เผชิญหน้ากับหกอริยะสูงส่งเหนือปวงชน หลี่เต้าคงกลับไม่หวั่นเกรง ท่าทางสงบนิ่ง แววตาเยือกเย็น
“คุกเข่าหรือ น่าขัน!”
ใบหน้าหลี่เต้าคงปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน เอ่ยว่า “หากมอบเวลาให้ข้าอีกหนึ่งมหาเคราะห์ ข้าสามารถปลิดชีพพวกเจ้าได้ในกระบี่เดียว!
อริยะหรือ อริยะที่แท้จริงสูญสิ้นไปนานแล้ว อริยะอย่างพวกเจ้าเพียงสวมหัวโขนอริยะไว้ ทำทุกวิถีทางเพื่อสนองต่อความต้องการของตน
สำนักซ่อนเร้นของข้ามิได้พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือพวกเจ้า เพียงยากจะต้านศัตรูมหาศาลได้เท่านั้น!
ข้า หลี่เต้าคง ก็ไม่ยอมสิ้นชีพด้วยน้ำมือพวกเจ้าเช่นกัน พวกเจ้าไม่คู่ควร!”
เมื่อหลี่เต้าคงกล่าวจบ แสงเจิดจ้าพลันระเบิดออกมาจากร่าง
ฉากสถานการณ์สลายลงตรงนี้
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่ความเป็นจริง คิ้วของเขาขมวดแน่น
น่าอนาถปานนี้เชียวหรือ
มรรคาสวรรค์จ้องเล่นงานสำนักซ่อนเร้นใช่หรือไม่
ดูจากคำพูดของหลี่เต้าคง น่าจะเป็นเช่นนี้ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยก็ทำนายพบว่ามรรคาสวรรค์หลอกใช้ฉิวซีไหลมาเล่นงานตน
หานเจวี๋ยถามในใจเงียบๆ ‘หากข้าสาปแช่งมรรคาสวรรค์โดยตรง จะเป็นอย่างไร’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เสี่ยงเผชิญการสะท้อนกลับของมรรคาสวรรค์ได้ง่ายๆ หากสาปแช่งสำเร็จ ทุกสิ่งภายใต้มรรคาสวรรค์จะล่มสลายทั้งหมด]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ทำลายล้างทุกอย่างในมรรคาสวรรค์ นั่นออกจะเกินไปหน่อย หากไม่บีบคั้นจวนตัว ก็ช่างเถอะ
‘เห็นทีว่าจำเป็นต้องแย่งชิงดวงชะตา ควบคุมมรรคาสวรรค์เสียแล้ว’
หานเจวี๋ยตัดสินใจแล้ว ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว
‘ยังเหลือเวลาอีกเท่าไรกว่าจะถึงช่วงเวลาที่วิวัฒนาการได้เมื่อครู่’ หานเจวี๋ยถาม
[อีกสามพันล้านปีให้หลัง]
ครั้งนี้ระบบไม่ได้หักอายุขัย
เมื่อเห็นว่าเหลือเวลาอีกนานหานเจวี๋ยก็พลันโล่งใจ
ยังไม่สาย!
ในเมื่อทราบผลลัพธ์แล้ว เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้!
หนักแน่นไว้ก่อน!
รอให้สำนักซ่อนเร้นมีครึ่งอริยะคนอื่นปรากฏขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ส่งหลี่เต้าคงไปช่วยเหลือทางเผ่าสวรรค์แค่คนเดียว หานเจวี๋ยรู้สึกไม่วางใจ
ต่อให้หลี่เต้าคงแข็งแกร่งแค่ไหน ก็มิใช่อริยะ หากเผชิญกับการปิดล้อมโจมตีจากครึ่งอริยะ อาจจะเสียเปรียบบ้างไม่มากก็น้อย
หานเจวี๋ยหลับตา ฝึกบำเพ็ญต่อ
….
ณ ชั้นฟ้าที่สิบสาม ขณะที่มหาจักรพรรดิเฉินกำลังจะเหินสู่ด้านบนต่อ เงาร่างหนึ่งพลันบึ่งทะยานเข้ามาหา
มหาจักรพรรดิเฉินเหลือบมอง ขมวดคิ้วนิดๆ
ผู้มาคือสือตู๋เต้าผู้มีรูปร่างหน้าตาเช่นเดียวกับจ้าวอวิ๋น เตี่ยนเหวยและซือหม่าอี้
สือตู๋เต้าสวมชุดดำปักลายมังกร บุคลิกองอาจ แววตาคมกริบ
เขาหยุดลงตรงหน้ามหาจักรพรรดิเฉิน “พิจารณาดูแล้วหรือยัง”
มหาจักรพรรดิเฉินกล่าวอย่างสงบ “วิถีไร้พ่ายของเจ้ามีผู้ติดตามมากน้อยเพียงใด”
สือตู๋เต้าตอบ “สามพันคนแล้ว ต่างคนต่างมีพลังวิเศษ เพียงพอจะถล่มสำนักดวงชะตาใดๆ สักแห่งในโลกได้”
“กล่าวอีกอย่างคือ สู้สำนักดวงชะตาที่ร่วมมือกันตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไปไม่ได้กระมัง”
การย้อนถามของมหาจักรพรรดิเฉิน เมื่อสือตู๋เต้าได้ฟังก็ขมวดคิ้ว
สือตู๋เต้าจ้องมองมหาจักรพรรดิเฉิน เอ่ยว่า “แม้เจ้าจะเป็นจักรพรรดิมนุษย์แห่งเผ่ามนุษย์ แต่เผ่ามนุษย์ลืมเจ้าไปนานแล้ว มิสู้มาติดตามข้า หากใช้มือเดียวบังฟ้าได้ เผ่ามนุษย์ต้องหวนคืนฐานะเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์แน่นอน”
มหาจักรพรรดิเฉินส่ายหน้า กล่าวว่า “แดนเซียนมีอาณาจักรนับร้อย มรรคาสวรรค์มีโลกานับหมื่น ตัวเจ้าสือตู๋เต้ามิใช่อันดับหนึ่งในหมู่ผู้อยู่ต่ำกว่าอริยะ คิดจะดึงตัวข้าเข้าพวก เจ้าต้องประกาศศักดาให้ได้เสียก่อน เมื่อเจ้ากลายเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ผู้อยู่ต่ำกว่าอริยะ เกรงว่านอกจากข้าแล้ว เหล่าผู้ทรงพลังในโลกมนุษย์ล้วนแต่จะบ่ายหน้ามาหาเจ้าแน่”
คิ้วของสือตู๋เต้าขมวดแน่นกว่าเดิม
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ หันหลังจากไป หายลับไปจากขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
มหาจักรพรรดิเฉินส่ายหน้า หายไปจากชั้นฟ้าที่สิบสาม
….
สามร้อยปีต่อมา
หานเจวี๋ยแสดงธรรมเสร็จสิ้น เขตเซียนร้อยคีรีเงียบสงัดไปหมด ศิษย์นับล้านยังคงอยู่ในสภาวะตระหนักมรรค
หานเจวี๋ยเดินมาหยุดหน้าต้นฝูซัง สังเกตการเติบโตของต้นฝูซัง มิใช่แค่ต้นฝูซัง ใต้ต้นยังมีของล้ำค่าฟ้าดินอีกมากมาย ล้วนเติบโตขึ้นเป็นอย่างดี
เจ้าใหญ่ เจ้ารองและไก่คุกรัตติกาลหมอบอยู่บนกิ่งไม้ ร่างกายล้วนใหญ่โตยิ่งนัก
เมื่อไก่คุกรัตติกาลไม่อ้าปากพูด ช่างดูน่าเกรงขามจริงๆ ให้ความรู้สึกข่มขวัญยิ่ง ราศีไม่ด้อยไปกว่าอีกาทองอีกสองตัวเลย
ช่วงนี้หานเจวี๋ยพบว่าไอเซียนและปราณฟ้าประทานภายในอาณาเขตเต๋าใกล้จะตอบสนองต่อทุกคนไม่ทันแล้ว
ถึงแม้ไอเซียนของอาณาเขตเต๋าจะหนาแน่นกว่าพื้นที่ใดๆ ในมรรคาสวรรค์ แต่ขนาดของอาณาเขตเต๋าไม่อาจเทียบเคียงกับมรรคาสวรรค์ได้
ระดับเทพหลายพันคน ต้าหลัวหลายคน ยังมีผู้บำเพ็ญอีกนับล้าน อาณาเขตเต๋าค่อนข้างตามไม่ทันจริงๆ
‘นอกจากค่ายกลของอาณาเขตเต๋า ข้ายังต้องพิจารณาถึงระดับพลังวิญญาณด้วย’
หานเจวี๋ยถอนหายใจอยู่ภายในใจ nᴏveʟɢu.ᴄᴏᴍ
หากในอาณาเขตเต๋ามีคนเพียงจำนวนหนึ่ง ไม่มีทางต้องเผชิญกับปัญหาเช่นนี้ แต่เขาชุบเลี้ยงสิ่งมีชีวิตนับล้าน มีได้ก็ต้องมีเสีย
แต่ตอนนี้ยังพอใช้ได้ ขอเพียงจำนวนสิ่งมีชีวิตไม่เพิ่มขึ้นอีก ความเร็วในการทะลวงระดับของเหล่าศิษย์ไม่ได้รวดเร็วถึงเพียงนั้น น่าจะไม่ต้องกังวลถึงปัญหาด้านพลังวิญญาณ
‘เหตุใดข้าถึงคิดเช่นนี้เล่า นี่มิใช่สิ่งที่ข้าต้องการหรอกหรือ’
หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดขำออกมา
อีกไม่กี่ร้อยปี เขาก็จะอายุครบสี่หมื่นปีแล้ว
ยามที่อายุสี่หมื่นล้านปีน่าจะได้ของดีบ้าง ไม่เรียกร้องถึงการยกระดับระบบก็ได้ แต่ยกระดับอาณาเขตเต๋าสักครั้งน่าจะไม่เกินไปกระมัง
หานเจวี๋ยคุยกับระบบอยู่ในใจ
ระบบไม่ได้ตอบกลับ เป็นปกติยิ่ง เจ้าระบบนี้ไม่ได้มีสติปัญญามากนัก เวลาทั่วไปไม่ได้สื่อสารพูดคุยกับหานเจวี๋ยเลย
ถ้ามันสื่อสารกับหานเจวี๋ยบ่อยๆ จริง เขาคงตระหนกกระสับกระส่าย ราวกับมีใครอีกคนอาศัยอยู่ในร่างเขา
จากนั้น หานเจวี๋ยกลับไปที่อารามเต๋า ฝึกบำเพ็ญไปพลาง ตรวจดูจดหมายไปพลาง
[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ไท่กู่หยวนเฟิ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านได้รับการเข้าฝันจากบรรพชนเต๋า พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่ามาร] x13920
[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมหาจักรพรรดิเซียวสหายของท่าน]
[หานมิ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนวัฏจักรสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ผานซินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
….
เมื่อไล่อ่านลงไป บาดเจ็บสาหัสกันมากมายนัก!
เขานึกว่ามหาเคราะห์เปิดฉากขึ้นเสียแล้ว
สหายที่หายหน้าไปนานบางส่วนต่างเริ่มโผล่มาแล้ว ยกตัวอย่างเช่นจักรพรรดิเซียนวัฏจักรและไท่กู่หยวนเฟิ่ง
ยังมีหานมิ่งด้วย…
สำหรับหานมิ่งน้องชายราคาถูกคนนี้ หานเจวี๋ยแทบจะลืมไปแล้ว ถึงอย่างไรสายสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ตัดขาดไปนานแล้ว
หานมิ่งก็รู้ความยิ่ง ไม่เคยกลับมาหาหานเจวี๋ย สร้างความยุ่งยากให้เขาเลย
เสมือนทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ต่างคนต่างอยู่
สิ่งที่ควรค่าพอให้กล่าวถึงคือ ค่าความประทับใจที่หานมิ่งมีต่อหานเจวี๋ยยังคงเป็นหกดาว กล่าวให้ชัดคือไม่เคยลืมหานเจวี๋ยหรือเกลียดชังเขาเลย
หากคุณสมบัติหานมิ่งไม่ย่ำแย่ ก็พอรับไว้ได้
น่าเสียดาย
หานเจวี๋ยเพียงคิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่คิดปล่อยให้หานมิ่งกลายเป็นจุดอ่อนของตน
อย่าว่าแต่หานมิ่งเลย หากหานเจวี๋ยต้องเผชิญสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ หากไม่มีวิธีอื่น เขาจะเลือกเพียงตัวเองเสมอ
ชีวิตชาตินี้ของเขา เพียรพยายามเพื่อชีวิตยืนยาวอมตะเท่านั้น ทุกอย่างที่ได้รับมาระหว่างทางล้วนเป็นกำไร ไม่อาจหลงลืมเจตจำนงได้
ในไม่ช้า ความสนใจของหานเจวี๋ยก็ย้ายไปอยู่ที่บุคคลอื่น
เพราะเวรกรรม จึงมีการต่อสู้กันไม่สิ้นสุด
หากมีปราณม่วงอนธการสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาจริงๆ จะไม่วุ่นวายกว่าเดิมหรือ
หานเจวี๋ยค่อนข้างตั้งตารออย่างน่าประหลาด
“ข้า เทพสูงสุดหนานจี๋ อีกร้อยปีให้หลัง จะแสดงธรรม ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม สรรพสิ่งมาสดับฟังได้ทั้งสิ้น ในการสดับครั้งนี้จะเป็นการกำหนดตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์!”
เสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดของสำนักซ่อนเร้นสะดุ้งตื่นขึ้นมา
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วแวบหนึ่ง
เริ่มขุดหลุมพรางดักคนอีกแล้ว!
นี่คงต้องการหลอกล่อสรรพสิ่งกระมัง
หานเจวี๋ยลังเล ฉวยโอกาสสาปแช่งเทพสูงสุดหนานจี๋ตอนแสดงธรรมสักหน่อยดีหรือไม่
ช่างเถอะ หากเทพสูงสุดหนานจี๋เป็นบ้าไป ผู้สดับฟังมรรคจะมีอันตราย ก่อบาปมหันต์เกินไป
[เจ้าแม่หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
ข้อความแถวหนึ่งพลันเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
—
MasterGU.edited = จักรพรรดิเซียนกลับชาติมาเกิด->จักรพรรดิเซียนวัฏจักร