📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ยอดวิถีแห่งปีศาจ – ตอนที่ 342

บทที่ 342 - วิชากับทาสรับใช้ (2)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“หอคอยวิญญาณจริงแท้หรือ” ลู่เซิ่งหรี่ตาเล็กน้อย “นั่นคืออะไรหรือขอรับ”

“หอคอยวิญญาณจริงแท้เป็นหอคอยขนาดใหญ่ที่หมุนด้วยความเร็วสูง กายเนื้อต้องแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งจึงจะสามารถเข้าไปฝึกฝนได้ มันไม่ได้มีสารกายที่เข้มข้นมากนัก สิ่งที่มีเพียงอย่างเดียวคือสามารถยืดเวลาให้ยาวนานขึ้นได้” ในน้ำเสียงของเฉินจิ้งจือมีความไม่ยินยอมและความปรารถนาอย่างรุนแรง

“ยืดเวลาให้ยาวนานขึ้นหรือ” ครั้งนี้ลู่เซิ่งตกใจจริงๆ แล้ว

“ถูกต้อง หนึ่งวันของด้านนอกเท่ากับสองวัน สามวัน หรือหนึ่งเดือนของด้านในหอคอยวิญญาณจริงแท้ ขอแค่กายเนื้อของเจ้าทนการหมุนด้วยความเร็วสูงได้ เจ้าก็จะสามารถฝึกฝนอยู่ด้านในได้ สามารถดึงระยะห่างของพลังฝึกปรือกับคนรุ่นเดียวกันให้กว้างขึ้นกว่าเดิมได้ในระยะเวลาอันสั้น สุดยอดอัจฉริยะจำนวนมากอาศัยสิ่งนี้ทะยานสู่ฟากฟ้า หอคอยวิญญาณจริงแท้ระดับต่ำสุดมีแค่ในระดับจังหวัดเท่านั้น” เฉินจิ้งจือถอนใจ “ตอนนั้นข้าใช้หอคอยวิญญาณจริงแท้เก้าหม่อนอันเป็นระดับต่ำสุดในการเลื่อนสู่ระดับปฐมปฐพี”

“ความเร็วของการหมุนหรือ” ลู่เซิ่งงงงัน

“นี่เป็นการออกแบบด้านการแปลงเวลาที่ว่ากันว่าเจ้าแห่งอาวุธวิญญาณจริงแท้เสนอออกมา ดูเหมือนจะหมายถึงความเร็วและเวลามีความสัมพันธ์แบบผกผัน ถ้าเจ้ามีเวลาว่าง เมื่อไปถึงสำนักระดับบนระดับจังหวัดแล้วก็ลองไปอ่านข้อมูลที่หอเก็บหนังสือดู” เฉินจิ้งจือสมกับเป็นยอดฝีมือระดับปฐมปฐพีที่เคยเข้าไปฝึกฝนในสำนักระดับบนระดับจังหวัดมาก่อน สายตากว้างไกลเหนือกว่าผู้เข้มแข็งของสำนักพันอาทิตย์คนอื่นๆ ที่ลู่เซิ่งรู้จักมาก

ลู่เซิ่งนึกไม่ถึงว่าโลกใบนี้จะมีการศึกษาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเวลาและความเร็ว แต่เมื่อลองพิจารณาดูให้ดีกลับพบว่ามีเหตุผลอยู่จริงๆ ยอดฝีมือของโลกใบนี้ต่างก็เหนือกว่าคนในโลกเดิม ไปถึงระดับเซียนที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศ จึงสามารถสัมผัสกับทฤษฎีระดับนี้ได้ การสัมผัสด้วยตัวเองสมควรง่ายดายกว่าโลกเดิม

ถึงอย่างไรที่โลกเดิมก็ใช้การศึกษาวัตถุภายนอกมาดำเนินการคาดเดา

ลู่เซิ่งใคร่ครวญแวบเดียว ก่อนจะรีบพยักหน้าขานรับ

“จะออกเดินทางเมื่อไหร่ขอรับ”

“รอเบื้องบนส่งคำสั่งลงมา แล้วจะมีคนมารับส่งเอง อาจจะภายในสองเดือน เจ้าเตรียมตัวไว้ด้วย” เฉินจิ้งจือคำนวณเวลา “นอกจากนี้ ตัวเจ้าสมควรไม่ใช่คนของต้าอินกระมัง”

ลู่เซิ่งเงียบขรึม ไม่ได้บอกว่าใช่ และไม่ได้บอกว่าไม่ใช่

เฉินจิ้งจือยิ้ม “เจ้าอย่าคิดว่าสำนักพันอาทิตย์แย่เกินไปนัก เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดสำนักของพวกเราจึงเรียกว่าสำนักพันอาทิตย์”

“ไม่ทราบขอรับ…” ลู่เซิ่งตอบอย่างซื่อสัตย์

“หมายถึงสำนักที่ดวงอาทิตย์พันดวงจัดเรียงกัน ดุจมหาสมุทรรองรับร้อยธารา ครอบคลุมสรรพสิ่ง สำนักใหญ่ของสำนักพันอาทิตย์ถึงขั้นมียอดฝีมือซึ่งเป็นศิษย์ที่รับมาจากโลกภายนอก ขอแค่ไม่ได้มาจากทัพมารหรือโลกแห่งความเจ็บปวด ที่เหลือก็ไม่ต้องเป็นห่วง ขอแค่เจ้ามีคุณสมบัติ มีพลัง ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา” เฉินจิ้งจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ลู่เซิ่งกลับเงียบงัน มาตรฐานและความเด็ดขาดของสำนักพันอาทิตย์อยู่เหนือความคาดหมายองเขา พอลองเปรียบเทียบกันดู เขาที่ซุกซ่อนพลังเข้าร่วมที่นี่ต่างหากที่ใจไม่ถึง

หากคำนวณดูจริงๆ ขอบเขตสูงสุดของระดับราชามารในสำนักใหญ่ระดับสุดยอดเช่นสำนักพันอาทิตย์ก็คือผู้อาวุโสที่ไม่เลวสักคนหนึ่ง ที่แห่งนี้มีเจ้าอริยะและศัสตราเทพคลั่งที่เทียบเท่ากับระดับจ้าวแห่งมารไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน ยิ่งอย่าว่าแต่เจ้าแห่งอาวุธที่สะกดทุกสิ่ง

เมื่อคำนวณอย่างละเอียด ทางด้านสำนักร้อยเส้นสายก็คือรูปแบบการฝึกฝนที่ลอกเลียนที่นี่เช่นกัน

พอนึกถึงตรงนี้ ลู่เซิ่งก็คิดคลายการซ่อนเร้นพลังเล็กน้อย ถือว่าตัวเองเป็นศิษย์ธรรมดาที่กราบอาจารย์พร้อมวิชาก็ดี มิหนำซ้ำเมื่อมีหอคอยวิญญาณจริงแท้หลังไปถึงระดับจังหวัด ก็จะอำพรางจุดเด่นของตนที่ยกระดับอย่างรวดเร็วสุดขีดได้พอดี ขอแค่แสดงกายเนื้อที่เหี้ยมหาญมากพอ ก็จะได้รับการยืดเวลาในหอคอยวิญญาณจริงแท้

“เข้าใจแล้วหรือยัง” เฉินจิ้งจือมองลู่เซิ่งด้วยรอยยิ้ม

“เข้าใจแล้วขอรับ” ลู่เซิ่งพยักหน้า

“สรุปก็คือไม่ว่าเบื้องหลังของเจ้าจะเป็นอย่างไร ขอแค่เจ้ายังเป็นมนุษย์ สำนักพันอาทิตย์ของเราก็รับได้ แถมตอนนี้ใต้เท้าเชียนตู้ยังให้ความสำคัญกับเจ้าอีก ยังมีอะไรต้องกังวลอีกเล่า ขอแค่เจ้าสำนักใหญ่ไม่ออกปาก ด้วยฉากหลังของใต้เท้าเชียนตู้ เจ้าไม่ต้องปิดบังสิ่งใดเลย สามารถเปิดเผยตัวตนได้อย่างเต็มที่” เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเฉินจิ้งจือรู้อะไรบางอย่างจากการตรวจสอบ

“เข้าใจแล้วขอรับ ข้าแค่ซ่อนพลังไว้เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น” ลู่เซิ่งยิ้ม

“แล้วยังเป็นห่วงอะไรอีก” เฉินจิ้งจือหัวเราะฮ่าๆ “นอกจากนี้อย่าลืมไปสร้างความสัมพันธ์กับใต้เท้าท่านนั้นที่เขตถ่ายทอดความลับด้วยเล่า หลายปีมานี้คนเบื้องบนนึกว่านางจะไม่รับศิษย์อีกแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงได้รับความสนใจ”

“ขอรับ” ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างจริงจัง

กระดาษภาพเร็วสุดขีด ทั้งสองสนทนากันไม่กี่นาที ก็ไปถึงทุ่งหญ้าสีชมพูที่งดงามแล้ว

อารามทรงสามเหลี่ยมหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งราบ

มองลงไปจากบนฟ้า อารามเป็นสีขาว มุมทั้งสามฝังกระเบื้องแก้วที่เหมือนกับนิลเอาไว้ ตรงกลางวาดภาพสีทองเหมือนดวงอาทิตย์ ด้านในดวงอาทิตย์เป็นลวดลายเกลียวขนาดใหญ่

เฉินจิ้งจือควบคุมให้ม้วนภาพร่อนลงไปบนทุ่งราบสีขาวซึ่งอยู่ทางขวาของอาราม

มีคนสวมเสื้อคลุมสีขาวสิบกว่าคนรออยู่ตรงนั้น พอเห็นเฉินจิ้งจือลงมา ทุกคนก็โค้งตัวน้อยๆ เพื่อคำนับเขา

“เจ้าสำนัก ทางสำนักผูกวิญญาณตอบกลับมาแล้วขอรับ” ชายชราผมเงินที่ยืนอยู่ด้านหน้ากล่าวเสียงทุ้ม

“ข้าจะไปโถงประชุมทันที พวกเจ้าแจ้งเจ้าสำนักซวีกับเจ้าสำนักหยางก่อน” เฉินจิ้งจือกล่าวอย่างราบเรียบ เจ้าสำนักซวีกับเจ้าสำนักหยางคือรองเจ้าสำนักของสาขาย่อย

“ขอรับ” ชายชราถอยไป

เฉินจิ้งจือหันมาบอกสถานที่เก็บวิชาสำหรับฝึกเสริมกับลู่เซิ่ง

“ปกติแล้วสาขาย่อยของเขตจันทราสารทจะมีปรมาจารย์ช่าง ปรมาจารย์ลวดลายค่ายกล รวมถึงหมอสมุนไพรและแพทย์อยู่ไม่น้อย ถ้าเจ้ามีความต้องการทางด้านไหน ก็มาที่นี่ได้ทุกเวลา แน่นอนว่านี่เจ้าทำได้แค่คนเดียว ที่นี่ไม่รับคำสั่งจากคนนอก”

ลู่เซิ่งพยักหน้า

“เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณเจ้าสำนักที่มาส่ง”

“ไปเถอะ หากเดินตามเส้นทางศิลาขาวจากตรงนี้ไป จะไปถึงลานกว้างในสำนักได้เอง ข้ามีธุระขอตัวก่อน” เฉินจิ้งจือพาคนอื่นๆ จากไปหลังอธิบายเสร็จ

ผู้ต้อนรับที่เหลืออยู่เดินมาหาลู่เซ่งหลังจากน้อมส่งเจ้าสำนักไปแล้ว

“ศิษย์จริงแท้ลู่ ได้ยินชื่อเสียงมานาน ต้องการผู้นำทางหรือไม่” สตรีผมยาวสีแดงคนหนึ่งเดินเข้ามากล่าวอย่างราบเรียบ

“ไม่ต้อง ขอข้าดูคนเดียวก็พอ” ลู่เซิ่งปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

“ตกลง ข้าคือผู้จัดการเรื่องราวของที่นี่ สามารถมาขอคำร้องจุดร่อนลงกับเส้นทางการบินที่ข้าได้” สตรีผมแดงแนะนำตัวอย่างสงบนิ่ง

“เข้าใจแล้ว” ลู่เซิ่งพยักหน้า

ทุกคนต่างแยกย้าย ไม่นานก็เหลือเขาคนเดียว รอบๆ นอกจากองครักษ์แล้ว ก็อ้างว้างไม่มีใครอีก

ลู่เซิ่งกวาดตามองรอบๆ пᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ

นอกจากอารามสีขาวขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า อีกสามทิศทางล้วนเป็นทุ่งหญ้าสีชมพูที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

ลมเย็นส่งเสียงครางดังฮือๆ พัดให้ธงที่ปักอยู่รอบๆ ปลิวไสวพร้อมกับส่งเสียงเสนาะใส

ลู่เซิ่งมองเท้า อิฐศิลาขาวที่ใช้ปูพื้นเหมือนไม่ใช่ของธรรมดาเช่นกัน มันแข็งกว่าอิฐทั่วไป แรงดีดสะท้อนที่แข็งแกร่งยามเหยียบลงไปเหมือนกับเหยียบลงบนพื้นยาง

เขาเดินไปตามเส้นทางศิลาขาว ก้าวเท้าก้าวเดียวเท่ากับระยะทางหลายสิบหมี่ เดินสิบกว่าก้าวก็ไปถึงหน้าประตูอาราม

องครักษ์สวมเกราะดำสองคนที่เฝ้าประตูถือง้าวยาว กวาดมองสัญลักษณ์ศิษย์จริงแท้บนตัวลู่เซิ่ง ก่อนจะโค้งตัวให้เขาน้อยๆ เพียงแต่ยังคงไม่พูดอะไร

ลู่เซิ่งเดินเข้าซุ้มประตู ตัดทะลุอุโมงค์ยาวสิบกว่าหมี่ ในที่สุดก็ไปถึงลานกว้างของสำนักพันอาทิตย์อันเป็นสาขาย่อยในเขตจันทราสารท

ลานกว้างว่างเปลาและยังเย็นเยียบถึงขีดสุด นอกจากองครักษ์แล้ว ก็เห็นแค่คนไม่กี่คนกำลังสนทนากันอยู่ใต้เสาศิลาสูงใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเลือนราง เสาศิลาสูงสิบกว่าหมี่ เทียบกันแล้ว เงาคนไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย

ลานกว้างทรงสามเหลี่ยมมีประตูใหญ่ทั้งหมดหกบาน ทุกบานสูงสิบกว่าหมี่และกว้างห้าหกหมี่ บานประตูอ้าอยู่ จึงเห็นโคมตะเกียงสีขาวที่แขวนเรียงเข้าไปด้านในได้หลายแถว

ประติมากรรมรูปฝ่ามือสีดำขนาดมหึมาตั้งอยู่กลางลานกว้าง กลางฝ่ามืออ้าออก ดอกไม้สีขาวที่เหมือนกับดอกบัวลอยอยู่ด้านบน และกำลังเปล่งแสงสีขาวที่สว่างไสวและอ่อนโยน

ลู่เซิ่งมองสัญลักษณ์ด้านบนประตูใหญ่หกบานตามคำบอกของเจ้าสำนักเฉินจิ้งจือ ไม่นานก็เจอสัญลักษณ์ของหอเก็บหนังสือ เขาออกแรงที่เท้าเล็กน้อย ร่างกายก็ข้ามระยะทางหลายร้อยหมี่อย่างแผ่วพลิ้วราวภูตพราย แล้วพุ่งเข้าไปในประตูใหญ่บานที่สองทางขวามือ

ลู่เซิ่งตัดทะลุทางเชื่อมที่กว้างยาว บางครั้งก็เจอศิษย์สำนักที่เข้าๆ ออกๆ แต่ทุกคนล้วนใช้วิชาตัวเบาหรือท่าเท้าทั้งสิ้น ดังนั้นจึงมีความเร็วสูงยิ่ง

นี่ทำให้ทางเชื่อมที่สูงถึงสิบกว่าหมี่โล่งไร้ผู้คนเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งเจอเงาคน ทว่าก็หายไปอย่างรวดเร็ว จึงดูเปล่าเปลี่ยวกว่าเดิม

หลังจากตัดทะลุทางเชื่อม ในทีสุดลู่เซิ่งก็มาถึงหอเก็บหนังสือที่เจ้าสำนักเฉินพูดถึง

นั่นเป็นชั้นหนังสือขนาดมหึมาที่อยู่สุดปลายทางเชื่อม

ชั้นหนังสือสีดำขนาดมหึมาที่สูงเกือบสามสิบกว่าหมี่

ทุกๆ ช่องบนชั้นหนังสือสูงเท่าหนึ่งคนครึ่ง หนังสือแต่ละเล่มที่วางอยู่ด้านบนมีขนาดใหญ่เท่ากับผู้ใหญ่

ตอนที่ลู่เซิ่งมาถึง ยังสามารถเห็นศิษย์จำนวนไม่น้อยกำลังเดินเลือกหนังสืออยู่บนชั้นหนังสือได้

เขาสะท้อนใจเล็กน้อย บนโลกเดิมเกรงว่าจะไม่มีทางได้เห็นชั้นหนังสือที่ใหญ่ขนาดนี้

พอได้สติกลับมา เขาก็มองไปยังป้ายจำแนกประเภทที่แขวนอยู่ทางซ้ายของชั้นหนังสือ แล้วก็เจอประเภทวิชาจริงแท้ด้านบนนั้นอย่างรวดเร็ว

วิชาจริงแท้ตั้งอยู่บนจุดยอดสุดของชั้นหนังสือ

ลู่เซิ่งสะกิดเท้าเบาๆ ร่างก็พุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะยิงปราณจริงแท้ไปด้านหลังเพื่อปรับทิศทางกลางอากาศ ไม่นานก็ทิ้งตัวลงบนชั้นที่หกซึ่งอยู่สูงสุดได้อย่างง่ายดาย

บนชั้นหนังสือเดิมทีมีคนน้อยอยู่แล้ว ที่นี่เป็นที่ที่มีแต่ศิษย์จริงแท้กับศิษย์ภายในส่วนน้อยเท่านั้นที่มีสิทธิ์มา บวกกับอาณาเขตกว้างใหญ่ แถมชั้นหนังสือก็ยังใหญ่โต คนที่แยกไปในแต่ละชั้นจึงมีน้อยกว่าเดิม

ลู่เซิ่งกระโดดไปด้านหลัง รอบๆ นอกจากเขาแล้วก็มีคนแค่คนเดียว

“ลู่เซิ่งศิษย์น้องลู่หรือ” คนผู้นั้นเป็นสตรีที่มัดผมหางม้าสีดำ พอได้ยินเสียงก็หันมามอง ก่อนจะส่งเสียงอย่างแปลกใจ

“ท่านคือ…” ลู่เซิ่งมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ เพราะเขาไม่รู้จัก

“อวิ๋นว่านเฟย เจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่อวิ๋นก็ได้” สตรีนางนี้มีรูปร่างหน้าตาน่ามอง บนแก้มขวาใกล้หางตามีไฝเสน่ห์เม็ดหนึ่ง ให้ความรู้สึกอ่อนโยนพริ้มเพรา

“ที่แท้เป็นผู้อาวุโสอวิ๋นนี่เอง” ลู่เซิ่งเคยได้ยินผู้อาวุโสจางซื่อหลงพูดถึง ตอนนั้นผู้อาวุโสจางตั้งใจจะพาเขาไปเยี่ยมผู้อาวุโสอวิ๋นเพื่อซื้อทาสและข้ารับใช้ที่มีคุณสมบัติไม่เลวส่วนหนึ่ง

ในเขตจันทราสารท ตระกูลอวิ๋นเป็นตระกูลค้ามนุษย์อย่างสมคำร่ำลือ หลักๆ แล้วขายคนจากโลกด้านนอกที่วัดตราทมิฬ และจากคนที่ลักพาตัวมาจากประเทศอื่นๆ และอวิ๋นว่านเฟยก็เป็นหนึ่งในบรรพชนซึ่งเป็นเสาค้ำยันตระกูลอวิ๋น

“เหตุใดจึงเกรงใจเช่นนี้ ศิษย์น้องลู่มีอนาคตกว้างไกล เป็นหัวกะทิที่จะเข้าสำนักระดับบนระดับจังหวัด เผอิญที่ข้ามีข้ารับใช้กับทาสที่เหมาะกับศิษย์น้องอยู่สองสามคนพอดี ไม่ทราบศิษย์น้องมีความต้องการหรือไม่” อวิ๋นหว่านเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อ้อ?” พอพูดถึงเรื่องนี้ ลู่เซิ่งก็ฉุกใจขึ้นได้ ตอนนี้ข้างตัวเขาไม่มีคนให้ใช้งาน ต้องทำทุกเรื่องด้วยตัวเอง ข้ารับใช้เองก็ยังกำลังเดินทางอยู่

ตัวอยู่ในต้าอิน เกิดว่าระหว่างเขาฝึกฝนอยู่ พวกคนจากสำนักมารกำเนิดมาถึงแล้วหาเขาไม่เจอ ก็จะยุ่งยากเหมือนกัน

พอคิดแบบนี้ เขาก็จำเป็นต้องใช้คนส่วนหนึ่งคอยช่วยเขาจับตาดูการเคลื่อนไหวในโลกภายนอกจริงๆ

“เอาแบบนี้ ถ้าหากศิษย์พี่อวิ๋นมีเวลาว่าง อีกประเดี๋ยวร่วมทางกับผู้แซ่ลู่ไปดูคนที่เหมาะสม ข้าต้องการทาสที่รับประกันความซื่อสัตย์ได้” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงทุ้ม

“ไม่มีปัญหา! รับรองว่าศิษย์น้องต้องพอใจแน่” อวิ๋นว่านเฟยยืนยัน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Way of the Devil, Cực Đạo Thiên Ma, Extreme Dao Heavenly Demon, WoD, 极道天魔
Score 9.3
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1213 Chapters (จบแล้ว)
ลู่เซิ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย กลายเป็นคุณชายร่ำรวยมีเงินทอง แต่ละวันมีกับข้าวสามมื้อ มีสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีเขาคิดจะใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปจนตาย จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของเขาตายอย่างลึกลับหลังจากตรวจสอบคดีประหลาด ทั้งยังถูกฆ่าล้างตระกูล!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset