“แม่ฉันอยากเจอคุณค่ะ!”
เมื่อได้รับข้อความนี้จากฉินเยว่ เฉินชางพลันรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งตื่นเต้น เคร่งเครียดและสับสน แต่ละอารมณ์แปรเปลี่ยนไปภายในสามวินาที
เป็นสามวินาทีที่ยาวนานมากสำหรับเฉินชาง!
ยาวนานจนเขาคิดไปไกลแล้วว่าตอนเจอหน้ากันจะเรียกว่าคุณน้า หรือจะเรียกว่าแม่ไปเลยดี!
ยาวนานจนเขาคิดทบทวนไปแล้วว่าควรเอาคะแนนไปแลกเคล็ดวิชา ‘ทำอย่างไรให้พ่อตาแม่ยายมีความสุข’ ดีหรือไม่ จากนั้นก็รีบฝึกให้ถึงขั้นปรมาจารย์
ยาวนานจนคิดไปถึงว่า หากมีลูกจะให้พ่อตาแม่ยายเลี้ยง หรือจะให้พ่อแม่ตัวเองเลี้ยง
เหนื่อยใจจริง…
สามวินาทีผ่านไป เฉินชางจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ยังไม่รู้ว่าจะตอบกลับข้อความอย่างไรดี!
ทำได้แต่ส่งอีโมติคอนสีหน้าหวาดกลัวกลับไป
ฉินเยว่ที่นั่งอยู่บนโซฟาหัวเราะไปสิบนาทีเต็มๆ
สมองของเธอคิดไปถึงสภาพอารมณ์ของเฉินชางแล้ว แค่คิดถึงใบหน้าสับสนมึนงงของเขา ฉินเยว่ก็แทบจะหัวเราะออกมา
จี้หรูอวิ๋นเห็นลูกสาวนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟาอย่างไร้ความเป็นกุลสตรีก็อดถอนใจไม่ได้
เด็กคนนี้นี่ ในที่สุดก็มีคนต้องการแล้วสินะ ถ้าฉันเจอพ่อหนุ่มคนนั้นคงต้องปลอบใจสักหน่อยแล้ว จะไม่พูดถึงเรื่องซื้อบ้านเด็ดขาด ขอแค่รถคันเดียวก็พอ!
แต่เมื่อคิดไปว่าหลังแต่งงานแล้วเยว่เยว่อาจเผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้เห็น เสี่ยวเฉินคงไม่ตกใจหรอกนะ!
ถ้าอีกฝ่ายอยากคืนเจ้าสาว…คงขายหน้าคนอื่นแย่!
คิดถึงตรงนี้ จี้หรูอวิ๋นก็กำชับเสียงแผ่ว “ฉินเยว่ นั่งให้ดี! ดูท่าทางเข้าสิ เหมือนคนไร้สติยังงั้นแหละ…ดูผมลูกสิ รังนกยังดูดีกว่าเลย”
ฉินเยว่ไม่สนใจ กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ไม่หรอกค่ะ!”
จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ “ไม่กลัวเสี่ยวเฉินคนนั้นรู้ธาตุแท้ของลูกแล้วจะไม่ต้องการลูกหรือไง!”
ฉินเยว่ชะงักไปทันที แต่เมื่อคิดดูอีกครั้งก็ตะโกนไปว่า “เขากล้าเหรอ!”
แต่เสียงเธอไม่เข้มเหมือนก่อนหน้านี้จนเห็นได้ชัด มันแฝงไปด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็มองมือถือด้วยสีหน้ากังวล จากนั้นจึงหยิบขึ้นมาส่งข้อความไปว่า “อยู่บ้านต้องฟังใคร”
ตอนนี้เฉินชางกำลังเสิร์ชหาไป๋ตู้ว่าจะเอาใจพ่อตาแม่ยายอย่างไร จู่ๆ ก็ได้รับข้อความนี้ ทำให้ชะงักไปทันที
หมายความว่าอะไร
หรือว่า…พ่อตาแม่ยายหยิบโทรศัพท์มาเล่น
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รีบสลัดความคิดเกี่ยวกับการประชุมเมื่อครู่นี้ให้ออกไปจากสมอง รีบทำความเข้าใจให้ทะลุปรุโปร่ง พลันรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างคล้ายกับเข้าสู่สภาวะตรัสรู้!
“ใครสวยก็ฟังคนนั้นครับ!”
เมื่อฉินเยว่ได้รับข้อความก็หัวเราะออกมาทันที “แม่คะ มานี่สิคะ หนูจะให้แม่ดูข้อความ”
พูดไปพลางดึงแขนจี้หรูอวิ๋นให้มานั่งบนโซฟาด้วยกัน จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “แม่ ดูสิคะ!”
จี้หรูอวิ๋นรับโทรศัพท์มาด้วยความสงสัย หลังจากอ่านข้อความจบก็หัวเราะออกมาทันที
พ่อหนุ่มคนนี้มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูงจริงๆ
สองแม่ลูกพากันหัวเราะร่า
ตอนนี้ฉินเสี้ยวหยวนกำลังรินชา เพิ่งชงเสร็จก็เดินเข้ามา เห็นสองแม่ลูกหัวเราะ]อย่างเบิกบานเช่นนั้นก็รีบถามอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือ ถึงได้หัวเราะกันขนาดนี้!”
จี้หรูอวิ๋นเกิดกระตือรือร้นขึ้นมาโดยพลัน “เหล่าฉิน ตอนอยู่บ้านต้องเชื่อฟังใคร!”
ฉินเสี้ยวหยวนตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “แน่นอนว่า…ใครมีเหตุผลที่สุดก็ต้องฟังคนนั้น!”
พูดจบ จู่ๆ ฉินเสี้ยวหยวนก็รู้สึกว่าอุณหภูมิรอบๆ ลดลง เย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง หนังศีรษะชาวาบ กระทั่งอากาศก็ยังดูหม่นหมองลง!
ทันใดนั้นสีหน้าเหล่าฉินก็เปลี่ยนไปโดยพลัน ประสบการณ์ทางคลินิกหลายปีที่ผ่านมากำลังบอกเขาว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาของการพลิกลิ้น!
“แต่ส่วนใหญ่คุณมีเหตุผลที่สุดแล้วครับ!”
จริงดังคาด เมื่อกล่าวจบ อุณหภูมิห้องก็คล้ายจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่…เทียบกับตอนแรกก็ยังเย็นยะเยือกกว่าอยู่ดี
จี้หรูอวิ๋นจ้องเขม็งมาที่ตน ทำเอาฉินเสี้ยวหยวนสับสน
ยังไม่พออีกเหรอ
ส่วนฉินเยว่กลั้นขำจนสมองแทบระเบิดแล้ว!
แต่ด้วยสภาพในตอนนี้ จะหัวเราะออกมาไม่ได้เด็ดขาด ทำได้แค่ฮึบไว้!
ฮึบไว้ ฮึบไว้! แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนระเบิดหัวเราะออกมา
จี้หรูอวิ๋นแค่นเสียงเย็น!
“ไม่รู้จักพูดเอาซะเลย!”
เหล่าฉินยิ้มแห้งๆ “ยังไม่พอใจอีกเหรอครับ!”
จี้หรูอวิ๋นพูดกับฉินเยว่ว่า “เยว่เยว่ บอกพ่อซิว่าเสี่ยวเฉินพูดยังไง!”
ฉินเยว่ยิ้มจนตาหยี “เฉินชางบอกว่าใครสวยก็ฟังคนนั้น!”
จี้หรูอวิ๋นเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ดังใจก็ต้องทอดถอนใจออกมา ดูสิว่าคุณพูดอย่างไร “ใครมีเหตุผลก็ฟังคนนั้นหรือ! เหอะ ทำไมฉันรู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่เข้าหูเลย”
ฉินเสี้ยวหยวนตาค้าง อดหัวเราะไม่ได้ ไอ้หนุ่มนี่ปากหวานจนเลี่ยน รู้จักประจบประแจงเสียด้วย!
ตอนนี้ฉินเสี้ยวหยวนยังไม่ยอมละทิ้งนิสัยหนุ่มใหญ่ของตน รีบยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเราเป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว จะพูดจาเล่นลิ้นแบบนี้กันไปทำไมครับ ใช่ไหม”
“อีกอย่าง คนเราก็ต้องแก่ตัวลง!”
พูดจบพลันเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง!
จี้หรูอวิ๋นแค่นเสียงเย็น “ค่ะ! ฉินเสี้ยวหยวน ฉันรู้แล้ว คุณรังเกียจที่ฉันแก่สินะ ฉันยังไม่รังเกียจที่คุณไม่หล่อเลย แต่นี่คุณรังเกียจที่ฉันแก่!”
ตอนนี้ฉินเยว่รีบดึงแขนจี้หรูอวิ๋นเอาไว้ “แม่คะ อย่าไปฟังพ่อเขาเลย แม่เหมือนคนอายุห้าสิบที่ไหนกัน ผิวยังดีอยู่เลยค่ะ!”
ขณะพูดก็ขยิบตาให้เหล่าฉิน เหล่าฉินก็ไม่ใช่คนโง่ รีบถือกาน้ำชาเดินไปที่ห้องหนังสือทันทีโuเวลกูดอฺทคอม
จี้หรูอวิ๋นถอนใจออกมา อดพูดไม่ได้ว่า “แก่แล้ว รอยเหี่ยวย่นบนหน้าก็มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เฮ้อ…”
ขณะพูดก็หยิบกระจกเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟขึ้นมา ขมวดคิ้วมุ่น ลูบไปที่รอยย่นบนใบหน้าและรอยตีนกาบริเวณหางตาพลางทอดถอนใจออกมา
ฉินเยว่ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที “แม่คะ มีรอยเหี่ยวย่นแล้วจะกลัวอะไร หนูได้ยินว่าปัจจุบันเรากำจัดรอยเหี่ยวย่นที่คลินิกศัลยกรรมได้แล้ว เจ็บน้อยด้วย แทบมองไม่ออกว่าผ่านมีดหมอมาเลย ใช้เทคนิคการปรับแต่งกล้ามเนื้ออะไรพวกนี้ก็ได้ค่ะ เท่านี้ก็กำจัดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวบนใบหน้าได้แล้ว ทั้งยังให้ประสิทธิภาพดีเยี่ยม ว่ากันว่าไม่มีผลข้างเคียงด้วย! ไม่ทำลายเส้นประสาทบนใบหน้าแน่นอน”
พูดจบจี้หรูอวิ๋นก็ใจเต้นขึ้นมาทันที!
“จริงหรือเปล่า”
ฉินเยว่กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “จริงแท้แน่นอนค่ะ หนูจะหลอกแม่ไปทำไม เดี๋ยววันหลังหนูพาแม่ไปที่คลินิกศัลยกรรมเอง พวกเราลองไปถามดูสักหน่อยเป็นไงคะ”
ในดวงตาของจี้หรูอวิ๋นเต็มไปด้วยความคาดหวัง เกิดความสนอกสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว เธอพยักหน้าตอบ “ดี”
ผู้หญิงก็คือผู้หญิง
ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็คือผู้หญิง
อายุเพิ่มขึ้น ใบหน้าก็โรยรา
แต่จิตวิญญาณของผู้หญิง ไม่แปรเปลี่ยนชั่วนิรันดร์
……
……
ขณะเดียวกัน เฉินชางเห็นฉินเยว่ไม่ยอมตอบข้อความนานแล้วก็เกิดกังวลใจ
หรือเขาตอบผิด
ทันใดนั้นฉินเยว่ก็ตอบมาว่า “ไม่เลว ให้คะแนนเต็มค่ะ คำตอบเมื่อกี้ฉันพอใจมาก!”
เฉินชางจึงค่อยผ่อนคลายลงได้
อย่างไรก็ตามฉินเยว่ยังคงส่งข้อความมาอีกว่า “แต่…ถ้าฉันแก่แล้ว ไม่ได้ดูดีแล้ว…ก็คงไม่สวยแล้ว”
เฉินชางตอบ “งั้นผมจะทำให้คุณสวยเอง ไม่รู้เหรอว่าผมเรียนด้านศัลยกรรมความงามไปทำไม ก็เพื่อทำให้คุณสวยตลอดกาลไงล่ะ!”
ฉินเยว่เห็นดังนั้นก็ดีใจขึ้นมาโดยพลัน
ยัยฉินขี้ประจบสบายไปทั้งใจ หัวใจเต็มไปด้วยความนุ่มฟู
“คุณพูดแล้วนะ!”
เฉินชางพยักหน้า “ผมพูดแล้ว!”
ฉินเยว่กอดมือถือไว้ที่หน้าอกด้วยอารมณ์หวานล้ำ จู่ๆ ก็คิดว่าโลกใบนี้คือความสุขของเธอจริงๆ