📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 153

บทที่ 153 - หญิงสามคนอยู่รวมกันช่างวุ่นวาย
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลังจากเหวินหลิงเสวี่ยตื่นแต่เช้าตรู่ เดิมทีนางแต่งหน้าแต่งตัวเป็นพิเศษ ตั้งใจจะไปหาซูอี้ก่อนเที่ยงเพื่อทานข้าวกับเขา

ทว่าการตัดสินใจของจู้กู่ชิง ทำให้นางรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ขณะที่คิดอยู่ เด็กสาวก็เอ่ยเสียงต่ำ “ผู้อาวุโส ก่อนออกเดินทางข้าขอไปพบคนผู้หนึ่งก่อนได้หรือไม่?”

จู้กู่ชิงพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ทว่าเพราะการออกเดินทางครานี้นับเป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

“นี่…” เหวินหลิงเสวี่ยลังเลชั่วครู่หนึ่ง และพยักหน้า

ไม่นาน นางก็เก็บของพร้อมแล้ว

ก่อนเป็นจู้กู่ชิงที่เอ่ยขึ้นคล้ายนึกขึ้นได้ “ใช่แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงสำนักดาบชิงเหอ ข้าได้เอ่ยปากเรื่องของเจ้ากับมู่ชางถูแล้ว”

“ข้าไม่ได้อาลัยอาวรณ์อะไรต่อสำนักดาบชิงเหอ และคนที่ข้าอยากพบก็ไม่อยู่ที่นี่” เหวินหลิงเสวี่ยส่ายหน้าเบา ๆ

นางเพิ่งเข้าร่วมสำนักดาบชิงเหอได้ไม่นาน เรื่องราวและคนของที่นี่ …สำหรับนางแล้ว ก็เหมือนกับจอกแหนที่ไหลไปตามน้ำ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไปพบคนที่เจ้าอยากจะพบ จากนั้นก็ออกเดินทาง ว่าอย่างไร?”

จู้กู่ชิงพิจารณาและเอ่ยขึ้น

เหวินหลิงเสวี่ยพยักหน้า แค่คิดว่าจะต้องแยกจากพี่เขย นางก็รู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย

ไม่นาน เด็กสาวก็ได้สติกลับมา ด้วยคิดได้… ว่าตนไม่ควรให้ผู้เป็นพี่เขยเห็นตัวเองไม่มีความสุข เพราะมันจะทำให้เขาเป็นห่วง!

เมื่อเดินทางออกจากสำนักดาบชิงเหอ จู้กู่ชิงเห็นเหวินหลิงเสวี่ยกระสับกระส่ายเล็กน้อย และทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่จึงเอ่ยถาม “หลิงเสวี่ย หรือว่าคนที่เจ้าอยากพบคือคนที่เจ้าหมายปองหรือ?”

ได้ยินดังนั้น เหวินหลิงเสวี่ยพลันใบหน้าค่อย ๆ แดงอย่างไม่อาจควบคุม “ผู้อาวุโส ข้าจะไปพบพี่เขย”

จู้กู่ชิงตกใจชั่วครู่หนึ่ง และเอ่ยขึ้น “เป็นชายหนุ่มที่แต่งเข้ามาในตระกูลเหวินของพวกเจ้าหรือ?”

“ถูกต้อง”

เหวินหลิงเสวี่ยเอ่ยขึ้นเสียงเบา “พี่เขยดูแลข้าเป็นอย่างดี วันนี้เขาก็อยู่ที่มหานครอวิ๋นเหอ”

น้ำเสียงคล้ายอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย

จู้กู่ชิงขมวดคิ้วแน่น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าเขาสูญเสียการฝึกฝน และกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้วรึ? ทั้งยังเป็นลูกเขยที่ฐานะช่างต่ำต้อยเหลือเกิน แม้แต่พี่สาวเจ้าในวันนี้ยังอยากจะยุติการแต่งงานที่น่าอัปยศนี่ เหตุใดเจ้าถึงยังสนิทสนมกับเขา?”

เหวินหลิงเสวี่ยนิ่งไปพักหนึ่ง นางเข้าใจดีถึงอคติของจู้กู่ชิงที่มีต่อซูอี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโส พี่เขยข้าดีกับทุกคนมาก และการฝึกฝนของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาแล้ว ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์อย่างเช่นเมื่อกาลก่อนอีกแล้ว”

เมื่อได้ฟังเหวินหลิงเสวี่ยแก้ต่างให้ซูอี้ จู้กู่ชิงก็อดถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่ได้ นางเอ่ย “ไม่รู้ว่าเจ้าหลงเสน่ห์ของซูอี้หรือไร ถึงได้ช่วยพูดแทนเขาเช่นนี้”

ฉับพลันนั้น ใบหน้าที่เยือกเย็นและสวยงามของนางเปลี่ยนเป็นจริงจัง “หลิงเสวี่ย ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโส ข้าขอเตือนเจ้าสักอย่าง ความจริงนั้นโหดร้าย พี่สาวเจ้ากับซูอี้ไม่มีทางเข้ากันได้ สิ่งที่เจ้าควรทำ ไม่ใช่เห็นใจและสงสารซูอี้ แต่ต้องขีดเส้นแบ่งเขตให้ชัดเจนกับเขา”

ไม่รอให้เหวินหลิงเสวี่ยเอ่ยแย้ง ใบหน้านางเผยความเย็นชาออกมาเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น แม้การฝึกฝนเขาจะฟื้นฟูกลับมาแล้วอย่างไร? ถึงอย่างไรชั่วชีวิตนี้ก็เทียบกับพี่สาวเจ้าไม่ได้”

“และในไม่ช้าเจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์ตำหนักเทียนหยวน ฐานะและตำแหน่งนั้นสูงล้ำจนซูอี้เทียบไม่ได้ หากเจ้าให้เขาเข้ามาพัวพันไม่หยุด มันรังแต่จะทำร้ายตัวเจ้าเอง”

เมื่อฟังจบ ความโมโหภายในใจเหวินหลิงเสวี่ยก็พรั่งพรูออกมาจนพูดไม่ออก น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นเย็นชาในฉับพลัน “ผู้อาวุโส นี่คือความเห็นของท่าน แต่ไม่ใช่ความเห็นของข้า”

จู้กู่ชิงตกตะลึง ไม่คิดว่าเหวินหลิงเสวี่ยที่ดูเหมือนเชื่อฟังจะกล้าตอกกลับผู้อาวุโสเช่นนี้

ไม่นาน จู้กู่ชิงก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเอ็นดู นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เจ้ายังเด็กนัก จึงยังไม่รู้จักความชั่วร้ายของจิตใจคน หากจะโกรธก็พอเข้าใจได้ เพียงแต่หลังจากนี้ไป เจ้าก็จะเข้าใจความหวังดีของข้าเอง”

เหวินหลิงเสวี่ยไม่พูดอะไร

จู้กู่ชิงตบไหล่สาวน้อยเบา ๆ และเอ่ยเสริม “พอแล้ว อย่าโมโหไป ข้าจะไปพบเขาเป็นเพื่อนเจ้า และหากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าก็ฟังพี่สาวเจ้าพูดถึงเขามาบ้างเป็นบางครั้ง ทว่าในส่วนของรูปลักษณ์และนิสัย ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจอย่างแท้จริงนัก”

อารมณ์ของเหวินหลิงเสวี่ยดีขึ้นมาไม่น้อย “ผู้อาวุโส รอท่านได้พบกับพี่เขยข้าก่อน ท่านจะต้องเปลี่ยนความคิดของท่านแน่”

“งั้นรึ? เช่นนั้นข้าจะตั้งหน้าตั้งตารอแล้วกัน” จู้กู่ชิงไม่ได้สนใจอะไร นางเอ่ยตอบแบบขอไปที

สำหรับนางที่เป็นถึงปรมาจารย์ เว้นเสียแต่จะเจอกับคนหนุ่มสาวมากฝีมือ คนนอกเหนือจากนั้นล้วนไม่ควรค่าให้นางใช้สายตาแลมอง

เหวินหลิงเสวี่ยไม่เอ่ยอะไรอีก

จู่ ๆ นางก็นึกคำพูดที่พี่เขยเคยพูดก่อนหน้า ว่ายิ่งกล้าแกร่ง ยิ่งตำแหน่งสูงล้ำ ทิฐิย่อมเติบใหญ่ตามเป็นเงา ทำให้คนพวกนั้นพาลคิดว่าตนเองถูกต้องดีงาม และไม่สามารถหลีกเลี่ยงความอคติที่มีต่อผู้อื่นได้

พอคิดขึ้นมาดูแล้ว มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

จู้กู่ชิงเป็นผู้อาวุโสแห่งตำหนักเทียนหยวนที่สง่าผ่าเผย เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วเขตปกครองอวิ๋นเหอ ในสายตาคนส่วนใหญ่จากเมืองกว่างหลิง นางราวกับเป็นเทพมังกรที่ต้องแหงนหน้ามองก็ไม่ปาน

แต่ทัศนคติของนางที่มีต่อพี่เขย ไม่ใช่เป็นการแสดงทิฐิและความอคติอย่างหนึ่งหรอกหรือ?

“จากนี้ไป ข้าจะไม่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้อย่างเด็ดขาด…” เหวินหลิงเสวี่ยพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

ไม่รู้ว่าตลอดทางที่ทั้งสองเดินไปนั้นได้ดึงดูดสายตาผู้คนไปมากเท่าไร

เดิมเหวินหลิงเสวี่ยที่งดงามสดใส เพิ่งเข้าสำนักดาบชิงเหอได้ไม่นาน ก็ได้รับสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง

และจู้กู่ชิงยิ่งมีเสน่ห์ ผมขาวราวหิมะ นัยน์ตาที่ใสราวกับน้ำแข็ง และหน้าตาที่เยาวัยคล้ายอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ ผนวกกับชุดกระโปรงยาวที่สวยเรียบหรู มันยิ่งเสริมให้ดูดีขึ้นโดยปริยาย

เมื่อสาวงามทั้งสองเดินเคียงข้างกัน จะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง… ก็พอจะจินตนาการได้

หากไม่ใช่เพราะลมปราณบนร่างจู้กู่ชิงที่เยือกเย็นและทำให้คนกลัวเกินไป เกรงว่าคงจะมีคนเข้ามาชวนคุยนานแล้ว

แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้ตรอกน้ำเต้าอย่างช้า ๆ ภาพที่คุ้นเคยราวกับเคยรู้จัก ทำให้จู้กู่ชิงอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ นางพลอยนึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่เจ็บปวดครานั้น

“พี่เขยเจ้าพักอยู่ที่ใด?” จู้กู่ชิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

“ตรอกน้ำเต้าที่อยู่ด้านหน้านั้น” เหวินหลิงเสวี่ยชี้ไปข้างหน้าɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm

“เป็นตรอกน้ำเต้าจริง ๆ…”

สีหน้าจู้กู่ชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อวานนางโมโหชายผู้หนึ่งที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้แทบตาย!

“ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” เหวินหลิงเสวี่ยรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่แปลกไปเล็กน้อยของจู้กู่ชิง

“ข้าไม่เป็นอะไร”

จู้กู่ชิงระงับอารมณ์ใจร้อนเอาไว้ ส่ายหน้าไปมา พลางคิดว่าตนจะไม่พูดเรื่องเมื่อวานออกมาให้เผยความอัปยศของตัวเองหรอก

จนกระทั่งนางเดินตามเหวินหลิงเสวี่ยเข้าไปในตรอกน้ำเต้า และเมื่อค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เรือนเงียบสุขสงบทีละก้าว จู้กู่ชิงก็พลันรู้สึกถึงลางสังหรณ์ใจไม่ดี

นางอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ “หลิงเสวี่ย เจ้าบอกกับข้าสิว่าพี่เขยเจ้ามีรูปร่างหน้าตาอย่างไร และลักษณะภายนอกมีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษบ้าง”

เหวินหลิงเสวี่ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ “ใกล้จะถึงบ้านพี่เขยแล้ว เมื่อผู้อาวุโสเห็นก็จะรู้ได้ทันที”

จู้กู่ชิงกลุ้มใจไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ไม่สืบถามใด ๆ อีก

“ต้องไม่ใช่เจ้าเด็กคนนั้นแน่ ไม่เช่นนั้น ด้วยฝีมือของเขา เขาจะเป็นคนอัปยศที่แต่งเข้ามาเป็นลูกเขยได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น หากแต่งงานกับชายหนุ่มเช่นนี้ หลิงเจาคงจะไม่ขัดแย้งและขับไล่เช่นนี้สิ…”

จู้กู่ชิงคลายความกังวลใจอย่างเงียบ ๆ

ชั่วขณะนั้น เหวินหลิงเสวี่ยก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และเคาะประตูใหญ่ลานบ้านของเรือนเงียบสุขสงบ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

มันเป็นเสียงเคาะประตูเบา ๆ เท่านั้น แต่เมื่อจู้กู่ชิงได้ยิน ในใจกลับระเบิดอารมณ์ออกราวกับเสียงฟ้าร้อง ทั่วร่างแข็งทื่อ ใบหน้าที่งดงามพลันเปลี่ยนไป

เป็นที่ที่ชายหนุ่มคนนั้นพักอยู่จริง ๆ ด้วย!

นางรู้สึกเห็นท่าจะไม่ดี

แกร็ก แอ๊ด

ประตูบ้านเปิดออก ฉาจิ่นที่อยู่ด้านในกับเหวินหลิงเสวี่ยที่อยู่ด้านนอกล้วนนิ่งอึ้งไป

เหวินหลิงเสวี่ยเกือบจะคิดว่านางมาผิดที่เสียแล้ว

ฉาจิ่นตกใจอยู่เงียบ ๆ สตรีที่อยู่ตรงหน้างดงามเกินไป ดวงตามีประกายสว่างไสว กลิ่นอายความสวยงามและความอ่อนเยาว์บนร่าง ทำให้แม้นางที่เองก็เป็นอิสตรียังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกได้ถึงความสดใส

“แม่นางมาหาใครหรือ?” ฉาจิ่นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง

“ข้ามาหาพี่เขย”

ขณะที่เหวินหลิงเสวี่ยพูด นางก็สอดส่องมองเข้าไปในลานบ้าน ซึ่งภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ายังเป็นภาพที่เห็นเมื่อตอนนั้น แต่ทว่าไม่เห็นหวงเฉียนจวิน เฝิงเสี่ยวเฟิง และคนอื่น ๆ

และก็ไม่เห็นซูอี้เหมือนอย่างเช่นเคย

“พี่เขยเจ้า?”

ฉาจิ่นตกใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอริอาจถามแม่นาง พี่เขยเจ้าเป็นใครกัน?”

“เป็นข้าเอง”

ในขณะนั้น ประตูห้องบนลานบันไดหินก็เปิดออก มีเงาสูงชันร่างหนึ่งก้าวเดินออกมา

ใบหน้าเหวินหลิงเสวี่ยพลันยิ้มขึ้นมาทันที โบกมือและเอ่ยขึ้น “พี่เขย ข้าคิดว่ามาผิดที่ซะแล้ว!”

ตูม!

เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับของซูอี้ ราวกับมีเสียงสายฟ้าฟาดดังก้องอยู่ในหู ความหวังอันน้อยนิดสุดท้ายที่อยู่ในใจจู้กู่ชิงแตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง

“ปะ… เป็นชายหนุ่มคนนั้นจริงเสียด้วย? เป็นไปได้อย่างไร? แค่คนต่ำต้อยคนหนึ่งที่แต่งงานเข้ามา จะมีพลังขนาดสังหารตัวตนระดับปรมาจารย์ได้อย่างไรกัน และยังสามารถพูดคุยหัวเราะกับจวิ้นอ๋องแห่งอู่หลิงได้อีก?!”

จู้กู่ชิงมึนงง

ในขณะเดียวกัน ฉาจิ่นก็ตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้

ในเมื่อซูอี้คือพี่เขยของเด็กสาวผู้นี้ เช่นนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกัน ซูอี้แต่งงานแล้วหรือ??

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจฉาจิ่นพลันมึนงงสับสนจนอธิบายอะไรไม่ได้

“สถานที่อาจดูผิดแปลก แต่คนไม่ผิด” ซูอี้เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

เห็นได้ชัดว่าวันนี้เด็กสาวตั้งใจแต่งตัวมาเป็นพิเศษ ดวงตาที่เป็นประกายสดใส สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อน เผยร่างที่เพรียวบางและงดงามออกมา

แต่เมื่อซูอี้เหลือบสายตาเห็นจู้กู่ชิง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่อีก?”

คำพูดไม่มีความสุภาพเลยสักนิด

ฉาจิ่นที่กำลังครุ่นคิดบางอย่างพลันได้สติขึ้นมา ก่อนสังเกตเห็นจู้กู่ชิงที่อยู่ไม่ไกล นัยน์ตาคู่งามจ้องมองไปที่อีกฝ่ายทันที

แล้วนี่คือใครอีก?

วันนี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงได้มีผู้หญิงที่งดงามทยอยกันมาหาถึงบ้านทีละคน?

เมื่อได้ยินคำพูดที่ทั้งเย็นชาและประหลาดใจของซูอี้แล้ว จู้กู่ชิงก็รู้สึกราวถูกยั่วยุ ใบหน้าที่งดงามเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นฉับพลัน “ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่าเจ้าคือลูกเขยแต่งเข้ามาในตระกูลเหวินคนนั้น”

น้ำเสียงมีแววถากถางแฝงไว้อยู่

ซูอี้เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็น “เป็นเขยแต่งเข้าบ้านแล้วอย่างไร อย่าคิดว่าเจ้าเป็นอาจารย์ของเหวินหลิงเจาแล้วข้าจะไม่กล้าไร้มารยาทกับเจ้า หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองยั่วยุข้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งสิ”

เหวินหลิงเสวี่ยรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “พี่เขย ท่านเคยพบท่านอาวุโสจู้มาก่อนหรือ?”

จู้กู่ชิงหัวใจเต้นรัว กังวลว่าซูอี้จะพูดเรื่องเมื่อวานออกมา จึงแย่งเอ่ยขึ้นก่อน “หลิงเสวี่ย นี่คือความแค้นส่วนตัวระหว่างข้ากับเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า อย่าเข้าไปยุ่ง”

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เหวินหลิงเสวี่ยกลับรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรซ่อนอยู่ ด้วยสีหน้าของจู้กู่ชิงไม่สบายใจ คล้ายกับรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

พี่เขยทำอะไรกับผู้อาวุโสกันแน่ ถึงทำให้นางอายที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา?

เหวินหลิงเสวี่ยเผยความอยากรู้อยากเห็นออกมาภายในใจ

“คำพูดนี้ของเจ้าไม่เลวเลย หากให้หลิงเสวี่ยเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างข้ากับเจ้า ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้าจะได้ชดใช้ในสิ่งที่เจ้าไม่สามารถชดใช้ได้” ซูอี้เอ่ยเสียงเย็นชา

“เจ้า…”

ใบหน้าจู้กู่ชิงขาวซีด นางโมโหจนดวงตาที่ใสปกคลุมไปด้วยโทสะ ชายหนุ่นผู้นี้ไม่รู้เลยสักนิดว่าอะไรคือการเคารพผู้อาวุโส ช่างไม่เจียมตัวเสียจริง!

ไม่ไกลนัก ฉาจิ่นที่มองซูอี้และจู้กู่ชิงที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แววตาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแปลกใจขึ้นมาทันที

ไม่ว่านางจะมองอย่างไร มันก็เหมือนกับการทะเลาะกันระหว่างคู่รัก และไหนจะบรรยากาศกีดกันคล้ายไม่ให้คนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสองคนอีก…

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset