📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ยอดวิถีแห่งปีศาจ – ตอนที่ 407

บทที่ 407 - กฎเกณฑ์ (1)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ปุบ

ลู่เซิ่งค่อยๆ ปิดตำราที่อ่าน อาศัยแสงเทียนบนโต๊ะในห้องหนังสือเจ้าสำนักด้านในอาราม หยิบกระบอกทองแดงใส่ข้อมูลสำนักล่าสุดที่วางกองอยู่ด้านข้างขึ้นมา

กระบอกทองแดงวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ ลู่เซิ่งหยิบออกมาแท่งหนึ่ง แล้วเทม้วนกระดาษด้านในออกมาคลี่ออกและอ่านอย่างช้าๆ

ในช่วงเวลานี้เฉินจิ้งจือยังไม่ได้กลับมา เขาซึ่งเป็นเจ้าสำนักระดับจังหวัดย่อมมีสิทธิ์ตรวจสอบข้อมูลด้านนี้ แม้ว่าจะอ่านข้อมูลสำคัญๆ ไม่ได้ ทว่าเก้าส่วนล้วนอ่านได้ตามใจ เมื่อไม่มีเฉินจิ้งจือ เขาจึงกลายเป็นผู้นำเขตจันทราสารทของสำนักพันอาทิตย์ เรื่องราวสำคัญๆ ล้วนส่งให้เขาจัดการ คนอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์และมีความสำคัญพอจะรับผิดชอบหน้าที่จัดการเรื่องราวเหล่านี้

‘ราชธานีปั่นป่วน สามสิบจันทราก่อคดีอีกครั้ง สังหารคนสิบห้าคนติดต่อกัน ก่อนจะล่าถอยไป เจ้ากรมและรองเจ้ากรมสังข์เขียวถูกลูกหลงไปด้วย โดนตัดศีรษะที่ประตูตำหนักคำมั่นสัญญา’ บนม้วนกระดาษเขียนตัวหนังสือตัวเล็กๆ ไว้อย่างแจ่มชัด

‘แม้แต่ที่ราชธานีต้าอินก็ยังเกิดคดีฆาตกรรมแบบนี้ แถมยังปล่อยให้คนหลบหนีไปง่ายๆ ที่นี่ดูเหมือนจะป้องกันไว้ไม่ไหวจริงๆ แล้ว กลียุคกำลังจะมาถึง…’ ลู่เซิ่งส่ายหน้าเล็กน้อย

เขาหยิบกระบอกทองแดงอีกแท่งออกมาเทม้วนกระดาษลง ก่อนจะคลี่ออก

‘ทัพอาทิตย์เจิดจ้าทัพที่เก้าแตกพ่าย เหยียนหลิงจวินส่งทัพที่สิบไปสนับสนุน ถูกดักโจมตีกลางทางจนแตกพ่ายโดยสมบูรณ์ เหยียนหลิงจวินสู้ศึกจนตัวตาย’

เหยียนหลิงจวิน…ลู่เซิ่งสนใจเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเหตุใดอื่น หากเพราะพี่สาวของเหยียนหลิงจวินผู้นี้ก็คือหยวนกวงเช่อซิ่งนั่นเอง

ช่วงนี้เขากุมข้อมูลข่าวสาร ไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยก็ทำความเข้าใจสถานการณ์ของต้าอินในปัจจุบันจนปรุโปร่ง และทราบความเชื่อมโยงของผู้คนมากมาย

ต้าอินในตอนนี้กล่าวได้ว่ารับทั้งศึกในและศึกนอก ด้านในราชสำนักไม่สามัคคี ได้แต่พึ่งพากองทัพและอ๋องในแต่ละท้องที่ต่อสู้กันเอง สามตระกูลคล้ายตกสู่ความสับสนอลหม่าน แต่ละตระกูลสนับสนุนพระโอรสที่แตกต่างกัน เกิดความขัดแย้งภายใน

สามสำนักเพียงคุ้มครองอาณาเขตที่ตัวเองอยู่ ไม่สนใจอาณาเขตอื่นๆ ที่ถูกทัพมารกัดกร่อนแม้แต่น้อย นี่ทำให้ภัยพิบัติมารและทัพมารซึ่งควรจะถูกตีกลับไปง่ายๆ รั้งอยู่มาหลายเดือนจนถึงวันนี้

ลู่เซิ่งส่ายหน้า แล้วหยิบกระบอกทองแดงอีกแท่งหนึ่งมาเปิดอ่านอย่างละเอียดอีกรอบ

‘สำนักรณอุดรทุ่มกำลังตีทัพมารแตก แต่เสบียงไม่พอ ส่งคนมาขอความช่วยเหลือ’

ลู่เซิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะใส่คำว่าปรึกษาลงบนกระดาษแผ่นนี้ ความหมายคือให้ให้ผู้อาวุโสใหญ่ของแต่ละสำนักในนครเขตปรึกษาลงคะแนนเสียงกันเอง

งานพลาธิการแนวหลังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงสงคราม เขากับระดับสูงในเขตจันทราสารทคนอื่นไม่คุ้นเคย จึงไม่อาจเรียกใช้สิ่งที่สำคัญระดับนี้อย่างวู่วามได้

กระบอกทองแดงต่อจากนั้นเป็นข้อมูลที่ส่งมาจากแต่ละสถานที่ทั่วเขตแคว้น บางแห่งก็ถูกภัยพิบัติมารตีแตก บาดเจ็บล้มตายสาหัส บางแห่งก็ป้องกันได้ดี ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย เพียงแต่ผลาญทรัพย์สมบัติและทรัพยากรไปไม่น้อยเท่านั้น

ยังมียุทธการเยี่ยมยอดที่ทำลายชนชั้นหมาป่าพยัคฆ์ของทัพมารจนแตกพ่ายโดยสมบูรณ์ ทั้งยังกดดันให้ทัพมารถอยกลับอย่างง่ายดาย เป็นเพราะสถานที่หลายแห่งมีระยะห่างมากเกินไป ดังนั้นข่าวที่ส่งกลับมาบางข่าวจึงเป็นเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้

ตามความเห็นของลู่เซิ่ง แม้สถานการณ์ของต้าอินจะดูเหมือนไม่เลว ทว่าเมื่อมองภาพรวมอย่างละเอียด ก็จะพบว่าสถานการณ์ใหญ่ไม่ดีเท่าไหร่นัก

ลู่เซิ่งใช้หมึกแดงทำสัญลักษณ์อาณาเขตที่ทัพมารยึดครองบนแผนที่ฉบับเรียบง่ายที่วาดไว้

หลังทำสัญลักษณ์เสร็จ สีหน้าเขาก็เคร่งเครียดขึ้นหลายส่วน บนแผนที่ผืนใหญ่ตรงหน้าเขามีอาณาเขตหนึ่งในสี่ส่วนถูกทัพมารยึดครองไปแล้ว

สถานที่ที่ดีเพียงหนึ่งเดียวคือใกล้ๆ เขตจันทราสารท ทัพมารถึงกับสลายตัวไปเองโดยขัดกับหลักเหตุผล

สถานการณ์ปลอดภัยขึ้นมาก

แต่เขารู้ว่านี่เป็นการกระทำของเซียวจื่อจู๋หลังจากถูกสิงร่าง

ลู่เซิ่งยิ้มอย่างจนใจ เรียกสติกลับมา เขาไม่ควรมาเปลืองความคิดกับเรื่องนี้ เพราะมีเจ้าแห่งอาวุธที่อยู่เบื้องบนคอยปวดกระบาลอยู่แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาควรเป็นห่วงก็คือ จะรับมือกับลัทธิสุรเสียงทมิฬของพันธมิตรทมิฬซึ่งเป็นลัทธิชั่วร้ายและยุ่งยากถึงขีดสุดนั่นอย่างไร

“รายงาน!” อยู่ๆ ก็มีเสียงเร่งร้อนและยินดีดังมาจากด้านนอกประตู

ศิษย์อาภรณ์เขียวพุ่งโซเซเข้ามาในห้องหนังสือ กลับถูกยอดฝีมือสองคนที่เฝ้าประตูอยู่ยื่นมือขวางไว้

“ชิงมู่ รีบร้อนอะไรกัน!?” เห็นได้ชัดว่าคนที่เฝ้าประตูอยู่รู้จักผู้มา

ชิงมู่เต้าหยินผู้นี้ปิดบังความอิดโรยบนใบหน้าไว้ไม่มิด แต่หว่างคิ้วแสดงความยินดีอย่างเห็นได้ชัด

“รายงานเจ้าสำนัก! สาขาใหญ่ส่งคนมาเพื่อสนับสนุนเรื่องทัพมารล้อมเมืองเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานแล้วขอรับ!”

“อ้อ?” ลู่เซิ่งงุนงง

ก่อนหน้านี้ไม่นานมีเรื่องผู้เข้มแข็งเผ่ามารระดับสุดยอดปรากฏในเขตจันทราสารท เขาได้รวบรวมเขียนเป็นจดหมายแล้วส่งขึ้นไป ตอนนี้มีคนมาสนับสนุนจึงปกติยิ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดชิงมู่เต้าหยินผู้นี้ถึงได้ดีใจนัก

“ปล่อยเขาเข้ามา” ลู่เซิ่งสะบัดแขนเสื้อ สองคนที่อยู่หน้าประตูหุบแขนทันที แล้วปล่อยให้ชิงมู่ผู้นี้เข้ามา

ชิงมู่ตื่นตระหนก เขามีพลังฝึกปรือระดับปฐมปฐพี เป็นผู้อาวุโสในสำนัก กลับนึกไม่ถึงว่าจะถูกควบคุมร่างอย่างไร้สุ้มเสียง พุ่งไปด้านหน้าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนจะไปยืนนิ่งอยู่หน้าลู่เซิ่ง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การเคลื่อนไหวของเขา

“คารวะประมุขคฤหาสน์!” เขาพลันยำเกรง ได้ยินว่าประมุขคฤหาสน์ลู่มีพลังยิ่งใหญ่มานาน การโจมตีให้ขุนพลของทัพมารล่าถอยเมื่อก่อนหน้านี้ก็เป็นฝีมือของเขา ตอนแรกยังมีความสงสัยอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้กลับไม่คลางแคลงใจอีกแล้ว

ลู่เซิ่งไม่ว่าอะไร คนของที่นี่มีประสบการณ์น้อยนิด ต่อให้เห็นเขาต่อสู้กับจ้าวแห่งมาร ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ในระดับไหนกันแน่ คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่แค่ระดับปฐมปฐพี แค่คิดก็ทราบว่าความรู้ที่แท้จริงของพวกเขาเป็นอย่างไร

“เจ้าเล่าสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมมาให้ละเอียดที” ลู่เซิ่งขมวดคิ้วถาม

“ขอรับ” มู่ชิงผู้นี้เล่าเรื่องราวที่ตนได้เจออย่างละเอียด เดิมทีลู่เซิ่งเพียงนึกว่าผู้มาเป็นระดับปฐมปฐพีหรือผู้ถืออาวุธก็ถือว่าสุงสุดแล้ว แต่เขาสัมผัสได้จากคำบอกเล่าของชิงมู่ว่า การเคลื่อนไหวกับท่วงท่าที่ความสามารถและพลังฝึกปรือของผู้มาแสดงให้เห็นว่า คงจะไม่ใช่แค่ระดับผู้ถืออาวุธแน่

เขาตั้งสมาธิทบทวนเนื้อหาทั้งหมดที่ชิงมู่พูดถึงรอบหนึ่ง ขณะกำลังจะถามรายละเอียดสำคัญส่วนหนึ่ง กลับนึกไม่ถึงว่าจะมีกลิ่นหอมจางๆ พัดมาบนอากาศเหนืออารามนอกประตู คล้ายกับเป็นจับฉ่ายที่ผสมน้ำมันปลาวาฬ กลิ่นดอกไม้ และกลิ่นผลไม้

ลู่เซิ่งผุดสีหน้าฮึกเหิมขึ้นมา ค่อยๆ เดินออกจากห้องหนังสือ เห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่หน้ารูปสลักมือยักษ์กลางอารามอย่างสงบนิ่ง โดยยืนไพล่มือหันหลังให้เขา รอบๆ ตัวมีควันสีเขียวหลายสายวนเวียนเริงระบำอยู่โuเวลกูดoทคoม

“ข้าชื่อทงเซิง” คนผู้นั้นค่อยๆ หันมา ดวงตากระจ่างใสที่สีดำสีขาวแบ่งแยกกันชัดเจนเหมือนกับเด็กเข้าสู่คลองจักษุของลู่เซิ่ง “คารวะสหายร่วมเส้นทางลู่”

พอลู่เซิ่งถูกสายตานี้เพ่งมอง ก็รู้สึกว่าฝุ่นละอองไม่น้อยในส่วนลึกของหัวใจถูกสายน้ำไร้รูปร่างชำระล้าง ความร้อนรุ่มและความหงุดหงิดในใจถูกสายตานี้ชำระล้างไปจนหมด

“ลู่เซิ่งคารวะสหายร่วมเส้นทางทงเซิง” ลู่เซิ่งมองออกว่าอีกฝ่ายไม่คิดเปิดเผยสถานะ ประสานมือคำนับตอบด้วยความเคารพ

เขาอยู่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงสิบกว่าหมี่เท่านั้น ทว่าไฟหยินอันเป็นกฎเกณฑ์หลักซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณกลับประสานเข้ากับพลังงานบางอย่างในร่างอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว

เพียงแค่เจอหน้า ลู่เซิ่งก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เข้มแข้งระดับสุดยอดขอบเขตอริยะเจ้าเหมือนกับเขา

มิหนำซ้ำกฎเกณฑ์ของอริยะเจ้าทงเซิงผู้นี้ยังแข็งแกร่งกว่าเขาถึงขีดสุด ถึงขั้นที่มีความรู้สึกเหมือนอาจารย์เชียนตู้ซูหนิงเฟย

“ไม่ได้ออกมานาน นึกไม่ถึงเลยว่าสำนักพันอาทิตย์ของเราจะมีอัจฉริยะคนหนึ่งปรากฏตัว” อริยะเจ้าทงเซิงยิ้มพร้อมกับหันมา รูปลักษณ์ภายนอกของเขาเป็นเพียงแค่บุรุษวัยกลางคนอายุสามสี่สิบปี ทว่าน้ำเสียงกับแก่ชรา ไม่ทราบว่ามีชีวิตอยู่มากี่ปีแล้ว

“เปลี่ยนสถานที่พูดคุยกันเถอะขอรับ” ลู่เซิ่งผายมือ

อริยะเจ้าทงเซิงพยักหน้าอย่างยินดี

ณ อารามพันอาทิตย์ ตำหนักวารีเย็น

ลู่เซิ่งกับทงเซิงนั่งหันหน้าเข้าหากัน ชาผลไม้กาหนึ่งกับจอกสองใบวางอยู่ด้านหน้า

ไอร้อนหลายสายลอยออกมาจากปากของกาน้ำชา โชยพัดกลิ่นหอมของชาผลไม้จางๆ ออกมา

ทงเชิงมองสีหน้าลู่เซิ่ง แล้วเชื่อมโยงกับข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นรูปธรรมส่วนหนึ่งที่ได้มาก่อนหน้า ในใจมีความมั่นใจคร่าวๆ

“สหายร่วมเส้นทางลู่ประคับประคองอย่างยากลำบากมากจริงๆ ครั้งนี้ข้ามาเพราะจ้าวแห่งมารควบคุมจิตใจเซียวจื่อจู๋นั่นโดยเฉพาะ”

ครั้งนี้เขาไม่ได้เปิดเผยสถานะ คนธรรมดาไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของเขา ส่วนคนที่ได้เห็นเขาก็ไม่มีทางซ่อนตัวอยู่ในนครเขตเล็กๆ แห่งหนึ่ง

ดังนั้นจนกระทั่งถึงตอนนี้จึงไม่มีใครจำได้ว่าเขาคืออริยะมาร

“ความจริงข้าผู้แซ่ลู่โชคดีเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งสู้กับร่างหยินของเซียวจือจู๋ไป ข้าทำร้ายมัน มันทำร้ายข้า เพียงแต่ภายหลังมันผลุนผลันจากไปอย่างไม่มีสาเหตุ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่านี่คือเรื่องอะไร” ลู่เซิ่งอธิบายตามจริง

“ผลุนผลันจากไปหรือ จากข้อมูล เหตุใดมันจึงต้องถอนทัพจากไปด้วย” ตอนที่ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือ ทงเซิงยังฝึกฝนวิชาจริงแท้อยู่ในเขตถ่ายทอดความลับ แต่ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญธรรมดาอย่างเขา ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเซียวจื่อจู๋จ้าวแห่งมารควบคุมจิตใจมาก่อนเหมือนกัน ขุนนางดวงดาวที่เก่าแก่ผู้นี้มีผลการรบมากมาย ไม่ว่าจะมองจากจุดไหน ก็ไม่น่าจะปล่อยลู่เซิ่งไปง่ายๆ

“ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวคือสาเหตุภายในของตัวมัน สหายร่วมเส้นทางลู่พาข้าไปตรวจสอบสักหน่อยได้หรือไม่”

“ย่อมได้” ลู่เซิ่งรีบพยักหน้า

ความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ที่เรื่องเหล่านี้ ตอนนี้เซียวจื่อจู๋อยู่ในองค์กรลับเดียวกันกับเขา ย่อมไม่ลงมือกับเขาอีก การถอนทัพเมื่อก่อนหน้านี้เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง

สิ่งที่ลู่เซิ่งให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือจะหาสิ่งของในระดับอริยะเจ้าของสำนักพันอาทิตย์จากตัวอริยะเจ้าทงเซิงได้หรือไม่ เพราะนังสารเลวอย่างซูหนิงเฟยไม่คิดจะถ่ายทอดวิชาจริงแท้ระดับอริยะเจ้าของสำนักพันอาทิตย์ให้เขาอยู่แล้ว

พอได้ยินคำถามข้อหลังของลู่เซิ่ง แม้ทงเซิงจะประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอบคำถามที่ลู่เซิ่งพูดขึ้นทีละข้อๆ อย่างตั้งใจ

“…เมื่อพวกเราเหล่าอริยะเจ้ามาถึงขอบเขตนี้ ก็จะเห็นชืดชาต่อเรื่องราวต่างๆ ทำอะไรตามใจ ความสามารถใดๆ ก็ทำให้มีชีวิตอยู่ได้สองสามพันปีทั้งนั้น จ้าวแห่งมารควบคุมจิตใจมีตัวตนมากมาย ไม่ได้ออกมาด้านนอกนานแล้ว ที่มาที่นี่จะต้องมีเป้าหมายแน่” อริยะเจ้าทงเซิงเอ่ยเสียงขรึม “การแบ่งพื้นฐานของอริยะเจ้าเช่นพวกเรามีใบไม้ทองคำ ดาวหยก และเทวปัญญา สหายร่วมเส้นทางลู่คงรู้ แต่ความจริงไม่ว่าจะเป็นอริยะมาร อริยะเจ้า หรือว่าอาวุธเทพคลั่ง เมื่อเดินมาถึงขั้นนี้ ความจริงล้วนคือควบคุมกฎเกณฑ์”

“ควบคุมกฎเกณฑ์…” ลู่เซิ่งคล้ายมีความคิดใด

“ถูกต้อง คนไม่มีสูงไม่มีต่ำ กฎเกณฑ์มีสูงมีต่ำ กฎเกณฑ์ที่แตกต่างย่อมมีประสิทธิผลและอานุภาพที่แตกต่าง ข้อนี้ อาวุธเทพคลั่งกลับสบายกว่าพวกเรา พวกมันไม่ต้องหลอมสร้างกายเนื้อโดยกำเนิด สามารถรองรับการกัดเซาะจากกฎเกณฑ์ได้เอง แต่พวกเรานั้นต่างออกไป กฎเกณฑ์แต่ละกฎเกณฑ์มีเงื่อนไขต่อกายเนื้อแตกต่างกัน บ้างก็ต้องการกายเนื้อใสสะอาด บ้างก็ต้องการกายเนื้อคงกระพันเหมือนมาร บ้างก็ต้องการให้ใช้ชีวิตสันโดษ บ้างก็ต้องการความยำเกรง ไม่ก็ความสง่าผ่าเผย เงื่อนไขแต่ละอย่างล้วนไม่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อมาถึงขั้นนี้ เส้นทางที่พวกเราต้องเดินล้วนเหมือนกัน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอาวุธเทพศัสตรามารก็ตามที” อริยะเจ้าทงเซินจี้ถูกจุด ชี้แก่นสารของอริยะเจ้าโดยตรง

“กฎเกณฑ์หนึ่งชนิดจะครอบครองกี่คนก็ได้หรือ” ลู่เซิ่งครุ่นคิดก่อนถาม

“นี่ย่อมทำได้ กฎเกณฑ์อย่างเดียวกัน ถ้าเจออริยะเจ้าสองคนควบคุมเหมือนกัน เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดมีระดับลึกกว่า เหมือนกับการแย่งสิทธิ์การควบคุมนั่นเอง ฟ้าดินและจักรวาลนี้กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด ผู้ใดบอกได้บ้างว่าตัวเองเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง” อริยะเจ้าทงเซิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“กระบวนการการทำความเข้าใจกฎเกณฑ์นี้อยู่ในขอบเขตดาวหยก ดาวหยกนั้นเดิมทีเป็นหินธรรมดา แล้วเปลี่ยนหยกเป็นดาว นี่คือนิยามของขอบเขตนี้”

ทงเซิงมองลู่เซิ่งด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้สหายร่วมเส้นทางลู่กำลังอยู่ในขั้นตอนหลอมรวมกฎเกณฑ์ แม้จะเข้าสู่ระดับดาวหยก แต่ก็เป็นเพียงกระผีก จำเป็นต้องสร้างรากฐานให้มั่นคง พึงทราบว่าทุกๆ คนมีโอกาสหลอมรวมกับกฎเกณฑ์แค่ครั้งเดียว ในช่วงเวลานี้ จิตวิญญาณและกายเนื้อของตัวเองจะกลายพันธุ์ เพราะกฎเกณฑ์ที่หลอมรวมโดยสมบูรณ์แล้วจะค่อยๆ ปรากฏพลังพิสดารส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ตัดขาดกับกฎเกณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดด้วย”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Way of the Devil, Cực Đạo Thiên Ma, Extreme Dao Heavenly Demon, WoD, 极道天魔
Score 9.3
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1213 Chapters (จบแล้ว)
ลู่เซิ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย กลายเป็นคุณชายร่ำรวยมีเงินทอง แต่ละวันมีกับข้าวสามมื้อ มีสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีเขาคิดจะใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปจนตาย จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของเขาตายอย่างลึกลับหลังจากตรวจสอบคดีประหลาด ทั้งยังถูกฆ่าล้างตระกูล!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset