📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 384

บทที่ 384 - สังหารศัตรูเหมือนถอนหญ้าทิ้ง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ค่ายกลสังเวยโลหิตเป็นค่ายกลโบราณที่สร้างขึ้นโดยไป๋จ่างเฮิ่น เจ้าสำนักรุ่นที่สามของหอเซียนดาบ

หากสามารถดูดซับแก่นแท้โลหิตของสัตว์วิญญาณที่แท้จริงได้ พลังของมันย่อมเพียงพอที่จะสังหารศัตรูภายใต้ขอบเขตจักรพรรดิทั้งหมดลงได้!

ยามนี้พลังของค่ายกลนี้ถูกควบคุมโดยฉู่ซิว แม้ว่าพลังจะยังไม่ถึงระดับที่แข็งแกร่งที่สุดก็ตาม แต่อำนาจของมันก็ยังน่าสะพรึงจนทำให้ถงซิงไห่ เฉิงเจิน และคนอื่น ๆ ต่างสิ้นหวัง

ทว่า ในเวลานี้ ด้วยดาบเดียว ซูอี้ได้ตัดร่างสัตว์ร้ายที่แปลงมาจากค่ายกลนี้ลง!

ไม่ต้องสงสัยว่านี่เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างยิ่ง!

โดยไม่รอปฏิกิริยาของทุกคน…

ฉึบ! ฟึบ! ฟุบ!

ขณะที่ซูอี้เหวี่ยงดาบของเขา ปราณดาบที่ก่อตัวมาจากพลังต้องห้ามที่ซ่อนเร้นก็พุ่งขึ้นและฟาดลงไปในความว่างเปล่า

สัตว์ร้ายตัวอื่น ๆ อีกสิบเจ็ดตัวที่พุ่งออกไปพลันถูกผ่าออกอย่างง่ายดายเหมือนฟองอากาศขนาดใหญ่กลายเป็นหยาดฝนโปรยลงมาจากท้องฟ้า

ตูม!

สายฝนโปรยปรายที่เกิดจากร่างของสัตว์ร้ายเหล่านั้นสลายออกไป มันได้แผ่กระจายไปดั่งพายุที่โหมกระหน่ำ

“นี่…”

“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

ถงซิงไห่ เฉิงเจิน และคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง

ส่วนฮวาซิ่นเฟิงในที่สุดก็เข้าใจในเวลานี้เอง ว่าลวดลายยันต์สีใสที่สลักไว้ที่ประตูตำหนักโดยซูอี้ก่อนหน้านี้ที่คล้ายจะไม่อาจทำลายผนึกบนประตูได้ จริง ๆ แล้วมันเป็นเสมือนกุญแจที่ทำให้ซูอี้สามารถควบคุมพลังต้องห้ามนั้นได้!

“เจ้าถึงกับสามารถใช้พลังต้องห้ามของ ‘ค่ายกลผนึกเก้าสววรค์’ ที่ ‘จักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียน’ ทิ้งไว้ได้งั้นหรือ?”

ฉู่ซิวไม่สามารถสงบใจได้อีกต่อไป ใบหน้าของเขามืดมนและไม่สงบ

เขาเคยมีโอกาสที่จะชนะ ซึ่งเชื่อว่าด้วยพลังของค่ายกลสังเวยโลหิต เขาจะสามารถกำจัดศัตรูทั้งหมดลงได้

แต่ไม่เคยคิดเลยว่าซูอี้จะสามารถปราบไพ่ตายของเขาลงได้อย่างง่ายดาย!

มันเหมือนกับโดนน้ำเย็นสาดใส่กะทันหัน ซึ่งทำให้ฉู่ซิวคาดไม่ถึง แล้วเช่นนี้เขาจะยังสงบใจอยู่ได้อย่างไร?

“ทันทีที่ข้าก้าวขึ้นไปบนบันไดหินสามสิบสามขั้น ข้าพลันตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับรูปปั้นหิน ชั่วขณะนั้นข้าก็รู้แล้วว่ารูปปั้นเหล่านั้นตกอยู่ภายใต้การควบคุมของใครบางคน”

ซูอี้กล่าวเบา ๆ “ในตอนแรก ข้ายังวางแผนที่จะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อทำลายค่ายกลตรงหน้าทีละส่วน แต่เมื่อข้าค้นพบความผิดปกติ ข้าก็เปลี่ยนใจทันที”

พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปยังฉู่ซิวที่อยู่ไกล ๆ “จากนั้นก็อย่างที่เจ้าเห็น ทำลายค่ายกลด้วยพลังของค่ายกลเอง”

เฉิงเจิน ซางลั่วอวี่ และคนอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไปต่างก็สั่นสะท้านในใจ จากนั้นพวกเขาพลันตระหนักว่าเพียงมาถึงที่นี่… ซูอี้ก็ได้มองทะลุความลึกลับมากมายและได้เตรียมพร้อมมาก่อนแล้ว!

จิตใจและวิธีการเช่นนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉู่ซิวสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ค่อยเข้าใจนัก ตามบันทึกในคัมภีร์โบราณที่ถูกทิ้งไว้ของหอเซียนดาบ ตำหนักแห่งนี้ถูกทิ้งไว้โดยผู้ก่อตั้ง ‘จักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียน’ และ ‘ค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์’ ก็สามารถเปิดใช้งานผ่าน ‘ค่ายกลสังเวยโลหิต’ ได้เท่านั้น แต่เหตุเจ้าถึงควบคุมมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้กัน?”

“เจ้าไม่เข้าใจรึ?” ซูอี้พูดอย่างสบาย ๆ

“’ค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์’ ในตำหนักแห่งนี้สมกับที่เรียกว่าเป็นค่ายกลสังหารตัวตนขอบเขตจักรพรรดิ แต่หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด พลังส่วนใหญ่ของค่ายกลนี้ก็ได้หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงแหล่งพลังเล็กน้อยสำหรับรักษาค่ายกลนี้ให้คงอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ตราบใดที่มองเห็นแก่นลึกลับของค่ายกลนี้ เพียงใช้ยันต์ก็สามารถควบคุมค่ายกลนี้ได้อย่างง่ายดายแล้ว”

“นี่… สหายเต๋าซู เจ้าคิดว่าตัวเองชนะแล้วจริง ๆ งั้นหรือ?”

ฉู่ซิวเยาะเย้ย

ทว่าซูอี้กลับตอบคำถามของอีกฝ่ายด้วยคมดาบ

ฉัวะ!

ปราณดาบที่ถูกล้อมรอบพลังต้องห้ามอันซ่อนเร้นบนท้องฟ้าฟันตรงไปทางฉู่ซิวที่อยู่ไกลออกไป

ฉู่ซิวไม่ได้หลบเลี่ยง เขาเพียงจ้องไปที่ซูอี้ด้วยดวงตาที่แจ่มชัด แล้วเอ่ยเค้นทีละคำ

“ซูอี้ เจ้าทำลายแผนการของข้า ครั้งต่อไปที่เจอกัน ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสคมดาบของข้าฉู่ซิวอย่างแน่นอน!”

เสียงนั้นยังคงก้องกังวาน ก่อนที่ทั่วร่างของเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยปราณดาบอันกว้างใหญ่

ตูม!

สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนว่าในพริบตาร่างกายของฉู่ซิวถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ จำนวนนับไม่ถ้วน

เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ ถงซิงไห่ เฉิงเจิน และคนอื่น ๆ ต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่พวกเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อตายไปแล้ว อีกฝ่ายจะพูดถึงการพบกันครั้งหน้าได้อย่างไรกัน?

ฮวาซิ่นเฟิงเองก็งงงวยพอ ๆ กันจึงถามออกไปทันที

“นี่ไม่ใช่ร่างจริงของเขา”

ซูอี้ตอบพลางเอื้อมมือออกไปคว้าจับชิ้นส่วนร่างกายฉู่ซิวซึ่งลอยคว้างอยู่กลางอากาศจากแรงระเบิด

หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าเศษซากเหล่านั้นก็คือผงเหล็กที่ถูกเผาไหม้

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชายผู้นี้ปฏิเสธที่จะลงมือตั้งแต่ต้นจนจบ กลายเป็นว่าเขาเป็นเพียง ‘หุ่นเชิด’ ที่หลอมขึ้นด้วยวิธีการลับเท่านั้น”

ซูอี้กล่าวอย่างดูถูก

“หุ่นเชิด?”

ฮวาซิ่นเฟิงตะลึงไป ก่อนพูดขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อ “คนตัวโตเช่นนี้จะกลายเป็นหุ่นเชิดไปได้อย่างไร?”

“หุ่นเชิดเช่นนี้เรียกว่า ‘หุ่นเชิดศพ’ มันเป็นทักษะเล่นแร่แปรธาตุที่สำนักปีศาจนิยมใช้ ผิวหนัง เนื้อ และกระดูกของบุคคลที่มีชีวิตจะถูกเลาะออกมาแล้วหลอมรวมเข้ากับวัตถุรวมถึงโอสถวิเศษต่าง ๆ ด้วยทักษะเฉพาะและพลังของคาถาลับ หุ่นเชิดศพที่ได้รับการหลอมจะไม่แตกต่างไปจากผู้คนที่มีชีวิตเลย”

ซูอี้พูดอย่างสบาย ๆ ก่อนกล่าว “เพื่อควบคุมหุ่น เจ้าต้องทำการตัดจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของตัวเองออกมารวมเข้ากับร่างกายของหุ่นเชิด ด้วยวิธีนี้ หุ่นเชิดจึงเป็นเหมือนร่างอวตารของตนที่รักษาไว้ซึ่งสติปัญญา จิตวิญญาณ และพลังชีวิต”

หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขาก็เอ่ยต่อว่า “ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่เผยตัว อย่าว่าแต่คนธรรมดา แม้แต่ผู้ฝึกตนเช่นข้าก็ยังแยกแยะลมหายใจของหุ่นเชิดศพได้ยาก”

หลังจากฟัง ฮวาซิ่นเฟิงก็อดถอนหายใจไม่ได้

นางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหุ่นเชิดศพมาก่อน ทว่าซูอี้ไม่เพียงรู้จัก แต่ยังคล้ายรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการสร้างหุ่นเชิดด้วย!

ฟุบ! ฟุบ!

ในเวลานี้ หรงเฮ่อและลุงอวิ๋นซึ่งอยู่ห่างออกไปพากันเผ่นหนี

ซูอี้เหลือบมองพวกเขาแล้วโบกแขนเสื้อ

ตูม!

พลังต้องห้ามพลันกวาดออกไปดุจตาข่ายขนาดใหญ่ ครอบคลุมร่างทั้งสองไว้แล้วลากพวกเขามาหาซูอี้

ถงซิงไห่ เฉิงเจิน และคนอื่น ๆ ที่วางแผนใช้โอกาสนี้หลบหนีเช่นกัน เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า หัวใจของพวกเขาก็พลันกลายเป็นเย็นยะเยือก

ก่อนหน้านี้ซูอี้ก็แข็งแกร่งพอที่จะสังหารพวกเขาทั้งหมดลงแล้ว

และยิ่งยามนี้ เขายังสามารถควบคุม ‘ค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์’ ไว้ จึงราวกับว่าชายหนุ่มได้กลายมาเป็นเจ้านายของตำหนักอันวิจิตรแห่งนี้ไปแล้ว!

คนเหล่านี้จึงหลายเป็นเสมือนปลาเนื้อบนเขียงที่ทำได้แค่รอถูกแล่เชือดเท่านั้น!

“พวกเจ้าสองคนก็เป็นผู้สิงสถิตเช่นกัน แต่กลับเต็มใจที่จะรับใช้ฉู่ซิวในฐานะเจ้านาย เป็นไปได้หรือไม่ว่า… พวกเจ้ามาจากโลกเดียวกัน?”

ซูอี้ไขว้มือไว้ข้างหลังพลางมองลงมาที่ลุงอวิ๋นกับหรงเฮ่อที่ถูกตรึงลงกับพื้น

ลุงอวิ๋นแสดงสีหน้าหวาดกลัว และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ซูอี้ ข้าแนะนำให้เจ้าปล่อยพวกเราไป ไม่อย่างนั้นเมื่อร่างแท้จริงของเจ้านายข้าปรากฏตัว…”

ไม่ทันที่จะพูดจบ เขากับหรงเฮ่อที่อยู่ข้างกายก็พากันกระอักเลือดออกมาเต็มปาก พลังชีวิตของทั้งคู่หายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นและไม่หายใจอีกต่อไป

ผู้สิงสถิตที่ทรงพลังสองคนเสียชีวิตลงอย่างฉับพลัน!

ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีคาถาต้องห้ามอยู่ในจิตวิญญาณ ลูกไม้ของฉู่ซิวผู้นี้ช่างเยี่ยมนัก”

เดิมที เขาวางแผนที่จะดึงวิญญาณของคนสองคนนี้ออกมาแล้วศึกษาที่มาของพวกเขา

แต่ตอนนี้ทำได้แค่ปล่อยไป

จากนั้น สายตาของซูอี้ก็เบนไปหาถงซิงไห่ ปีศาจงูสวรรค์เฒ่า เฉิงเจิน ซางลั่วอวี่ และคนอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไป

ในขณะนั้น สีหน้าของถงซิงไห่ และคนอื่น ๆ ต่างก็แปรเปลี่ยนราวกับว่าพวกเขาถูกจ้องมองโดยเทพเจ้าแห่งความตาย จึงพากันรู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วร่าง

“สหายเต๋าซู ข้าไม่มีความคับข้องใจหรือเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงการปฏิบัติตามคำสั่ง ถ้าสหายเต๋ายินดีมอบทางออกแก่ข้า ถงผู้นี้ยินดีที่จะสาบานด้วยชีวิตว่าจะรับใช้เจ้าในฐานะนายท่าน!”

ถงซิงไห่สูดหายใจเข้าลึกแล้วโค้งคำนับ

“ข้าเองก็เต็มใจที่จะรับใช้สหายเต๋าในฐานะเจ้านาย ยินดีบุกน้ำลุยไฟ และทำทุกอย่างเพื่อนายท่าน!”

ปีศาจงูสวรรค์เฒ่าเองก็ตื่นตระหนกและรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

จอมมารที่ดุร้ายและทรงพลังสองตนนี้ ยามเผชิญหน้ากับซูอี้ในเวลานี้ พวกเขากลับเป็นเสมือนไก่สองตัวที่หวาดกลัวจนตัวสั่น

“พวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นลูกน้องของซูผู้นี้”

ซูอี้พูดอย่างใจเย็น

“ร่วมมือกันจัดการเขา!”

ดวงตาของถงซิงไห่เป็นประกายดุร้าย เขาตะโกนก้องพลางกวัดแกว่งหอกเข้าสังหารซูอี้

ในเวลาเดียวกัน ปีศาจงูสวรรค์เฒ่าก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เพียงแต่เขาวิ่งหนีไปไกลลิบ เห็นได้ชัดว่าคิดที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้หลบหนี

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้

เป๊าะ! เป๊าะ!

เขาดีดนิ้ว

ปราณที่ห่อหุ้มนิ้วพุ่งออกไปดั่งศร ตรงเข้าเจาะที่หว่างคิ้วของถงซิงไห่ ทิ้งไว้ซึ่งรอยรูเปื้อนเลือด และร่างนั้นก็ล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังตุ้บ …ถูกสังหาร!

ส่วนปราณจากอีกนิ้วหนึ่งก็แทงทะลุด้านหลังปีศาจงูสวรรค์เฒ่า ทะลุผ่านหัวใจของอีกฝ่าย ก่อให้เกิดสายฝนสีแดงฉานขึ้น

สังหารศัตรูด้วยการดีดนิ้ว!

ไม่ว่าจะเป็นทั้งถงซิงไห่ที่วางแผนจะทุ่มสุดตัว หรือปีศาจงูสวรรค์เฒ่าที่คิดฉวยโอกาสหลบหนี พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกฆ่าตายคาที่ดุจมดปลวก

ฉากนองเลือดอันน่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้เฉิงเจิน ซางลั่วอวี่ และคนอื่น ๆ ที่เหลือรอดอยู่รู้สึกเหน็บหนาวอย่างสมบูรณ์ ต่างคนต่างรู้สึกสิ้นหวังอย่างไม่สามารถควบคุมได้

เดิมซูอี้ก็ทรงพลังมากอยู่แล้ว แต่ในเวลานี้เขายังสามารถควบคุมพลังของค่ายกลได้อีก ดังนั้นอย่าหวังเลยว่าจะมีหนทางเอาชนะ!

“แล้วเจ้าเล่า ยังต้องการพูดอะไรอีก?” ซูอี้มองไป

เฉิงเจินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน แล้วพูดขณะก้มหัวลง “สหายเต๋าซู ประสกจะลงมือไม่ได้อีกแล้ว หากยังลงมือประสกจะต้องรับผลที่ตามมา แต่หากประสกเต็มใจเก็บมีดสังหารลง หลวงจีนผู้นี้สามารถใช้ชีวิตของตนสาบานได้ว่าต่อจากนี้ไป วัดซ่างหลินจะไม่เป็นศัตรูกับประสกอีกต่อไป!”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองดูซูอี้อย่างสงบ “แต่ถ้าสหายซูยืนยันจะลงมือ ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องทนทุกข์จากความเกลียดชังและการแก้แค้นไม่รู้จบจากวัดซ่างหลินของข้าในอนาคต”

ข้างหลังเขามีหลวงจีนวัยกลางคนสองคนยืนอยู่ ทั้งหมดมองมาที่ซูอี้ รอให้ชายหนุ่มตัดสินใจ

แต่กลับเห็นเพียงซูอี้แค่นเสียงเย็น และใช้สายตาเย้ยหยันจ้องมองกลับมาขณะกล่าว “ตราบใดที่พวกเจ้าวัดซ่างหลินไม่กลัวที่จะถูกทำลาย ก็สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”

ไม่ทันพูดจบ เขาก็โบกแขนเสื้อ ทำให้พลังจากค่ายกลก่อตัวเป็นแสงระยิบระยับปกคลุมเฉิงเจินและพวกไว้

ในชั่วพริบตา ศัตรูเหล่านี้ก็ถูกทำลายลง วิญญาณแตกซ่าน ง่ายดายราวการปอกหัวหอม

ท้ายที่สุดก็เหลือเพียงซางลั่วอวี่เท่านั้น

ใบหน้าที่เย็นชาและงดงามซีดขาว คิ้วและดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตัวนางไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งและโอหังอย่างที่เคยมีอีกต่อไป

ข้างหลังนาง ดาบโบราณเทียนเซี่ยส่งเสียงคำรามและสั่นสะเทือนคล้ายสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุกคาม

เมื่อซูอี้มองดูนาง ซางลั่วอวี่ก็รู้สึกกลัวมากจนชักดาบออกมาและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

“ซูอี้ ข้ายอมรับว่าข้าเคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุ ถ้าเจ้าลองคิดดูจริง ๆ มันไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งระหว่างเจ้ากับข้า เหตุใดเจ้าจึงไม่ปล่อยข้าไปกัน?”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset