“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กำจัดจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการไปแล้ว นับว่ามรรคาสวรรค์พ้นภัยไปอีกครั้ง” จอมอริยะเสวียนตูเบี่ยงหัวข้อสนทนาไป
เขาร่วมมือกับหานเจวี๋ยอยู่ ไม่ต้องการให้เหล่าอริยะรู้สึกริษยาและมองหานเจวี๋ยเป็นศัตรูเพราะเหตุนี้
นับแต่โบราณกาลมา มีอยู่หลายครั้งที่อริยะบางคนในมรรคาสวรรค์ที่แข็งแกร่งเกินไปจะถูกเหล่าอริยะที่เหลือรุมโจมตี
แน่นอน จอมอริยะเสวียนตูทราบดีว่าเหล่าอริยะมิใช่คู่ต่อสู้ของหานเจวี๋ย เพียงกลัวเหล่าอริยะจะไปรนหาที่ตาย
“ใช่แล้ว ขอเพียงกำจัดจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการได้ อะไรก็ดีทั้งนั้น”
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าพวกเราไม่จำเป็นเลยเล่า”
“จะไม่จำเป็นได้อย่างไร หากมิใช่เพราะพวกเราขอร้องให้ผู้อาวุโสช่วยลงมือ แถมยังออกโรงด้วยตัวเอง สหายเต๋าหานไหนเลยจะกล้ามา คงนึกว่าถูกวางแผนเล่นงาน”
“จุ๊ๆ สหายเต๋าหานแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่กลับขี้ระแวงขนาดนี้ ช่างประหลาดนัก”
“ขี้ระแวงก็ดีแล้ว หานเจวี๋ยไม่เคยเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน ทุกครั้งล้วนเป็นเพราะถูกบีบคั้นให้ลงมือ ในจุดนี้คู่ควรให้พวกเราศึกษาไว้ หากพวกเราสมัครสมานกลมเกลียว ขยายมรรคาสวรรค์ให้ยิ่งใหญ่ ตบะต้องเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่ หากอริยะไม่ต่อสู้กันเอง คงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า”
เหล่าอริยะเร่งเดินทางพลางพูดคุยกันไปด้วย
….
หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจักรพรรดิเซียนวัฏจักร ให้จักรพรรดิเซียนวัฏจักรหยุดใช้วิชาอัญเชิญเทพทันที ทำให้คลื่นวนสีดำปิดตัวลง
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรที่ปฏิบัติตามคำสั่งถามเขาด้วยความฉงน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ เหตุใดถึงได้รีบร้อนเช่นนี้”
หานเจวี๋ยกล่าวสั้นๆ “เมื่อครู่กำลังต่อสู้อยู่”
“กับผู้ใด”
“ตัวตนที่อยู่เหนือกว่าอริยะมรรคาสวรรค์”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรตะลึงงัน
จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่ใช้วิชาอัญเชิญเทพครั้งก่อน กลิ่นอายอันน่าหวาดผวาสุดขีดสายนั้น
หานเจวี๋ยเป็นตัวตนระดับใดกันแน่
หลังจากหานเจวี๋ยให้จักรพรรดิเซียนวัฏจักรหยุดร่ายวิชาอัญเชิญเทพแล้ว ก็ไปที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
[ความเกลียดชังที่เทพบุพกาลมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]
ยอดเยี่ยม!
หนังสือแห่งความโชคร้ายจะได้ออกโรงแล้ว!
หานเจวี๋ยสบถด่า ไม่น่าเชื่อว่าดวงจิตมหามรรคที่คอยดูแลความเรียบร้อยในเขตฟ้าบุพกาลจะเป็นที่พึ่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ!
เขาไม่ได้คิดมากต่อไปอีก ถึงอย่างไรเทพบุพกาลก็เป็นดวงจิตมหามรรค บุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าของหานเจวี๋ยไม่ได้
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยปล่อยหานทั่วออกมา
หานทั่วนอนอยู่บนพื้น สลบไสลไม่ได้สติ หานเจวี๋ยพลันโบกมือ ดึงวิญญาณดวงหนึ่งออกมา
เป็นคนชุดขาวที่หานทั่วพบในแดนเทพหวนปัจฉิมก่อนหน้านี้
นี่เป็นพียงเสี้ยววิญญาณส่วนหนึ่ง
คนชุดขาวมีสีหน้าฉงน ถามว่า “ท่านเป็นผู้ใด สามารถทำลายล้างจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการได้ ท่านไม่รู้หรือว่าผู้ใดหนุนหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการอยู่”
หานเจวี๋ยสังหารเขาทันที ถึงอย่างไรก็มิใช่ร่างจริง ทิ้งไว้จะเกิดเรื่องได้ง่ายๆ
[ความเกลียดชังที่โพธิสัตว์จุนทีมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]
[เหล่าจื่อเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]
[เทพสูงสุดหยวนสื่อเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
[อริยะเจ็ดวิถีเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
[อวี้ผูถีเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
[เจ้าแม่หนี่ว์วาเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
[อินกั่วเทียนเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]
….
แจ้งเตือนความเกลียดชังเริ่มเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ยอย่างบ้าคลั่ง เขามองด้วยความตะลึง
มีผู้ทรงพลังทั้งหมดยี่สิบหกคนที่เกิดความเกลียดชังในตัวเขา ในบรรดานั้นมีรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในเทวตำนานจีนรวมอยู่ไม่น้อยเลย
‘เกิดอะไรขึ้น’
หานเจวี๋ยตกตะลึง
เขาเรียกดูรูปประจำตัวของผู้ทรงพลังเหล่านี้ พบว่าไม่มีตัวตนระดับผู้สร้างมรรคาอยู่ อดที่จะโล่งใจไม่ได้
หานเจวี๋ยใช้ระบบวิวัฒนาการทำนายดูเพื่อป้องกันไว้ก่อน
‘บรรดาผู้ทรงพลังที่เกิดความเกลียดชังในตัวข้าเมื่อครู่นี้สามารถทำลายค่ายกลอาณาเขตเต๋าของข้าได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่ได้]
หานเจวี๋ยโล่งใจอย่างสมบูรณ์
หลังจากสงบใจลง เขาก็ใช้ความคิด
หรือว่าคนที่หนุนหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการอยู่ก็คือผู้ทรงพลังเหล่านี้โนlวลกูดอทคoม
ช้าก่อน!
เช่นนั้นเหตุใดผู้ทรงพลังเหล่านี้ถึงช่วยอริยะอย่างพวกเขาตรึงกำลังตัวตนที่อยู่เบื้องหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการเล่า
เขียนบทเองแสดงเองอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยคิดๆ ไปก็รู้สึกหวาดผวาอย่างยิ่ง
หรือว่าเดิมทีผู้ทรงพลังเหล่านี้คิดจะยืมมือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการทำลายล้างอริยะ จากนั้นก็ทำลายมรรคาสวรรค์ต่อใช่หรือไม่
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้
หานเจวี๋ยไม่เข้าใจ
[ตี้จวินต้องการเข้าฝันท่าน จะยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนนี้ ไม่ได้ตอบรับในทันที แต่สอบถามว่า ‘หากข้ายอมรับการเข้าฝันของเขา จะมีอันตรายหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยถึงได้สบายใจ ยอมรับการขอเข้าฝันของตี้จวิน
ในแดนความฝัน ทั้งสองยืนอยู่บนยอดเมฆา
ตี้จวินจ้องมองหานเจวี๋ย ถามเสียงขรึม “เจ้าพิสูจน์เสรีตั้งแต่เมื่อไร”
เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าผู้ทรงพลังนึกเชื่อมโยงไปถึงมหามรรคต้นกำเนิด หานเจวี๋ยจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวไปว่า “ขอกล่าวตามตรงเลย เดิมทีข้าก็เป็นอริยะเสรีอยู่แล้ว ตัวตนหานเจวี๋ยในชาตินี้เพียงจุติลงมาหาประสบการณ์ในแดนเซียนเท่านั้น”
ตี้จวินขมวดคิ้วแน่น
หากสิ่งที่หานเจวี๋ยพูดมาเป็นความจริง การที่ก่อนหน้านี้พวกเขามองหานเจวี๋ยไม่ออก ก็แปลว่าความสามารถดั้งเดิมของหานเจวี๋ยอาจจะแข็งแกร่งทัดเทียมกับพวกเขามิใช่หรือ
หานเจวี๋ยแสร้งทำเป็นสุขุม ตี้จวินเป็นสหายของเขา ตอนนี้ยังไม่เกิดความเกลียดชังด้วย ดังนั้นหานเจวี๋ยจึงอยากฟังว่าเขาจะว่าอย่างไร
“เจ้าสังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ นี่มิใช่เรื่องดีเลย” ตี้จวินเอ่ยเสียงเรียบ
หานเจวี๋ยกล่าวไปว่า “ข้าสังหารเขาเพื่อมรรคาสวรรค์ อริยะรายอื่นขอร้องให้ข้าออกโรง คาดว่าเหล่าผู้ทรงพลังแดนเทพหวนปัจฉิมก็คงจะให้การปกป้องพวกเราเช่นกัน”
ตี้จวินเอ่ยว่า “ย่อมปกป้องแน่ เจ้าลงมือเพียงเพื่อปกป้องมรรคาสวรรค์จริงๆ น่ะหรือ”
“มิเช่นนั้นจะทำเพื่ออันใดเล่า?”
ตี้จวินจ้องมองหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยก็สันนิษฐานอยู่ในใจเช่นกัน แต่เขาไม่ได้พูดออกไป ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่มีผู้ทรงพลังยี่สิบหกคนเกิดความเป็นอริกับเขา
“ต่อไปหากมรรคาสวรรค์เผชิญอันตราย เจ้าอย่าได้ลงมืออีก พวกเราจะจัดการเอง”
เมื่อตี้จวินกล่าวประโยคนี้จบก็สลายแดนความฝัน
ณ โลกความเป็นจริง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ถามในใจ ‘ตี้จวินก็เป็นหนึ่งในผู้หนุนหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการใช่หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ใช่]
‘สาเหตุที่ผู้ทรงพลังเหล่านี้วางแผนเล่นละครทำลายมรรคาสวรรค์ ก็เพื่อล้มล้างมรรควิถีแห่งบรรพชนเต๋าใช่หรือไม่’
หานเจวี๋ยนึกออกแค่สาเหตุนี้เท่านั้น
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ใช่]
หานเจวี๋ยถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง
ถูกผู้ทรงพลังมากมายขนาดนี้หมายหัวมิใช่เรื่องดีเลย จุดแข็งเพียงหนึ่งเดียวของหานเจวี๋ยคืออาณาเขตเต๋า ต่อไปจะออกไปข้างนอกส่งเดชไม่ได้อีก
ผู้ทรงพลังเหล่านั้นไม่ทราบว่าหานเจวี๋ยคาดเดาเรื่องราวที่แท้จริงได้แล้ว น่าจะยังไม่เผยตัวแตกหักกับเขาซึ่งๆ หน้า อย่างมากก็คงคลางแคลงในฐานะตัวตนของเขา ตี้จวินคือตัวอย่างที่ดีที่สุด
จิตใจหานเจวี๋ยว้าวุ่น
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
[เจ้าแม่หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
ยอมรับ!
หานเจวี๋ยเข้าสู่แดนความฝันอีกครั้ง พบกับเจ้าแม่หนี่ว์วา
แดนความฝันคือทิวเขาแห่งเขาเทพปู้โจว ทัศนียภาพงดงาม
เจ้าแม่หนี่ว์วาเอ่ยถาม “หานเจวี๋ย เจ้าเกี่ยวข้องกับบรรพชนเต๋าอย่างไร”
ใช่จริงๆ เดาไว้ไม่ผิดเลย!
หานเจวี๋ยตอบ “ไม่เกี่ยวข้องกัน เหตุใดจึงถามเช่นนี้”
เขาแสร้งเอ่ยถามด้วยความสับสน “ข้าแค่สังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการเท่านั้น เหตุใดเหล่าผู้อาวุโสล้วนแต่มาเข้าฝันข้ากัน หรือว่าข้าสังหารผิดตัวไป”
เจ้าแม่หนี่ว์วาส่ายหน้าพลางตอบว่า “มิใช่ เจ้าสังหารถูกตัวแล้ว พวกเราแค่ตกใจกับพลังของเจ้าเท่านั้น”
ไปหลอกผีเถอะ!
ผู้เฒ่ารู้แผนชั่วของพวกเจ้าหมดแล้ว!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “ข้ามีพลังแข็งแกร่งแล้วไม่ดีหรือ จะได้ปกป้องมรรคาสวรรค์ได้”
“นั่นก็ดีแล้ว เพียงแต่เจ้าได้เขาเทพปู้โจวมาจากไหน ในอดีตเขาเทพปู้โจวถูกบรรพชนจอมเวททำลายล้าง ซากเขาที่เหลืออยู่ถูกบรรพชนเต๋าเก็บไป…”
เจ้าแม่หนี่ว์วาถามอย่างมีนัยแฝง