ฉากที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทำเอาเหออันอึ้งไป พอตั้งสติได้ รายชื่อผู้พัฒนาก็ปรากฏขึ้นแล้ว
แต่รายชื่อผู้พัฒนานั้นไม่ใช่จุดสนใจ สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ คือรายงานข่าว
“ประธานาธิบดีออกถ้อยคำสรรเสริญให้กับการตายของเจฟ เอเลนอร์ ประธานบริษัทคนปัจจุบันของ Luxury Group โดยเนื้อหาถ้อยคำสรรเสริญทั้งหมดคือ
“มิเชล (ภรรยาประธานาธิบดี) กับผมต่างตกใจและเศร้าใจมากเมื่อได้ยินเรื่องการตายของคุณเจฟ เอเลนอร์ เจฟเป็นคนขยัน มีวินัย และมีคุณธรรมสูงส่ง เขาเป็นผู้ประกอบการ เป็นผู้มีใจรักเพื่อมนุษย์ เป็นนักเขียนหนังสือขายดี และเป็นเพื่อนผู้แสนดีของผม
“เขาเก่งเรื่องการคิดนอกกรอบ และเชื่อว่าตัวเองสามารถพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเปลี่ยนโลกและช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้ องค์กรการกุศลของเขาช่วยคนไร้บ้านหลายหมื่นคน หนังสือ ‘ดิ้นรนสู่ความรวย’ ของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนหนุ่มสาวนับไม่ถ้วนต่อสู้ไล่ตามความฝัน
“โลกของเราสูญเสียนักอุดมการณ์ไปแล้ว เราจะคิดถึงเขาไปตลอด มิเชลกับผมอยากส่งผ่านความห่วงใยและสวดภาวนาให้ภรรยาและครอบครัวของเจฟ รวมถึงทุกคนที่รักชายคนนี้”
“…”
“เราได้รับรายงานมาว่าคุณเจฟ เอเลนอร์โดนฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหดโดยคนร้ายระหว่างงานเซ็นหนังสือที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในย่านบร็องซ์ ผู้คนนับหมื่นต่างตื่นตระหนกและออกมาเรียกร้องให้กฎหมายลงทัณฑ์ฆาตกร
“ตอนนี้จุดประสงค์ที่แท้จริงของฆาตกรยังไม่เป็นที่กระจ่าง ตำรวจยังสอบสวนไม่พบความบาดหมางระหว่างคุณเจฟและฆาตกร ฆาตกรดูเหมือนมีปัญหาทางจิตและปฏิเสธไม่ตอบคำถามของตำรวจ เขาเอาแต่ย้ำไปมาว่า ‘ไอ้คนโกหก’ รายการของเราจะเกาะติดคดีนี้ต่อไป…”
ภาพสุดท้ายในรายการข่าวเป็นภาพครอบครัว ภรรยา และลูกของตัวเอกกำลังร้องไห้ในงานศพ
นี่คือตอนจบของเกมเวอร์ชันคนรวย
…
เหออันรู้สึกสับสนเล็กน้อย
แค่นี้เนี่ยนะ
จบแค่นี้เหรอ
ตอนจบคืออะไรน่ะ
เพิ่งจะเริ่มเส้นทางอาชีพเอง ตายแบบนี้เลยเหรอ
ใครคือฆาตกร
ทำไมถึงอยากฆ่าฉัน
ฉันเลือกผิดเลยได้ตอนจบน่าหดหู่เหรอ
ไม่เห็นเข้าท่าเลย มองยังไงก็แปลก
เหออันไตร่ตรองอย่างละเอียด เกมดำเนินไปได้โอเค การเปลี่ยนฉากต่างๆ ก็เป็นธรรมชาติ รายละเอียดทำออกมาได้ยอดเยี่ยม รู้สึกเหมือนได้เป็นตัวเอกจริงๆ
มีแค่ฉากจบที่ดูปุบปับเกินไป ไม่มีเค้าแววเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้!
เหออันคิดอยู่พักใหญ่แล้วรู้สึกว่าตัวเองคงพลาดการเชื่อมโยงหรือขั้นตอนบางอย่างไป เขาอาจจะได้ตอนจบอีกแบบถ้าเล่นซ้ำอีกรอบหรือเล่นเวอร์ชันคนจนก่อน
เพราะยังไงก็น่าจะมีอย่างน้อยสิบเส้นเรื่อง อาจมีบางตัวเลือกที่เปลี่ยนชะตากรรมเขาได้
แต่เหออันไม่คิดจะเล่นรอบสองตอนนี้ เพราะตอนจบทำร้ายจิตใจสุดๆ
ทุกอย่างในเกมทำออกมาได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง พล็อต เส้นเรื่อง รายละเอียดฉาก ไม่มีจุดบกพร่องเลยแม้แต่ที่เดียว ติดตรงที่ว่าตอนจบทำผู้เล่นงงไปหน่อย
ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในงานเลี้ยง มีอาหารรสเด็ดยกมาเสิร์ฟทีละจาน แต่กินไปได้คำนึงก็โดนคว่ำโต๊ะ
“หรือจะมีเนื้อหาลับที่เชื่อมโยงเวอร์ชันคนรวยในเวอร์ชันคนจน”
เหออันอดคิดแบบนั้นไม่ได้
ถึงคำอธิบายเกมเวอร์ชันคนจนอาจจะดูดับฝัน แต่เหออันก็ยังแอบหวังอยู่ในใจ
ถ้ามีเนื้อหาพิเศษจริงๆ ล่ะ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดเปิดเกมเวอร์ชันคนจนเพื่อเริ่มเล่น
เกมเวอร์ชันคนจนเริ่มด้วยบทพูดในใจคล้ายเวอร์ชันคนรวย
…
“ผมซาบซึ้งบุญคุณพ่อผมมากๆ
“ถ้าไม่ได้พ่อ ผมอาจต้องเรียนที่โรงเรียนประถมบอร์เจีย ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมที่แย่ที่สุดในประเทศ เด็กครึ่งหนึ่งที่จบจากที่นี่จะได้เลื่อนไปเรียนโรงเรียนมัธยมต้น ‘ท่อน้ำทิ้ง’ ซึ่งก็มีกว่า 40% ที่เรียนไม่จบ และเป็นที่รู้จักในนาม ‘โรงงานเด็กเรียนไม่จบ’
“มี ‘โรงงานเด็กเรียนไม่จบ’ อยู่ประมาณสองพันแห่งทั่วประเทศ ซึ่งคอยผลิตวัยรุ่นว่างงานสู่สังคม
“แค่ในรัฐของผมที่เดียว 68% ของอาชญากรก็เป็นพวกเด็กเรียนชั้นมัธยมไม่จบ งบประมาณรัฐที่ใช้จ่ายไปกับผู้ต้องขังหนึ่งคนทุกๆ สี่ปีนั้นมากพอส่งเด็กคนหนึ่งเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนจบมัธยมปลายได้ แถมยังมีเงินเหลืออีกสองหมื่นดอลลาร์ไว้เป็นทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วย
“เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศเรามีคนไร้บ้านประมาณเจ็ดหมื่นคน มีขอทาน คนพิการและป่วยทางจิต คนขี้เหล้า ผู้ที่โดนตัดสินว่ามีความผิดมากมายนับไม่ถ้วนบนถนนและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
“36% ของคนกลุ่มนี้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่วนอีก 64% ส่วนใหญ่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวกับชายโสด
“ในประเทศนี้ คุณต้องมีเงินถึงเกณฑ์ที่กำหนดถึงจะเริ่มต้นสร้างชีวิตแบบพออยู่พอกินได้
“ถ้าคุณไปถึงจุดที่ต้องการเงินช่วยเหลือ คุณก็จะหางานไม่ได้ถ้ารับเงินช่วยเหลือ ถ้าไม่มีงานก็เช่าบ้านไม่ได้ ถ้าไม่มีบ้านก็ทำอะไรไม่ได้เลย พอกลายเป็นคนไร้บ้าน ก็เท่ากับตายไปแล้วในสังคม ถึงคุณจะสุขภาพแข็งแรง มีมือมีเท้าครบสมบูรณ์ แต่คุณก็ไม่มีวันกลับไปใช้ชีวิตเดิมได้อีก ทำได้แค่เตร็ดเตร่ไปตามถนน ไร้ที่ซุกหัวไปชั่วชีวิต
“ผมตอบสนองกับตัวเลขได้เร็วมาก ไม่รู้ว่าเป็นพรสวรรค์หรือสัญชาตญาณเอาตัวรอด
“บางทีชีวิตคนจนอาจจะเป็นแค่ชุดตัวเลข
“คนจนหลายคนโทษพ่อแม่ตัวเอง
“แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็รู้สึกขอบคุณพ่อของผมที่ไม่ทำให้ผมกลายเป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น
“พ่อผมบอกอยู่เสมอว่าให้เรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนความคิดแบบคนจน ตั้งใจทำงานและดิ้นรน อย่าปล่อยให้โดนคนพวกนั้นกลืนกิน
“ดิ้นรนแล้วชีวิตจะเปลี่ยน
“ผมไม่กังขาเรื่องนี้เลย”
ต่างจากตอนเริ่มต้นของเวอร์ชันคนรวย เวอร์ชันคนจนไม่ได้เริ่มด้วยเหตุการณ์หนึ่ง แต่เป็นฉากที่เต็มเศษกระจก แสดงภาพตามคำบรรยายของตัวเอกในแบบนามธรรม
จากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นภาพความทรงจำวัยเด็กของตัวเอกทันที
“หลังผมลืมตาดูโลก แม่ก็ออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวเพราะแม่เป็นคนเดียวที่ดูแลผมได้
“จนผมเข้าอนุบาลแล้วก็ยังเป็นแบบนั้น เพราะโรงเรียนเลิกตอนบ่ายโมง การปล่อยให้เด็กอยู่บ้านคนเดียวนั้นผิดกฎหมายคุ้มครองเด็ก
“เพราะงั้นถ้าเงินเดือนหลังหักภาษีของแม่ไม่พอจ่ายค่าเรียนนอกเวลาหรือจ้างพี่เลี้ยง การไม่ทำงานนั้นดีกว่าเพราะช่วยประหยัดเงินมากกว่า
“พ่อผมทำงานมากกว่าสิบชั่วโมงต่อวันเลยไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แต่การสนับสนุนของพ่อก็มีความหมายมาก เพราะทำให้ผมไม่ต้องเรียนที่โรงเรียนประถมศึกษาบอร์เจีย และเข้าเรียนที่โรงเรียนที่ดีกว่าในเขต
“เราอาศัยอยู่ในบ้านเช่าราคาถูก ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างโชคดี เพราะที่แบบนี้เช่าได้แค่คนที่มีรายได้อยู่ในช่วง 20-25% หมายความว่าต้องจนกว่าคนส่วนใหญ่ 75% และรวยกว่าคนจนที่อยู่ 20% ล่างสุด ถือว่าเข้มงวดมาก
“งานอดิเรกเหรอ ไม่มีหรอก เพราะเป็นสิ่งที่ผมไม่มีปัญญาจ่าย”
ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไปมาตามการบรรยายของตัวเอก
แม่ตัวเอกดูแลทารกคนเดียวในบ้านเช่าราคาถูกสภาพรก
โรงเรียนรัฐของตัวเอกแตกต่างจากโรงเรียนเอกชนในเวอร์ชันรวยลิบลับ แต่ที่ชวนแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือเรื่องกิจกรรมเพื่อความบันเทิงหลังเลิกเรียน
ในเวอร์ชันคนรวย กิจกรรมเพื่อความบันเทิงของผู้เล่นคือ ขี่ม้า ยิงธนู เล่นดนตรี และศิลปะ ส่วนในเวอร์ชันคนจน กิจกรรมเพื่อความบันเทิงของผู้เล่นคือ วิ่งเล่นในสนามหลังบ้าน ขี่จักรยาน และเตะฟุตบอล novelgu.com
มินิเกมทำออกมาได้ดีมาก แต่ถือว่าจืดชืดเมื่อเทียบกับเวอร์ชันคนรวย
เหออันอยากให้ตัวเอกมีงานอดิเรกสักอย่าง แทนที่จะวิ่งเล่นไปมาในสนามหลังบ้านทุกวัน แต่ไม่นานก็พบว่าใช้เงินทุนไปจนหมด
จ้างครูมาสอนเล่นเชลโล่ที่บ้านราคาชั่วโมงละเจ็ดสิบห้าดอลลาร์
พ่อแม่พาเด็กไปเรียนว่ายน้ำต้องเสียเงินยี่สิบดอลลาร์ต่อครึ่งชั่วโมง ถ้าเป็นคอร์สระดับมืออาชีพ ราคาจะขึ้นไปเป็นสองร้อยดอลลาร์ต่อชั่วโมง
คลาสยิมนาสติกครึ่งชั่วโมง มีเด็กเรียนคลาสละห้าถึงสิบคน ครูจะพายืดเส้นสองนาที เวลาที่เหลือจะให้พ่อแม่กับเด็กๆ เล่นกับอุปกรณ์ต่างๆ เสียเงินคลาสละยี่สิบดอลลาร์
คอร์สเรียนพวกนี้คุณภาพต่ำ แต่ราคาไม่ถูกเลย แถมยังต้องจองล่วงหน้ากว่าสองเดือน
สำหรับเหออันแล้ว ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดระหว่างเวอร์ชันคนรวยกับเวอร์ชันคนจนคือความจืดชืด
เขามีตัวเลือกให้เลือกไม่มากเพราะไม่มีเงิน ไม่ว่าจะวิ่งเล่นในสนามหลังบ้านหรือขี่จักรยาน เขาก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า
เหมือนกันกับในอีกเวอร์ชัน ตัวละครในเวอร์ชันคนจนออกแบบมาโอเวอร์มาก แถมยังมีปัญหาน้ำหนักตัวมากเกินไป ซึ่งก็ตรงกับภาพเหมารวมของผู้คน
หลังช่วงวัยเด็กก็เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ตัวเอกตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่เพื่อเข้าเรียนชั้นมัธยมและต่อมหาวิทยาลัยด้วยการกู้เงิน ช่วงมัธยมมีกิจกรรมให้ทำเพิ่มขึ้น เขาเข้าวงประสานเสียงและวงดุริยางค์ได้ ลงแข่งโต้วาทีก็ได้
ตัวเอกคนจนและตัวเอกคนรวยตั้งใจเรียนแทบจะเท่าๆ กัน แต่ก็มีช่องว่างที่ใหญ่มากเรื่องทรัพยากรที่ได้รับ
ประเภทงานที่จะทำได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาเข้ามหาวิทยาลัยได้รึเปล่า
ถ้าไม่มีทักษะเฉพาะทางเลย ก็ทำได้แค่พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร พนักงานทำความสะอาด พนักงานดูแลผู้สูงอายุ หรือพนักงานคิดเงินในร้านสะดวกซื้อ ถึงจะทำสองงานเจ็ดวันต่อสัปดาห์ก็ยังล้มละลายได้
เพื่อนร่วมงานของเขาเกิดอุบัติเหตุขาพลิกระหว่างทำความสะอาด เธอไม่กล้าเรียกรถพยาบาลหรือกลับบ้านไปพักผ่อน ต้องคุกเข่าข้างหนึ่งทำความสะอาดต่อ เพราะเธอเสียเงินค่าจ้างไปไม่ได้แม้แต่วันเดียว หัวหน้าทีมบอกเธอว่า ‘เลิกตีโพยตีพาย แล้วไปทำงานให้เสร็จซะ’
ถ้าอยากได้งานในอุตสาหกรรมบริการระดับล่าง ก็ต้องไปหางานในเมืองใหญ่ แต่ค่าเช่าในเมืองใหญ่พวกคนรวย ก็ตั้งไว้สูงจนถึงขั้นแทบจะไม่มีปัญญาจ่าย ถ้าเช่าห้องรายเดือนไม่ได้ ก็ต้องไปเช่าห้องแคปซูลรายวันอยู่ ส่วนใหญ่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งจนลง ถ้าป่วยหรือเข้าช่วงฤดูท่องเที่ยว ค่าเช่าจะสูงขึ้น ทำให้มีโอกาสเสี่ยงล้มละลายหรือถึงขั้นต้องนอนข้างถนนมากขึ้น
ถ้าได้งานจากการพยายามอย่างเต็มที่และหาเงินได้เดือนละสี่พันดอลลาร์ ชีวิตก็จะดีขึ้นมาหน่อย แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ยังมากเกินรับมืออยู่ดี ค่าใช้จ่ายประจำกินเงินเดือนไปแล้ว 80% ซึ่งรวมภาษีและค่าประกัน 25% ค่าเช่า 29% ค่าการศึกษาลูก 26% ค่ารถ 5% ค่าน้ำค่าไฟ 5% เสื้อผ้า อาหาร ค่าเดินทาง 10% ยังไม่รวมค่ารักษาพยาบาล
ว่าง่ายๆ คือยากมากที่จะเก็บเงินให้ได้สักสี่ร้อยดอลลาร์ต่อเดือน ถ้าเกิดอะไรขึ้นอาจล้มละลายและกลายเป็นคนไร้บ้านได้เลย
ถ้าเลือกตัวเลือกถูกหมดก็จะได้งานที่เงินเดือนค่อนข้างสูง ชีวิตจะมีเงินมากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่เคยต้องจ่ายก็กลายเป็นรายจ่ายจำเป็น
จุดนี้ทำให้เหออันหงุดหงิดมาก เขาสามารถเก็บเงินได้มากมาย แต่เกมก็บังคับหักค่าใช้จ่าย
ซื้อสูทกับกระเป๋าหรูให้เหมาะกับงาน
จ่ายเงินสองพันดอลลาร์เพื่อพาลูกไปเที่ยวหาดสวรรค์สามวันฉลองวันเกิด
ค่าใช้จ่ายเพื่อเข้าสังคมอย่างชุมชนที่อาศัยอยู่ การศึกษาของลูก และอื่นๆ ต้องใช้เงินเยอะมาก
เพื่อเก็บเงิน ตัวเอกจึงเคยชินกับการใช้บัตรเครดิตผ่อน ยอดผ่อนบัตรแต่ละเดือนนั้นสูงมาก ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าหมดเงินไปกับอะไรบ้าง
ตัวเลือกบางอย่างก็เลี่ยงไม่ได้ อย่างสูทกับกระเป๋าหรู ตัวเอกไม่ได้อยากซื้อ แต่เพื่อนร่วมงานใช้กันทุกคน ถ้าไม่ใช้ตามก็จะกลายเป็นพวกนอกคอก
เพราะงั้นตัวเอกจึงต้องกัดฟันซื้อ
เหออันเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ตัวเอกพูดในตอนแรกหมายความว่ายังไง
ชีวิตของคนจนเป็นเหมือนชุดตัวเลข และตัวเลขเหล่านี้คือค่าใช้จ่ายต่างๆ
แต่สุดท้ายแล้ว ตัวเลขเหล่านี้ก็พังทลายลง
พอระดับการใช้จ่ายของตัวเอกสูงขึ้น การเลิกจ้างแบบปุบปับก็ทำลายทุกอย่าง ห่วงโซ่ทั้งหมดพังอย่างรวดเร็ว ไม่มีรายได้ จ่ายค่างวดบัตรเครดิตไม่ได้ ธนาคารมายึดบ้าน หนี้บัตรสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…
สภาพความเป็นอยู่ของตัวเอกจึงกลายเป็นเหมือนพ่อของเขา
เสียงตัวเอกดังขึ้นในฉากเหตุการณ์เหล่านี้
“พ่อผมบอกอยู่เสมอว่าให้เรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนความคิดแบบคนจน ตั้งใจทำงานและดิ้นรน อย่าปล่อยให้โดนคนพวกนั้นกลืนกิน
“ดิ้นรนแล้วชีวิตจะเปลี่ยน
“ผมพยายามแล้ว แต่ทุกอย่างเหมือนจะกลับไปสู่สภาพเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“หรือการดิ้นรนของผมจะไร้ความหมาย ผมไม่คิดแบบนั้น อย่างน้อยผมก็ไม่ได้กลายเป็นพวกคนไร้บ้าน
“ผมคิดอยู่บ่อยๆ ว่า
“ถ้าไม่เสียงาน…
“ถ้าเก็บเงินมากกว่านี้…
“ถ้าใช้จ่ายน้อยกว่านี้…
“ถ้า… เลือกได้ถูกกว่านี้ ผมจะเปลี่ยนชะตากรรมตัวเองได้รึเปล่า”
ฉากสุดท้ายคือฉากตัวเอกกลับบ้านหลังจากทำงานมาอย่างยาวนานทั้งวันแล้วย่องไปที่ห้องของลูก
เขามองลูกนอนหลับปุ๋ยใต้แสงจันทร์ท่ามกลางความมืดแล้วเข้าไปห่มผ้าให้
ในจังหวะนั้น ลูกของเขาตื่น ก่อนจะยกมือน้อยนุ่มเนียนขึ้นขยี้ตาแล้วถามออกไป “พ่อทำไมกลับดึกจัง ทำไมไม่มีเวลาอยู่กับหนูเลย”
ตัวเอกผงะไปก่อนจะลูบหัวลูก “เพราะแม่ไม่ได้ทำงาน พ่อเลยต้องตั้งใจทำงานหาเงินไงลูก”
ลูกถามขึ้นอีก “แล้วเมื่อไหร่พ่อจะว่างอยู่กับหนู”
เขาตอบ “รอพ่อหาเงินได้มากพอก่อนนะ”
เด็กน้อยตาเป็นประกาย “ถ้าหนูโตขึ้นแล้วหาเงินได้มากพอ พ่อจะมีเวลาอยู่กับหนูทุกวันใช่มั้ย
“แล้วหนูจะหาเงินได้ยังไงเหรอ”
ตัวเอกเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบ “เงินไม่ได้หล่นมาจากฟ้า ชีวิตของเราจะมีโอกาสดีขึ้นกว่าเดิมได้ก็ต่อเมื่อเราไม่พอใจกับสภาพปัจจุบัน
“เรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนความคิดแบบคนจน ตั้งใจทำงานและดิ้นรน อย่าปล่อยให้โดนคนพวกนั้นกลืนกิน
“ดิ้นรนแล้วชีวิตจะเปลี่ยน”
ดวงตากลมโตของเด็กน้อยส่องประกายใต้แสงจันทร์ขณะพยักหน้า
เกมจบลง รายชื่อผู้พัฒนาเลื่อนผ่านจอ
ภาพตอนจบคราวนี้เป็นเด็กหนุ่มกำลังขะมักเขม้นกับการเรียน ขณะเดียวกันก็มีเสียงบรรยายจากใครหนึ่งคนที่ไม่ใช่ตัวเอก
“พ่อผมบอกอยู่เสมอว่าให้เรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนความคิดแบบคนจน ตั้งใจทำงานและดิ้นรน อย่าปล่อยให้โดนคนพวกนั้นกลืนกิน
“ดิ้นรนแล้วชีวิตจะเปลี่ยน
“ผมไม่กังขาเรื่องนี้เลย”