📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ยอดวิถีแห่งปีศาจ – ตอนที่ 292

บทที่ 292 - ไฟ (8)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“เจ้าจะลองดูก็ได้” ซั่งหยางจิ่วหลี่หยีตาพลางกล่าวเสียงทุ้ม “ถ้าเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะรายงานต่อตระกูลว่า เจ้าได้ทำความดีความชอบระดับหนึ่ง”

“วาจานี้เป็นจริงหรือ!?” คนผู้นั้นเป็นคนหนุ่ม ที่แล้วมาหยิ่งผยองไม่เชื่อฟัง บวกกับมีพรสวรรค์เหนือใคร จึงไม่ยอมเชื่อแม้แต่ซั่งหยางจิ่วหลี่ที่เป็นผู้นำของพวกเขา พอได้ยินดังนั้นก็ยินดี

“ถึงแม้ยักษ์สีฟ้านั่นจะแข็งแกร่ง แต่ความเร็วของมันไม่สูงมาก พวกเรารีบเคลื่อนไหว อย่างมากสุดถูกทำลายสิ่งของไปบางส่วน ขอแค่คนยังมีชีวิตอยู่ อย่างอื่นล้วนเป็นของนอกกาย ช่วงชิงกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้” เขากล่าวอย่างเชื่อมั่น

“อย่างนั้น ข้าจะไปลองดูก่อน” เขาสาวเท้าเดินไปยังที่ว่างด้านหน้าทุกคน เผชิญหน้ากับไอหมอกสีฟ้าตรงๆ

“เจ้าโง่นี่!” คนคนหนึ่งด้านข้างซั่งหยางจิ่วหลี่อดสบถด่าไม่ได้ ไม่ลองคิดหน่อยว่า สิ่งที่แม้แต่ใต้เท้าจิ่วหลี่ยังเกรงกลัวจะจัดการได้ง่ายแบบนั้นหรือ

แม้คนผู้นั้นจะหยิ่งทะนง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีสมอง

เขาโบกมือข้างหนึ่ง โปรยจุดแสงสีเขียวมรกตออกมากลุ่มหนึ่ง เป็นแมลงตัวเล็กๆ ที่เหมือนกับหิ่งห้อย

แมลงสีเขียวมรกตกระพือปีกค่อยๆ บินเข้าไปหาหมอกสีฟ้า แสดงว่ากำลังทดลองดู

ซู่…

แมลงกลุ่มแรกหายไปในไอหมอก จากนั้น…

ไม่มีจากนั้นแล้ว…

“เอ๋? นี่มัน…?” คนผู้นั้นพลันงุนงง สีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย

“ฉี่หรง กลับมาได้แล้ว!” มีคนของตระกูลซั่งหยางที่อยู่ด้านหลังเหลืออดบ้างแล้ว รีบเรียกเขาหลังจากรู้สึกว่าไม่เข้าท่า

“ข้า…ข้า…” ใบหน้าของคนหนุ่มผู้นั้นยิ่งมายิ่งบิดเบี้ยว เหมือนได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวบางอย่างอยู่

“ฉี่หรง!” มีคนคิดจะเข้าไปลากเขากลับมา

“เดี๋ยวก่อน!” ซั่งหยางจิ่วหลี่อดสังหรณ์ใจไม่ได้ ขวางคนผู้นั้นไว้ ตัวนางค่อยๆ ก้าวออกไป “ซั่งหยางฉี่หรง!?”

“จิ่ว…จิ่วหลี่…ช่วย…ด้วย…” ซั่งหยางฉี่หรงค่อยๆ หันมา

ทุกคนพากันร้องอุทาน บางส่วนตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว

เห็นร่างกายของซั่งหยางฉี่หรงกำลังละลายด้วยความเร็วสูงเหมือนกับเทียนไขที่เจอความร้อนของเปลวไฟ

“ช่วย…ด้วย…” เขายื่นมือออกไปหาซั่งหยางจิ่วหลี่

ซั่งหยางจิ่วหลี่ก้าวไปด้านหน้าหลายก้าว แต่ว่าก็ถูกชายชราคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังฉุดรั้งไว้

“คุณหนูใหญ่อย่าไป! ถ้าเข้าใกล้อาจถูกลอบโจมตีได้! นั่นคือหมอกอรุณพลัดพราก!”

“…” พวกซั่งหยางจิ่วหลี่กับเหอเซียงจื่อได้แต่มองดูซั่งหยางฉี่หรงหลอมละลายไปอยู่เฉยๆ แค่ไม่กี่ลมหายใจเขาก็กลายเป็นของเหลวสีเหลืองอ่อนกองหนึ่ง

ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนล้วนเงียบงัน

ซั่งหยางจิ่วหลี่มองทางด้านเหอเซียงจื่อ

คนในสำนักมารกำเนิดล้วนมีสีหน้าขลาดกลัว พวกเขาต่างเป็นศิษย์ที่เพิ่งรับเข้าสำนักไม่นาน จึงสับสนยามเผชิญอันตราย

นางมองทางด้านตัวเอง ถึงแม้เหล่าผู้เข้มแข็งหัวกะทิที่เข่นฆ่ามาจากในเมืองจะแสดงสีหน้าย่ำแย่ แต่ยังคงสงบเยือกเย็น

“เหอเซียงจื่อ ที่นี่ยังมีทางออกอื่นอีกหรือไม่” นางถามเสียงทุ้ม

เหอเซียงจื่อส่ายหน้าน้อยๆ

“พวกเราแยกย้ายกันค้นหา! ดูว่ามีที่ไหนไม่ถูกไอหมอกขวางไว้บ้าง!” ซั่งหยางจิ่วหลี่พูดเสียงขรึม ต่อให้คู่ต่อสู้แข็งแกร่งอย่างไร ต่อให้ตกอยู่ในสภาพจนตรอก การนั่งรอความตายก็ไม่ใช่พฤติการณ์ของนางซั่งหยางจิ่วหลี่

ต่อให้ตาย นางก็จะขอตายทั้งยืน!

“ขอรับ!” ยอดฝีมือตระกูลซั่งหยางทั้งหมดพากันขานรับ จากนั้นก็แยกย้ายไปจากสองฟากข้างของไอหมอกด้วยความเร็วสูง

ภายใต้การแนะนำของจ่านข่งหนิง เหอเซียงจื่อก็เริ่มจัดคนให้ค้นหาโอกาสเช่นเดียวกัน

ไอหมอกกินอาณาเขตกว้างขนาดนี้ เป็นไปได้ถึงขีดสุดว่าจะมีช่องโหว่อยู่ โดยเฉพาะทางบึงมาร

ตูม!

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง ผนังหินขนาดใหญ่โตบนลานกว้างของสำนักมารกำเนิดที่ทุกคนอยู่ ถูกยักษ์สีฟ้าทำลายในครั้งเดียว ถ้ำทั้งถ้ำถล่มอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น กลายเป็นกรวดหินนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายแล้วฝังกลบลานกว้างมากกว่าครึ่งไปในทันที

“ตายซะเถอะๆ! ฮ่าๆๆ!” เป่ยนี่หัวเราะลั่น ทำลายสิ่งก่อสร้างทุกอย่างที่เห็นโดยไร้ความเกรงกลัว ทำลายสำนักมารกำเนิดก่อน จากนั้นก็จะเป็นเมืองมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ

เขาต้องการระบายความแค้นที่ถูกผนึกมาหลายปีออกไปให้หมด ดังนั้นพอออกมาได้ เขาจึงใช้ไอหมอกมีพิษของตนเองปกคลุมทางเข้าออกทั้งหมดไว้ทันที ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือสิ่งของก็ไม่อาจหนีออกจากเงื้อมมือของเขาได้

คอยดูให้ดีเถอะ คอยเขาทำลายตำหนักวิชาลับทิ้ง นั่นคือส่วนหนึ่งของค่ายกลผนึก เมื่อถึงเวลานั้น สำนักมารกำเนิดทั้งสำนักจะถูกปกคลุมในไอหมอกมีพิษของตนโดยสมบูรณ์ ทุกชีวิตที่อยู่ด้านในจะกลายเป็นน้ำหนอง ไม่เหลือแม้แต่กระดูก!

…….

ตูม!

ไฟสีดำอมม่วงกับสายฟ้าสีดำยิงออกมาพร้อมกันแล้วดับสลายหายไป

ลู่เซิ่งถือดาบดำด้วยแขนสี่ข้าง ต่อสู้กับข่าเฟยอย่างอิสระเสรีและบ้าคลั่ง

สายฟ้าสีดำปกคลุมอยู่ทั่วร่างข่าเฟย ไฟฟ้าในสภาพตาข่ายจำนวนมากเต้นระริกแผ่ขยายบนตัวของเขาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งสองเข่นฆ่ากันในสภาพสูสีคู่คี่มาได้ระยะหนึ่งแล้ว

ข่าเฟยเริ่มหมดแรง ถึงขั้นที่แม้จะใช้อัสนีมืดมิดเพิ่มความเร็วในการตอบสนองของตัวเองก็ยังคงไม่อาจสร้างความได้เปรียบได้ มาถึงขั้นนี้ สิ่งที่ใช้สู้กันคือพลังฟื้นฟูกับความอดทนของทั้งสองฝ่าย

ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเข่นฆ่ากับเขาในฐานะราชาแหล่งปฐพีได้นานขนาดนี้ บวกกับเขามีร่างกายใหญ่โต การเคลื่อนไหวจึงเปลืองพลังงานมหาศาล

คู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้แค่ใช้พละกำลังบดขยี้ก็พอ ทว่าคู่ต่อสู้ตรงหน้าผู้นี้…

ข่าเฟยป้องกันการโจมตีของลู่เซิ่งด้วยความเร็วสูง พละกำลังของทั้งสองสั่นสะเทือนถ้ำทั้งถ้ำให้โยกคลอนและขยับขยาย ผนังถ้ำพังทลายลงเพราะคลื่นสั่นสะเทือนที่น่าสะพรึงกลัวทุกวินาที พื้นที่ทั้งหมดขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

ข่าเฟยกวาดตามอง พลันหยุดสายตาที่ข้างใต้แผ่นหลังของลู่เซิ่ง ตรงนั้นมีก้อนเนื้อสองก้อนเริ่มงอกขึ้นมา การที่ปีกงอกแขนออกมาได้เมื่อก่อนหน้านี้ ทำให้เขาตกใจพอแล้ว ตอนนี้ยังมีก้อนเนื้อสองก้อนงอกขึ้นมาอีก!

เขาเห็นแขนสองข้างที่กำลังเติบโตขึ้นภายในก้อนเนื้อได้ลางๆ

เขาย่อมไม่รู้ว่านี่คือความสามารถพรสวรรค์ใหม่ที่ก่อนหน้านี้ลู่เซิ่งไม่มีเวลาศึกษา เนื่องจากวิถีแปดมารสูงสุดหลังจากยกระดับที่เพิ่งเรียนรู้และวิวัฒนาการสำเร็จได้ไม่นาน มีความสามารถมากมายที่ยังไม่ทันปรับตัว รวมถึงไม่รู้ว่าใช้อย่างไร จึงค่อยๆ พัฒนาขึ้นในตอนนี้

ข่าเฟยกล่าวในใจว่าแย่แล้ว ขนาดแค่นี้ยังทำได้เพียงฝืนยันไว้ หากมีแขนงออกมาอีกคู่ สถานการณ์จะอันตรายแล้ว

ในตอนนี้เอง เขาเพียงเสียสมาธิไปสนใจส่วนหลังของลู่เซิ่งแค่แวบเดียว เพียงแค่แบ่งสมาธินิดเดียว ก็มอบโอกาสให้ลู่เซิ่งได้ฉกฉวย

ดาบสีดำสายหนึ่งไม่สนใจการขวางกั้น ทำลายแนวป้องกัน ฟันใส่คอของเขาอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น

ฉัวะ! ตูม! пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ

ดาบมารสีดำระเบิดออกอย่างฉับพลัน ทำให้ร่างกายของข่าเฟยเสียสมดุล ล้มหงายไปด้านหลัง

ลู่เซิ่งหมุนร่างกายสูงสิบกว่าหมี่และแขนทั้งสี่ข้าง ฝ่ามือ หมัด นิ้ว ดาบ สี่การโจมตีที่แตกต่างกันระดมจู่โจมใส่ข่าเฟยมารโบราณดุจห่าฝนพายุคลั่ง

ข่าเฟยถูกโจมตีจนถอยหลังติดต่อกัน ส่งเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจพลิกสภาพเสียเปรียบได้

“บัดซบ!” เขาตะโกน ตั้งท่าป้องกัน แสงสายฟ้าทั่วร่างถูกทำลายจนไม่อาจป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลู่เซิ่งกดดันข่าเฟยทีละก้าวๆ แขนทั้งสี่ข้างกระตุ้นและควบคุมปราณมารกำเนิดสีดำอย่างต่อเนื่อง ปราณมารผนึกตัวเป็นเสา กลายเป็นดาบยาวคมกริบที่คล้ายดาบไม่ใช่ดาบสี่เล่ม

ทุกครั้งที่ลงมือ จะมีคมดาบฟันลงพร้อมกับแสงสีม่วงอมดำขนาดมหึมา

ขอแค่ฟันคมดาบมารที่ยาวถึงสิบกว่าหมี่โดน ก็จะเฉือนเป็นปากแผลขนาดใหญ่สีแดงเลือดสายหนึ่ง เหมือนกับว่าเกราะเกล็ดบนตัวข่าเฟยไม่มีผลอะไรเลย

ถ้ำโยกคลอน หินยักษ์หลายก้อนหล่นลงจากผนังหินแล้วร่วงตกใส่พื้นด้านล่าง บางก้อนเข้าใกล้อาณาเขตที่ทั้งสองคนสู้กัน พริบตาเดียวก็ถูกป่นเป็นกรวดหินนับไม่ถ้วน

ทว่าในตอนนี้เอง การโจมตีของลู่เซิ่งพลันหยุดชะงัก ภาพที่เงาคลุ้มคลั่งส่งกลับมาปรากฏแวบในห้วงสมองของเขา

ด้านในสำนักมารกำเนิด ราชาเมฆดำซึ่งเป็นยักษ์สีฟ้าเข้มขนาดมหึมากำลังอาละวาดและทำลายล้างทุกสิ่งที่เห็นพร้อมกับหัวเราะลั่น

ในที่สุดแขนของลู่เซิ่งก็หยุดชะงักไปในพริบตาหนึ่ง โดยมิอาจควบคุม แม้เวลาจะสั้นยิ่ง ทว่าสำหรับผู้เข้มแข็งระดับเขากับข่าเฟย พริบตาเดียวนี้สามารถพลิกสถานการณ์ได้แล้ว

“กรงเล็บพัวพัน!” ข่าเฟยถอยหลังติดต่อกัน พละกำลังสู้อีกฝ่ายไม่ได้ นี่ทำให้เขาโมโห แต่ก็จนปัญญา ตอนนี้โอกาสโผล่มาแล้ว เขาพลันลิงโลด อ้าปากพ่นมือยักษ์ที่ซีดขาวเหมือนโครงกระดูกออกมาข้างหนึ่ง มือยักษ์นั้นพุ่งใส่หน้าอกลู่เซิ่งอย่างรุนแรง

เปรี้ยง!

แรงสะท้อนอันมหาศาลทะลักออกมา ข่าเฟยไม่มองผลลัพธ์ของวิชาลับ ยืมแรงหมุนตัวหลบหนีไปทันที

เขาทะยานร่างขึ้น ร่างอันใหญ่โตหายเข้าไปในผนังหินเหมือนกับของเหลวในพริบตาเดียว

ทุกอย่างนี้จบลงในเสี้ยววินาที รอลู่เซิ่งตอบสนอง ข่าเฟยก็หนีไปไม่เห็นเงาแล้ว

ลู่เซิ่งได้สติ ตรงหน้าไร้ผู้คน

เขาค่อยๆ ชี้ดาบลงอย่างเงียบๆ

ตูม!

จากนั้นก็ปักดาบมารขนาดยักษ์สี่เล่มเข้าไปในผนังหิน กรวดหินนับไม่ถ้วนระเบิดออกมา

“บัดซบ!” เกือบจะฆ่าอีกฝ่ายและกลืนกินแก่นมารได้แล้วเชียว นึกไม่ถึงว่าเหตุเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านหลังสำนักมารกำเนิดจะทำให้เขาเสียสมาธิไปชั่วขณะจนอีกฝ่ายหนีไปได้

“ไม่ว่าจะเป็นใคร! แกตาย!” ลู่เซิ่งตะโกนพลางถอนดาบขึ้น แล้วหมุนตัวพุ่งไปยังทางเชื่อมในทิศทางของสำนักมารกำเนิด

“ฮ่าๆๆ! ข้าคือราชาเมฆดำ! ข้าคือเป่ยนี่! พินาศเถอะ จงพินาศไปเสีย!” ยักษ์สีฟ้าราชาเมฆดำเป่ยนี่หัวเราะลั่นขณะก้าวเท้าไปยังตำหนักวิชาลับอย่างบ้าคลั่ง

ตำหนักวิชาลับเป็นจุดป้องกันสุดท้ายของค่ายกลอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในสำนักมารกำเนิด เกิดว่าถูกทำลาย หมอกอรุณพลัดพรากอันเป็นหมอกมีพิษของเขา จะขยายไปทั่วทุกพื้นที่ของสำนักมารกำเนิดในพริบตาเดียว

ถึงแม้เขาจะค่อยๆ กัดกร่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทำลายค่ายกลใหญ่ได้ แต่เป่ยนี่รอไม่ไหวแล้วจริงๆ

เขาต้องรีบทำลายที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วออกจากที่นี่ไปตามหาทายาทมนุษย์ที่ผนึกเขาในตอนนั้นให้เจอ! เขาจะให้คนเหล่านั้นใช้ชีวิตอยู่ในความเจ็บปวดและความทรมานตลอดกาล!

ตูม!

ประตูใหญ่ของตำหนักวิชาลับถูกเขาถีบเปิดออก

หนามแหลมโซ่ตรวนหลายแท่งที่อยู่ในลานสั่นไหวอย่างรุนแรง พร้อมกับเปล่งแสงสีแดงอ่อนๆ อักขระลี้ลับของยุคโบราณจำนวนมากเริ่มไหลเวียนและกะพริบบนโซ่ตรวน

“การต่อต้านสุดท้าย…ไร้ความหมาย!” ดวงตาของราชาเมฆดำฉายความบ้าคลั่ง หลังถูกผนึกมาหลายปี เขาที่มีสติปัญญาไม่มากได้วิปลาสไปแล้ว

เขามองตรงไปยังประตูของตำหนักวิชาลับอันใหญ่โต ความบ้าคลั่งในดวงตาฉายชัดมากขึ้น เมินอักขระบนโซ่ตรวนที่อยู่รอบๆ

เขายื่นมือออกไป แขนขวากลายเป็นเส้นสายสีฟ้านับไม่ถ้วนในทันที พวกมันพุ่งใส่ประตูใหญ่ ก่อนที่ทั้งหมดจะมุดเข้าไปในร่องแยก

เสียงโครมดังสนั่น ตำหนักใหญ่พังทลายไปเป็นส่วนเล็กๆ เป่ยนี่หยิบหินสีดำก้อนยักษ์สูงหลายสิบหมี่ก้อนหนึ่งขึ้นมา

ดาบยาวเรียวเล็กเล่มหนึ่งปักอยู่บนหินสีดำ ดูเหมือนกับหินยักษ์ธรรมดาก้อนหนึ่ง

“เป่ยนี่…ข้าไม่ใช่คนของสำนักมารกำเนิด! เจ้าฟังข้า! ฟังข้า!” มีเสียงที่หวาดกลัวและสิ้นหวังดังมาจากด้านในหินยักษ์

ทว่าดวงตาของราชาเมฆดำบิดเบี้ยวและสับสน ไม่สนใจเนื้อหาที่เสียงนั้นส่งมาแม้แต่น้อย

“ดูซิว่าข้าเจออะไร ไข่ยักษ์หรือนี่ ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร”

“ฮ่ะๆ…นึกไม่ถึง…นึกไม่ถึงว่าราชาแห่งทะเลสาบเหนือที่ยิ่งใหญ่อย่างข้าจะตายที่นี่ แถมยังตายในมือตัววิปลาส…” เสียงในก้อนหินสีดำสิ้นหวังกว่าเดิม

ในตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าเร่งร้อนก็แว่วมาจากที่ไกลออกไป

ซ่งจื่ออันสีหน้าเย็นชา มือกำด้ามกระบี่ วิ่งมาทางเป่ยนี่ทีละก้าว คล้ายกับมองไม่เห็นราชาเมฆดำที่มีร่างกายใหญ่โต

“เจ้ากลับมาทำไม!?” เสียงในก้อนหินพลันตกใจโมโห “นี่คือชะตาของข้า ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เหมือนกับที่ข้าถูกผนึกในตอนนั้น เจ้ามาก็แค่มาหาที่ตายเท่านั้น!”

“ข้า…” ซ่งจื่ออันกำด้ามกระบี่แน่นขึ้น

เขาไหนเลยไม่รู้ว่าตนเองกลับมาเท่ากับมาตาย แต่ว่าคนเราเกิดมาชาติหนึ่ง เรื่องบางเรื่องไม่อาจไม่กระทำ!

เขาสูดหายใจลึกขณะมองราชาเมฆดำที่มีขนาดมโหฬาร

“ผู้อาวุโสหลิง ในเมื่อเป็นชะตากำหนดเหมือนกัน เช่นนั้นก็ให้ชะตาตัดสินเถอะว่าพวกเราจะตายในมือสัตว์ประหลาดตัวนี้กันหมดหรือไม่”

“เจ้า!?” เสียงในก้อนกินสีดำเงียบลง “ชะตา…” เขาถูกยกสูงขึ้นเรื่อยๆ กำลังจะถูกใส่เข้าไปในปากของเป่ยนี่

“ชะตา…ทำให้ข้าล้มเหลว…” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งตัดบทเขา

พื้นดินด้านหลังราชาเมฆดำแยกออก

ลู่เซิ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมาด้วยสีหน้าอึมครึม ดวงตาที่มีม่านตาสามจุดอันน่าประหลาดของเขากะพริบรังสีฆ่าฟันอันรุนแรง

“ดังนั้น เพื่อตอบรับชะตา…พวกเจ้า…จงไปตายเสีย!”

ตูม!

พลันเกิดเสียงระเบิดขึ้น

ร่างเขาพลันเปลี่ยนแปลง เพียงพริบตาเดียวก็เข้าสู่สภาพหยางโชติช่วง ร่างกายอันน่ากลัวที่สูงเกือบยี่สิบหมี่เหมือนกับภูเขาเนื้อ แขนยักษ์สี่ข้างพุ่งใส่ราชาเมฆดำที่ยังคงมึนงงอยู่อย่างดุดัน

ราชาเมฆดำยังไม่ทันมีปฏิกิริยา ก็ถูกมือสี่ข้างจับไว้

โฮก! เขาร้องอย่างเจ็บปวด พละกำลังที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวส่งเข้ามายังร่างเขาในพริบตาเดียว

แคว่ก!

ร่างกายอันโอฬารของเป่ยนี่ถูกฉีกออก เลือดเนื้อปลิวว่อน หมอกสีฟ้าระเบิดออก

ตำหนักวิชาลับถล่มทลาย หมอกสีฟ้านับไม่ถ้วนแผ่ขยาย พริบตาเดียวก็เปลี่ยนบริเวณรอบๆ เป็นทะเลหมอก

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Way of the Devil, Cực Đạo Thiên Ma, Extreme Dao Heavenly Demon, WoD, 极道天魔
Score 9.3
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1213 Chapters (จบแล้ว)
ลู่เซิ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย กลายเป็นคุณชายร่ำรวยมีเงินทอง แต่ละวันมีกับข้าวสามมื้อ มีสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีเขาคิดจะใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปจนตาย จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของเขาตายอย่างลึกลับหลังจากตรวจสอบคดีประหลาด ทั้งยังถูกฆ่าล้างตระกูล!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset