📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ยอดวิถีแห่งปีศาจ – ตอนที่ 132

บทที่ 132 - แลกเปลี่ยน (6)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“ลำบากเจ้าแล้ว พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ การแลกเปลี่ยนธัญญาหารต่อจากนี้ยังต้องรบกวนซุ่นซีไปด้วยตัวเอง” ฉินอู๋เมี่ยนดีดนิ้ว ปราณภายในไร้รูปร่างขนาดเล็กหลายสายพลันโผล่ขึ้นกลางอากาศ ตกใส่ไหล่ขวาของหลี่ซุ่นซีและคนที่อยู่รอบๆ อย่างแม่นยำ พริบตาเดียวก็หลอมรวมเข้าไปในผิวหนังใต้อาภรณ์ของพวกเขาเหมือนกับสายน้ำไหลสู่ทะเล

หลี่ซุ่นซีพลันรู้สึกว่าทั่วร่างสั่นสะท้าน ร่างกายอบอุ่นสุขสบาย ทราบว่าผู้นำใช้พลังยุทธ์ของตัวเองชำระกายเนื้อ รักษาอาการบาดเจ็บแฝงให้พวกเขา รีบประสานมือให้ฉินอู๋เมี่ยนอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะหมุนตัวไปคารวะคนอื่นๆ แล้วจากไป

การรักษานี้สิ้นเปลืองพลังและเวลามากที่สุด ทำให้การนั่งสมาธิฝึกฝนมากกว่าครึ่งวันของฉินอู๋เมี่ยนสูญเปล่า การกระทำเช่นนี้เป็นปกติในพันธมิตรบู๊ หลายๆ คนเคยได้รับการช่วยเหลือจากเขาทั้งนั้น

รอพวกหลี่ซุ่นซีจากไป ฉินอู๋เมี่ยนหยิบกระบอกไม้ไผ่อันนั้นขึ้นมา ลูบเทียนผนึกที่ปากกระบอก เทียนผนึกสีแดงกลายเป็นฝุ่นอย่างไร้เสียง หล่นกระจายไปเอง

เขาเอียงกระบอกไม้ไผ่ เทม้วนกระดาษสีเหลืองอ่อนม้วนหนาออกมา แล้วคลี่ออกเบาๆ

ฉินอู๋เมี่ยนถือม้วนกระดาษ ตั้งใจอ่านอย่างสงบนิ่ง จากเนื้อหาที่อ่านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สองตาเขาก็พลันเป็นประกาย บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้น

แกร่ก

ม้วนกระดาษถูกขยำ พริบตาเดียวก็ถูกกำลังภายในทำลายเป็นฝุ่นผงสีเหลือง จากนั้นโปรยปรายผ่านร่องนิ้วของเขา ลอยออกไปนอกดาดฟ้า สายลมพัดกระจายไปยังบึงน้ำสีเขียวอ่อน

“ส่งคนเข้ามา” ฉินอู๋เมี่ยนกล่าวเสียงกระจ่าง

“คำนับท่านผู้นำ!” เงาคนสวมชุดรัดรูปสีเขียว ใส่หน้ากากสีเขียวสายหนึ่งปรากฏบนลานกว้างของหอใต้ดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว คุกเข่าข้างหนึ่งให้ฉินอู๋เมี่ยนที่อยู่ด้านบน

“ไปเชิญจางอู๋หยา อาจารย์ใหญ่จางมาพบข้า” ฉินอู๋เมี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

“ขอรับ”

เงาคนสีเขียวลุกขึ้น สองเท้าแตะพื้น ทะยานขึ้นกลางอากาศติดต่อกัน แล้วลอยหายไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

จางอู่หยานั่งนิ่งกลางโถงล้อมกวาง รู้สึกตื่นเต้น สีหน้าไม่ยินดียินร้าย แต่ว่าดวงตาเป็นประกาย กำข้อนิ้วแน่นจนขาว เห็นได้ว่าตอนนี้เขาพลุ่งพล่านขนาดไหน

พันธมิตรบู๊เป็นพันธมิตรผสมที่ยอดฝีมือระดับเอกะฟ้าในหมู่มนุษย์ซึ่งไม่ยอมถูกจับเป็นทาส กับสำนักใบไม้ที่มีท่าทีเป็นมิตรต่อมนุษย์ร่วมมือกันก่อตั้งขึ้น เพื่อรับมือตระกูลขุนนางสำนักโลหิตและภูตผีปีศาจ

ดังนั้นคนระดับฟากฟ้าอยู่ในตำแหน่งสูง มีความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกับเหล่าตระกูลขุนนางสำนักใบไม้ ไม่ใช่ข้ารับใช้

แต่เป็นเพราะความแตกต่างด้านพลังระหว่างเอกะฟ้ากับคนจากตระกูลขุนนาง พวกเขาจึงหดหู่มาโดยตลอด ไม่ว่าจะออกไปรับภารกิจหรือทำสิ่งใด ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาคนของตระกูลขุนนาง

ต่อให้พวกผู้เฒ่าไม่ยอมตายที่จางอู่หยาเป็นตัวแทนคือยอดฝีมือเอะฟ้าทั้งหมด แต่เพราะเป็นแค่จอมยุทธ์ ที่พลังไม่อาจบรรลุระดับพันธนาการ จึงได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เสมอภาค ถูกมองเป็นสมาชิกฝ่ายธุรการในแนวหลัง

ดังนั้นในแต่ละภารกิจ ที่แล้วมาพวกเขาจะได้รับการจัดให้ทำงานธุรการและงานสนับสนุนด้านข่าวสาร เวลาผ่านไปนาน ก็กลายเป็นคำแทนรวมๆ ของความอ่อนแอและการขาดความรู้

ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พันธมิตรบู๊ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลขุนนาง หรือว่ายอดฝีมือเอกะฟ้าส่วนใหญ่เช่นพวกเขา ค่อยๆ ยอมรับว่าการแบ่งงานเช่นนี้สมเหตุสมผล มนุษย์ได้แต่ทำงานประเภทงานธุรการและข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ไม่ว่าจะเพียรพยายามอย่างไรก็ไม่ใช่คู่มือของตระกูลขุนนาง

‘ถ้าไม่มีความหวังที่ท่านผู้นำส่งมาในครั้งนี้ เป็นอย่างนี้ต่อไป เสียงเรียกร้องแย่ๆ ต่อพวกเราในพรรคจะยิ่งมายิ่งดัง… เวลานานเข้า เกรงว่าแม้แต่เอกะฟ้าทั้งหมด ก็จะนึกว่าตัวเองได้แต่ทำงานออกแรงของคนแก่และคนป่วย เกิดฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่อาวุธเทพศัสตรามาร ความคิดแบบนี้จะต่างอะไรกับตระกูลขุนนางสำนักโลหิตเหล่านั้น วิทยายุทธ์จะต้องนำความหวังและทางออกมาให้มนุษย์’ จางอู่หยาตื่นเต้น กำคำสั่งลายมือของผู้นำไว้แน่นเปรียบประดุจของล้ำค่าหายาก

“เฒ่าจาง จัดการคนเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เส้นทางเล่า หนังสือลับต้องเป็นต้นฉบับ นี่เป็นสิ่งที่ท่านผู้นำตั้งใจกำชับมา” บุรุษวัยกลางคนผอมสูงคนหนึ่งก้าวยาวๆ เข้ามาจากด้านในโถงล้อมกวาง คนหนุ่มหลายคนติดตามอยู่ด้านหลัง ทั้งหมดสวมเกราะหนังสีเขียวอ่อนครึ่งตัว ใส่รัดเกล้าสีขาว ฝังหยกเขียวขนาดเท่าเล็บเม็ดหนึ่งไว้ที่กลางหน้าผาก

พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ฉินอู๋เมี่ยนซึ่งเป็นผู้นำจัดให้ มุ่งหน้าไปคุ้มครองการแลกเปลี่ยน บุรุษวัยกลางคนที่นำกลุ่มชื่อว่าก่วนเนี่ยน ด้านหลังเขาคือกลุ่มจิตเขียว

“เรียบร้อยแล้ว เรียบร้อยนานแล้ว ครั้งนี้เกี่ยวพันกับอาหารในพรรค ผู้แซ่จางย่อมไม่กล้าชะล่าใจ!” จางอู่หยาลุกขึ้นกล่าวเสียงกระจ่าง

ปีนี้เขาอายุแปดสิบเก้าแล้ว หลังจากสำเร็จเป็นเอกะฟ้าเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็เข้าร่วมพันธมิตรบู๊ เป็นผู้นำกลุ่มเอกะฟ้าคนอื่นๆ ในพันธมิตรบู๊วางแผนจัดการเรื่องราวฝ่ายธุรการแก่องค์กรทั้งองค์กร ในขณะเดียวกันก็เป็นยอดฝีมือเอกะฟ้าที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรบู๊ ไม่มีคนอื่นแล้ว

“พอแล้วๆ ไม่อย่างนั้นนายผู้เฒ่าท่านไม่ต้องไปแล้ว เที่ยวนี้มีข้าอยู่ รับรองว่าไม่เกิดเรื่อง” ก่วนเนี่ยนกอดอกเอ่ย

อย่างไรไปหรือไม่ไปก็ไม่มีผล เขาบ่นในใจ

สำหรับพวกเอกะฟ้าและจอมยุทธ์ที่จัดการงานธุรการ และมุมานะบากบั่นในพรรคเหล่านี้ ถึงแม้เขาจะขอบคุณและนับถือที่พวกเขาลงแรงและสนับสนุนให้พวกตนตอนออกศึก

แต่ลึกๆ ในใจเขาก็รู้สึกว่าคนหัวแข็งที่ไม่ยอมแพ้ จะเป็นจะตายก็ต้องใช้วิทยายุทธ์ชิงดีชิงเด่นกับตระกูลขุนนางอย่างจางอู่หยาทำไม่ถูก

‘ความสามารถแย่ก็จริง เหตุใดจึงไม่กล้ายอมรับ ความสามารถอ่อนแอก็ทำงานธุรการให้ดี ทุกคนแบ่งงานกันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ยามลงมือให้พวกเรา การส่งเสบียงให้พวกท่าน นี่ไม่ใช่ดียิ่งหรือ?’ นี่เป็นคำพูดที่เขาพูดอย่างเปิดเผยในโอกาสหนึ่ง

แต่ว่าเหล่าผู้เฒ่าหัวแข็งพวกนี้ไม่ยินยอม มักอ้างนู่นอ้างนี่ ทั้งๆ ที่ความสามารถไม่พอ ยังปากแข็งไม่ยอมรับอีก วันๆ เอาแต่โวยวายถึงคนที่เป็นตัวแทนความหวังของจอมยุทธ์

ทว่าคนในรายชื่อที่กล่าวว่าเป็นยอดฝีมือที่วรยุทธ์สุดยอดน่าอัศจรรย์ของมนุษย์เหล่านั้น พูดตามสัตย์ เขาแอบส่งคนไปทดสอบมาแล้ว แม้แต่มือข้างเดียวของน้องชายที่อ่อนแอที่สุดของเขาก็ยังรับไม่ได้…

ที่น้องชายของเขาอ่อนแอที่สุดเพราะเป็นคนที่ฝึกวิชาช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวในหมู่เอกะลักษณ์ระดับพันธนาการ แต่ยังคงไม่เหนือความคาดหมาย

ขณะมองจางอู่หยาที่อายุปูนนี้แล้ว ใบหน้ายังเปี่ยมความคาดหวังรอคอย เอาแต่สนใจดาวแห่งความหวังบนรายชื่อเหล่านั้น เขาก็อดบอกความจริงที่โหดร้ายนี้กับอีกฝ่ายทุกครั้งไม่ได้ มนุษย์ ต้องมีความเพ้อฝันและความหวังถึงจะดี ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm

“นี่แน่ะท่านผู้เฒ่า… ครั้งนี้ท่านเจอดาวแห่งความหวังอันใดอีกแล้วกระมัง ครั้งก่อนตอนที่ท่านเจอจางซงอวี๋นั่น ก็มีท่าทางแบบนี้เหมือนกัน” กวนเนี่ยนเอ่ยอย่างหมดปัญญา

“กล่าววาจาให้น้อยหน่อย จางซงอวี๋ช่วงนี้ปิดด่าน จะต้องบรรลุอะไรสักอย่าง หลังออกด่านมีความเป็นไปได้ว่าวรยุทธ์จะรุดหน้า อาจมีความหวังทำลายเส้นแบ่งอมนุษย์!” จางอู่หยาถลึงตาเป่าเครา

ก่วนเนี่ยนจนใจ ไม่ได้บอกว่าสาเหตุที่จางซงอวี๋ปิดด่าน เพราะถูกน้องชายตนเองทุบตี ถ้าพูดแบบนี้จริงๆ นายผู้เฒ่าคนนี้จะต้องเป็นลมแน่ ไม่แน่จะลากเขาไปให้ท่านผู้นำตัดสินถูกผิด

เขาทนยืนทำศึกน้ำลายหลายชั่วยามกับตาเฒ่าคนหนึ่งไม่ไหว

“ก็ได้ๆ ท่านพูดอะไรก็ว่าตามนั้นเถอะ จะว่าไป ครั้งนี้เป้าหมายที่จะแลกเปลี่ยนกับเราเป็นผู้ใด คำสั่งที่ท่านผู้นำให้จัดการเล่า บอกว่าให้ข้ากับจงอวิ๋นซิ่วลงมือพร้อมกัน นี่เป็นเรื่องหายาก

“ครั้งนี้ ครั้งนี้…” พอพูดถึงการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ จางอู่หยาก็กระตือรือร้นขึ้นมา “ครั้งนี้คนที่จะแลกเปลี่ยนกับพวกเรา คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ ดาวแห่งความหวังที่แท้จริงในหมู่จอมยุทธ์ของพวกเรา! ประมุขพรรควาฬแดง ลู่เซิ่ง!”

“ลู่เซิ่ง ประมุขพรรควาฬแดงหรือ ประมุขพรรควาฬแดงไม่ใช่เฒ่าแซ่หงสำนักอาทิตย์ชาดหรือ ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้ยืมแผนที่จากเขามา” ก่วนเนี่ยนกล่าวอย่างสงสัย

“ลู่เซิ่งเป็นเจ้าสำนักอาทิตย์ชาดที่รับตำแหน่งได้ไม่นาน คนผู้นี้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ฝึกฝนวิชาลมปราณแดงฉานในสำนักถึงระดับสูงสุด ขณะเดียวกันก็ว่ากันว่ายังศึกษาวิชาแข็งกร้าว วิชาดาบ…”

“พอๆๆ ท่านอย่าได้พูดวิทยายุทธ์อันใดกับข้า ข้าไม่สนใจ คุยธุระหลักเถอะ” ก่วนเนี่ยนหมดคำพูด รีบหยุดจางอู่หยาไว้ ไม่ให้ต่อความยาวสาวความยืด เขาเพียงสนใจวิชาลับอันแข็งกล้าที่ใช้เร่งพลังแห่งสายเลือด ส่วนของแบบวิทยายุทธ์ ฝึกไปชั่วชีวิตก็ต้านทานการสะกิดจากวิชาลับไม่ได้ มีความหมายหรือ

จางอู่หยาถูกก่วนเนี่ยนตัดบท โมโหจนไม่รู้จะทำอย่างไร ใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ผู้แซ่จางเพียงคิดเตือนหัวหน้ากลุ่มก่วน ประมุขพรรคลู่ผู้นี้มีพลังไม่ธรรมดา อาจทดลองดึงเขาเข้าร่วม…”

“เฒ่าจาง ท่านเรียกตัวเองเหมือนกับนายผู้เฒ่าคนอื่นๆ เถอะ อายุปูนนี้ยังมาผู้แซ่จางอะไรอีก ประมุขพรรคลู่ผู้นี้แข็งแกร่งขนาดไหนก็เป็นเอกะฟ้าคนหนึ่ง ดึงมาเข้าร่วมหรือไม่ มีความเกี่ยวข้องใด”

ก่วนเนี่ยนทราบว่า ผู้เฒ่าระดับเอกะฟ้าเหล่านี้คิดมาตลอดว่า เหล่าจอมยุทธ์มีความเป็นไปได้ในการต่อสู้กับความประหลาดลี้ลับและตระกูลขุนนาง แต่ความเป็นจริงคือความเป็นจริง เรื่องราวมากมายนับไม่ถ้วนได้รับการพิสูจน์มานานแล้ว นี่ก็เพียงแค่เรื่องเพ้อเจ้อเท่านั้น

“เอาล่ะ อย่าเสียเวลาเลย เก็บข้าวของ พวกเราสมควรเดินทางแล้ว” ก่วนเนี่ยนเตือนเป็นครั้งสุดท้าย “รีบเอาคำสั่งลายมือมาให้ข้าดู จะได้ยืนยันเวลาและสถานที่”

จางอู่หยาจนปัญญา โยนคำสั่งลายมือให้

ในกลุ่มพันธมิตรก่วนเนี่ยนคือหนึ่งในยอดฝีมือหลายคน เป็นมือสังหารขั้นสุดยอดระดับทวิลักษณ์ในหมู่คนของตระกูลขุนนาง แม้เขาจะสนิทกับจางอู่หยา กล่าววาจาไม่เกรงใจ แต่เรื่องนี้เขาเหมือนกับยอดฝีมือคนอื่นๆ รู้สึกว่าความหวังต่อวิทยายุทธ์นั้นไม่มีคุณค่าให้ชายตามอง

นี่ความจริงปกติยิ่ง ทุกครั้งที่รู้ว่ามีจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจปรากฏตัวขึ้น เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด สุดท้ายมักพบว่าเป็นสายเลือดตระกูลขุนนาง ไปๆ มาๆ ความคาดหวังที่ทุกคนมีต่อวรยุทธ์ก็น้อยลงเรื่อยๆ

ครั้งนี้ฉินอู๋เมี่ยนส่งกวนเนี่ยนกับจงอวิ๋นซิ่วไป เป็นเพราะเห็นว่าพวกเขามีท่าทีเป็นมิตรต่อมนุษย์ธรรมดามากที่สุด เนื่องจากลู่เซิ่งเป็นจอมยุทธ์มนุษย์ขนานแท้ ไม่มีสายเลือดตระกูลขุนนางใดๆ บวกกับมีจางอู่หยานายผู้เฒ่าติดตามขบวน เช่นนี้จะกระชับความสัมพันธ์ได้ง่าย

หลังอ่านคำสั่งลายมือเสร็จ ก่วนเนี่ยนไม่ได้สนใจบันทึกที่สงสัยว่าลู่เซิ่งเอาชนะรองผู้คุมจัตุรัสแดงได้ซึ่งหน้าแม้แต่น้อย ยังไม่เอ่ยถึงว่าสตรีกางร่มเพิ่งสู้กับตระกูลเจินไปหยกๆ อาการบาดเจ็บยังไม่ฟื้นฟู เรื่องน่าสงสัยประเภทนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับดาวแห่งความหวังคนอื่นๆ ภายหลังสิ้นเปลืองเวลา คน และทรัพยากรตรวจสอบ สุดท้ายก็พบว่าเป็นแค่เรื่องตลก

ตัวอย่างเช่นนี้มีมากไปแล้ว

ตกดึก จันทร์เพ็ญลอยสูง

บนท่าเรือข้างเรือวาฬแดง เกวียนเทียมวัวสิบกว่าคันจอดเตรียมมานานแล้ว ธัญญาหารถุงใหญ่ถูกซ่อนไว้ด้านใต้เสื้อผ้าที่กองอยู่บนเกวียน

เปลือกนอกของเกวียนเหล่านี้ใช้ชุดเก่าๆ ทำเป็นถุงคลุมเพื่ออำพราง วางธัญญาหารไว้ด้านใต้สุด

ลู่เซิ่งนำไปทั้งหมดห้าพันชั่ง หนึ่งถุงมีห้าสิบชั่ง บนเกวียนส่งข้าวหลายสิบคันวางไว้หนึ่งร้อยถุง

“เตรียมตัวเสร็จแล้วหรือไม่” ลู่เซิ่งขี่ม้าสีดำ หันกลับไปมองคนติดตามขบวน

“เตรียมตัวเสร็จแล้ว” นิ่งซานวิ่งเหยาะๆ เข้ามาตอบ “ท่านรองประมุขเฉินกับผู้อาวุโสต้วนถามว่าจะออกเดินทางเมื่อไหร่ เกวียนเทียมวัวเชื่องช้า ถ้ายังไม่ไป เกรงว่าจะถึงตอนฟ้าสาง”

“เตรียมตัวเสร็จแล้วก็ไป” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ ครั้งนี้ถ้าติดต่อกับขุมกำลังลึกลับเบื้องหลังหลี่ซุ่นซีผ่านตัวอีกฝ่ายได้ บางทีอาจได้วรยุทธ์ใหม่ๆ ที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมากพอ ปัจจุบันเขาขาดวิชาแข็งกร้าว วิชาแข็งกร้าวที่เก็บในพรรคไม่มีผลกับเขาแล้ว มีแต่วิชาแข็งกร้าวระดับสูง อาจก่อให้เกิดการกระตุ้นต่อสภาพหยางโชติช่วงได้

มองดูเกวียนเทียมวัวสิบกว่าคันที่ต่อแถวกัน ลู่เซิ่งหยีตา ใจลอยไปถึงวรยุทธ์ที่ตนฝึก

‘วิชาแข็งกร้าวเป็นภาชนะ กำลังภายในเป็นน้ำในภาชนะ หลังจากปราณภายในควบแน่นเป็นของเหลว มีแต่ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งแก่ภาชนะไม่หยุดยั้ง จึงจะบรรจุปราณภายในที่มากกว่าเดิมและแข็งแกร่งว่าเดิมได้ ต้องล้อมคอกก่อนวัวหาย รวบรวมวิชาแข็งกร้าวก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ภายหลังบรรจุปราณภายในที่ควบแน่นเป็นของเหลวไม่ไหว และยกระดับร่างกายไม่ได้ เจอสภาพการฝึกฝนหยุดชะงักอีกครั้ง’

“เตรียมตัวเสร็จแล้ว”

“เตรียมตัวเสร็จแล้ว”

“เตรียมตัวเสร็จแล้ว!”

พลพรรคด้านข้างเกวียนเทียมวัวยามนี้พากันส่งเสียง ลู่เซิ่งเห็นดังนั้น ก็ชูมือขึ้น

“ออกเดินทาง!”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Way of the Devil, Cực Đạo Thiên Ma, Extreme Dao Heavenly Demon, WoD, 极道天魔
Score 9.3
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1213 Chapters (จบแล้ว)
ลู่เซิ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย กลายเป็นคุณชายร่ำรวยมีเงินทอง แต่ละวันมีกับข้าวสามมื้อ มีสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีเขาคิดจะใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปจนตาย จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของเขาตายอย่างลึกลับหลังจากตรวจสอบคดีประหลาด ทั้งยังถูกฆ่าล้างตระกูล!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset