“ได้”
เมื่อได้รับคำตอบของหานเจวี๋ย ฉิวซีไหลก็ตอบรับคำหนึ่ง ไม่รู้ว่าเชื่อเขาหรือไม่
หานเจวี๋ยถาม “ซูฉีศิษย์ข้า…”
วาจาส่วนหลังเขาไม่ได้กล่าวจนจบ ก็เชื่อว่าฉิวซีไหลจะเข้าใจ
ฉิวซีไหลตอบ “เขาถูกคุมขังไว้ในคุกเผ่าสวรรค์ จะลงโทษประหารในอีกร้อยปีให้หลัง เมื่อถึงเวลาข้าจะคุ้มครองวิญญาณไว้ แล้วค่อยมอบให้เจ้า จำไว้ อย่าให้เขาอยู่ในขอบเขตมรรคาสวรรค์”
หานเจวี๋ยเอ่ยขอบคุณทันที
ขอเพียงเหลือโอกาสรอดให้ซูฉีสักนิดก็พอแล้ว
ซูฉีสมควรตายจริงๆ ใช้พลังวิเศษทลายมรรคากวาดล้างสรรพสิ่ง หากไม่ถูกลงโทษเสียบ้าง คงมีเพียงภูตผีเท่านั้นที่รู้ว่าวันหน้าจิตใจของคนผู้นี้จะบิดเบี้ยวกำเริบเสิบสานขึ้นมาหรือไม่
ฉิวซีไหลก็ไม่พูดต่อให้มากความเช่นกัน สลายแดนความฝันไปทันที
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่ความเป็นจริง จู่ๆ เขาก็พบว่าท่าทีที่ฉิวซีไหลมีต่อตนคล้ายจะมิได้กระตือรือร้นมากเท่าก่อนหน้านี้ คล้ายจะลดทอนลงไปมาก
อาจเป็นเพราะมหาเคราะห์ปิดฉากลง ฉิวซีไหลรู้สึกว่าตนมีชัยแล้ว จึงไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่บรรพชนเต๋าเรียกว่าตัวแปรอีกต่อไป
หานเจวี๋ยยิ้มแวบหนึ่ง นี่ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน
ยิ่งฉิวซีไหลไม่ให้ความสำคัญกับเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งเติบโตอย่างเงียบเชียบได้มากขึ้นเท่านั้น
รอจนกว่าฉิวซีไหลจะไหวตัวทัน ก็พบว่าหานเจวี๋ยเป็นอริยะไปแล้ว เช่นนั้นจะน่าตะลึงสักเพียงใดเล่า
หานเจวี๋ยไม่คิดมากอีก ฝึกบำเพ็ญต่อไป
ว่ากันตามวิชายุทธ์มหามรรควัฏจักรอนธการที่รับสืบทอดมา หากอยากบรรลุระดับครึ่งอริยะ จำเป็นต้องแตกฉานในมหามรรคเสียก่อน หานเจวี๋ยดูดซับแรงกรรมจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรพลางทำความเข้าใจมหามรรคเอกอุบัติไปด้วย
ส่วนมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดก่อนหน้านี้ หานเจวี๋ยตั้งใจว่าจะละทิ้ง
หากว่ามหามรรคเวียนว่ายตายเกิดมีผู้ฝึกไปก่อนแล้ว เช่นนั้นต่อให้หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญเท่าใด ก็ยากจะเหนือกว่าอีกฝ่ายได้
แต่มหามรรคเอกอุบัติกลับต่างออกไป เป็นมหามรรคของหานเจวี๋ยโดยเฉพาะ เขาสามารถฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจได้
ในไม่ช้า หานเจวี๋ยก็เข้าสู่สภาวะตระหนักมรรค
มหามรรคเอกอุบัติลึกลับยากจะคาดเดา แม้ว่าหานเจวี๋ยเป็นผู้สรรสร้างขึ้น แต่หากอยากรู้แจ้งอย่างสมบูรณ์ถ่องแท้ ก็ต้องใช้เวลายาวนานเช่นกัน
….
ระยะเวลาร้อยปีผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา
วันนี้ ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ได้เห็นจดหมายของซูฉี
[ซูฉีลูกศิษย์ของท่านเผชิญทัณฑ์สวรรค์จากเผ่าสวรรค์ ตัวตายมรรคผลสลาย โชคดีที่ดวงวิญญาณได้รับการช่วยเหลือจากอริยะ]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถึงแม้ฉิวซีไหลจะซุกซ่อนแผนร้ายไว้ แต่ก็ยังรักษาคำพูดจริงๆ
ระยะนี้ กล่องจดหมายของเขามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง แทบทั้งหมดล้วนเป็นจดหมายแจ้งว่าบรรดาสหายเผ่าสวรรค์ได้รับโอกาสวาสนา
สรรพสิ่งใต้ร่มเงามรรคาสวรรค์ดับสูญ มีสมบัติวิเศษมากมายนักที่หลงเหลือทิ้งไว้บนโลกมนุษย์
หานเจวี๋ยคิดไปคิดมาก็เรียกเหล่าศิษย์มารวมตัวกัน
“พวกเจ้าอยากออกไปหรือไม่” หานเจวี๋ยถาม
เมื่อเหล่าศิษย์ได้ฟังต่างตกตะลึง ไม่มีผู้ใดส่งเสียงออกมาเลย ด้วยคิดว่าหานเจวี๋ยกำลังแสร้งพูดเพื่อลองเชิงพวกเขาอยู่
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มรรคาสวรรค์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง มีของล้ำค่าตกค้างอยู่ในโลกามากมาย หากว่าพวกเจ้าต้องการ สามารถออกไปเก็บเกี่ยวได้ สมบัติวิเศษล้วนจะเป็นของพวกเจ้า หากเก็บได้ของล้ำค่าแห่งฟ้าดิน ให้นำกลับมาเพาะปลูกที่เขตเซียนร้อยคีรี”
“จำไว้ หากพบเจอเศษซากศพใหญ่ยักษ์เหล่านั้น จงเลี่ยงไปเสีย เศษร่างเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายไปแล้ว เจือปนพลังคำสาป อาจจะเข้าสู่ร่างกายพวกเจ้าก็เป็นได้”
ทุกคนตาลุกวาวทันที อันที่จริงพวกเขามีความคิดเช่นนี้อยู่นานแล้ว แต่หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากหานเจวี๋ย พวกเขาก็ไม่กล้าทำตัววุ่นวาย
พวกจ้าวเซวียนหยวน เต้าจื้อจุน เจียงอี้ มู่หรงฉี่และสวินฉางอันต่างพากันเอ่ยขออนุญาต
หานเจวี๋ยอนุญาตทุกคน
ท้ายที่สุด เหลือเพียงไก่คุกรัตติกาล สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นและลี่เหยาที่รั้งอยู่ แม้แต่สิงหงเสวียน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็ออกไปเช่นกัน
อู้เต้าเจี้ยนได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกเป็นครั้งแรกจึงรู้สึกประหม่ายิ่งนัก แต่มีคนอื่นๆ ร่วมทางไปด้วย น่าจะไม่เกิดเรื่องขึ้น
หานเจวี๋ยไม่ให้พวกเขาเดินทางตามลำพัง ต้องจับกลุ่มสามคนขึ้นไป
หานเจวี๋ยมองสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น เอ่ยหยอกเย้า “เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปเล่า”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นส่ายหน้าด้วยความหวาดผวา เอ่ยตอบ “ข้าไม่มีทางออกไป ภายภาคหน้าถึงต้องตายข้าก็จะไม่ออกไป!”
หานเจวี๋ยขบขัน
ดูเหมือนหลี่เสวียนเอ้าจะสร้างปมในใจไว้ให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมากมายเหลือเกิน
เมื่อนึกถึงหลี่เสวียนเอ้า ระยะนี้กลับไม่เห็นความเคลื่อนไหวของหลี่เต้าคงเลย คนผู้นี้เพิ่งบรรลุระดับเซียนทองต้าหลัวระยะสมบูรณ์เมื่อไม่นานมานี้ คาดว่าคงปิดด่านฝึกฝนอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ไก่คุกรัตติกาลหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ไอ้ลูกหมา รู้ความดียิ่ง”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยิ้มยิงฟัน ท่าทางภูมิใจอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยมองไปที่ลี่เหยา เอ่ยถาม “เจ้าก็ไม่กล้าออกไปหรือ ถึงแม้คุณสมบัติของเจ้าจะยอดเยี่ยม แต่มีของวิเศษน้อยเกินไป”
ลี่เหยาส่ายหน้ากล่าวตอบ “สมบัติวิเศษสุดท้ายก็เป็นสิ่งนอกกาย ข้าเชื่อมั่นในพลังวิเศษของตนเท่านั้น”
สำหรับจุดนี้ หานเจวี๋ยก็ไม่มีอะไรให้พูดเช่นกัน
ทั้งสี่แยกย้ายกันไป ต่างคนต่างไปฝึกบำเพ็ญ
ห้าปีผ่านไป
ฉิวซีไหลมาเข้าฝันหานเจวี๋ย บอกว่าจะส่งมอบวิญญาณของซูฉีให้เขา ให้เขาออกไปนอกชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม นั่นคือพื้นที่นอกเหนือการควบคุมของมรรคาสวรรค์โน!วลกูดoทคอม
หานเจวี๋ยคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ให้หุ่นเชิดสวรรค์ของตนไปจัดการแทน
หลังจากหุ่นเชิดสวรรค์ได้รับพลังเวทของเขา ก็มีระดับเทียบเท่าเซียนทองต้าหลัว เหาะไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสามได้ไม่ยากเย็น
ครึ่งปีผ่านไป หุ่นเชิดสวรรค์ก็นำดวงวิญญาณของซูฉีกลับมา
หานเจวี๋ยรับมันเข้าสู่จักรวาลโลกดาราทันที บรรจุไว้ในดาราดวงหนึ่ง สะกดพลังแห่งความโชคร้ายไว้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยปล่อยซูฉีออกสู่สังสารวัฏอีกครั้ง
ภายในอารามเต๋าเหลือเพียงหานเจวี๋ยเท่านั้น ช่วงนี้ดวงจิตประหลาดชอบตระเวนไปทั่วเขตเซียนร้อยคีรี กลับมาน้อยครั้งยิ่ง อย่างไรก็ตามมันสามารถควบคุมพลังของตนได้แล้ว ไม่ทำร้ายผู้อื่นอีก ดังนั้นหานเจวี๋ยจึงปล่อยให้มันคลื่อนไหวอย่างอิสระเสรี ขอเพียงไม่ออกจากอาณาเขตเต๋าก็พอ
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งอริยะมิ่งจี
เขตเซียนร้อยคีรีมีอาณาเขตเต๋าปิดกั้น อารามเต๋ามีเขตอาคมของระบบคอยป้องกัน มีการป้องกันแบบสองชั้น หานเจวี๋ยจึงไม่กังวลว่าจะถูกผู้ใดจับได้
ช่วงเวลาเช่นนี้ดำเนินไปอยู่หลายปี ภารกิจสาปแช่งอริยะมิ่งจีทุกๆ สิบปีก็กระทำเป็นประจำมิเคยขาด
….
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดไข่กิเลนในถ้ำใต้ดินของเขตเซียนร้อยคีรีก็ฟักตัวออกมาใบหนึ่ง หานเจวี๋ยให้หลิวเป้ยผู้เป็นร่างแยกวัฏจักรคอยดูแล หลิวเป้ยจึงแจ้งให้หานเจวี๋ยทราบเป็นลำดับแรก
หานเจวี๋ยถ่ายทอดคำสั่งต่อหลิวเป้ย ให้เขาดูแลลูกกิเลนตัวนี้
หลิวเป้ยย่อมรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา หากอบรมเลี้ยงดูให้ดี วันหน้าเผ่ากิเลนอาจจะเชื่อฟังคำสั่งของเขาก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะมีสิทธิ์มีเสียงในสำนักซ่อนเร้น
ถึงแม้หลิวเป้ยจะเป็นร่างแยกของหานเจวี๋ย แต่ก็มีความคิดจิตใจเป็นของตัวเอง นอกเหนือจากเรื่องที่ไม่มีทางทรยศหักหลังหานเจวี๋ยอย่างเด็ดขาดแล้ว เขาก็มีจิตใจแบบมนุษย์ทั่วไป
เวลาผ่านไปยาวนานขนาดนี้ เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นที่ออกไปท่องโลกก็ยังไม่กลับมา คาดว่าคงเก็บเกี่ยวของล้ำค่าอยู่ ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลย
หานเจวี๋ยยังอยู่ห่างจากระดับครึ่งอริยะอีกไกลโข แต่เขากลับไม่ร้อนรนเลยแม้แต่นิด ยามนี้สิ่งที่เขาไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือเวลา
วันนี้ ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ของหานเจวี๋ยได้รับการติดต่อเข้ามา
หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา เชื่อมต่อกระแสจิต
“อาจารย์” น้ำเสียงนอบน้อมของฟางเหลียงแว่วเข้ามา
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ายังมีชีวิตอยู่สินะ”
เขารู้อยู่แล้วว่าฟางเหลียงยังมีชีวิตอยู่ จงใจเอ่ยหยอกล้อเท่านั้น
ฟางเหลียงเอ่ยด้วยความกระดากอาย “แค่กๆ นับว่ายืนหยัดจนผ่านพ้นไปได้ขอรับ ยามนี้มรรคาสวรรค์เมตตาต่อเผ่าสวรรค์ หัวหน้าเผ่าสวรรค์คือจี้เซียนเสิน อาจารย์ ท่านกลับสู่แดนเซียนได้แล้วขอรับ ปลอดภัยแน่นอน”
หานเจวี๋ยตอบกลับ “ข้ากลับมาแล้ว”
“โอ้ อยู่ที่ใดหรือขอรับ ข้าไปเยี่ยมคารวะได้หรือไม่”
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ เจ้ามีธุระใดอีกหรือไม่”
หานเจวี๋ยตื่นตัวยิ่งนัก ต่อให้เป็นศิษย์ของตนก็ไม่ได้เชื่อใจอีกฝ่ายอย่างเต็มที่เช่นกัน
ฟางเหลียงจึงกล่าวว่า “มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ข้าอยากเชิญสำนักซ่อนเร้นเข้าร่วมวังสวรรค์กลายเป็นเทพเซียน วันหน้าจะมีโอกาสได้สำเร็จเป็นเผ่าสวรรค์ต่อไป เผ่าสวรรค์และเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์จะไม่ได้รับผลกระทบจากมหาเคราะห์อีกหลายต่อหลายครั้งในภายภาคหน้าขอรับ”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
พอฟังแบบนี้ แปลว่าวังสวรรค์กลายเป็นกลุ่มอิทธิพลย่อยของเผ่าสวรรค์ไปเสียแล้ว
—
MasterGU.edited = หานเจวี๋น->หานเจวี๋ย