📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ยอดวิถีแห่งปีศาจ – ตอนที่ 43

บทที่ 43 - เงาอรชร (1)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

แกร่ก

ปิดประตู ซ่งเจิ้นกั๋วเดินไปถึงริมหน้าต่าง พอดีเห็นนกพิราบดำตาสีชมพูตัวหนึ่งกำลังหมอบอยู่บนรั้วหน้าต่าง ไซ้ขนอยู่ไม่สนใจสิ่งใด

เขาเห็นดังนั้นก็กระตือรือร้นขึ้น เดินเข้าไปจับนกพิราบอย่างรวดเร็ว แล้วปลดม้วนกระดาษเล็กๆ ม้วนหนึ่งลงมาจากเท้ามันอย่างแผ่วเบา

คลี่ม้วนกระดาษออก ด้านบนเขียนตัวหนังสือเล็กๆ สวยงามแถวหนึ่ง ‘พี่ใหญ่ซ่ง เรื่องของคุณชายหวังผู้นั้น จวินเอ๋อร์จะช่วยท่านถามให้

นอกจากนี้ ผ่านไปสักพักจะเป็นเทศกาลภูษาควัน พี่ใหญ่ซ่งรับปากจวินเอ๋อร์ได้หรือไม่ เวลานั้นอย่าได้มาเรือสำราญเด็ดขาด อย่ามาเด็ดขาด!’

ซ่งเจิ้นกั๋วงงงัน อ่านต่อไป

‘วันนั้นพวกเถ้าแก่เนี้ยเรือจะใช้ชื่อของเหล่าแม่นางหลอกลวงผู้คนไปทั่ว ยังมีแผนการไม่ดีต่อพี่ใหญ่ซ่งด้วยส่วนหนึ่ง รับปากข้า หลังจวินเอ๋อร์จัดการทุกสิ่งเรียบร้อย เทศกาลภูษาควันครั้งนี้ผ่านพ้นไปแล้ว จวินเอ๋อร์รับปากพี่ใหญ่ซ่งจะกลับบ้าน…’

อ่านเนื้อหาหลังจากคลี่กางม้วนกระดาษเสร็จ ซ่งเจิ้นกั๋วใบหน้าปรากฏความยินดีอย่างเข้มข้น

‘พี่ใหญ่ซ่งรับปากเจ้า จะไม่มอบโอกาสให้แก่พวกเขา!’ เขาแม้กังขาเล็กน้อย อย่างไรเหตุผลตรงนี้ก็เหลือเชื่ออยู่บ้าง แต่เพราะความเชื่อมั่นที่มีต่อจวินเอ๋อร์ จึงไม่เคลือบแคลงอันใด

ซ่งเจิ้นกั๋วหากระดาษออกมาอย่างรวดเร็ว เขียนคำพูดที่ตัวเองคิดกล่าว จากนั้นก็ม้วนกระดาษเป็นทรงกระบอก มัดติดกับเท้านกพิราบดำ สองมือประคองนกพิราบดำขึ้นโยนไปด้านนอก ทันใดนั้นนกพิราบดำก็โผบินออกไป

นกพิราบกระพือปีก ออกจากลานใหญ่ตระกูลซ่ง บินเลียบผ่านระหว่างกระเบื้องหลังคาสีแดงชาดอย่างแผ่วเบา พุ่งผ่านถนนที่เหมือนก้อนเต้าหูหลายสาย ข้ามผ่านหลังคาสีดำของตึกที่สูงต่ำไม่เท่ากัน ไปถึงแม่น้ำไม้สนอย่างรวดเร็ว มุ่งไปยังเรือสำราญสีแดงลำหนึ่ง

นกพิราบดำกระพือปีก หยุดลงตรงหน้าต่างห้องห้องหนึ่งบนเรือสำราญ ถูกมือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งประคองไว้

จวินเอ๋อร์ปลดม้วนกระดาษที่มัดบนเท้านกพิราบดำลงมาอย่างรวดเร็ว มองซ้ายมองขวา แล้วรีบปล่อยมันบินไป

“ไปเถอะ กลับรังไป” นางกล่าวเบาๆ

นกพิราบดำกระพือปีกบินออกไป ไม่ทันไรก็หายไปจากขอบหน้าต่าง

จวินเอ๋อร์ปิดหน้าต่าง คลี่ม้วนกระดาษออกอ่านอย่างแผ่วเบา บนใบหน้ามีความอ่อนโยนสายหนึ่ง ก่อนจะรีบเอากระดาษเผาบนไฟเทียน

นางถือไว้จนม้วนกระดาษโดนเผาเหลือแค่มุมมุมหนึ่ง จึงค่อยๆ แง้มร่องหน้าต่าง แล้วโยนออกไป ปล่อยให้มันลอยลงสู่แม่น้ำไม้สน

แกร่ก…

อยู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกเอง เหมือนกับมีคนผลักประตูจากด้านนอก จวินเอ๋อร์สะดุ้งหมุนตัวกลับไป กุมหน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงด้วยความหวาดหวั่นพลางจ้องมองประตู

สงบสติอารมณ์สักครู่ นางเดินไป มองซ้ายมองขวา ไม่พบการเคลื่อนไหวของคนใดๆ จึงชะเง้อออกไปยังระเบียงด้านนอกเพื่อมองดู

ตรงนี้เป็นห้องแต่งหน้าด้านล่างของเรือ เป็นเพราะว่าซ่งเจิ้นกั๋ว ตอนนี้นางมีห้องแต่งหน้าส่วนตัวของตัวเอง รอบๆ ไม่มีคน พี่น้องคนอื่นๆ ต่างไปต้อนรับแขกแล้ว

บนระเวียงว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนเดียว

จวินเอ๋อร์ระบายลมหายใจเบาๆ หันหน้ากลับเข้าห้อง ปิดงับประตู แล้วลงสลักเพิ่ม

นางนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบหวีขึ้นมาสางผมเบาๆ ทุกๆ ครั้งที่นางหวั่นไหว หวีมักทำให้นางค่อยๆ สงบลงได้

คิดไม่ถึงเพิ่งหยิบหวีขึ้นมา สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลง

เห็นบนโต๊ะไม้ด้านล่างถึงกับถูกดินสอเขียนคิ้วสีดำเขียนเป็นตัวหนังสือแถวหนึ่ง

‘เทศกาลภูษาควันต้องลงมือ อย่าลืมสถานะของเจ้า’

จวินเอ๋อร์กัดริมฝีปาก ในดวงตาปรากฏแววดิ้นรน ลังเลสักพัก ค่อยใช้ดินสอเขียนคิ้วเขียนว่า ‘เจ้าค่ะ’ เบาๆ จากนั้นยื่นมือไปลบรอยตัวหนังสือนั้นทิ้งไป เหลือเพียงรอยเปื้อนสีดำกลุ่มหนึ่ง

เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าพร่ามัวของตัวเองในกระจก ซึมเซาอยู่ชั่วขณะ

นางรู้ว่านั่นเป็นคำเตือน เตือนว่านางอย่าได้ก่อเรื่องราวเพิ่มเติมอันใด แต่ยังดีที่เนื้อหาในม้วนกระดาษไม่ถูกพบ

‘น่าเสียดาย… ไม่อาจอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่ากับพี่ใหญ่ซ่งได้…’ ในดวงตางามนางปรากฏความเสียดายและความแน่วแน่

เจ้านายต้องการรวบรวมคนที่เกิดในยามเฉินหยิน ทั้งยังต้องเป็นคนปีหยินเดือนหยินยามหยิน ซ่งเจิ้นกั๋วเป็นหนึ่งในเป้าหมาย เพื่อจับคน การเตรียมการณ์สำหรับเรื่องเหนือความคาดหมายทุกอย่างล้วนจัดการไว้หมดแล้ว รอนางนัดเขามาในเทศกาลภูษาควัน

แต่ว่านางกลับค่อยๆ ชมชอบซ่งเจิ้นกั๋วที่เปิดเผยตรงไปตรงมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เทิดทูน รักชอบ คิดจะพึ่งพาอาศัย

‘พี่ใหญ่ซ่ง… จวินเอ๋อร์เหนื่อยเหลือเกิน… เหนื่อยเหลือเกิน…’ จวินเอ๋อร์ลูบแก้มตัวเองเบาๆ น้ำตาหยดหนึ่งไหลอย่างไร้เสียงลงตามหางตา

..

ในหุบเขาเล็กๆ แห่งหนึ่งนอกเมือง

เปรี้ยง!

ลู่เซิ่งหมุนตัวกระแทกหนึ่งฝ่ามือใส่หินหยาบใหญ่ด้านหลังจนกลายเป็นก้อนกรวด หินยาวเท่าแขนข้างหนึ่งถูกกระแทกแตกสลาย กระจัดกระจายบนพื้น

ผัวะผัวะผัวะ!

ลู่เซิ่งหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ออกฝ่ามือติดต่อกัน กระแทกก้อนหินหลายก้อนที่แขวนอยู่รอบตัวจนกลายเป็นก้อนกรวด

ผงหินสีขาวอมเทาค่อยๆ ฟุ้งกระจาย ทำคนสำลักอยู่บ้าง

ลู่เซิ่งเก็บมือลงอย่างเชื่องช้า สองมือประสานห่าง ยืนนิ่งรวบรวมปราณสู่จุดตันเทียน

‘วิชาดาบและวิชาฝ่ามือของเราใช้ได้มากพอ สิ่งที่ขาดคือท่าเท้าวิชาตัวเบา ยังมีอาวุธลับระยะไกลจำเป็นต้องเสริม ไม่อย่างนั้นระยะทางเกิดห่างขึ้นมา เจอคู่ต่อสู้ประเภทลอยตัวได้เหมือนว่าวก็ลำบากแล้ว’ ลู่เซิ่งฟื้นฟูกำลังภายในอย่างเชื่องช้า พร้อมขบคิดในใจ

‘นอกจากนี้ วิชากระเรียนหยกดูดซับวิธีใช้พลังของดาบพยัคฆ์ดำ ได้รับการยกระดับและการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ แต่สิ่งที่การยกระดับนี้พึ่งพาคือผงที่ภูตผีตัวนั้นเหลือไว้

‘กระบวนการและรายละเอียการหลอมรวมด้านใน หากแค่อาศัยตัวเรา ประสบการณ์และการคลำทางที่จำเป็นมีมากเกินไปจริงๆ นี่เป็นระดับความยากที่คล้ายการสร้างวรยุทธ์ ไม่อาจทำสำเร็จด้วยตัวคนเดียว’

ตัวเขาภายหลังทดลองเลื่อนระดับวิชากำลังภายใน และกำลังภายนอกวิชาอื่น เสียดายที่ทำไม่ได้ หลายๆ ครั้งเข้าล้วนทำให้ร่างกายเส้นลมปราณได้รับบาดเจ็บตอนจบ หนำซ้ำในการทดลองหลายครั้ง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างกับการคาดการณ์ของเขาโดยสิ้นเชิง

‘ไม่มีประสบการณ์วรยุทธ์ที่มากพอ คิดจะทะลวงการจำกัดวิชาด้วยตัวเองเหมือนเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้’ ลู่เซิ่งกระจ่างแจ้งในใจ ‘วิชากระเรียนหยกสามารถดูดซับทักษะการใช้พลังของดาบพยัคฆ์ดำ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติที่ดี ดูเหมือนเรียบง่าย แต่ความจริงสมควรเป็นผลลัพธ์ที่จำลองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนจนได้มาตอนสุดท้าย ถ้าเราคิดยกระดับวรยุทธ์ต่อ จำเป็นต้องตามหาของภูติผีที่เหลือไว้มากกว่านี้’

หลังจากหยุดฝึก ลู่เซิ่งเดินมาถึงด้านข้างลำต้นของต้นไม้ใหญ่ หยิบสิ่งของต่างๆ เช่นเสื้อนอกและผ้าขนหนูที่ตนแขวนไว้ลงมา ใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อบนร่าง

‘สมควรทดลองว่าอานุภาพของวิชาทมิฬพิฆาตระดับสามเป็นอย่างไร’ ที่แล้วมาเขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดทดลองดูว่าวิชาทมิฬพิฆาตระดับสามแข็งแกร่งขนาดไหน ตอนนี้ร่างกายฟื้นฟูแล้ว ลองดูได้พอดี

มองต้นไม้ใหญ่ด้านหน้า ลู่เซิ่งคึกคักขึ้น กระตุ้นปราณภายในสุดกำลัง เคลื่อนเข้าแขนขวา กระแทกหนึ่งฝ่ามือออกไปอย่างดุดัน

เปรี้ยง! novelgu.com

เสียงเหมือนกับก่อนหน้า พลังไม่ได้เยอะขึ้นเท่าไหร่ อย่างไรส่วนที่เพิ่มขึ้นมาของวิชาทมิฬพิฆาตไม่ใช่อยู่ที่พลังระเบิดเป็นหลัก

ลู่เซิ่งค่อยๆ ชักมือกลับ มองรอยฝ่ามือที่ดำสนิทราวหมึกรอยหนึ่งที่ประทับอย่างแจ่มชัดตรงกลางลำต้น

รอยมือลึกสิบกว่าหลีหมี่ ปรากฏกลิ่นอายเผ็ดร้อนแสบจมูกหลายสาย

ลู่เซิ่งยื่นมือไปแตะขอบรอยฝ่ามือสีดำ เปลือกไม้ชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งพลันร่วงหล่นลงมา ในเปลือกไม้เต็มไปด้วยลวดลายสีดำจำนวนมากเหมือนกับรอยเหี่ยวย่น

‘นี่เป็นแผลลวกเหมือนไฟเผา วิชาทมิฬพิฆาตดูเหมือนเมื่ออยู่ในวิชากำลังภายในธาตุหยางก็สมควรมีระดับไม่เลว น่าเสียดาย มีเพียงระดับชั้นไม่สมบูรณ์ หากเรียนรู้เสริมความแข็งแกร่งแก่วิชาทมิฬพิฆาตได้ บางทีการพัฒนากับการยกระดับในภายหลังจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม!’

ตอนนี้เขามีพลังยุทธ์ล้ำลึกเท่ากับคนธรรมดาฝึกฝนสี่ห้าสิบปีแล้ว นี่ยังไม่นับคำนวณเวลาฝึกฝนวิชาดาบพยัคฆ์ดำกับวรยุทธ์อย่างอื่น

‘ต่อจากนี้สมควรฝึกท่าเท้าโดยเฉพาะวิชาหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นดาบพยัคฆ์ดำหรือวรยุทธ์อย่างอื่นต่างมีท้าเท่าประกอบการโจมตี ท่าเท้าที่ใช้เดินทาง ไล่ล่า วิ่งหนีอย่างแท้จริง เราไม่มีระบบที่สมบูรณ์สักท่า’

ลู่เซิ่งเริ่มพลิกหาท่าเท้าที่ตัวเองรวบรวมไว้ จนถึงปัจจุบัน เขาเพียงรวบรวมได้วิชาเดียว นั่นก็คือท่าเท้าแปดสมบัติที่ได้มาจากเมืองเก้าประสาน แต่ว่านี่เพียงเอาไว้ใช้หลบหลีกในการต่อสู้โดยเฉพาะเท่านั้น

‘ดีปบลู’ เขานึกในใจ

กรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนโผล่ออกมา ลอยอยู่ตรงหน้าเขา

ลู่เซิ่งนึกย้อนถึงท่าเท้าแปดสมบัติที่ตัวเองจดจำไว้ก่อนหน้า ระดับท่าเท้านี้ยังต่ำกว่าดาบถลาลมหนึ่งขั้น แม้แต่ภาพที่ชัดเจนก็ไม่มี เขาจึงจดจำมันเอาไว้

ทบทวนขั้นตอนแต่ละขั้นอย่างละเอียด ลู่เซิ่งค่อยๆ ก้าวเท้าซ้ายออก จากนั้นใช้กล้ามเนื้อขาออกแรงหมุนไปทางซ้าย ขาขวาแตะบนลำต้นไม้ด้านข้าง คนยืมแรงกระโจนไปด้านหน้า นี่เป็นก้าวแรกของท่าเท้าแปดสมบัติ ท่าเท้าท่านี้มีทั้งหมดแปดก้าว รวมสามระดับ ว่ากันว่าเป็นท่าเท้าที่เลียนแบบจั๊กจั่นพุ่งแปดก้าวที่เคยโด่งดังในจงหยวน

ลู่เซิ่งศึกษาสักพัก บวกกับบนร่างมีพื้นฐานท่าเท้า ไม่ทันไรก็คุ้นเคยการเคลื่อนไหวใช้แรง มองเห็นตัวเลือกท่าเท้าแปดสมบัติบนเครื่องมือปรับเปลี่ยน

เขาหยุดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ใช้ความคิดกดปุ่มปรับเปลี่ยน

ทันใดนั้นกรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนพลันกะพริบ

“เพิ่มท่าเท้าแปดสมบัติหนึ่งระดับ” ลู่เซิ่งพูดต่อ

สถานะท่าเท้าแปดสมบัติในตัวเลือกบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนพลันเปลี่ยนจากยังไม่เริ่มต้นกลายเป็นเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว

ลู่เซิ่งตรวจสภาพร่างกายของตัวเอง นอกจากสองขาที่รู้สึกชาและคันอยู่บ้าง ปราณภายในของวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกน้อยลงนิดหน่อย อย่างอื่นไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

‘สั่งสมถึงขั้นนี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว… วรยุทธ์ชนิดนี้ ที่ไม่แพร่หลายบนยุทธภพ ไม่อาจทำให้เรารู้สึกรับภาระได้อีกแล้ว’ ลู่เซิ่งสะท้อนใจ มองกรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนต่อ

‘ท่าเท้าแปดสมบัติ: เบื้องต้น’

‘เพิ่มท่าเท้าแปดสมบัติถึงระดับสามสูงสุด’ ลู่เซิ่งใช้ความคิดต่อ

ฟุ่บ!

ท่าเท้าแปดสมบัติกะพริบ เปลี่ยนจากเบื้องต้นเป็นระดับหนึ่ง ลู่เซิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร

ฟุ่บ!

ระดับที่สอง ลู่เซิ่งรู้สึกว่าสองขาคันกว่าเดิมเล็กน้อย

เสียงฟุ่บสุดท้าย ท่าเท้าแปดสมบัติเด้งถึงระดับสาม ปราณภายในวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกสิ้นเปลืองถึงสี่ในห้าส่วน จำนวนนี้จำเป็นต้องให้เขาใช้เวลาอย่างน้อยสองวันถึงจะฟื้นฟูกลับมาได้

แต่ว่าท่าเท้านี้ ลู่เซิ่งรู้สึกถึงประสบการณ์ วิธีเดิน วิธีใช้ของท่าเท้าแปดสมบัตินับไม่ถ้วนในห้วงสมอง ทั้งหมดต่างหลอมรวมปรุโปร่ง สองขาเห็นได้ชัดเจนว่าปราดเปรียวมีพลังกว่าก่อนหน้าเล็กน้อย

‘ทดลองดู!’

ลู่เซิ่งมองเห็นนกกระจอกตัวหนึ่งด้านหน้า กำลังจะโผบินขึ้นจากพื้นหญ้า พุ่งไปที่ห่างไกล

เขาออกแรงที่เท้า พุ่งไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน

ตุบๆๆ…

แปดก้าวตามติด นกน้อยตัวนั้นยังไม่ทันตอบสนองการหักเลี้ยว ก็ถูกลู่เซิ่งคว้าไว้ในมือได้

‘พลังระเบิดของเราแข็งแกร่ง ปราณภายในวิชาทมิฬพิฆาตกับวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกต่างก็ทวีความแข็งแกร่งแก่การระเบิด ทั้งยังเสริมสร้างกายเนื้อ ใช้ท่าเท้าแปดสมบัติออกภายใต้พื้นฐานนี้กลับมีผลไม่เลว นี่ควรมีผลของจั๊กจั่นพุ่งแปดก้าวกระมัง’ ลู่เซิ่งคลายมือออกอย่างพอใจ สิ่งที่เห็นกลับเป็นนกกระจอกน้อยที่ถูกเขาบีบกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน

เขาพลันจนปัญญา

‘ท่าเท้าได้รับการแก้ไข สมควรไปหาวิชาแข็งกร้าวทดลองดู’ ลู่เซิ่งครุ่นคิด มาถึงเมืองเลียบคีรีได้สองสามเดือน เขาตรวจสอบในที่ลับถามไถ่สถานการณ์ในเมืองแห่งนี้อย่างเข้าใจ

เมืองเลียบคีรีมียอดฝีมือไม่มาก เป็นเพราะที่ทำว่าเมืองมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง มีจำนวนคนควบคุมคนในยุทธภพค่อนข้างมาก ดังนั้นยอดฝีมือของที่นี่กลับเป็นคนในที่ว่าการกับแม่ทัพนำทหารเป็นส่วนใหญ่

คนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในนี้ คือหนึ่งปราณกระบี่คมขจีหลู่เฉิงจง เทียบกับคนผู้นี้แล้ว คนอื่นๆ เป็นเพียงตัวประกอบ แต่ว่าหลู่เฉิงจงอายุแปดสิบเจ็ดแล้ว บุตรทั้งสามต่างเป็นขุนนางใหญ่ในเมือง ไม่อาจเข้าใกล้ขอคำชี้แนะได้

คนผู้นี้ถูกลู่เซิ่งตัดทิ้งไปก่อน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Way of the Devil, Cực Đạo Thiên Ma, Extreme Dao Heavenly Demon, WoD, 极道天魔
Score 9.3
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1213 Chapters (จบแล้ว)
ลู่เซิ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย กลายเป็นคุณชายร่ำรวยมีเงินทอง แต่ละวันมีกับข้าวสามมื้อ มีสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีเขาคิดจะใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปจนตาย จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของเขาตายอย่างลึกลับหลังจากตรวจสอบคดีประหลาด ทั้งยังถูกฆ่าล้างตระกูล!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset