หลายคนมองคำนี้แตกต่างกันไปคนละขั้วเช่นกัน
“คนแบบแรกคิดว่าการดิ้นรนนั้นเปล่าประโยชน์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อะไรจะเกิดก็เกิด มีเหล้าวันนี้ก็กินให้เมาวันนี้ เรื่องวันพรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้
“อีกแบบคือคนที่คิดว่าถ้าดิ้นรนมากพอก็จะมีชีวิตในแบบที่ต้องการได้ แต่ไม่เคยถามตัวเองว่าวิธีดิ้นรนตอนนี้นั้นถูกรึเปล่า
“วิธีคิดทั้งสองแบบเป็นวิธีคิดที่ผิด
“ก่อนผมจะตอบคำถาม ผมขอพูด คุณเหออันระบุว่ามีอยู่สองเหตุผลหลักที่ทำให้ตัวเอกคนจนในเกมดิ้นรนตกทุกข์ คือ วัฒนธรรมบริโภคนิยมกับการเสียค่าโง่ ตัวเอกคนจนไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในชนชั้นกลาง แต่วัฒนธรรมบริโภคนิยมทำลายความมั่งคั่งและผลักเขาตกสู่วังวนแห่งความจน
“วัฒนธรรมบริโภคนิยมเข้าควบคุมสังคมทั้งหมดในเกมดิ้นรน ทำให้ตัวเอกคนจนไม่มีทางเลือก แต่วัฒนธรรมบริโภคนิยมในชีวิตจริงไม่ได้เป็นที่ยอมรับกว้างขวางในสังคม ขอแค่เราสู้กับมัน ความมั่งคั่งของเราก็จะไม่โดนทำลายและย่อมสะสมความมั่งคั่งได้ประมาณหนึ่ง
“หลายคนตั้งคำถามเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะคุณเหออันไม่ได้ขยายความว่าบริโภคนิยมคืออะไร
“ตามความหมายทั่วไป บริโภคนิยมคือแนวทางที่สังคมส่วนใหญ่ปฏิบัติ เป็นการแสวงหาการบริโภคอันผิวเผินและต้องการกิจกรรมบันเทิงและความบันเทิงทางวัตถุอันไม่มีที่สิ้นสุด แล้วยึดถือสิ่งเหล่านี้เป็นจุดมุ่งหมายและคุณค่าของชีวิต
“แต่ผมเชื่อว่าทุกคนมีมุมมองต่อเรื่องบริโภคนิยมและการเสียค่าโง่ของตัวเอง
“หลายครั้งที่เราเห็นว่าแนวคิดเรื่องบริโภคนิยมกับการเสียค่าโง่นั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
“ยกตัวอย่างง่ายๆ ทิชชูสองห่อ ห่อนึงห้าหยวน อีกห่อยี่สิบหยวน ห่อที่ขายยี่สิบหยวนถือเป็นการเก็บค่าโง่รึเปล่า
“หลายคนคิดแบบนั้น ก็ทิชชูเหมือนกัน แต่อันที่มีแบรนด์ติดราคาสูงกว่าถึงสี่เท่า แบบนั้นมันดูถูกปัญญาคนซื้อเลยไม่ใช่เหรอ
“ถ้าผมบอกว่าห่อยี่สิบหยวนนุ่มกว่า ละเอียดกว่า กระบวนการผลิตซับซ้อนกว่า ให้ความรู้สึกที่ดีกว่า คุณยังจะคิดว่าเป็นการเสียค่าโง่รึเปล่า
“เหมือนกัน คนทั่วไปอาจจะคิดว่ากระเป๋าแบรนด์เนมราคาหลายหมื่นหยวนนั้นเก็บค่าโง่ แต่เศรษฐีพันล้านจะคิดเหมือนกันรึเปล่า
“ผมว่าคนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดถึงคำถามข้อนี้
“บางคนเลยเกลียดเรื่องบริโภคนิยม แต่บางคนไม่ได้ใส่ใจอะไร พวกเขาคิดว่าถ้ามีเงินเหลือมากพอ จะซื้อกระเป๋าหรือรองเท้าแบรนด์เนมก็ได้ทั้งนั้น
“จุดนี้ผมจะไม่ตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่จะแค่เล่าให้ฟังถึงมุมมองของบอสเผยต่อเรื่องนี้
“หลายคนไม่ชอบเกมดิ้นรนเพราะนำเสนอแค่ปัญหา แต่ไม่ให้ทางออก
“เรื่องนี้ ผมอยากบอกว่าช่องว่างทางรายได้ไม่มีวันหายไปไหน จะตามหลอกหลอนเราไปตลอด ตอนนี้ยังไม่มีทางออกที่ดีสำหรับเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังให้ใครสักคนคิดทางออกซึ่งเป็นที่น่าพอใจสำหรับทุกคน
“ทุกคนควรคิดเรื่องนี้และหาคำตอบด้วยตัวเอง
“แต่บอสเผยก็ให้ทางออกที่ทำได้จริงกับพวกเรา แค่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้
“กลับไปที่มุมมองต่อความมั่งคั่งที่บอสเผยอธิบายในบทบรรยาย ทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดที่มนุษย์เรามีคือสมาธิ งั้นเงินที่มีในมือควรจะนำไปใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์ล่ะ
“ก็ใช้เพื่อเพิ่มสมาธิให้ตัวเราไง
“นี่แหละคือสิ่งที่บอสเผยทำ
“การวิเคราะห์ของบอสหลี่ในรายการสัมภาษณ์และรูปของบอสเผยน่าจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ บอสเผยเป็นคนที่ใช้เวลาว่างทั้งหมดไปกับการคิด บอสฝึกฝนเรื่องนี้จริงๆ ถึงจะเป็นเศรษฐีพันล้าน แต่สมาธิก็ยังทรงคุณค่าที่สุดสำหรับบอส
“แล้วชีวิตประจำวันของบอสเป็นยังไง เราเห็นแล้วว่าบอสพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อย กินอาหารของโมหยูเดลิเวอรี่ แต่ก็สวมสูทและนาฬิกาแบรนด์เนม แต่มูลค่าของสูทกับนาฬิกาที่สวมก็มีขอบเขต เทียบกับรายได้สุทธิแล้วยังห่างกันไกล
“ตอนนี้ บางคนอาจคิดว่าบอสเผยเป็นคนย้อนแย้งในตัวเอง
“บอสเน้นให้เราใช้สมาธิให้เกิดประโยชน์ แต่ก็ทำเกมออกมาทำลายสมาธิทุกคน
“บอสเน้นย้ำถึงความอันตรายของวัฒนธรรมบริโภคนิยม แต่ก็สวมสูทและนาฬิกาแบรนด์หรู
“แต่ผมอยากให้ทุกคนคิดดูให้ดีว่านี่คือความย้อนแย้งจริงๆ รึเปล่า ถ้าคุณตอบคำถามนี้ได้ คุณก็จะได้คำตอบทั้งหมดที่ต้องการ”
…
ดูคลิปมาถึงตรงนี้ เหออันก็ตะลึงไป
เขาไม่คิดเลยว่าอาจารย์เฉียวจะลากเรื่องนี้มาถึงจุดนี้!
สำหรับเหออันแล้ว การต่อต้านวัฒนธรรมบริโภคนิยมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่มีใครบ้างที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวัฒนธรรมบริโภคนิยมเลย
ขนาดเหออันยังซื้อวิลล่าและรถหรูหลังทำเงินได้เยอะขึ้น ว่ากันตามตรงแล้ว เขาเองก็รับวัฒนธรรมบริโภคนิยมมาเหมือนกันโนiวลกูดอทคอม
ถ้าจะให้หลุดพ้นจากวัฒนธรรมบริโภคนิยมโดยสมบูรณ์ เขาต้องเอาเงินไปลงทุนในบริษัทที่สร้างคุณค่าให้สังคม หรือทำการกุศลเพื่อช่วยเหลือคนอื่นมากขึ้น
ซึ่งเขาไม่ได้ทำ กลับเอาเงินก้อนโตไปทุ่มเพื่อความบันเทิงของตัวเอง
เหออันจึงไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องแนวคิดวัฒนธรรมบริโภคนิยมในโพสต์เว่ยป๋อ
เขารู้ว่าแนวคิดเรื่องวัฒนธรรมบริโภคนิยมนั้นขึ้นอยู่กับระดับรายได้ของแต่ละคน
ถ้าคนจนที่หาเงินได้เดือนละสามพันหยวนอยากซื้อรถหรู ก็จะถือว่าโดนวัฒนธรรมบริโภคนิยมล้างสมอง แต่ถ้าเศรษฐีพันล้านอยากซื้อรถหรู ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับชีวิตประจำวันของเขา
แต่เหออันก็รู้ดีว่าพูดแบบนี้ดูย้อนแย้ง เขาเองก็ให้ความชัดเจนกับตัวเองไม่ได้
ถ้าจบโพสต์ว่า ‘คนจนห้ามซื้อรถหรู แต่คนรวยซื้อได้’ ก็จะดูไม่น่าเชื่อถือ คนอาจจะคิดว่าเขาแบ่งแยกชนชั้นและบอกว่าคนจนไม่ควรซื้อของแพง
จากนั้นก็จะตกเข้าสู่หลุมพรางวัฒนธรรมบริโภคนิยม
ดังนั้นเรื่องที่อาจารย์เฉียวพูดในคลิปจึงอันตรายมาก ต้องนำเสนออย่างระมัดระวัง หากผิดพลาดแค่นิดเดียวจะเกิดกระแสตีกลับได้
ในเมื่อบอกไปแล้วว่าบอสเผยเองก็ซื้อสูทและนาฬิกาแบรนด์หรู แล้วจะโน้มน้าวให้คนอื่นปฏิเสธของพวกนี้ได้ยังไง
เหออันดูคลิปต่อด้วยความกังวล
…
“ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ความย้อนแย้ง
“ผมย้ำมาตลอดทั้งคลิปว่าเราไม่ควรหลงประเด็นตามการมองโลกอย่างขาวดำ มีแค่ถูกกับผิด
“เราต้องใช้สมาธิให้เกิดประโยชน์ แต่จะการันตีได้รึเปล่าว่าเราจะควบคุมสมาธิได้ตลอดเวลา
“ไม่มีทาง
“เพราะงั้นเราจึงควรให้ความสำคัญเรื่องระบบการทำงานแปดชั่วโมง ในแปดชั่วโมงนี้ให้ตั้งใจทำงานและเรียนเต็มที่ หลังจากนั้นก็พักผ่อน
“เราต้องสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน
“เกมช่วยให้เราได้พักผ่อนและผ่อนคลาย ไม่ว่าเกมจะมีระบบการเล่นที่โดดเด่นหรือมีงานศิลป์ที่ยอดเยี่ยม จะทำให้คนหัวเราะลั่นหรือกระตุ้นให้คิด ยังไงเกมก็มีความหมายสำหรับพวกเราทุกคน”