ชุยเกิ่งไล่สายตาดูสัญญา รายละเอียดหลักๆ เป็นเรื่องสิทธิและพันธะของคอร์สนี้
ทางเว็บไซต์มีพันธะต้องจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยง ประกันและกองทุน ให้ที่พัก อาหาร ที่ทำงาน และอื่นๆ กับนักเขียน โดยมีการวางมาตรฐานเกี่ยวกับเงินเบี้ยเลี้ยง ประกัน กองทุน อาหาร และที่พักไว้
นอกจากนั้นจะมีการจัดกิจกรรมกลุ่มสิบชั่วโมงต่อสัปดาห์หรือช่วงบ่ายของทุกสองวัน
ส่วนนักเขียนมีพันธะต้องทำตามตารางที่ทางเว็บไซต์วางไว้ให้ ไม่อย่างนั้นจะโดนบอกเลิกสัญญาและถอนสิทธิในการได้รับผลประโยชน์ต่างๆ ตามสัญญา
ถัดจากนั้นเป็นรายละเอียดต่างๆ ของคอร์สอบรม
ที่ชุยเกิ่งกังวลที่สุดคือ ตามสัญญานักเขียนทุกคนจะมีตารางเวลาทำงานและพักผ่อน ในแต่ละวัน พวกเขาจะต้องนั่งโต๊ะทำงานตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงหกโมงเย็น ระหว่างนั้นจะมีให้พักกินอาหารเที่ยงหนึ่งชั่วโมงและให้พักอีกเป็นช่วงๆ
ชุยเกิ่งพอใจกับเงื่อนไขทุกข้อ แต่เงื่อนไขเรื่องเวลาทำงานทำให้รู้สึกลังเล
นักเขียนชอบเบี้ยวลงงานที่ชินกับการทำงานแค่สองถึงสามชั่วโมงต่อวันแบบเขาจะต้องมานั่งโต๊ะทำงานวันละแปดชั่วโมง
ฟังดูเป็นเรื่องยากมาก
เขากลัวว่าจะโดนเว็บไซต์ถอนสิทธิและผลประโยชน์ต่างๆ ถ้าทำไม่ได้ตามเงื่อนไข แบบนั้นคงน่าขายหน้าน่าดู
ชุยเกิ่งถามคำถามออกไป “บอสหม่าครับ ในสัญญาบอกว่าต้องทำงานแปดชั่วโมง นอกจากนั้นมีเงื่อนอะไรอย่างอื่นมั้ยครับ อย่างจำนวนคำขั้นต่ำสี่พันคำ”
หม่าอี้ฉวินส่ายหน้า “ไม่มีกำหนดจำนวนคำขั้นต่ำครับ
“งานเขียนเป็นงานสร้างสรรค์ นักเขียนทุกคนต้องมีจุดที่ตันและเขียนงานไม่ออก เราเลยตัดสินใจไม่ตั้งเงื่อนไขเรื่องจำนวนคำ”
ชุยเกิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ยังดีที่ไม่มีกำหนดจำนวนคำ!
ระหว่างทำงาน เขาจะเล่นอินเทอร์เน็ต นั่งอู้ และทำอะไรตามใจชอบก็ได้ ทีนี้เวลาแปดชั่วโมงก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนโกหก
ทางเว็บไซต์ให้ที่พักและอาหารฟรี แถมยังให้ทุกคนไปเที่ยวรอบจิงโจวเพื่อพักผ่อนเป็นครั้งคราวด้วย ได้ทั้งดื่มเที่ยวเล่นและคุยกับนักเขียนคนอื่นๆ เท่ากับว่ามาเปลี่ยนที่เล่นอินเทอร์เน็ตเฉยๆ
ไม่แน่คอมพิวเตอร์ที่ให้ใช้งานอาจจะสเป็กสูงกว่าคอมพ์ที่บ้านอีก
ถือว่าคุ้มสุดๆ
ชุยเกิ่งเปิดอ่านสัญญาต่อ พอเห็นว่าไม่มีเงื่อนไขอื่นที่ส่งผลเสียกับตัวเอง เขาก็เซ็นสัญญาด้วยความสบายใจ
“โอเคครับ เดี๋ยวเราให้คนมารับคุณไปส่งที่พัก
“เราจัดให้ทุกคนอยู่โรงแรมแถบชานเมืองเพื่อที่จะได้พักผ่อนในบรรยากาศสงบๆ เดินแค่ห้านาทีจากโรงแรมก็ถึงที่ทำงานแล้วครับ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงจะบอกว่าเป็นแถบชานเมือง แต่รับรองเลยว่าที่พักได้มาตรฐานแน่นอน”
หม่าอี้ฉวินรับสัญญามา
ชุยเกิ่งพยักหน้า “ไม่มีปัญหาเลยครับ”
พวกคนที่มาน่าจะเป็นพวกชายฉกรรจ์ ไม่น่าจะคิดอะไรมากเรื่องที่พัก ถึงที่พักจะตั้งอยู่ห่างไกลความเจริญก็ไม่น่ามีปัญหา ยังไงนักเขียนส่วนใหญ่ก็เป็นพวกติดบ้าน ไม่ชอบออกไปไหนอยู่แล้ว
…
…
วันศุกร์ที่ 14 มกราคม
แปดโมงครึ่ง ชุยเกิ่งตื่นเพราะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือ
เขากดปิดแล้วนอนต่อตามความเคยชิน
“พี่ชุย ได้เวลาตื่นแล้วนะ เมื่อคืนพี่บอกให้ผมปลุก” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านข้าง
ชุยเกิ่งนึกอะไรขึ้นได้ เขาลืมตาแล้วยันตัวขึ้นนั่ง
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บ้าน แต่อยู่ที่โรงแรม!
เมื่อวานเขากับเพื่อนนักเขียนอีกส่วนหนึ่งเช็กอินเข้าโรงแรมที่ทางเว็บไซต์เตรียมไว้ให้
บรรยากาศโรงแรมค่อนข้างดีทีเดียว ถึงจะตั้งอยู่แถบชานเมือง แต่ก็ถือว่าเป็นโรงแรมสามดาวที่มาตรฐานดี ห้องกว้างขวางสะอาดสะอ้าน มีทุกอย่างที่ผู้เข้าพักต้องการครบครัน
แต่ละห้องพักกันสองคน ชุยเกิ่งได้พักกับนักเขียนหน้าใหม่ที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปี อีกฝ่ายเรียกเขาว่า ‘พี่ชุย’ และค่อนข้างนอบน้อมทีเดียว
“ขอเวลาเตรียมตัวแป๊บเดียว!”
ชุยเกิ่งลุกจากเตียงไปแปรงฟันล้างหน้าด้วยความเร็วแสง ห้านาทีต่อมาก็แต่งตัวเรียบร้อย
ทั้งคู่กินอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นก็เดินไปที่ทำงานที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ
ช่วงบ่ายและเย็นเมื่อวาน นักเขียนในคอร์สทยอยมาทีละคนจนครบ ไม่มีใครขาด
ทุกคนเป็นนักเขียนเว็บจงเตี่ยนจงเหวินที่เคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง จึงพูดคุยทักทายกันตามมารยาท
จูซิงอันเองก็มาด้วย เขาพาทุกคนเข้าไปในออฟฟิศที่จะต้องมาเขียนงานกันทุกวัน
ออฟฟิศที่ทางเว็บไซต์เตรียมไว้ให้เป็นตึกสำนักงานใกล้โรงแรม พวกเขาเช่าห้องพื้นที่กว้างขวางและจัดโต๊ะทำงานไว้อย่างเป็นระเบียบ
บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่มีคีย์บอร์ดกลไก จอภาพขนาดใหญ่ สมุดจด และปากกาลูกลื่นที่น่าจะเตรียมไว้ให้นักเขียนจดความคิดและแรงบันดาลใจลงไป
นอกจากนั้นยังมีโต๊ะประชุมยาวอีกตัว และโซนขนมตรงข้างห้องที่มีขนมและเครื่องทำกาแฟให้บริการ
สั้นๆ คือออฟฟิศนี้มาตรฐานสูงกว่าออฟฟิศส่วนใหญ่
จูซิงอันมองดูทุกคนเดินไปนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง
“โอเคครับ ใกล้ได้เวลาแล้ว พวกคุณนั่งพักที่โต๊ะ จิบกาแฟ แล้วเริ่มคิดหาไอเดียได้
“โต๊ะทำงานผมอยู่ตรงนี้ ถ้ามีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานเขียนให้มาถามได้ตลอดนะครับ
“ทุกๆ ชั่วโมงจะมีพักเบรกสิบนาที จะมีเสียงกริ่งแจ้ง พวกคุณสามารถเดินยืดเส้นยืดสาย มองวิวด้านนอกให้หายเมื่อยได้”
ชุยเกิ่งตั้งใจเลือกโต๊ะตรงหัวมุมให้ไกลจากจูซิงอันที่สุด
โต๊ะที่เขาเลือกเป็นมุมอับสายตา จูซิงอันไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ขอแค่นั่งอู้ให้ครบแปดชั่วโมงแล้วเขียนอะไรสักสองสามชั่วโมงก็ผ่านไปได้แล้วหนึ่งวัน
ชุยเกิ่งกดเปิดเครื่องแล้วจิ้มนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเบาๆ เสียงดัง ‘กริ๊ก’ ช่างเสนาะหูยิ่งนัก
หน้าจอก็คุณภาพดี มีความคมชัดสูง แถมยังเหมือนจะลดทอนแสงสีฟ้าลงด้วย ทำให้มองแล้วรู้สึกสบายตา ไม่ปวดตัวเหมือนตอนมองจออื่นๆ
โต๊ะมีความสูงตามมาตรฐาน แต่เก้าอี้กับหน้าจอสามารถปรับความสูงต่ำได้ตามใจ
เก้าอี้เพื่อสุขภาพนั่งสบายมาก พนักเก้าอี้รองรับความโค้งของแผ่นหลังได้พอดิบพอดี ที่วางแขนสูงระนาบเดียวกับโต๊ะ พองอแขนเก้าสิบองศา ศอกจะวางอยู่บนที่วางแขนพอดี ส่วนฝ่ามือก็วางกับที่รองของแป้นพิมพ์ ช่วยให้พิมพ์ได้สบายโดยไม่รู้สึกเมื่อย
เมาส์กับหูฟังไม่ได้จำเป็นกับการเขียนนิยาย แต่ก็ใช้ของคุณภาพดีเหมือนกัน เอาเข้าจริงเป็นของมาตรฐานสูงกว่าของที่ชุยเกิ่งใช้ที่บ้านอีก
ถึงจะไม่รู้สเป็กของคอมพิวเตอร์ แต่บนเครื่องก็มีโลโก้สุดเท่เขียนว่า ‘ROF’ แปะอยู่
ในเมื่อเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะก็น่าจะมีการ์ดจอแยก คงเล่นเกมใหญ่ๆ ได้สบาย
ถึงจะเล่นเกมไม่ได้ แต่ดูซีรีส์บนจอใหญ่ๆ ก็ดีไม่แพ้กัน
“กริ๊กๆๆ”
เสียงพิมพ์แป้นดังไปทั่วห้อง ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm
ไม่นานเสียงก็ดังต่อเนื่องเร็วขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นเหมือนงานเทศกาลคีย์บอร์ดกลไก
ถ้ามีใครในห้องพิมพ์คีย์บอร์ดกลไก โดยเฉพาะตัวที่เสียงดังๆ ในห้องเงียบๆ คนคนนั้นจะไม่ต่างอะไรจากคนที่สูบบุหรี่ในห้อง ทุกคนจะสมาธิกระเจิงเพราะเสียงรบกวน
แต่ถ้าทุกคนในห้องใช้คีย์บอร์ดกลไกแบบเดียวกันก็จะเป็นเหมือนกลุ่มคนนั่งสูบบุหรี่ด้วยกัน ไม่มีใครรู้สึกเสียสมาธิเพราะเสียง แถมยังสร้างบรรยากาศเฉพาะตัวที่ทำให้รู้สึกดี
ชุยเกิ่งที่ตั้งใจว่าจะอู้งานรู้สึกว่าเสียงนี้ขัดสมาธิมาก
“โอ๊ะ เพิ่งจะนั่งได้นาทีเดียว หัวแล่นกันขึ้นมาเลยเหรอ พวกแกเป็นมนุษย์จริงรึเปล่าเนี่ย
“ช่างเถอะๆ มองในแง่ดี ถ้าเสียงพิมพ์ดังขนาดนี้คงไม่มีใครสังเกตว่าฉันอู้งาน
“หูฟังน่าจะกันเสียงรบกวนได้ดี
“ไหนขอดูสเป็กคอมพ์หน่อย…
“เชี่ย!”
สเป็กคอมพิวเตอร์ต้องสูงมากแน่ๆ ถึงเปิดเครื่องได้เร็วขนาดนี้
ชุยเกิ่งนั่งอยู่มุมสุดของห้อง เขาเดินไปหยิบขนมกับชงกาแฟแล้วเพิ่งกลับมา จึงเปิดคอมพิวเตอร์ช้ากว่าคนอื่น
ตอนแรกเขาว่าจะเข้าไปเช็กดูสเป็กเครื่องกับความเร็วอินเทอร์เน็ตหลังเปิดเครื่อง จากนั้นค่อยคิดว่าจะดาวน์โหลดเกมมาเล่นหรือดูซีรีส์ดี
แต่พอเครื่องเปิด ยังไม่ทันจะได้ขยับเมาส์ โปรแกรมเขียนนิยายก็เด้งขึ้นมาทันทีและบังทุกอย่างบนหน้าจอไปจนหมด
ชุยเกิ่ง “???”
เขามึนหัวขึ้นมาหน่อยๆ จากนั้นก็กด Alt + F4 ตามสัญชาตญาณ แต่เครื่องกลับไม่ตอบสนอง
เขาลองกด Ctrl + Alt + Delete แทน แต่คอมพิวเตอร์ก็ยังไม่ตอบสนองอยู่ดี
โปรแกรมเขียนนิยายแบบนี้มักมีฟังก์ชันล็อก พอเปิดขึ้นมาจะล็อกค้างไว้อย่างนั้นจนกว่าจะพิมพ์ได้ตามจำนวนคำที่กำหนด ไม่งั้นก็ไม่สามารถทำอะไรกับคอมพิวเตอร์ได้อีกนอกจากเขียนงาน!
คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ตั้งค่าไว้เหนือกว่านั้น พอเปิดเครื่อง โปรแกรมเขียนนิยายจะเด้งขึ้นมาทันที ถึงจะลองรีสตาร์ต โปรแกรมก็ยังเด้งขึ้นมาอัตโนมัติเหมือนเดิม
ในโปรแกรมไม่ได้กำหนดจำนวนคำไว้ หมายความว่าถ้าไม่เรียกฝ่ายเทคนิคก็ไม่สามารถออกจากโปรแกรมได้!
แน่นอนว่าโปรแกรมแบบนี้อนุญาตให้ใช้เว็บเชียนตู้ เพื่อให้นักเขียนค้นข้อมูลได้ แต่ก็จำกัดให้ใช้ค้นข้อมูลได้อย่างเดียว เล่นวิดีโอไม่ได้
ชุยเกิ่งพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมนักเขียนคนอื่นๆ เริ่มเขียนงานกันเร็วขนาดนั้น
เพราะถึงไม่อยากเขียน ก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้อยู่ดี!
ชุยเกิ่งแทบจะกระอักเลือด มีคอมพิวเตอร์สเป็กสูงกับจอใหญ่เต็มตาอยู่ตรงหน้า แต่กลับทำได้แค่เขียนนิยาย เสียของสุดๆ!
หลังจากลองอยู่หลายหน ชุยเกิ่งก็ยอมแพ้ ฝ่ายเทคนิคน่าจะจัดการกับทุกทางที่เขาคิดออกไว้หมดแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานหาทางออกได้
ในเมื่อถูกล็อกไว้แน่นหนา คิดหาทางออกไปก็เปล่าประโยชน์
คนรอบข้างกำลังรัวมือพิมพ์คีย์บอร์ดกลไก แต่ชุยเกิ่งรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษต้องโทษขังชั่วชีวิต หัวใจของเขาเย็นเยียบขึ้นมา
สมองชุยเกิ่งคิดหาทางออกไม่หยุด
ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรดีๆ ออก
“หัวหน้าบรรณาธิการ! นิยายผมมีช่วงที่ต้องดูหนังเพื่อหาข้อมูล! แบบนี้ต้องทำยังไงครับ”
ชุยเกิ่งรู้สึกดีใจขึ้นมา เป็นเหตุผลที่ดีเลย!
ในฐานะนักเขียนเว็บโนเวล เขาต้องดูหนังและเล่นเกมเพื่อหาข้อมูลมาเขียนงาน เหตุผลฟังขึ้นทีเดียว
บางช่วงในนิยายต้องดูหนัง บางช่วงต้องเล่นเกมถึงจะเขียนต่อได้
แต่คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ให้ค้นได้แค่ข้อมูล ตอบโจทย์ที่ว่าไม่ได้
ดังนั้นการถามออกไปแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมาก นักเขียนคนอื่นๆ ก็น่าจะสงสัยเหมือนกัน
ชุยเกิ่งไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่ดูคลิป หนัง หรือซีรีส์ในคอมพิวเตอร์ได้ก็พอใจแล้ว
จูซิงอันดันแว่นตรงปลายจมูกให้เข้าที่ ดูเหมือนจะเตรียมทางออกไว้ให้แล้ว เขาชี้ไปที่คอมพิวเตอร์สำรองซึ่งตั้งอยู่ข้างตัวเอง “ถ้าอยากหาข้อมูลให้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ครับ”
ชุยเกิ่ง “…”