📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ยอดวิถีแห่งปีศาจ – ตอนที่ 422

บทที่ 422 - แลกเปลี่ยน (2)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หยวนกวงย่วนงุนงง ลู่เซิ่งถามคำถามนี้ แสดงให้เห็นว่าแสดงความชื่นชมต่อตัวนาง ทว่าต่อจากนั้นนางก็ยิ้มแหย บิดามารดา หรือว่าคนในตระกูลธรรมดาที่เห็นนางเป็นความภาคภูมิใจอย่างมากสุดก็มีพลังแค่ระดับทวิลักษณ์หรือไตรลักษณ์เท่านั้น คุณสมบัติมีจำกัด

คนที่ถึงขั้นทัดเทียมกับนางได้ในญาติสายตรงไม่มีใครเลยจริงๆ อย่าว่าแต่ผู้ถืออาวุธ นางเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลแล้ว

“ไม่มี…ไม่มีผู้ถืออาวุธ…” แม้หยวนกวงย่วนจะรู้ว่าตนอาจพลาดโอกาสที่พันปียากพบพาน แต่นางไม่อยากโกหก เพียงพูดตามความจริง “เพียงแต่บิดาของน้องฉินเป็นผู้ถืออาวุธ”

“ดูเหมือนเจ้าจะใช้ชีวิตอย่างไม่สมหวังนัก” ลู่เซิ่งไม่ได้สนใจ เขาไหนเลยจะเห็นผู้ถืออาวุธแค่คนเดียวอยู่ในสายตา เขาก็แค่รู้สึกว่าหยวนกวงย่วนที่อยู่ตรงหน้ามีนิสัยไม่เลวเท่านั้น

เขาโบกมือให้คนอื่นๆ จากไปเองได้ แต่ยังคงพูดกับหยวนกวงย่วนต่อ

หยวนกวงย่วนพยักหน้าเล็กน้อย หลุบตาต่ำ อารมณ์หม่นหมองอยู่บ้าง แม้หกคนในกลุ่มเล็กๆ นี้ นี้ส่วนใหญ่จะมาจากตระกูลใหญ่ ทว่าคนที่ค่อนข้างมีความสำคัญในตระกูลมีแค่คนเดียว นั่นก็คือหยวนกวงฉินผู้เป็นน้องเล็ก บิดาของนางคือผู้อาวุโสจัดการเรื่องราวของตระกูลหลัก รับผิดชอบกิจการใหญ่ส่วนหนึ่งในราชธานีอินตู นี่เป็นสาเหตุที่หยวนกวงฉินเอาแต่ใจและหยิ่งผยองจนไม่มีใครสั่งสอนได้

มีแต่ตอนที่ศิษย์พี่ย่วนซึ่งหยวนกวงฉินแอบชอบเอ่ยปากเท่านั้น นางถึงจะฟัง

“เอาแบบนี้ ถ้าหากมีเรื่องใด เจ้ามายังเขตจันทราสารทเพื่อขอให้สำนักมารกำเนิดช่วยได้ แม้ข้าจะไม่กลับตระกูลหยวนกวง แต่ในฐานะเจ้าสำนักของสำนักมารกำเนิด สามารถจัดการเรื่องเล็กๆ ด้านนอกได้สบายๆ” ลู่เซิ่งเว้นเล็กน้อย ก่อนจะส่งกระแสเสียงต่อว่า “หลังจากเจ้าเลื่อนระดับ พยายามส่งทรัพยากรภายนอกของตระกูลหยวนกวงมาทางสำนักมารกำเนิดของข้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน”

เนื่องจากความกริ่งเกรงที่มีต่ออาวุธเทพคุ้มครองตระกูล ลู่เซิ่งจึงไม่คิดกลับตระกูล แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ร่วมมือกับคนในตระกูล

หยวนกวงย่วนที่อยู่ตรงหน้านับเป็นตัวเลือกที่ใช้หยั่งเชิง

นางกำลังอยู่ในช่วงวัยสาว ต้องการการทรัพยากรมากที่สุดเวลายกระดับ ถ้าหากเวลานี้มีขุมกำลังภายนอกที่ไม่เลวคอยสนับสนุน และเติมเต็มขุมกำลังภายนอกในตระกูลให้แก่นาง อย่างนั้นจะมีส่วนช่วยเหลือต่อการยกระดับตำแหน่งและพลังของนางในตระกูลอย่างมหาศาล

สามตระกูลใหญ่ไม่ใช่ตระกูลจิตใจดีมีเมตตา ต่อให้เป็นสามสำนักด้านนอกก็ยังสู้ความโหดร้ายของการแข่งขันไม่ได้ ทุกๆ เดือนจะมีการมอบภารกิจภายนอกภารกิจหนึ่งที่ต้องจัดการให้ เวลานี้จะเป็นเวลาแข่งขันขุมกำลังภายนอกของคนในตระกูลแล้ว

ดังนั้นที่หยวนกวงฉินได้รับการเอ็นดูขนาดนี้ เป็นเพราะนางมีบิดาที่รับผิดชอบกิจการและทรัพยากรภายนอกของตระกูล

“ทำไมถึงเลือกข้า…” หยวนกวงย่วนก้มหน้าเล็กน้อย

“เพราะเจ้าต้องการ เพราะพวกเราเจอกันเป็นยวาสนา เพราะเจ้าไม่ใช่ขยะ” ลู่เซิ่งตอบ

หยวนกวงย่วนงุนงง

‘ไม่ใช่ขยะ…’ ประโยคนี้คัดนางออกมาจากคนทั้งหกในพริบตา ความนัยของคำพูดนี้ก็คือ คนที่เหลือล้วนเป็นขยะ

สร้างขุมกำลังภายนอก…ได้แล้วหรือ

นางได้ยินมาก่อนว่าพี่น้องในตระกูลคนอื่นๆ เคยมีเรื่องแบบนี้เช่นกัน ทว่าเป็นเพราะนางมีตำแหน่งและวาจาสิทธิ์ไม่พอ จึงไม่มีขุมกำลังใดพึ่งพิง

เป็นเพราะว่าบนตัวนางไม่มีค่าอะไรเท่าไหร่ อีกทั้งในตระกูลยังมีเป้าหมายที่เลือกได้มากมาย จึงไม่จำเป็นต้องเลือกนาง

ทว่าเวลานี้และสถานที่แห่งนี้กลับต่างออกไปแล้ว

หยวนกวงย่วนเงยหน้าขึ้นสบตาลู่เซิ่ง

บุรุษตรงหน้าอันตรายยิ่ง ความอันตรายนี้ไม่ได้แสดงออกมาจากภายนอกที่แข็งแกร่งเท่านั้น ยังมีกลิ่นอายพิเศษที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวนั้นอีก คล้ายมีคล้ายไม่มี กลิ่นอายนี้ นางเพียงเคยเห็นจากตัวผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลหลักเท่านั้น

เฒ่าไม่ตายในเรือนผู้อาวุโสเหล่านี้ต่างมีพลังน่าตกตะลึงและบุคลิกคมกล้าไม่ต่างจากบุรุษตรงหน้าเท่าไหร่

“ข้ารับปาก” แม้จะเป็นข้อตกลงปากเปล่า ทว่าสำหรับหยวนกวงย่วน นี่อาจเป็นโอกาสในการพลิกชะตาชีวิตของตัวเองในอนาคตแล้ว

“แต่ตอนนี้ข้ายังให้อะไรท่านมากไม่ได้” นางส่งกระแสเสียงอย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไร สิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้มีมากเช่นกัน”

ลู่เซิ่งไม่ได้สนทนากับคนอื่นๆ คนเหล่านี้ขนาดแค่พูดคุยกับเขายังติดอ่าง ความกล้าและความใจสู้ไม่ได้ความ ถึงอย่างไรก็มีแค่หยวนกวงย่วนเท่านั้นที่มีความกล้าไม่ธรรมดา กล้ารับผิดชอบเป็นคนแรกในตอนเผชิญกับการคุกคาม ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่าเหตุใดเมื่อหกคนนี้เคลื่อนไหวด้วยกัน นางจึงเป็นคนรับผิดชอบนำกลุ่ม

หลังตกลงวิธีการติดต่อกับหยวนกวงย่วนเสร็จ ลู่เซิ่งก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้แก่คนอื่นๆ หากแต่ปล่อยพวกเขาไป

ต่อจากนั้น เขาก็หันไปดูไฟป่าที่แผ่ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ

ไฟป่าขยายจากป่าเฟิงในตอนแรกไปยังรอบๆ พร้อมกับค่อยๆ กลายเป็นอัคคีภัยเผาไหม้ป่าทั้งผืน

ลู่เซิ่งเงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่ถูกควันดำย้อมเป็นเมฆสีดำ หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย ขณะกำลังจะจัดการกับไฟที่เกิดขึ้นเพราะเขา อยู่ๆ ไกลออกไปก็มีเสียงแหวกอากาศดังมา คล้ายกับจะมีคนมาแล้ว

เขามองไปยังต้นเสียง เห็นเพียงเงาคนสวมชุดสีดำหลายสายพุ่งปราดมาจากเนินเขาที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวปราดเปรียว ทั้งยังยกมือ ยิงพลุส่งสัญญาณดอกไม้ไฟที่ส่งเสียงหวีดหวิวตลอดเวลา

บนตัวคนเหล่านี้มีสัญลักษณ์ของสำนักซ่อนธาตุในเขตจันทราสารท ขณะเดียวเมื่อมองดูเครื่องแบบการแต่งกายก็รู้ว่าเป็นชุดของกรมหยินหยางจากราชสำนัก

คนคนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าสุดเห็นลู่เซิ่งที่ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว จึงรีบโผบินมา

“ที่แท้ก็เป็นประมุขคฤหาสน์ลู่แห่งสำนักพันอาทิตย์นี่เอง” คนผู้นี้มีชื่อว่าสวีจิ้นซง มีพลังระดับฉลักษณ์ นับว่าเป็นหัวกะทิในกรมหยินหยาง ครั้งนี้ได้รับสัญญาณไฟป่าที่กรมสังข์เขียวค้นพบ และการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยว่าจะเป็นการต่อสู้ของยอดฝีมือ เขาจึงนำคนมาตรวจสอบทันที

พอเห็นลู่เซิ่งอยู่ที่นี่แต่ไกล เขาก็เข้าใจคร่าวๆ แล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับประมุขคฤหาสน์ลู่จากสำนักพันอาทิตย์ผู้นี้

คนผู้นี้คือบุคคลยิ่งใหญ่ที่มีความสำคัญในเขตจันทราสารทไปถึงจังหวัดไร้เหมันต์ในปัจจุบัน

แม้ว่าประมุขคฤหาสน์ลู่ผู้นี้จะไม่ชอบปรากฏตัวในนครเขต หรือติดต่อกับขุมกำลังอื่นๆ เท่าไหร่ แต่เขาที่แค่คุ้มครองอารามพันอาทิตย์ก็เทียบได้กับเข็มเทพสะกดห้วงสมุทรแล้ว

โดยเฉพาะหลังจากศึกที่ลงมือโจมตีทัพมารจนแตกพ่ายและรักษาสถานการณ์ให้มั่นคงได้ก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของลู่เซิ่งประมุขคฤหาสน์ลู่ก็ขจรขจายไปทั่วเขตจันทราสารทแล้ว

มีคนประสงค์ดีวิจารณ์ว่าลู่เซิ่งอยู่ในกลุ่มสิบผู้เข้มแข็งแถวหน้าแห่งจังหวัดไร้เหมันต์

สวีจิ้นซงที่เป็นอันดับสามเข้าใจดีว่า ลู่เซิ่งประมุขคฤหาสน์ลู่ผู้นี้มีพลังแข็งแกร่งเหนือคำร่ำลือเสียอีก

“พวกเจ้าเป็นคนจากกรมหยินหยางในท้องที่จันทราสารทหรือ” ลู่เซิ่งถาม

“ขอรับ ข้าน้อยสวีจิ้นซง ตอนนี้เป็นรองหัวหน้ากลุ่มตัวอักษรดินของกรมหยินหยาง มาตรวจสอบเรื่องอัคคีภัยเผาป่าโดยเฉพาะ” สวีจิ้นซงกล่าวอย่างนอบน้อม

“ไฟเกิดขึ้นเพราะข้าสู้กับคนอื่น ข้าจะจัดการเอง พวกเจ้าไม่ต้องกังวล” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ “นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ที่นี่มียอดฝีมือของพิภพมารปรากฏตัว เหลือร่องรอยไม่น้อยไว้ระหว่างทาง หลังจากข้าจัดการไฟแล้ว เจ้าอย่าลืมลบร่องรอย อย่าให้เหลืออะไรเอาไว้ด้วย”

ท่านผู้นี้เห็นพวกตนเป็นคนเก็บกวาดแล้วหรือนี่

สวีจิ้งซงหัวเราะเสียงขื่นในใจ แต่ก็ไม่อาจไม่ตอบรับ

“สามสำนักช่วยราชสำนักต้านทัพมาร สมเหตุสมผลๆ…” เจ้าหน้าที่หลายคนด้านหลังเขาต่างแสดงสีหน้าจนปัญญา

ลู่เซิ่งไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับไฟที่ยิ่งมายิ่งลุกโหม

จากนั้นก็พลิกมือชักกระบี่ธารธาราออกมาจากหลังอย่างช้าๆ

“อาณาเขตกว้างขนาดนี้ ข้ามีพลังไม่พอ…เกรงว่าจะไม่ไหว” กระบี่ธารธาราตอบอย่างจนใจ

หลังจากติดตามลู่เซิ่งมาช่วงหนึ่ง มันก็พอจะมองท่าทีของคนผู้นี้ออกแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นอาวุธที่ให้ความร่วมมือมากที่สุด และเฉลียวฉลาดที่สุดในหมู่อาวุธเทพทั้งหมด ส่วนจิตของอาวุธเทพที่เหลือถ้าไม่ใช่เลอะเลือนอาศัยแต่สัญชาตญาณ ก็หัวรุนแรงและสุดโต่ง ไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย

กระบี่ธารธาราไม่ทราบถึงจุดจบของอาวุธเทพเหล่านี้ แต่มันเคยเห็นลู่เซิ่งส่งพวกมันเข้าไปในหอฝั่งตรงข้าม อาวุธเทพทั้งหมดที่เข้าไปจะไม่ได้ออกมาอีก…

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้เจ้าออกแรงหรอก” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างไม่นำพา เขาชักกระบี่ออกมาเพื่อใช้อาวุธเทพอำพรางพลังของตัวเองเท่านั้นโนเวลกูดอทคoม

เขาลู่เซิ่งไม่เคยพึ่งพาอาวุธเทพ ตอนนี้ไม่ ภายหลังก็ไม่เช่นกัน

เขาชี้กระบี่ไปด้านหน้า ลวดลายสามเหลี่ยมรูปงูมีปีกสีแดงเข้มกะพริบแสงกลางหว่างคิ้วลู่เซิ่งในชั่วพริบตาหนึ่ง

กระบี่ธารธาราส่องแสงสีฟ้าอย่างช้าๆ แสงสีฟ้ายกสูงขึ้นในชั่วเสี้ยววินาที ในไม่กี่ลมหายใจก็เจิดจ้าและแยงตาขึ้นเรื่อยๆ

หมับ

ลู่เซิ่งกำด้ามกระบี่ด้วยสองมือ พร้อมกับค่อยๆ ยกมาทางด้านขวา

“ถวิลหาจันทรา!”

เปรี้ยง!

คมกระบี่แตกกระจายอย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนจะกลายเป็นจุดแสงสีน้ำเงินเข้มนับไม่ถ้วนโปรยปรายออกไป จุดแสงที่กระจัดกระจายลอยไปหาเปลวไฟอย่างรวดเร็ว

ต่อจากจุดแสง คือเงามืดขนาดยักษ์ที่ค่อยๆ แผ่ขยายออกจากใต้เท้าลู่เซิ่ง

เงามังกรขนาดมหึมาที่เหมือนกับงูเลื้อยเคลื่อนไปหาเปลวไฟอย่างไร้เสียง ความเร็วของเงามังกรแทบเป็นหนึ่งเดียวกับจุดแสงสีน้ำเงิน

“ไม่ถูกต้อง นี่คือ…หรือว่านี่จะเป็น!?” กระบี่ธารธาราพลันส่งเสียงร้องตกใจอย่างเหลือจะเชื่อ

ลู่เซิ่งงุนงงเช่นกัน ตอนแรกเขาคิดจะใช้คุณสมบัติหมอกน้ำของกระบี่ธารธาราดับไฟ เพียงแต่เป็นเพราะว่าอาณาเขตที่ไฟลามนั้นใหญ่ไปบ้าง อย่างน้อยก็กินรัศมีมากกว่าพันหมี่ ดังนั้นเขาจึงใส่แก่นหยางเข้าไปด้วยเล็กน้อย

ถ้าหากปล่อยพลังของอริยะเจ้าคนหนึ่งออกมาจริงๆ ก็จะกลายเป็นความหนาแน่นเท่าไฟในรอบนี้ อย่าว่าแต่อาณาเขตหลายพันหมี่เลย ต่อให้เป็นอาณาเขตหลายหมื่นหมี่ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรง ถึงขั้นที่ถ้าหากมีพลังทำลายในอาณาเขตแนวลึกอีก อานุภาพจะยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม

สมัยอยู่ที่ต้าซ่ง อานุภาพของอาวุธเทพที่แข็งแกร่งสักเล่มสามารถสร้างความปั่นป่วนให้แก่แคว้นใหญ่ทั้งแคว้นได้ ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยอื่นๆ ที่แน่นอนส่งผลด้วย แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่า อริยะเจ้าที่อยู่เหนืออาวุธเทพทั่วไปมีอานุภาพเหี้ยมหาญมากกว่า

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งนึกไม่ถึงก็คือ การใช้กระบี่ธารธาราของเขาในครั้งนี้ถึงกับกระตุ้นตราสัญลักษณ์ของเนี่ยสิงเข้า

กระบี่ธารธาราเป็นอาวุธเทพที่เทพวารีทิ้งไว้ในแม่น้ำธารธารา หากบอกว่ามันกับเทพวารีในแม่น้ำธารธาราสมัยโบราณไม่มีความเกี่ยวข้องกัน คงจะไม่มีใครเชื่อ

เพียงแต่ลู่เซิ่งนึกไม่ออกว่าเหตุใดมันถึงโผล่มาอย่างกะทันหันในเวลานี้

จุดแสงสีน้ำเงินประสานกับเงามังกรเนี่ยสิ่ง หลังจากพุ่งเข้าไปในเปลวไฟ ไม่นานเปลวไฟก็ค่อยๆ อ่อนกำลังและเล็กลงเรื่อยๆ

เพียงแค่สิบกว่าลมหายใจ ไฟป่าก็ดับมอดลง เหลือเพียงเศษซากที่ถูกเผาเป็นสีดำเกรียมเท่านั้น บนพื้นเต็มไปด้วยไอน้ำและควันหนาที่ลอยออกมา

จุดแสงสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนลอยกลับไปถึงตรงหน้าลู่เซิ่ง ก่อนจะรวมตัวเป็นกระบี่ธารธาราอีกครั้ง แล้วลอยอยู่ด้านหน้าเขา

ลู่เซิ่งเพ่งมองกระบี่ กลับไม่ได้ยื่นมือไปจับในทันที สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ด้ามกระบี่ธารธารา ตอนนั้นเดิมทีมีลวดลายโบราณธรรมดาๆ ส่วนหนึ่ง ตอนนี้กลับกลายเป็นภาพมังกรสีดำเข้มที่น่ากลัวไปแล้ว

“เนี่ยสิงถูกแก่นจริงแท้อันแข็งแกร่งของเจ้าปลุกตื่นแล้ว” กระบี่ธารธาราส่งเสียงชราออกมา “มันจึงยอมรับข้าและกลายเป็นชิ้นส่วนหลักของกระบี่ธารธาราแล้ว ชิ้นส่วนที่เหลือได้แต่ชดเชยเพียงอย่างเดียว”

‘น่าสนใจ ยังมีอาวุธเทพธรรมดาที่ไม่กลัวเราอยู่ด้วย…’ ลู่เซิ่งยื่นมือไปจับด้ามกระบี่ แล้วค่อยๆ เสียบมันกลับไปด้านหลัง

ไฟดับมอดโดยใช้เวลาแค่สิบกว่าอึดใจ

ลู่เซิ่งหันไปมองพวกสวีจิ้นซงที่ตกตะลึงไปแล้ว

“ต่อจากนี้ให้พวกเจ้าจัดการ ข้ามีธุระขอไปก่อน”

“เจ้าคฤหาสน์ตามสบายๆ” สวีจิ้นซงรีบกล่าว แม้ลู่เซิ่งจะไม่มีตำแหน่งขุนนาง ตามเหตุผลแล้วเป็นแค่คนในยุทธภพและเป็นคนไร้สังกัด ทว่าขุมกำลังของสามสำนักนั้นยิ่งใหญ่ อย่าเพิ่งไปพูดถึงพลังของประมุขคฤหาสน์คนหนึ่ง แค่เส้นสายและขุมกำลังที่เขาครอบครองอยู่ หากคิดจะบดขยี้ตนให้ตายก็ลำบากเท่ากับบี้มดสักตัวเท่านั้น

ลู่เซิ่งไม่สนใจพวกเขาอีก หากแต่กระโดดขึ้น แสงสีทองระเบิดใต้เท้า พริบตาเดียวก็พุ่งเข้าสู่กลุ่มเมฆ แล้วหายไปจากขอบฟ้าไกล

การล่าดาบสดับฟ้า ช่วงชิงอาวุธเทพ ทำภารกิจให้สำเร็จ เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งในปัจจุบัน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Way of the Devil, Cực Đạo Thiên Ma, Extreme Dao Heavenly Demon, WoD, 极道天魔
Score 9.3
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1213 Chapters (จบแล้ว)
ลู่เซิ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย กลายเป็นคุณชายร่ำรวยมีเงินทอง แต่ละวันมีกับข้าวสามมื้อ มีสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีเขาคิดจะใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปจนตาย จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของเขาตายอย่างลึกลับหลังจากตรวจสอบคดีประหลาด ทั้งยังถูกฆ่าล้างตระกูล!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset